การกำหนดตราผลิตภัณฑ์ ช่วยให้ผู้บริโภครู้จักตัวผลิตภัณฑ์มากขึ้น ในหลายลักษณะได้แก่ ชื่อตราผลิตภัณฑ์ทำให้ลูกค้าสามารถระบุผลิตภัณฑ์ที่จะมีประโยชน์ต่อเขาได้ นอกจากนี้ตราผลิตภัณฑ์ยังเป็นสิ่งที่บอกให้ลูกค้าทราบถึงคุณภาพ คุณประโยชน์ที่มีความแตกต่างจากคู่แข่งขัน จนทำให้ชื่อตราผลิตภัณฑ์กลายเป็นพื้นฐานในการสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับคุณภาพพิเศษของผลิตภัณฑ์ ตราผลิตภัณฑ์ไม่ได้มีประโยชน์กับผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อกิจการในฐานะผู้ผลิตหรือผู้ขายในหลายลักษณะ ได้แก่ ตราผลิตภัณฑ์และเครื่องหมายการค้าทำให้ผลิตภัณฑ์ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ป้องกันการลอกเลียนแบบของคู่แข่งขัน ตรายี่ห้อ / ชื่อตรา (Brand Name) เครื่องหมายตราสินค้า (Brand Mark) เครื่องหมายการค้า (Trade Mark) โลโก้ (Logo) ลิขสิทธิ์ (Copyright) สิทธิบัตร (Patent) เป็นที่ยอมรับกันว่าความเข้มแข็งของตราสินค้าแสดงถึงความเข้มแข็งขององค์กรด้วย ดังนั้นในฉบับนี้ผู้เขียนขอกล่าวถึงแนวทางในการบริหารตราสินค้า ที่ปัจจุบันหลายองค์กรให้ความสำคัญกันอย่างจริงจังมากขึ้น สำหรับแนวทางที่ผู้เขียนจะกล่าวถึงนั้นสามารถใช้ได้กับทั้งผลิตภัณฑ์และการบริการรวมถึงการสร้างแบรนด์ขององค์กร ซึ่งมีประเด็นที่สำคัญมีดังนี้
เพื่อให้การบริหารแบรนด์สามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพราะลำพังผู้จัดการแบรนด์ (Brand Manager) ไม่สามารถที่จะดำเนินแผนการบริหารแบรนด์เพียงลำพังให้เกิดผลสำเร็จได้ ผู้เขียนจึงขอนำแนวคิดของ เดวิด อาร์โนลด์ กูรูด้านการบริหารแบรนด์มาเป็นแนวทางในการบอกกล่าวถึงกระบวนการบริหารแบรนด์ที่ดี ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้
การกำหนดตำแหน่งแบรนด์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งในการเข้าสู่ตลาดการแข่งขัน ไม่ว่าผู้ผลิตสินค้ารายนั้นจะเป็นผู้นำ (Leader) หรือผู้ตาม (Follower) ในตลาดก็ตาม ควรเริ่มจากการวางแผนบริหารแบรนด์ด้วยแผนภูมิทางการตลาด (Marketing Map) ที่ต้องมีการบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ทางการตลาดอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าหากขาดซึ่งแผนภูมิทางการตลาดแล้วคงเป็นไปไม่ได้ที่จะค้นหาผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายว่าเป็นใคร หรือความเคลื่อนไหวของสถานการณ์การแข่งขันในตลาดเป็นเช่นใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตลาดในปัจจุบันได้ให้ความสนใจกับการจัดผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายออกเป็นสัดส่วนตามแต่ละประเภทหรือระดับราคาของสินค้า จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการกำหนดเอกลักษณ์แบรนด์ที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเป้าหมายทั้งในเรื่องตำแหน่งและบุคลิกของแบรนด์ให้ชัดเจนที่สุด การวิเคราะห์สถานการณ์ของแบรนด์เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้ผู้บริหารทราบว่าจำเป็นที่จะต้องปรับวิธีการบริหารแบรนด์หรือไม่ เช่น ความสมดุลระหว่างตำแหน่งแบรนด์ หรือบุคลิกของแบรนด์มีความเหมาะสมต่อกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายหรือไม่ สำหรับแนวทางการหาข้อมูลจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีที่เข้าถึงส่วนลึกของจิตใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย โดยผู้บริหารจะต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลและนำผลการวิเคราะห์มาพัฒนาการบริหารแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ |