ทริปนี้เราบินไปลงกันที่ Osaka ประเทศญี่ปุ่น 🇯🇵🇯🇵 แต่EP. นี้เราขอเล่าเน้นไปที่พาสการเดินทางแบบเจาะลึก เพราะตอนเราหารีวิว เห็นรีวิวตัวนี้แบบละเอียดๆค่อนข้างน้อย วันนี้เลยจะมาเล่าตัวพาสนี้แบบละเอียดเลยค่ะ Show ปกติเวลาใครไป Osaka พาสที่จะซื้อส่วนใหญ่ คงจะเป็นตัว Kansai Thru Pass แน่ๆ เลย แต่ทริปนี้เราเลือกที่จะใช้ตัว JR Kansai Area Pass (คนละตัวกับ Kansai Wide Area Pass นะคะ ชื่อคล้ายกันมากระวังสับสนน้า) จริงๆ การซื้อพาสมันจะมีข้อดีข้อเสียต่างกันค่ะ ข้อดีคือเรื่องความคุ้มคือที่สุด ซึ่งกลายเป็นข้อเสียเพราะเราจะต้องการใช้พาสให้คุ้มที่สุด 😆 เลยจะเดินทางแบบฉิ่งฉาบทัวร์ ส่วนสาเหตุที่เราเลือก Kansai Area Pass แทนที่จะเป็นตัว Kansai Thru Pass เพราะเราอยากนั่งรถไฟคิตตี้ค่ะ😂 ราคาก็ต่างกันนิดเดียว ตัวพาสเองก็ครอบคลุมที่ๆ จะไปทั้งหมดแล้วด้วย ส่วนอีกคำถามที่หลายๆ คนชอบถามคือควรเลือกใช้พาสอะไรดี ถ้าให้เราแนะนำก็คือ ปักหมุดที่ๆ เราอยากไปก่อน แล้วดูว่าพาสอะไรไปได้บ้าง จากนั้นลองดู landmark อื่นๆ ที่พาสนั้นผ่าน แล้วแพลนเที่ยวตามเส้นทางนั้น ก็จะเป็นการใช้พาสแบบคุ้มที่สุด ส่วนใครที่ชอบเดินทางแบบslow life แนะนำว่าบางทีอาจจะไม่ต้องซื้อพาสนะคะ เพราะเราจะได้ไม่รีบเที่ยว ไม่ต้องมากังวลว่าจะใช้พาสไม่คุ้ม เติมเงินใน IC Card อาจจะเป็นอะไรที่สะดวกกว่าค่ะ เกริ่นมายืดยาว มาทำความรู้จักกับเจ้าพาสตัวนี้กันค่ะ “Kansai Area Pass” ตัวพาสจะครอบคลุมสถานีสำคัญๆ ตั้งแต่ สนามบิน Kansai, Wakayama, Nara,Osaka,Otsu,Kobe,Himaji,Kyoto, USJ ซึ่งจะสามารถใช้ได้แบบไม่จำกัดเที่ยวในระยะเวลาของพาสตามนี้เลยค่ะ - ใช้รถไฟขบวบ Express Haruka ได้ - ใช้บัสที่Kyotoได้ (ของ West JR Bus) - สามารถจองที่นั่งของตู้ reserve seat ได้2 ครั้งค่ะ - ใช้รถไฟ Special Rapid, JR local trains ในArea ของพาส **แต่จะใช้Shinkansen ไม่ได้นะคะ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถดูได้จากเว็บไซต์ของ JR ได้เลยค่ะ https://www.westjr.co.jp/global/en/ticket/pass/kansai/ พาสนี้เป็นพาสสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น ตอนรับต้องใช้พาสปอร์ตในการรับพาส สามารถซื้อผ่านทางเว็บ JR โดยตรง ซื้อที่สนามบิน หรือผ่านKlook ก็ได้ค่ะ ซึ่งเราก็จองผ่านKlookเหมือนเดิม เมื่อเดินทางถึงสนามบินก็ไปแลกที่เค้าเตอร์ JR ได้เลย เมื่อแลกพาสเราจะได้ทั้งหมด 4 ใบ คือ 1 พาสหลัก + 3 พาสแถม 1. พาสเดินทางหลัก 2. พาสสำหรับแลก 1 day pass Kyoto city subway ( แลกได้ที่ subway kyoto ทุกสถานี) 3. พาสสำหรับแลก 1 Day pass Keihan Railway (แลกได้ที่สถานี Sanjo,Tofukuji,Uji) 4. พาสสำหรับแลก 1 day pass Hankyu Railway(แลกที่สถานี Kyoto, Kyoto-Karasuma) ข้อ 2-4 จะเป็นพาสแถมของพาสหลักค่ะ พาสจะมีให้เลือกตั้งแต่ 1 วัน ถึง 4 วันเลย ซึ่งจำเป็นต้องใช้ติดต่อกันนะคะ เช่นซื้อพาส 4 วัน ต้องใช้ติดกันตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่4 เลยค่ะ เลือกใช้เป็นบางวันไม่ได้น้า ตอนที่แลกพาส ให้แจ้งวันที่จะใช้พาสกับเจ้าหน้าที่ได้เลย ส่วนพาสแถม 3 พาส จะแลกวันไหนก็ได้ ที่อยู่ในวันของพาสหลัก ตอนแลกพาสแถมต้องใช้พาสหลักทุกครั้งนะคะ โดยไม่จำเป็นต้องแลกทุกพาสในวันเดียวกัน เช่น เราเริ่มใช้พาสหลักวันที่1 / วันที่2 สามารถใช้พาสหลัก + 1 Day Kyoto Suway / แล้ววันที่3 ใช้พาสหลัก+ 1 Day Keihan Railwayได้ แต่พาสแถมจะเป็น 1 Day Pass ทุกใบเลยนะคะ ดังนั้นต้องแพลนวันที่จะใช้ดีๆ ค่ะ ส่วนตัวเราเลือกเป็นพาส 4 Days 6,800 เยน ค่ะ โดยมีแพลนที่แพลนไว้คือ Day 1 - Haruka Train to Kyoto (เริ่มใช้พาสตั้งแต่วันแรก) Day 2 - Kyoto Day 3 - Kyoto -Osaka-Kobe or Nara Day 4 - USJ + Kobe or Nara (พาสหมดวันนี้) Day 5 - IC Day 6 - Haruka 1 way ticket from Tenoji to Kix Airport อีกหนึ่งตัวช่วยเวลาเราใช้พาสคือ App Japan Travel ค่ะ อย่างที่หลายๆ คนทราบแล้ว ว่าHyperdia เค้าหยุดพัฒนาไปแล้ว ตัวแอพนี้ช่วยได้มากเลย อีกข้อดีคือเราสามารถ Add Pass ที่เรามีเพื่อที่จะดูว่าขบวนรถที่เราจะไปพาสครอบคลุมมั้ยอีกด้วยค่ะ ส่วนตัวคิดว่าใช้คู่กันกับ Google Map จะดีที่สุด เพราะบางทีถ้าใส่พาส แอพจะเลือกสถานีที่พาสนั้นลงได้ บางทีอาจจะมีสถานีที่เราแตะ IC เพิ่มแล้วอาจจะสะดวกกว่าค่ะ แอพแค่ตัวฟรีเพียงพอแล้วน้า ไม่จำเป็นต้องซื้อ Premium Plan ค่ะ แต่ถ้าซื้อการใช้งานก็จะพอๆ กับ Hyperdia เลยค่า อีกเรื่องที่เราอยากแนะนำคือ วันที่เรามีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ควรจะศึกษาทางออกของสถานีนั้นๆ ไว้ก่อนนะคะ เช่น เรารู้แล้วว่าเราจะออกจากสถานี Shijo เราก็ไป Google ค้นก่อนว่า Station Map เป็นแบบไหน ทุกสถานีมีหมดค่ะ เพราะบางทีทางออกที่อยู่ใกล้โรงแรม มันอาจจะไม่มีลิฟ หรือบันไดเลื่อน ไปเช็คก่อนดีกว่าว่าทางไหนมี แล้วเดินอ้อมนิดหน่อย อาจจะสะดวกกว่าการยกกระเป๋าก็ได้นะคะ จริงๆ คือไม่ใช่แค่ทางออกนะคะ Platform เองก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าทุกสถานีจะมีบันไดเลื่อนทั้งหมดน้า แบกกระเป๋า 28 นิ้วขึ้นบันได ไม่ใช่เรื่องสนุกค่า เจอมาแย้ววว😂 เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกคนที่ต้องการเจาะลึกไปตามสถานที่ต่างๆ ในภูมิภาคคันไซ (Kansai) หากเปรียบเทียบกับการใช้ JR West Rail Pass แล้ว นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะใช้ KANSAI THRU PASS อาจต้องเปลี่ยนรถไฟบ่อยครั้งกว่าผู้ที่ใช้ JR West Rail Pass แต่ข้อดีของบัตร KANSAI THRU PASS คือ การที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้ลึกมากกว่า รวมทั้งยังมีส่วนลดและสิทธิพิเศษที่เที่ยวต่าง ๆ มากมาย รวมทั้ง ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ ปราสาท และสวนสนุก เป็นต้น 1. แนะนำวิธีใช้งาน KANSAI THRU PASS ใช้ยังไงให้การเดินทางของคุณให้คุ้มค่า 2. ทริปเดินทางเที่ยวด้วยรถไฟคันไซ สถานที่น่าท่องเที่ยวโดยใช้พาสนี้ในภูมิภาคคันไซ (Kansai) จังหวัดชิงะ (Shiga)
จังหวัดวากายะมะ (Wakayama)
จังหวัดโอซาก้า (Osaka)
จังหวัดนารา (Nara)
จังหวัดเกียวโต (Kyoto)
จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo)
ข้อมูลพาสเพิ่มเติมชื่อพาสKANSAI THRU PASS 2 day・3dayเงื่อนไข สำหรับชาวต่างชาติที่ถือพาสปอร์ตของประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่น และเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นด้วยสถานะ “พำนักระยะสั้น” *หมายเหตุ: โดยต้องแสดงพาสปอร์ตที่มีสติกเกอร์/ตราประทับว่าเป็น “พำนักระยะสั้น” ตอนที่ซื้อ หรือแลกตั๋วที่สถานีรถไฟที่กำหนดในประเทศญี่ปุ่น* การใช้งาน สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟและรถบัสที่พื้นที่ที่กำหนด https://www.surutto.com/images/ticket/kansai_thru_pass/thai/th_map.pdf ไม่สามารถใช้งานได้ รถไฟทุกเส้นทางของ JR และ Shinkansen พื้นที่ครอบคลุม ครอบคลุมเส้นทางรถไฟในจังหวัดเช่น โอซาก้า (Osaka) เกียวโต (Kyoto) นารา (Nara) วากายะมะ (Wakayama) ชิกะ (Shiga) และเฮียวโงะ (Hyogo) และรถบัสในพื้นที่ที่กำหนด Eizan Electric Railway Osaka Metro Osaka Monorail Line Kita-Osaka Kyuko Railway Line Kyoto Municipal Subway Line Kintetsu Railway Line Keihan Electric Railway Line Keifuku Electric Railroad Line Kobe Rapid Transit Railway Line Kobe Municipal Subway Line Kobe Electric Railway Line Sanyo Electric Railway Line Semboku Rapid Railway Line Nankai Electric Railway Line Hankyu Railway Hanshin Electric Railway Hieizan Sakamoto Cable CarPortliner Rokko-Liner ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.surutto.com/tickets/kansai_thru_thai01.html ระยะเวลาใช้งาน / ราคา 2 วัน และ 3 วัน – บัตรมีอายุใช้งาน 14 เดือน – สามารถใช้ได้ในกรณีการเดินทางในวันที่ไม่ต่อเนื่องกัน ภายใต้ช่วงระยะเวลาวันหมดอายุของบัตร ซื้อภายนอกประเทศญี่ปุ่น 2 วัน • ผู้ใหญ่ 4,300 เยน / เด็ก 2,150 เยน 3 วัน • ผู้ใหญ่ 5,300 เยน / เด็ก 2,650 เยน ซื้อภายในประเทศญี่ปุ่น 2 วัน • ผู้ใหญ่ 4,400 เยน / เด็ก 2,200 เยน 3 วัน • ผู้ใหญ่ 5,500 เยน / เด็ก 2,750 เยน สิทธิพิเศษ สามารถนำพาสและคูปองแลกรับส่วนลดค่าเข้าชมหรือค่าบริการได้ตามสถานที่ท่องเที่ยวที่กำหนด * จำเป็นต้องใช้คูปองในวันที่ใช้งานพาสเท่านั้น ไม่สามารถใช้คูปองแลกรับส่วนลดในวันที่นอกเหนือจากวันใช้งานได้ ตรวจสอบสถานที่ที่สามารถใช้คูปองได้ https://www.surutto.com/thrupass/th/list.html?frm_area=&frm_coupon=1 วีธีการซื้อพาส
*สามารถซื้อได้ที่สนามบินคันไซ หรือตัวแทนจำหน่ายหลังเดินทางถึงประเทศญี่ปุ่น สถานที่จำหน่าย
Kansai WIDE Area Pass คือ พาสที่อยู่ในเครือ JR West Rail Pass โดยสารรถไฟ JR ที่สามารถเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซน (Shinkansen) รถไฟแบบด่วนพิเศษ (Limited Express) รถไฟธรรมดา รถไฟอื่น ๆ และรถบัสในพื้นที่ที่กำหนด สำหรับการท่องเที่ยวบริเวณภูมิภาคคันไซ (Kansai) สามารถใช้งานแบบไม่จำกัดเที่ยวในระยะเวลา 5 วันแบบต่อเนื่อง และสามารถจองที่นั่งรถไฟได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (Reserved Seat) ทั้ง Shinkansen และ Limited Express ได้มากสุดถึง 6 ครั้ง ครอบคลุมบริเวณทั้งหมด 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชิงะ (Shiga) จังหวัดนารา (Nara) จังหวัดวากายะมะ (Wakayama) จังหวัดเกียวโต (Kyoto) จังหวัดโอซาก้า (Osaka) และจังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) และเดินทางท่องเที่ยวไปได้ไกลถึงในบางพื้นที่ของจังหวัดทตโตริ (Tottori) จังหวัดโอคะยะมะ (Okayama) และจังหวัดคางาวะ (Kagawa) เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกคนที่ต้องการ การเดินทางแบบสะดวกรวดเร็วและไปตามสถานท่องเที่ยวหลักๆ ในภูมิภาคคันไซ (Kansai) และบริเวณที่กำหนด หากเปรียบเทียบกับการใช้ KANSAI THRU PASS แล้ว นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะใช้ Kansai WIDE Area Pass ข้อดีของบัตรคือ สามารถเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซน และรถไฟแบบด่วนพิเศษ ทำให้ประหยัดเวลาการเดินทางแบบระยะไกลข้ามจังหวัด และไม่ต้องเปลี่ยนสายรถไฟเดินทางบ่อยๆ สถานที่น่าท่องเที่ยวโดยใช้พาสนี้ในภูมิภาคคันไซ (Kansai) จังหวัดชิงะ (Shiga)
จังหวัดวากายะมะ (Wakayama)
จังหวัดนารา (Nara)
จังหวัดโอซาก้า (Osaka)
จังหวัดเกียวโต (Kyoto)
จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo)
สถานที่น่าท่องเที่ยวโดยใช้พาสนี้ในภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) จังหวัดโอคะยะมะ (Okayama)
จังหวัดทตโตริ (Tottori)
สถานที่น่าท่องเที่ยวโดยใช้พาสนี้ในภูมิภาคชิโกะคุ (Shikoku) จังหวัดคางาวะ (Kagawa)
ข้อมูลพาสเพิ่มเติมชื่อพาสKansai WIDE Area Passเงื่อนไข สำหรับชาวต่างชาติที่ถือพาสปอร์ตของประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่น และเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นด้วยสถานะ “พำนักระยะสั้น” *หมายเหตุ: โดยต้องแสดงพาสปอร์ตที่มีสติกเกอร์/ตราประทับว่าเป็น “พำนักระยะสั้น” ตอนที่ซื้อ หรือแลกตั๋วที่สถานีรถไฟที่กำหนดในประเทศญี่ปุ่น* การใช้งาน สำหรับการเดินทางด้วยไฟของ JR และรถบัสที่กำหนดในระยะเวลาตามที่กำหนดทั้งรถไฟธรรมดา รถไฟแบบ Limited Express รถไฟ San-yo Shinkansen (ระหว่างสถานี Shin-Osaka ถึงสถานี Okayama) ทั้งแบบจองที่นั่งและไม่จองที่นั่ง ไม่สามารถใช้งานได้ Tokaido Shinkansen (ระหว่างสถานี Shin-Osaka ถึงสถานี Tokyo) Kyushu Shinkansen รถไฟเอกชนเส้นทางอื่น ๆ พื้นที่ครอบคลุม สายรถไฟที่สามารถใช้งานได้ Sanyo Shinkansen (ระหว่างสถานี Shin-Osaka – สถานี Okayama) JR Sanin Line JR Imbi Line JR Bantan Line JR Kishin Line JR Tsuyama Line JR Momotaro Line (Kibi Line) JR Ako Line JR Uno Minato Line (Uno Line) JR Seto-Ohashi Line (Honshi-bisa Line) JR Fukuchiyama Line JR Kakogawa Line JR Kobe Line JR Yumesaki Line JR Maizuru Line JR Obama Line JR Kosei Line JR Hokuriku Line JR Biwako Line JR Kusatsu Line JR Nara Line JR Kansai Line JR Takarazuka Line JR Kyoto Line JR Tozai Line JR Osaka Loop Line JR Gekkentoshi Line JR Osaka Higashi Line JR Yamatoji Line JR Man-yo Mahoroba Line (Sakurai Line) JR Wakayama Line JR Hanwa Line JR Kansai Airport Line JR Kiseki Line (Kinokuni Line) เส้นทางที่ให้บริการอื่น ๆ Kyoto Tango Railway Chizu Express (สถานี Chizu – สถานี Kamigori) Wakayama Electric Railway Kishigawa Line ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.westjr.co.jp/global/en/ticket/pass/kansai_wide/area-k-wide.pdf ระยะเวลาใช้งาน / ราคา 5 วันต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มใช้งาน ซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย ผู้ใหญ่ 10,000 เยน เด็ก 5,000 เยน ซื้อผ่านระบบออนไลน์ ผู้ใหญ่ 10,800 เยน เด็ก 5,400 เยน ซื้อภายในประเทศญี่ปุ่น ผู้ใหญ่ 11,000 เยน เด็ก 5,500 เยน สิทธิพิเศษ
Sanyo-San’in Area Pass คือ พาสที่อยู่ในเครือ JR West Rail Pass ใช้โดยสารรถไฟ JR ที่สามารถเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซน (Shinkansen) รถไฟแบบด่วนพิเศษ (Limited Express) รถไฟธรรมดา รถไฟอื่น ๆ และรถบัสในพื้นที่ที่กำหนด สำหรับการท่องเที่ยวบริเวณภูมิภาคคันไซ (Kansai) และภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) สามารถใช้งานแบบไม่จำกัดเที่ยวในระยะเวลา 7 วันแบบต่อเนื่อง และสามารถจองที่นั่งรถไฟได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (Reserved Seat) ทั้ง Shinkansen และ Limited Express ได้ไม่จำกัด ครอบคลุมบริเวณทั้งภูมิภาคคันไซ (Kansai) 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชิงะ (Shiga) จังหวัดนารา (Nara) จังหวัดวากายะมะ (Wakayama) จังหวัดเกียวโต (Kyoto) จังหวัดโอซาก้า (Osaka) และจังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) และภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดทตโตริ (Tottori) จังหวัดชิมะเนะ (Shimane) จังหวัดฮิโรชิมะ (Hiroshima) จังหวัดโอคะยะมะ (Okayama) และจังหวัดยะมะงุชิ (Yamaguchi) และเดินทางท่องเที่ยวไปได้ไกลถึงในบางพื้นที่ของจังหวัดคางาวะ (Kagawa) และ จังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka) เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกคนที่ต้องการ การเดินทางแบบสะดวกรวดเร็วและไปตามสถานท่องเที่ยวหลัก ๆ ในภูมิภาคคันไซ (Kansai) และภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) และบริเวณที่กำหนด ข้อดีของ Sanyo-San’in Area Pass คือ สามารถเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซน และรถไฟแบบด่วนพิเศษ ทำให้ประหยัดเวลาการเดินทางแบบระยะไกลข้ามจังหวัด และไม่ต้องเปลี่ยนสายรถไฟเดินทางบ่อย ๆ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินฟุคุโอกะ (Fukuoka Airport) ได้โดยตรง เนื่องจากพาสชนิดนี้ยังครอบคลุมถึงการใช้รถไฟชินคันเซ็นจากสถานีฮะคะตะ (Hakata) ในจังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka) อีกด้วย สถานที่น่าท่องเที่ยวโดยใช้พาสนี้ในภูมิภาคคันไซ (Kansai) จังหวัดชิงะ (Shiga)
จังหวัดวากายะมะ (Wakayama)
จังหวัดนารา (Nara)
จังหวัดโอซาก้า (Osaka)
จังหวัดเกียวโต (Kyoto)
จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo)
สถานที่น่าท่องเที่ยวโดยใช้พาสนี้ในภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) จังหวัดโอคะยะมะ (Okayama)
จังหวัดชิมะเนะ (Shimane)
จังหวัดทตโตริ (Tottori)
จังหวัดฮิโรชิมะ (Hiroshima)
จังหวัดยะมะงุชิ (Yamaguchi)
สถานที่น่าท่องเที่ยวโดยใช้พาสนี้ในภูมิภาคชิโกะคุ (Shikoku) จังหวัดคางาวะ (Kagawa)
สถานที่น่าท่องเที่ยวโดยใช้พาสนี้ในภูมิภาคคิวชู (Kyushu) จังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka)
ข้อมูลพาสเพิ่มเติมชื่อพาสSanyo-San’in Area Passเงื่อนไข สำหรับชาวต่างชาติที่ถือพาสปอร์ตของประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่น และเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นด้วยสถานะ “พำนักระยะสั้น” *หมายเหตุ: โดยต้องแสดงพาสปอร์ตที่มีสติกเกอร์/ตราประทับว่าเป็น “พำนักระยะสั้น” ตอนที่ซื้อ หรือแลกตั๋วที่สถานีรถไฟที่กำหนดในประเทศญี่ปุ่น* การใช้งาน สำหรับการเดินทางด้วยไฟของ JR และรถบัสที่กำหนดในระยะเวลาตามที่กำหนดทั้งรถไฟธรรมดา รถไฟแบบ Limited Express รถไฟ San-yo Shinkansen (ระหว่างสถานี Shin-Osaka ถึงสถานี Hakata) ทั้งแบบจองที่นั่งและไม่จองที่นั่ง ไม่สามารถใช้งานได้ Tokaido Shinkansen (ระหว่างสถานี Shin-Osaka ถึงสถานี Tokyo) Kyushu Shinkansen รถไฟเอกชนเส้นทางอื่น ๆ พื้นที่ครอบคลุม สายรถไฟที่สามารถใช้งานได้ Sanyo Shinkansen (ระหว่างสถานี Shin-Osaka – สถานี Hakata) JR Sanin Line JR Mine Line JR Yamaguchi Line JR Onoda Line JR Ube Line JR Sanyo Line JR Kabe Line JR Gantoku Line JR Geibi Line JR Kure Line JR Sakai Line JR Kisuki Line JR Fukuen Line JR Hakubi Line JR Kishin Line JR Tsuyama Line JR Momotaro Line (Kibi Line) JR Uno Minato Line (Uno Line) JR Seto-Ohashi Line (Honshi-bisa Line) JR Imbi Line JR Ako Line JR Bantan Line JR Fukushiyama Line JR Kakogawa JR Kobe Line JR Maizuru Line JR Obama Line JR Sagano Line JR Takarazuka Line JR Kosei Line JR Hokuriku Line JR Biwako Line JR Kusatsu Line JR Nara Line JR Kansai Line JR Kyoto Line JR Gekkentoshi Line JR Yamatoji Line JR Man-yo Mahoroba Line (Sakurai Line) JR Osaka Higashi Line JR Tozai Line JR Yumesaki Line JR Osaka Loop Line JR Wakayama Line JR Hanwa Line JR Kansai Airport Line เส้นทางที่ให้บริการอื่น ๆ JR WEST MIYAJIMA FERRY (ท่าเรือ Miyajimaguchi – ท่าเรือ Miyajima) Kyoto Tango Railway Chizu Express (สถานี Chizu – สถานี Kamigori) Chugoku Bus JR West Bus ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.westjr.co.jp/global/en/ticket/pass/sanyo_sanin/area-s-sanin.pdf ระยะเวลาใช้งาน / ราคา 7 วันต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มใช้งาน ซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย ผู้ใหญ่ 20,000 เยน เด็ก 10,000 เยน ซื้อผ่านระบบออนไลน์ ผู้ใหญ่ 21,500 เยน เด็ก 10,750 เยน ซื้อภายในประเทศญี่ปุ่น ผู้ใหญ่ 22,000 เยน เด็ก 11,000 เยน สิทธิพิเศษ
สถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำอนุสรณ์ประวัติศาสตร์นาราโบราณ (Historic Monuments of Ancient Nara), นารา (Nara) วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) ป่าดึกดำบรรพ์คะซุงะยะมะ (Kasuga Primeval Forest) อนุสรณ์ประวัติศาสตร์นาราโบราณ (Historic Monuments of Ancient Nara) อยู่ที่จังหวัดนารา (Nara) ซึ่งเป็นอีกเมืองท่องเที่ยวสำคัญในแถบภูมิภาคคันไซของประเทศญี่ปุ่น ในอดีตนาราเคยเป็นเมืองหลวงเก่าในปี ค.ศ. 710 เป็นเมืองที่มีธรรมชาติสวยงาม และมีกวางอาศัยอยู่มากมายจนกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองนี้ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยมีสถาปัตยกรรมโบราณมากมายที่มีอายุกว่า 1,000 ปี และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของเมืองหลวงเก่านาราในปีค.ศ. 1998 โดยที่อนุสรณ์แห่งนี้ประกอบไปด้วยวัด ศาลเจ้า วัง และป่าดึกดำบรรพ์ตั้งอยู่ทั้งหมด 8 แห่ง สถานที่โบราณ 8 แห่งของอนุสรณ์ประวัติศาสตร์นาราโบราณ
อาหารท้องถิ่นแนะนำ
พาสที่เกี่ยวข้อง
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติมอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของเมืองเก่าเกียวโต (Historic Monuments of Ancient Kyoto), เกียวโต (Kyoto) วัดเรียวอันจิ (Ryoanji Temple) วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizu-dera Temple) อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของเมืองเกียวโต (Historic Monuments of Ancient Kyoto) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ในปี ค.ศ. 1994 ประกอบด้วยสถานที่โบราณ 17 แห่งที่กระจายอยู่ตามต่าง ๆ ในเมืองอุจิ (Uiji) และภายในตัวเมือง (Kyoto City) ในจังหวัดเกียวโต (Kyoto) และเมืองโอทสึ (Otsu) ในจังหวัดชิงะ (Shiga) ซึ่งบริเวณเมืองเกียวโตนั้นเคยเป็นเมืองหลวงเก่าในศตวรรษที่ 8 เป็นเมืองที่รุ่งเรืองในฐานะศูนย์กลางการปกครอง เศรษฐกิจ และยังเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมญี่ปุ่นมานานกว่า 1,000 ปี จึงเป็นแบบอย่างในการพัฒนาด้านสถาปัตยกรรมที่เป็นไม้ สถาปัตยกรรมทางศาสนา และศิลปะของสวนญี่ปุ่น โดยสถานที่ทั้งหมด 17 แห่งนี้ มีต้นกำเนิดมาจากช่วงเวลาระหว่างศตวรรษที่ 10 ถึงศตวรรษที่ 19 และล้วนเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สถานที่โบราณ 17 แห่งของอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของเมืองเก่าเกียวโต
อาหารท้องถิ่นแนะนำ
พาสที่เกี่ยวข้อง
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติมแหล่งมรดกโลกเมืองซะไค (Sakai), โอซาก้า (Osaka) สุสานโบราณ โมซุ-ฟูรูอิจิ (Mozu-Furuichi Kofun) สวนสาธารณะไดเซ็น (Daisen park) แหล่งมรดกโลกเมืองซะไค (Sakai) เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์พื้นเมืองของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของโอซาก้า (Osaka) ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าขนาดใหญ่และมีความสำคัญในด้านการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ ปัจจุบันกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ มีสถานที่อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์อยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือ “สุสานโบราณ โมซุ-ฟูรูอิจิ (Mozu-Furuichi Kofun)” สถานที่ฝังพระบรมศพของจักรพรรดินินโทะคุ (Emperor Nintoku) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 สุสานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของสุสานแห่งนี้ดูเหมือนเกาะขนาดใหญ่ มีคลองกั้นซ้อนกันถึง 3 ชั้น เมื่อมองภาพจากมุมสูงจะเห็นว่าน่าอัศจรรย์ดูคล้ายรูกุญแจ อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งล่าสุดของญี่ปุ่นในเดือนกรกฎาคมปี 2019 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีเทศกาลซะไค (Sakai Festival) เป็นงานเทศกาลสุดอลังการที่ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1974 โดยจะจัดขึ้นในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคมของทุกปี ภายในงานจะมีขบวนพาเหรดสุดอลังการที่ประกอบไปด้วย ขบวนพาเหรดเรือสำเภา ขบวนพาเหรดของคณะทหารถือปืนที่มาร่วมสร้างสีสันบนท้องถนนตลอดทั้งงงาน สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
อาหารท้องถิ่นแนะนำ
พาสที่เกี่ยวข้อง
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติมปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle), เฮียวโงะ (Hyogo) ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ตั้งอยู่ในเมืองฮิเมจิ (Himeji) จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1346 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1993 และเป็นหนึ่งในปราสาทเก่าแก่ที่ยังคงสภาพดั้งเดิมเอาไว้จนถึงปัจจุบัน ดูไม่ต่างจากของเดิมครั้งที่ถูกสร้างเมื่อ 674 ปีที่แล้ว มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ปราสาทนกกระสาขาว” เนื่องจากตัวปราสาทถูกสร้าง และฉาบด้วยปูนสีขาวไปทั่วทั้งตัวอาคาร ทำให้ปราสาทฮิเมจิมีสีขาวโดดเด่นเหมือนกันนกกระสานั่นเอง ตัวปราสาทดูภายนอกแล้วเหมือนมี 5 ชั้น แต่ความจริงมีชั้นใต้ดิน และชั้นดาดฟ้าอีก 2 ชั้นรวมเป็นทั้งหมด 7 ชั้น ถือว่ามีลักษณะเหมาะแก่การใช้งานเป็นป้อมปราการอย่างมาก ปัจจุบันด้านในจัดแสดงวัตถุสำคัญทางประวัติศาสตร์เช่น ชุดเกราะ และหมวกต่าง ๆ ของนักรบผู้เกิดที่เมืองงฮิเมจิ และมีหุ่นจำลองของเจ้าหญิงเซ็นฮิเมะ (Sen-Hime) ซึ่งจะเห็นถึงลักษณะการแต่งกายในสมัยนั้นได้จากเสื้อผ้า และทรงผม บริเวณคูน้ำรอบปราสาทมีต้นซากุระโซเมโยชิโนะปลูกไว้กว่า 1,000 ต้น ทำให้ช่วงฤดูใบไม้ผลิในช่วงต้นเดือนเมษายน ดอกซากุระจะบานสะพรั่ง สะท้อนกับคูน้ำสวยงามจนได้รับเลือกเป็น 1 ใน 100 สถานที่ชมซากุระที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น นอกจากปราสาทแล้ว ที่นี่ยังมีสวนญี่ปุ่นอันสวยงามอย่าง สวนโคโคเอ็น (Koko-en Garden) ตั้งเคียงข้างปราสาท เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นแบบเอโดะ โดยจะ แบ่งเป็นสวน 9 สวนย่อย ๆ ภายในมีน้ำตกจำลอง สระน้ำ ร้านอาหาร ศาลา และโรงน้ำชาเป็นต้น ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม สามารถชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีที่สวนนี้ได้ ถัดไปไม่ไกลจากปราสาทฮิเมจิ จะเป็นถนนมิยุคิโดริ (Miyukidori) ที่เป็นย่านช้อปปิ้งยาวมาจนถึงสถานีฮิเมจินั้นจะเรียงรายไปด้วยร้านเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ร้านขายยา เครื่องสำอาง ตลอดสองข้างทาง อาหารท้องถิ่นแนะนำ
พาสที่เกี่ยวข้อง
พิพิธภัณฑ์ศิลปะทรายที่เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dune Art Museum), ทตโตริ (Tottori) ©Tottori Prefecture / ©JNTO พิพิธภัณฑ์ศิลปะทรายที่เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dune Art Museum) ตั้งอยู่ในเมืองฟุคุเบะ (Fukube) จังหวัดทตโตริ (Tottori) เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะเฉพาะทางแห่งเดียวในโลกที่จัดแสดงประติมากรรมทราย โดยผลงานการแกะสลักทรายแต่ละชิ้น เกิดจากการใช้น้ำเพียงอย่างเดียวเพื่อให้ทรายจับตัวเป็นก้อน จึงเป็นประติมากรรมที่ค่อนข้างละเอียดปราณีตมากทีเดียว ผลงานประติมากรรมทรายที่ถูกจัดแสดงขึ้นนั้น สื่อความหมายภายใต้คอนเซ็ปต์ “เที่ยวรอบโลกไปกับเม็ดทราย” โดยจะมีธีมที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างปี 2020-2022 นี้จะมาในธีม แลนด์มาร์คสำคัญของสาธารณรัฐเช็ก (Czechia) และประเทศสโลวาเกีย (Slovakia) มีประติมากรรมสุดโอ่อ่าอย่าง การจำลองเมืองเก่าของกรุงปราก (Historic center of Prague), สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge) สไตล์โกธิก และปราสาทสปีซ (Spiš Castle) ในสโลวาเกีย เป็นต้น ซึ่งงานจัดแสดงโชว์อยู่ภายในอาคาร จึงสามารถเพลิดเพลินชมผลงานไปได้เรื่อย ๆ แม้จะเป็นช่วงที่มีฝนตก พาสที่เกี่ยวข้อง
รายละเอียดสถานที่เพิ่มเติมที่อยู่ Tottori Sand Dune Art Museum 2083-17 Fukubecho Yuyama, Tottori แผนที่ การเดินทาง จากสถานี Osaka โดยสารรถไฟ LTD. EXP SUPER HAKUTO ลงสถานี Tottori ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 40 นาที จากนั้นนั่งรถบัสลงสถานี Sunanobijutsukanzen ใช้เวลา 20 นาที เวลาทำการ วันธรรมดา และวันอาทิตย์ 9:00 – 16:00 น. (เข้ารอบสุดท้าย 15:30 น.) วันเสาร์ 9:00 – 18:00 น. (เข้ารอบสุดท้าย 17:30 น.) ระยะเวลาทำการ งานประติมากรรม ธีม Czechia & Slovakia 11 กรกฎาคม 2020 – 3 มกราคม 2022 ค่าใช้จ่าย บุคคลทั่วไป 600 เยน เด็กชั้นประถม, มัธยมต้นและปลาย 300 เยน เด็กต่ำกว่าชั้นประถมเข้า ฟรี เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) http://www.sand-museum.jp/ เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) http://www.sand-museum.jp/en/ เว็บไซต์ (ภาษาไทย) https://www.jnto.or.th/newsletter/tottori-sand-dune-art-museum/ https://www.tottori-tour.jp/th/ เนินทรายทตโตริ (Tottori Sakyu), ทตโตริ (Tottori) นอกจากนี้ ยังสามารถไปเที่ยวชมแลนด์มาร์กของจังหวัดทตโตริ อย่าง “เนินทรายทตโตริ (Tottori Sakyu)” เป็นเนินทรายสูงและใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ที่อยู่ใกล้กันได้จากภายในพิพิธภัณฑ์ โดยจะตั้งอยู่เลียบชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ในเขตของอุทยานแห่งชาติซานินไคกัน (Sanin Kaigan National Park) เนินทรายนี้จะไม่ได้มีภูมิทัศน์เหมือนเดิมทุกครั้ง เพราะกระแสน้ำ และลมที่พัดเข้าชายฝั่งอย่างต่อเนื่องทำให้เนินทรายมีภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ โดยพื้นที่สูงต่ำต่างกันกว่า 47 เมตร ทำให้มองของวิวชายฝั่งทะเลที่สวยงามแตกต่างกัน นอกจากจะเดินเล่นชมวิวแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมอย่างการขี่อูฐ หรือนั่งเกวียนที่ลากด้วยม้า เพื่อชมบรรยากาศรอบ ๆ อย่างน่าตื่นเต้น รวมถึงมีกีฬากลางแจ้งอย่างพาราไกลดิ้ง (Paragliding) สเก็ตบอร์ดทราย (Sandboard) ให้ได้เพลิดเพลินด้วยเช่นกัน พาสที่เกี่ยวข้อง
อาหารท้องถิ่นแนะนำ
เกาะมิยะจิมะ (Miyajima), ฮิโรชิมะ (Hiroshima) เกาะมิยะจิมะ (Miyajima Island) เป็นเกาะที่มีทิวทัศน์สวยที่สุด 1 ใน 3 แห่งของญี่ปุ่น และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองฮัตสึไคชิ (Hatsukaichi) จังหวัดฮิโรชิมะ (Hiroshima) พื้นที่บางส่วนของเกาะได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1996 ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าเกาะมิยะจิมะ (Miyajima) เป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโตที่สร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 ความโดดเด่นของศาลเจ้าอิสึคุชิมะแห่งเกาะมิยะจิมะ คือส่วนของประตูโทริอิ (Torii) สีแดงที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเล ส่วนตัวศาลเจ้าหลักสร้างได้แข็งแรงแบบไร้ตะปูตอก ถูกสร้างให้ยื่นออกไปในทะเลเช่นกัน นอกจากนี้ช่วงเดือนสิงหาคม ก็จะมีการจัดงานเทศกาลทามะโทริ (Tamatori-sai Festival) ซึ่งเป็นเทศกาลใหญ่ของเกาะ งานนี้จะเป็นการแข่งขันชิงเทวรูปแห่งโชคลาภ เชื่อกันว่าใครที่เป็นผู้ชนะก็จะประสบแต่ความโชคดี และในช่วงฤดูร้อนของทุกปีจะมีการจัดงานเทศกาลดอกไม้ไฟสุดตระการตากว่า 5,000 นัด ที่จุดบนผืนน้ำ โดยมีฉากหน้าเป็นวิวโทริอิสีแดง ถือเป็น 1 ใน 3 วิวทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น ในช่วงฤดูใบไม้ผลิสามารถไปชมซากุระบนเกาะได้เช่นกัน บนเกาะมิยะจิมะ (Miyajima Island) มีซากุระอยู่หลากหลายสายพันธุ์กว่า 1,900 ต้น โดยเฉพาะบริเวณโดยรอบเจดีย์ทาโฮโทะ (Tahoto) จะมีต้นซากุระรายล้อมอยู่ เป็นจุดชมซากุระแนะนำที่สวยงาม ดอกซากุระสีชมพูอ่อนที่มีฉากหลังเป็นเจดีย์และท้องทะเลสีฟ้าครามเป็นภาพที่งดงามมาก ส่วนในตอนกลางคืนก็มีการประดับไฟสวยงามไปอีกรูปแบบหนึ่ง ส่วนในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีขอแนะนำให้ไปชมใบไม้แดงที่สวนโมมิจิดานิ (Momijidani Park) สวนแห่งนี้เป็นจุดที่สามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของต้นโมมิจิหลายสายพันธุ์มากกว่า 600 ต้น ที่ผลัดใบเป็นสีแดงสดใส ในช่วงกลางเดือนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน Kansai Thru Pass นับวันยังไง4. สามารถใช้รถบัสใน Osaka, Kyoto, และ Kobe รวมถึง Nankai, Hankyu, และ Kintetsu ได้ด้วยบัตร Kansai Thru Pass. 5. สามารถใช้ Kansai Thru Pass ไปซื้อ บัตรผ่านเข้าตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้ในราคาพิเศษ 6. การนับวันการใช้ ก็คือ เมื่อเริ่มต้นใช้รถไฟขบวนแรก และ รถไฟขบวนสุดท้ายของวัน นับเป็น 1 วัน Kansai Thru Pass ไป ไหน ได้ บางบัตร Kansai Thru Pass เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสำรวจภูมิภาคคันไซของญี่ปุ่นและเมืองที่น่าสนใจที่สุดในพื้นที่ บัตรที่รวมทุกอย่างใบนี้ทำให้คุณสามารถโดยสารรถไฟใต้ดิน, รถไฟ และรถประจำทางได้ทั่วเขตคันไซ โดยจะครอบคลุมไปถึงโอซาก้า, โกเบ, เกียวโต รวมถึงเมืองที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักอย่างนารา, วาคายามะ และโคยะซัง บัตร Kansai Thru Pass ... บัตร Kansai Thru Pass ใช้อะไรได้บ้าง pantip🙋🏻♀️ บัตร KANSAI THRU PASS นอกจากใช้ขึ้นรถบัสแล้วยังสามารถนั่งรถรางและรถไฟของเกียวโตได้ด้วยค่ะ (แนะนำตรวจสอบว่านั่งสายไหนได้บ้างในแผนที่อีกทีนะคะ) Kansai Thru Pass ทำอะไรได้บ้าง・ เมื่อท่านซื้อ/รับ Kansai Area Pass ท่านจะได้รับตั๋วแลกของรถไฟใต้ดินเกียวโต รถไฟเคฮัง และรถไฟฮันคิวด้วย * คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้บริการรถไฟใต้ดินเกียวโต รถไฟเคฮัง และรถไฟฮันคิว ・ ท่านสามารถจองตั๋วสำหรับที่นั่งแบบจองล่วงหน้าได้จากเครื่องจำหน่ายตั๋วหรือเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วในสถานีรถไฟ |