ประโยชน์ของไม้ดอกไม้ประดับ20ข้อ

สำหรับใครที่กำลังมองหาไม้ดอกไม้ประดับปลูกในบ้าน มาดู 10 ไม้ดอก-ไม้ประดับ ดูแลง่าย พร้อมวิธีการปลูก บอกเลยว่าเลี้ยงง่าย และไม่ต้องดูแลมากเลยด้วย

ประโยชน์ของไม้ดอกไม้ประดับ20ข้อ

นอกจากจะนำดอกไม้มาปักแจกัน แล้วนำมาวางประดับตกแต่งบ้าน การปลูกต้นไม้ต่าง ๆ เอาไว้ในบ้านก็ถือเป็นวิธีที่เข้าท่าอยู่ไม่น้อย เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความสวยงามแล้ว ต้นไม้ยังสามารถเพิ่มความสดชื่น ความมีชีวิตชีวา และฟอกอากาศในบ้านให้บริสุทธิ์ได้อีกต่างหาก โดยถ้าใครที่ยังสับสนไม่รู้ว่า ไม้ดอกไม้ประดับใดสามารถปลูกไว้ในบ้านได้มีอะไรบ้าง หรือกำลังลังเลว่าจะปลูกต้นไม้อะไรดี วันนี้กระปุกดอทคอมได้นำเหล่าไม้ดอกและไม้ประดับ พร้อมวิธีปลูกและการดูแลต้นไม้ที่สามารถปลูกได้ทั่วทุกมุมในบ้านมาฝากแล้ว 

1. กุหลาบหิน (Kalanchoe)

ประโยชน์ของไม้ดอกไม้ประดับ20ข้อ

         

กุหลาบหิน (Kalanchoe) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Kalanchoe blossfeldiana เป็นพืชที่มีอายุยืนและดอกสวย ผู้คนส่วนใหญ่จึงนิยมปลูกเป็นไม้กระถางประดับบ้าน โดยกุหลาบหินมีลักษณะเป็นไม้พุ่มอวบน้ำ สูงไม่เกิน 1 ฟุต มีใบเป็นใบเดี่ยว รูปไข่ สีเขียว ปลายมน ขอบหยัก ส่วนดอกเป็นดอกเล็ก ๆ ออกเป็นช่อ ชูสูงเหนือใบ มีด้วยกันหลากหลายสีสัน เช่น สีส้ม สีชมพู และสีเหลือง โดยจะออกดอกปีละ 1 ครั้ง ในช่วงหน้าหนาว

          ซึ่งด้วยความที่ดอกกุหลาบหินมีสีสันสวย สดใส และสะดุดตา พืชชนิดนี้จึงเหมาะที่จะปลูกเพื่อสร้างบรรยากาศดีได้ทุกมุมบ้าน โดยในเรื่องของการดูแลก็ไม่ยุ่งยาก เพราะกุหลาบหินนั้นเลี้ยงง่าย ปลูกได้ในดินทุกชนิดที่ระบายน้ำได้ดี แต่จะชอบดินร่วนปนทรายเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องน้ำก็ให้รดแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ส่วนปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักก็ค่อยละลายน้ำแล้วใส่ในช่วงที่กำลังออกดอกก็พอ ทว่าอย่างไรก็ตาม กุหลาบหินค่อนข้างจะชอบแสงแดดมาก ๆ ฉะนั้นจึงควรวางเอาไว้ในบริเวณที่มีแสงแดดสาดส่องเข้ามาถึงด้วย

2. ว่านหางจระเข้ (Aloe)

ประโยชน์ของไม้ดอกไม้ประดับ20ข้อ

         

ว่านหางจระเข้ (Aloe) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Aloe barbadensis เป็นพืชที่นิยมปลูกกันมากเพราะเป็นสมุนไพร วุ้นจากใบนิยมนำมาทาแผลไหม้ รักษาสิวฝ้า รักษารอยแผลเป็น รักษาริดสีดวงทวาร ทั้งยังมีฤทธิ์ระบาย โดยใบจะมีลักษณะหนาและยาว อวบน้ำ ปลายแหลม ขอบใบเป็นหนาม สามารถนำไปปลูกใส่กระถางเล็ก ๆ ประดับในบ้านได้ ซึ่งถ้าวางเอาไว้ในห้องน้ำก็จะช่วยเสริมให้ห้องน้ำดูดีขึ้นได้มากเลยทีเดียว

          ส่วนสำหรับการดูแลก็ไม่ยาก เพียงแค่วางกระบองเพชรในพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึง และใช้ดินทรายที่แห้งและไม่ชื้นมากในการปลูก ส่วนน้ำก็ค่อยให้ตอนที่ดินแห้ง คือประมาณ 1 ครั้งต่อ 2 อาทิตย์ โดยให้ค่อย ๆ รดน้ำลงไปช้า ๆ และรอจนกว่าจะมีน้ำซึมออกมาจากรูกระถางแล้วจึงหยุด และถ้าหากอยากเร่งให้ว่านหางจระเข้โตเร็วขึ้น ก็ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-30-15 ที่ผสมเข้ากับน้ำเปล่าในอัตรา 1:5 ส่วน ประมาณ 2 ครั้งต่อเดือน โดยควรให้ในช่วงที่ต้นกำลังเจริญเติบโต ตอนไหนก็ได้ ยกเว้นหน้าหนาว

3. สับปะรดสี (Bromeliad)

ประโยชน์ของไม้ดอกไม้ประดับ20ข้อ

         

สัปปะรดสี ภาษาอังกฤษคือ Bromeliad หรือ Urn Plant มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Aechmea fasciata เป็นไม้ประดับที่มีใบเป็นกลีบแข็ง แผ่ออกรอบข้าง ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป โดยส่วนใหญ่จะมีลวดลายและสีสันที่สวยงามอยู่ด้านบนของใบ ส่วนดอกของสับปะรดสีจะมีลักษณะเป็นช่อดอกยาวสูง สีสันสดใส ทว่ามีอายุค่อนข้างสั้น

          โดยสับปะรดสีเป็นพืชที่ทนความแห้งแล้งได้ค่อนข้างดี จึงไม่จำเป็นต้องดูแลมาก เพียงแค่ใช้ดินร่วนปนทราย ที่ผสมกับปุ๋ย ใบไม้ และทรายหยาบ ในอัตรา 1:1:1:1 ส่วน แล้ววางเอาไว้ในพื้นที่ที่มีแสงแดดส่อง แต่ต้องไม่จัดจนเกินไป โดยให้รดน้ำประมาณสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง พร้อมให้ปุ๋ยเกล็ดละลายช้า สูตรเสมอเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้งก็เพียงพอแล้ว

4. ลิ้นมังกร (Snake Plant)

ประโยชน์ของไม้ดอกไม้ประดับ20ข้อ

         

ลิ้นมังกร หรือที่เรียกกันว่า Snake Plant มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sansevieria เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว นิยมปลูกไว้เป็นไม้ประดับ ลำต้นมีลักษณะเป็นหัวอยู่ใต้ดิน มีใบตั้งตรง เรียวยาว ปลายแหลมคล้ายหอก มีจุดสีด่างบนใบ และมีขอบใบเป็นเส้นสีเหลือง ส่วนดอกมีกลิ่นหอม สีขาวอมเขียวอ่อน โดยผู้คนนิยมปลูกใส่กระถางแล้วใช้ประดับในบ้าน แต่ก็ยังสามารถปลูกไว้ภายนอกบ้านได้ด้วย ซึ่งจริง ๆ ต้นลิ้นมังกรสามารถวางไว้ได้ทั่วทุกมุมบ้าน แต่ถ้าเป็นไปได้ควรวางไว้ริมหน้าต่างเพื่อให้โดนแดดอย่างเหมาะสมจะดีที่สุด โดยหากบ้านไหนไม่สามารถวางไว้ริมหน้าต่างได้ ก็ให้วางไว้ใกล้แสงไฟที่สว่าง ๆ ก็พอ

          ส่วนวิธีการดูแลก็ไม่ยาก เพราะลิ้นมังกรเป็นพืชที่ทนทาน แค่รดน้ำอุณหภูมิห้องเมื่อดินแห้ง โดยให้รดรอบ ๆ ต้น ไม่ต้องรดตรงกลางใบ แล้วรอจนกว่าจะมีน้ำไหลออกมา พร้อมให้ปุ๋ยสูตร 20-20-20 ผสมน้ำปีละ 1 ครั้ง ในช่วงต้นปีก็พอ อ้อ...แล้วถ้าใบของลิ้นมังกรมีฝุ่นเกาะก็อย่าลืมนำผ้าเปียกหมาด ๆ มาเช็ดเพื่อให้ใบคงความสวยงามอยู่ตลอดด้วย

5. ไทรย้อยใบแหลม (Golden Fig, Weeping Fig)

ประโยชน์ของไม้ดอกไม้ประดับ20ข้อ

         

ไทรย้อยใบแหลม (Golden Fig, Weeping Fig) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ficus Benjamina ถือเป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่เหมาะจะปลูกและวางไว้ในทุกมุมบ้าน เนื่องจากโตง่าย แข็งแรง ทนทาน สวยงาม ปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศได้ดี แถมยังช่วยดูดสารพิษในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย โดยไทรย้อยใบแหลมจะมีลักษณะเป็นพุ่ม ใบรี ปลายแหลม มีสีเขียวสวย

          ส่วนการปลูกและดูแล ไทรย้อยใบแหลมเป็นพืชที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ไม่ต้องการน้ำมาก โดยให้รดเพียงแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ส่วนปุ๋ยใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกโรยที่โคนต้นหรือผสมน้ำแล้วนำไปรดเป็นประจำทุกเดือน และอย่าลืมวางไทรย้อยใบแหลมให้โดนแสงแดดบ้าง แต่ยังคงรักษาระดับความชื้นในดินเอาไว้อยู่เสมอ

6. เศรษฐีเรือนใน (Spider plant)

ประโยชน์ของไม้ดอกไม้ประดับ20ข้อ

         

เศรษฐีเรือนใน (Spider plant) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Chlorophytum เป็นไม้กอขนาดเล็ก มีใบเล็กเรียวคล้ายใบหญ้า ขอบใบมีสีเขียวอ่อน กลางใบมีสีขาว มีเหง้าอยู่ใต้ดิน คนนิยมปลูกเป็นไม้ประดับภายในบ้าน เพราะเป็นไม้มงคล สวย ช่วยเพิ่มความสดชื่นและมีชีวิตชีวา อีกทั้งยังดูดสารพิษและฟอกอากาศได้

          โดยเศรษฐีเรือนในชอบดินร่วนซุยที่ระบายน้ำได้ดี สามารถปลูกในร่มได้ แต่ก็ควรให้มีแสงแดดส่องถึง ส่วนน้ำก็รดแค่เพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำในทุก ๆ 2 เดือนก็พอ

7. พุดซ้อน (Gardenia)

ประโยชน์ของไม้ดอกไม้ประดับ20ข้อ

         

พุดซ้อน หรือ Gardenia มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Gardenia jasminoides เป็นไม้พุ่มเตี้ย ใบหนา โดยใบมีลักษณะรี ปลายแหลม สีเขียวเข้ม คล้าย ๆ กับใบพุดจีบ ส่วนดอกออกเป็นดอกเดี่ยวสีขาว ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ พร้อมส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ อยู่บริเวณใกล้ยอด

          สำหรับการปลูกและดูแล พุดซ้อนชอบดินร่วนที่อุดมสมบูรณ์ ชอบแสงแดดจัด ๆ จึงควรตั้งไว้ใกล้หน้าต่าง ต้องการน้ำปานกลาง และควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักอย่างน้อยปีละ 2-3 ครั้ง

8. ดาดตะกั่ว/บีโกเนีย (Begonias)

ประโยชน์ของไม้ดอกไม้ประดับ20ข้อ

         

บีโกเนีย หรือดาดตะกั่ว (Begomias) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Begonia spp. เป็นไม้ดอกขนาดเล็ก อายุสั้น มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีใบเป็นใบเดี่ยว ส่วนดอกออกเป็นช่อตามซอกใบ มีหลายสี เช่น ชมพู ส้ม ขาว ส่วนเรื่องการปลูกควรใช้ดินร่วนซุยที่เก็บความชื้นได้ดี พร้อมผสมทรายหยาบ ปุ๋ย และมะพร้าวสับ เพื่อให้มีอินทรียวัตถุเพียงพอ พร้อมรดน้ำให้ชุ่มเป็นประจำ และใส่ปุ๋ยละลายน้ำเสริมเป็นประจำทุก ๆ 2 สัปดาห์

          โดยบีโกเนียเหมาะจะปลูกไว้ริมหน้าต่างเพื่อให้ได้รับแสงแดดรำไรและความชื้นที่เหมาะสม หรือจะปลูกไว้ในห้องน้ำที่มีความชื้นสูง หรือห้องทำงานที่มีแสงไฟสว่าง ๆ ก็ได้ ซึ่งทั่วไปแล้วบีโกเนียไม่ชอบอากาศหนาว จึงเหมาะกับอากาศบ้านเรา

9. เดหลี (Peace Lily)

ประโยชน์ของไม้ดอกไม้ประดับ20ข้อ

         

เดหลี ภาษาอังกฤษเรียกว่า Peace Lily มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Spathiphyllum เป็นไม้ดอกไม้ประดับที่มีลักษณะคล้ายดอกหน้าวัว โดยจะออกดอกสีขาวแกมเหลืองแทงยาวขึ้นมา ส่วนใบมีสีเขียวเข้มมันวาว ลำต้นสูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร มีคุณสมบัติดูดสารพิษจำพวกแอลกอฮอล์ได้ดี

          โดยในส่วนของการปลูกและการดูแลก็ง่าย ๆ เพียงใช้ดินร่วนผสมปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก และทรายหยาบ ผสมในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน ตั้งไว้ให้โดนแดดเล็กน้อย ส่วนการรดน้ำก็ควรหมั่นรดน้ำให้ดินชุ่มอยู่เสมอ พร้อมบำรุงด้วยปุ๋ยคอกละลายน้ำ เดือนละ 1-2 ครั้ง นอกจากนี้ควรหมั่นทำความสะอาดใบไม้เป็นประจำ ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดใบ เพื่อป้องกันแมลงกัดใบด้วย

10. ฟิโลเดนดรอน (Philodendron)

ประโยชน์ของไม้ดอกไม้ประดับ20ข้อ

         

ฟิโลเดนดรอน (Philodendron) มีชื่อวิทยาศาสตร์ Philodendron spp. เป็นไม้ประดับที่นิยมนำมาตกแต่งบ้าน มีลักษณะเป็นไม้เถาเลื้อยเกาะต้นไม้ใหญ่ มีใบคล้ายรูปหัวใจแต่บางชนิดเป็นรูปวงรีและลูกศร ยาวประมาณ 3 นิ้วขึ้นไป สีใบเขียวสดแต่บางชนิดจะออกสีชมพูและทองแดงใต้ใบ

          โดยฟิโลเดนดรอนเป็นต้นไม้ที่เจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีความชื้นสูงและมีแสงแดดรำไร แต่ถ้าหากเป็นฟิโลเดนดรอนใบใหญ่ก็ควรตั้งไว้ที่ริมหน้าต่างให้โดนแดดมากหน่อย เพราะแสงจากหลอดไฟอาจจะน้อยไปจนทำให้ใบเหลืองได้ ส่วนการรดน้ำให้รดแค่เพียงปานกลาง ระวังอย่าให้น้ำขัง และปลูกโดยใช้ดินร่วนก็เพียงพอ

          ต้นไม้ในร่มที่สามารถปลูกได้ทุกที่ในบ้านมีให้เราเลือกมากมาย ใครชอบแบบไหนก็ลองไปหามาปลูกเพิ่มความสดชื่นและมีชีวิตชีวาให้แก่บ้านดู โดยเลือกต้นไม้ที่เหมาะและเราสามารถดูแลได้ด้วยนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก housebeautiful, โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, พันธุ์ไม้มงคลพระราชทาน, รักบ้านเกิด, ไทยเกษตรศาสตร์, wikiwand, ecarddesignanimation, wikihow/เลี้ยงดูต้นว่านหางจระเข้ และ wikihow/ดูแลต้นลิ้นมังกร

ประโยชน์ของไม้ดอกไม้ประดับได้แก่อะไรบ้าง

ประโยชน์ของไม้ดอก ไม้ประดับ 1.สร้างความสดชื่นให้แก่ผู้อาศัยในบริเวณบ้านหรือบริเวณที่พักอาศัย 2.ใช้ประดับตกแต่งอาคารสถานที่ให้เกิดความสวยงาม 3.ใช้ในงานพิธีและโอกาสต่างๆ เช่น งานแต่งงานใช้ไม้ดอก ไม้ประดับตกแต่ง พานรดน้ำสังข์ของคู่บ่าวสาว ใช้ไม้ดอก ไม้ประดับ ทำซุ้มดอกไม้ตกแต่งฉากสำหรับถ่ายภาพ

การเก็บเกี่ยวไม้ดอกไม้ประดับมีประโยชน์อย่างไร

ระยะการเก็บเกี่ยวและการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม จะทำให้รักษา คุณภาพดอกไม้ได้ดี มีอายุการปักแจกันทนทาน ถ้าการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวไม่ดีเท่าที่ควรจะทำให้ผลผลิตมีคุณภาพต่ำกว่าจะถึงมือลูกค้าก็อาจจะร่วงโรยหรือไม่สวยงาม สังเกตดอกไม้ก่อนที่จะทำการเก็บเกี่ยว โดยดอกไม้จะมีลักษณะดอกบานเต็มที่ สีสดสวยงาม

ดอกไม้มีประโยชน์ต่อพืชอย่างไร

ดอกไม้นอกจะเป็นพืชที่สวยงามเเละส่งกลิ่นหอมเเล้ว ยังเป็นพืชที่มีประโยชน์มากทีเดียว ประโยชน์ของดอกไม้มีดังนี้ 1.ช่วยเติมสีสันให้เเก่โลก ทำให้โลกสวยงาม 2.ดอกไม้บางชนิดนำมาเป็นอาหารได้เช่นดอกขจร ดอกเเค ดอกโสน เป็นต้น 3.นำมาประดับตกเเต่งบ้านได้

ดอกไม้มีประโยชน์ในชีวิตประจำวันอย่างไร

1.1 ใช้เพื่อก่อให้เกิดความสวยงาม เช่น ร้อยพวงมาลัย ตกแต่งอาคารสถานที่ 1.2 ใช้ไม้ดอกไม้ประดับเพื่อความสดชื่น สบายใจ หรือฟื้นฟู สภาพจิตใจ เช่น การจัดกระเช้าดอกไม้หรือจัดแจกันให้ผู้ป่วยเกิดความสดชื่น 1.3 ช่วยลดการเกิดวัชพืช ไม้ดอกไม้ประดับบางชนิดสามารถปลูกคลุมดินได้เป็นอย่างดี ช่วยรักษาระดับอุณภูมิและความชื้นภายในดิน