ด้วยภัยคุกคามบนโลกออนไลน์และใกล้ตัวของผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ หรือผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต ด้วย ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงๆกับตัวคุณ อาจทำให้เกิดข้อมูลสำคัญ หรือสร้างความเสียหายแก่ตัวคุณได้ วันนี้จะแนะนำ บัญญัติ10ประการ รู้รอดปลอดภัย การใช้อุปกรณ์ไอที จากท่านผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยด้านไอที จาก อาจารย์ปริญญา หอมอเนก มาให้คุณได้อ่านและลองปฏิบัติตาม
เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง 1.ตั้งรหัสผ่านในการใช้บัญชีอีเมลให้มีความปลอดภัยเพียงพอ ตั้งรหัสผ่านไม่น้อยกว่า 8 ตัวอักษร ที่คาดเดาได้ยาก แต่จำเองได้ง่าย และเปลี่ยนรหัสผ่านสม่ำเสมอ เช่น ทุก ๆ 3 เดือน 2. ไม่ใช้รหัสผ่านของบัญชีอีเมล เป็นรหัสผ่านในการใช้ Social Media โปรแกรมสังคมออนไลน์ เช่น Facebook กำหนดให้ใช้ชื่อ E-mail เป็น ชื่อผู้ใช้ ให้ตั้งรหัสผ่านใหม่ที่ไม่ใช่รหัสเดียวกับรหัสผ่านของบัญชีอีเมล 3.ให้ระวังในการคลิกลิงก์ดาวน์โหลดไฟล์
แม้จะส่งมาจากเพื่อน ให้ระวังการคลิกลิงก์ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี ไฟล์ รูปภาพ เกม หรือแม้แต่ชื่อเว็บไซต์แบบย่อ หรือ link โฆษณา อาจมีโปรแกรมโทรจันแฝง 4. ดาวน์โหลดโปรแกรมหรือไฟล์จากผู้พัฒนาโดยตรง อย่าดาวน์โหลดผ่านลิงก์หรือโปรแกรมค้นหาข้อมูล (search engine) 5. หลีกเลี่ยง application ที่มีการขออนุญาตมากเกินความจำเป็น เมื่อมีการติดตั้งโปรแกรมในสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ไอที ควรตรวจดูการขออนุญาต (permission) ในการเข้าถึงข้อมูลในเครื่อง 6.
แอพฯที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ให้ปิดบัญชีผู้ใช้ หากมีการถอนการติดตั้งโปรแกรม หรือแอพพลิเคชั่นที่ไม่ใช้งาน ควรดำเนินการถอนอย่างถูกต้อง รวมทั้งลบหรือปิดไอดีบัญชีผู้ใช้ 7. ซื้ออุปกรณ์ไอที สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต มือสอง ต้องระวัง หากซื้อเครื่องมือสอง ต้องติดตั้งค่าใหม่ เพื่อป้องกันโปรแกรมแฝงต่าง ๆ 8. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต อุปกรณ์สื่อสารพกพาต่าง ๆ
ให้ติดตั้งโปรแกรมไวรัสคอมพิวเตอร์จากบริษัทผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้ 9. ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของไวรัสและภัยอินเทอร์เน็ต ติดตามบริษัทผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ บริษัทที่ปรึกษาด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัย รวมทั้งการเข้าร่วมอบรมและสัมมนาต่าง ๆ 10. ศึกษาเทคนิคการหลอกลวงหรือล้วงข้อมูล ภัยคุกคามปัจจุบันสู่สามัญ โดยอาศัยความโลภและความกลัวของคน ด้วยการหลอกลวงต้มตุ๋นผ่านกระบวนการทางสังคมที่เรียกว่า Social Engineering
โดยให้ติดตามข่าวสารภัยใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก อ.ปริญญา หอมอเนก ผอ.สถาบันพัฒนาผู้เชี่ยวชาญระบบเครือข่ายและความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ (ACIS Professional Center) และเลขาฯ สมาคมความมั่นคงปลอดภัยระบบสารสนเทศศูนย์วิจัยนวัตกรรมอินเทอร์เน็ตไทย
การใช้เทคโนโลยี กระบวนการเทคโนโลยีสามารถใช้เป็นแนวทางในการสร้างเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับการดำรงชีวิตและแก้ปัญหาของมนุษย์อย่างเป็นระยะ ระบบ โดยอาศัยทรัพยากรและความรู้ต่าง ๆ การทดสอบและประเมินผลชิ้นงานหรือวิธีการสร้าง ทำให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพตรงตามความต้องการมากขึ้น นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดการวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีและสามารถสร้างผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ ดังนั้น เทคโนโลยีจึงเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ การเลือกใช้เทคโนโลยีควรเหมาะสมกับปริมาณการผลิต คุณภาพของผลิตภัณฑ์ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ และกระทบสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ซึ่งการใช้เทคโนโลยีอาจเป็นการใช้ทเคโนโลยีที่เราสร้างขึ้นเอง หรือ เป็นเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว โดยจะเน้นไปที่คุณธรรม และจริยธรรมของการใช้เทคโนโลยี การเลือกใช้เทคโนโลยี ดังนั้นจึงควรพิจารณาเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นและประเมินเทคโนโลยีอย่างมีวิจารณฐาณ
โดยใช้เกณฑ์ทางสังคมมาประกอบด้วย
ความสามารถในการประเมินผลเทคโนโลยีจะช่วยให้ทราบข้อบกพร่อง และปรับปรุงพัฒนาเพื่อป้องกันข้อผิดพลาดในการใช้ เช่น ไม่เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม หรือเป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์ เป็นต้น การใช้เทคโนโลยีในระดับประเทศหรือผู้ประกอบการ
ข. ปัจจัยที่เกี่ยวกับการลงทุน ค.
ปัจจัยทางเทคโนโลยีของโรงงาน ง. ความเหมาะสมของเทคโนโลยี
ในอนาคตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะช่วยเตรียมให้มนุษย์มีความพร้อมที่จะเผชิญกับปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต และพบปัญหาอันเกี่ยวกับมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ข้อที่พึงตระหนัก คือ การดำรงชีวิตของมนุษย์มิใช่เพื่อกอบโกยผลประโยชน์จากธรรมชาติ หรือทำตนอยู่เหนือธรรมชาติ หากแต่มนุษย์ต้องเรียนรู้เพื่อดำรงชีวิตร่วมกับผู้อื่น สังคม วัฒนธรรมและธรรมชาติ แม้มนุษย์สามารถสร้างเทคโนโลยีได้มากมาย แกต่ก็ไม่สามารถควบคุมธรรมชาติได้ทั้งหมด เช่น ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า น้ำท่วม แผ่นดินไหว เป็นต้น
การศึกษาด้านเทคโนโลยีควรสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม ดังข้อเสนอของเปรื่อง กิจรัตนี ต่อไปนี้ 1. พัฒนานักเรียนให้เข้าใจเกี่ยวกับเครื่องมือ วัสดุ กระบวนการและวิธีผลิต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสังคมยุคเทคโนโลยี
2. ให้นักเรียนเรียนรู้และประสบการณ์จากการทำให้โครงงานและกิจกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มพูนปัญญา ทักษะและทัศนะคติ เมื่อเติบใหญ่จะเป็นประชากรที่มีส่วนร่วมพัฒนาสังคมได้อย่างดี
การประเมินผลเทคโนโลยี
การถ่ายทอดเทคโนโลยี (Technology Transfer) ระดับของการถ่ยทอดเทคโนโลยี
ระดับที่ 2 การถ่ายทอดเทคโนโลยีเสร็จสิ้นสมบูรณ์เมื่อผู้รับสามารถดำเนินการผลิตบำรุงรักษาแกละเปลี่ยนแผนการผลิต โดยมิต้องอาศัยผู้ให้อีกต่อไป
ระดับที่ 3 เป็นระยะที่เทคโนโลยีซึ่งได้รับจากระดับที่ 2 ส่งผ่านหรือกระจาย (diffuse) ความรู้ดังกล่าวภายในสังคม อาจเป็นการกระจายโดยไม่เจตนาของผู้รับและผู้ให้ก็ได้ ระดับที่ 4 การถ่ายทอดในระยะนี้จะสมบูรณ์ เมื่อผู้รับเทคโนโลยีทั้งโดยตรงและทางอ้อม สามารถสร้างเทคโนโลยีชนิดหนึ่งขึ้นได้ใหม่ โดยไม่ต้องอาศัยผู้ถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมทั้งสามารถดัดแปลง แก้ไขเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมมากขึ้น อย่างไรก็ดี การถ่ายทอดเทคโนโลยีทั่วไป หมายถึง การเคลื่อนย้ายวิทยาการหรือความรู้ความสามารถจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง อีกนัยหนึ่ง คือ การถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่างประเทศ( Technology Transfer) ในระยะหลังให้ความสำคัญการถ่ายทอดเทคโนโลยีภายในประเทศ และภายในองค์การด้วย สาเหตุการถ่ายทอดเทคโนโลยี
ก.
ผู้ซื้อต้องการใช้เทคโนโลยีนั้น ข. ไม่มีเทคโนโลยีในประเทศนั้น ค.
ผู้ซื้อเชื่อว่าเทคโนโลยีในประเทศมีราคาสูงกว่าต่างประเทศ
นอกจากเงื่อนไขดังกล่าว การถ่ายทอดเทคโนโลยีอาจเกิดจากการเป็นบริษัทร่วมทุน ซึ่งผู้ร่วมทุนในประเทศถูกบังคับกรนำเข้าเทคโนโลยีอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การได้มาซึ่งเทคโนโลยี การถ่ายทอดเทคโนโลยีเป็นการตกลงทางการค้าระหว่างผู้จัดส่งและผู้รับ ซึ่งการได้มาซึ่งเทคโนโลยี มี 5 แนวทางด้วยกัน ดังนี้ 1) การกระจายอย่างเสรีในรูปของข้อมูลข่าวสาร
2) การกระจายผลิตภัณฑ์
3) การกระจายไปด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือผู้สนับสนุนอื่น 5)
การกระจายไปทางสัญญาการได้มาซึ่งเทคโนโลยีเพื่อการค้า ขั้นตอนของกระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยี มีดังนี้ ก. การวิเคราะห์และวางแผน ข. การเสาะแสวงหาเทคโนโลยี
ค.การประเมินเทคโนโลยี ง.
การต่อรองเงื่อนไขในสัญญา จ. การเขียนสัญญาอย่างเป็นทางการ
|