ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ที่มักทำให้เราสับสนยิ่งนัก ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ในคดีอาญา ลัก วิ่ง ชิง ปล้น ฯลฯ ดูกันอย่างไร Show ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ลักทรัพย์คือ การเอาทรัพย์ของผู้อื่นเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วยโดยทุจริต เช่นการเอาสี่งของที่ของบุคคลอื่นวางไว้ไปขาย วิ่งราวทรัพย์คือ การลักทรัพย์ของผู่อื่นโดยฉกฉวยเอาไปซึ่งหน้า ถือว่าอุกอาจกว่าการลักทรัพย์ธรรมดา เช่น การกระชากสร้อยคอผู้อื่น ชิงทรัพย์เป็นการลักทรัพย์โยประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าน ถือว่ารุนแรงกว่าลักทรัพย์ธรรมดา เช่นการใช้อาวุธจี้บังคับ ปล้นทรัพย์คือการชิงทรัพย์โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่3คนขึ้นไป ถือเป็นความผิดรุนแรงกว่าชิงทรัพย์ ความผิดต่อทรัพย์4ข้อด้านบนนี้ ถ้าใช้อาวุธ หรือ ทำร้าย ให้เป็นอันตรายด้วย จะมีโทษเพิ่มหนักขึ้นตามลำดับ กรรโชกทรัพย์คือ การข่มขู่ให้ผู้อื่นให้ทรัพย์แก่ตน รีดเอาทรัพย์คือ การข่มขู่เอาประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้อื่น โดยการเปิดเผยความลับของผู้อื่น หรือบุคคลที่3 ฉ้อโกงทรัพย์คือ การเอาทรัพย์ของผู้อื่นโดยหลอกลวงให้เขาหลงเชื่อ และส่งมอบทรัพย์สินให้ ยักยอกทรัพย์คือการที่ผู้กระทำผิดครอบครองทรัพย์ของผู้อื่น หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นไป . รับของโจรคือ การที่ผู้กระทำผิดได้ช่วยซ่อนเร้นน จำหน่าย พาเอาไป ซื้อไว้ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งทรัพย์ที่ได้มาโดยกระทำผิด (แต่ถ้าสืบความแล้วพบว่า ผู้กระทำผิด ไม่ทราบว่าของเป็นของใคร หรือทรัพย์ที่ได้มาผิดกฎหมาย ก็จะไม่มีความผิด) ทำให้เสียทรัพย์คือ การทำให้ผู้อื่น หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของร่วมด้วยนั้นเสียหาย บุกรุกคือความผิดที่ผู้กระทำผิดได้เข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผลอันควร หรือ มีเหตุผลสมควรแต่ผู้ให้เข้าไม่ให้อนุญาต ซึ่งเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น โดยเปิดการเรียนการสอนทางด้านกฎหมายในช่วงแรกให้แก่ผู้ที่สนใจซึ่งต้องเป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีในสาขาอื่นมาแล้ว (หรือที่เรียกว่า “ภาคบัณฑิต”) ก่อนที่จะจัดการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรีให้แก่นักเรียนที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายปีที่ 6 หรือเทียบเท่า ตั้งแต่ พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการขยายโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนที่มีภูมิลำเนาหรือศึกษาอยู่ในภาคเหนือของประเทศ การจัดการเรียนการสอนเป็นไปอย่างมีมาตรฐานภายใต้หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิตของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นหลักสูตรเดียวกันกับที่ท่าพระจันทร์ และศูนย์รังสิต การถ่ายทอดความรู้เป็นไปอย่างมีคุณภาพด้วยคณาจารย์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายในสาขาต่าง ๆ ทั้งที่ประจำอยู่ที่ท่าพระจันทร์ ศูนย์รังสิต และศูนย์ลำปาง ในปัจจุบัน (พ.ศ. 2564) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง มีการบริหารจัดการภายใต้หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต (ปรับปรุงใหม่) พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่สร้างความโดดเด่นให้แก่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง โดยกำหนดให้มี “สาขากฎหมายกับการพัฒนาที่ยั่งยืน (Law and Sustainable Development)” ซึ่งเป็นสาขากฎหมายใหม่และเปิดการเรียนการสอนเฉพาะที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง เท่านั้น ในสาขากฎหมายใหม่นี้ประกอบไปด้วยรายวิชาต่าง ๆ ทางด้านกฎหมายเกือบ 20 วิชา โดยมุ่งหวังที่จะสร้างนักกฎหมายที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น มุ่งสร้างนักกฎหมายที่ตระหนักถึงความสำคัญของการดำรงชีวิตของคนในยุคปัจจุบันที่จะไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่คนรุ่นหลัง ทั้งด้านการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่จำกัดอย่างเห็นและตระหนักถึงคุณค่า การให้ความสำคัญแก่การรักษาสภาพเศรษฐกิจที่ดี ในขณะเดียวกันก็ไม่ทำลายเศรษฐกิจของประเทศอื่น และการรักษาไว้ซึ่งประโยชน์โดยส่วนใหญ่ของสังคม อีกทั้งรักษาไว้ซึ่งคุณภาพชีวิตของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ บนโลก ซึ่งหลักการนี้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาและการอยู่ร่วมกันบนโลกอย่างสันติสุขภายใต้การให้ความสำคัญโดยองค์การสหประชาชาติ (United Nation : UN) โครงสร้างหลักสูตรของหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิตที่เปิดสอน ณ คณะนิติศาสตร์ ศูนย์ลำปาง เป็นหลักสูตรเดียวกันกับหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิตที่เปิดสอน ณ คณะนิติศาสตร์ ศูนย์รังสิต อันประกอบด้วยการศึกษารายวิชารวมกันไม่น้อยกว่า 146 หน่วยกิต ใช้ระยะเวลาในการศึกษา 4 ปี คณะนิติศาสตร์ ศูนย์ลำปางรับนักศึกษาที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเข้าศึกษาประมาณปีละ 200 คนโดย โดยเปิดรับสมัคร 2 รอบดังต่อไปนี้
|