กฎ incoterms สำหร บ การขนส งทางทะเล ม อะไรบ าง

39. ลักษณะของสัญญาประกันภัย เป็ นสัญญาประเภท ใด ▪ก. เป็นสัญญำต่ำงตอบแทน ▪ข. เป็นสัญญำที่ต้องลงลำยมือชื่ อทั้ง 2 ฝ่ำย ▪ค. เป็นสัญญำที่ต้องมีกำรรับผิดต่อบุคคลภำยนอก ▪ง. ถูกทุกข้อ

40. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะพิเศษของสัญญาประกันภัย ▪ก. สัญญำต่ำงตอบแทน ▪ข. สัญญำมีแบบตำมกฎหมำย ▪ค. สัญญำที่ต้องมีหลักฐำนเป็นหนังสือ จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ ▪ง. สัญญำที่ทำงรำชกำรควบคุม

41. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะพิเศษของสัญญาประกันภัย ▪ ก. สัญญำต่ำงตอบแทน ▪ข. สัญญำที่จะสมบูรณ์ เมื่ อมีกำรออกกรมธรรม์ประกันภัย ▪ ค. สัญญำที่ต้องมีหลักฐำนเป็นหนังสือ จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ ▪ ง. สัญญำที่ทำงรำชกำรควบคุม

42. หลักสําคัญของสัญญาประกันวินาศภัย คืออะไร ▪ก. ผู้เอำประกันภัยต้องมีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้นั้น ▪ข. ผู้เอำประกันภัยต้องมีควำมซื่ อสัตย์สุจริต(อย่ำงยิ่ง) ▪ค. ต้องมีทั้งสองประกำร ตำมข้อ ก. และข้อ ข. ▪ง. บุคคลทุกคนมีสิทธิเอำประกันวินำศภัยได้โดยไม่ต้องมีส่วนได้เสีย แต่ต้องมี ควำมซื่ อสัตย์ สุจริต

43. ลักษณะสําคัญของสัญญาประกันภัย คือ ▪ก. ผู้เอำประกันภัยต้องมีส่วนได้เสียในเหตุที่เอำประกันภัย ▪ข. ผู้เอำประกันภัยไม่จ ำเป็นต้องมีส่วนได้เสียในเหตุที่เอำประกันภัย ▪ค. ผู้รับประโยชน์ต้องมีส่วนได้เสียในทรัพย์สินที่เอำประกันภัย ▪ง.เป็นสัญญำพนันขันต่อว่ำทรัพย์สินของผู้เอำประกันภัยจะเสียหำย ,สัญญำต่ำงตอบแทน

44. คา ํ กล ่ าวทว ี ่ ่ า ส ั ญญาประก ั นภ ั ยเป็ นส ั ญญาต ่ างตอบแทน ถ ู กหร ื อไม ่ ▪ก. ไม่ถูก เพรำะเป็นหน้ำที่ฝ่ำยเดียวของผู้รับประกันภัยที่จะต้องจ่ำยค่ำสินไหม ทดแทน ▪ข. ถูก เพรำะผู้รับประกันภัยมีหน้ำที่จ่ำยค่ำสิ หมทดแทน และผู้เอำประกันภัย มีหน้ำที่จ่ำย เบี้ยประกันภัย ▪ค. ไม่ถูก เพรำะเป็นสัญญำฝ่ำยเดียว ▪ง. ไม่ถูก เพรำะเป็นสัญญำระหว่ำงผู้รับประกันภัย ผู้เอำประกันภัยและผู้รับ ประโยชน์

45. สัญญาประกันภัยเป็ นสัญญาต่างตอบแทน หมายความว่า....................................................... ▪ก. ผู้เอำประกันภัยมีหน้ำที่ต้องส่งเบี้ยประกันภัย แต่ผู้รับประกันภัยไม่มี หน้ำที่ใดๆ ▪ข. ผู้รับประกันภัยมีหน้ำที่ต้องใช้จ ำนวนเงินเอำประกันภัยตำมที่ได้ก ำหนด ไว้ แต่ผู้เอำประกันภัยไม่มีหน้ำที่ใดๆ ▪ค. ผู้เอำประกันภัยมีหน้ำที่ต้องส่งเบี้ยประกันภัยตำมที่ก ำหนดไว้จ่ำยค่ำ สินไหมทดแทน ▪ง. ถูกเฉพำะข้อ ข. และ ค.

46. กรณ ี ผ ู ้ ขอเอาประก ั นภย ัไดเ ้ สนอขอเอาประก ั นภย ั ดว ้ ยวาจา แตผ ่ ู ้รับ ประกันภัยตกลงสนองรับคําเสนอและออกกรมธรรม์ประกันภัยพร้อมลง ลายมอ ืชอ ื ่ ตว ั แทนของผ ู ้ ร ั บประก ั นภย ัใหไ้ ว ้ เป็ นหล ั กฐานตอ ่ มา ผ ู ้ เอา ประก ั นภย ัไม ่ จา ่ ยค ่ าเบย ี ้ ประก ั นภย ั ตามว ั น เวลาทก ี ่ า ํ หนด ผรับประกันภัย ู ้ จะฟ้ องร ้ องขอบ ั งค ั บใหจ ้ า ่ ยค ่ าเบย ี ้ ประก ั นภย ัไดห ้ ร ื อไม ่ ▪ก. ได้ เพรำะมีกรมธรรม์ประกันภัยเป็นหลักฐำนและมีกำรลงลำยมือชื่ อเรียบร้อย ▪ข. ได้ เพรำะเป็นสัญญำต่ำงตอบแทนที่แต่ละฝ่ำยต้องมีหนี้ ที่จะต้องปฏิบัติต่อกัน ▪ค. ไม่ได้ เพรำะยังไม่มีกำรเรียกร้องค่ำสินไหมทดแทน ▪ง. ไม่ได้ เพรำะผู้รับประกันภัยยังไม่มีหนังสือทวงถำมไปยังผู้เอำประกันภัย

47. ผ ู ้ เอาประก ั นภ ั ยแจ ้ งทา ํ ประก ั นอ ั คคภ ีั ยและบร ิ ษ ัทตกลงรับ ประก ั นภ ั ยและให ้ เลขร ั บแจ ้ งแล ้ ว แต ่ ผ ู ้ เอาประก ั นภยไม่ชําระ ั ค ่ าเบย ี ้ ประก ั นภ ั ย หากมเ ี หต ุ เกด ิ ขน ึ ้ สท ิ ธ ิ ตามส ั ญญาเป็ น อย่างไร ▪ก. สัญญำไม่เกิด เพรำะบริษัทยังไม่ได้ออกกรมธรรม์และไม่ต้องรับผิด ▪ข. สัญญำสมบูรณ์ แต่บริษัทยึดหน่วงค่ำสินไหมทดแทนจนกว่ำผู้เอำประกันภัยจะ ช ำระเบี้ยประกันภัย ▪ ค. สัญญำไม่สมบูรณ์ เพรำะบริษัทไม่ได้รับช ำระเบี้ยประกันภัย ▪ง. ไม่มีข้อใดถูก

กรมธรรม์ประกันภัย => บริษัทออก => ต ้ องมล ี ายเซน ็ ของผ ู ้มี อํานาจลงนามของบริษัท => ต ้ องส ่ งมอบแม ้ ผ ู ้ เอาประก ั นภย ัจะไม่ ร้องขอ => ใช ้ เพอ ื ่ เป็ นหล ั กฐานในการฟ้ องร ้ อง 48. กรมธรรมป์ ระก ั นภย ั น ั ้ นกฎหมายบญ ั ญ ั ตว ิ่ าต ้ องลงลายมอ ืชื ่ อ ของ................................................................................................. ▪ก. ผู้รับประโยชน์ ▪ข. ผู้เอำประกันภัย ▪ค. ผู้รับประกันภัย ▪ง. ผู้รับประกันภัยร่วมกับผู้เอำประกันภัย

49. เมอ ื ่ ส ั ญญาประก ั นภ ั ยเกด ิ ขน ึ ้ แล ้ ว กฎหมายกา ํ หนดให ้ ผ ู ้ ร ั บ ประก ั นภ ั ยจะต ้ องส ่ งมอบเอกสารใดบ ้ าง ให ้ ก ั บผ ู ้ เอาประกันภัย ▪ก. ใบค ำขอเอำประกันภัย ▪ข. ใบแจ้งยอดกำรช ำระเบี้ยประกันภัย ▪ค. กรมธรรม์ประกันภัย ▪ง. ไม่ต้องส่งมอบเอกสำรใดๆ ทั้งสิ้น

50. เมอ ื ่ ผ ู ้ เอาประก ั นภ ั ยและผ ู ้ ร ั บประก ั นภ ั ยตกลงทาสัญญา ํ ประก ั นภ ั ย แล ้ วผ ู ้ ร ั บประก ั น กรมธรรมป์ ระก ั นภ ั ยใหแ ้ ก ่ ผ ู ้ เอา ประกันภัยหรือไม่ ▪ก. ต้องส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยให้ ถ้ำผู้เอำประกันภัยร้องขอ ▪ข. ต้องส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยให้ แม้ผู้เอำประกันภัยจะไม่ร้องขอ ▪ ค. จะส่งมอบให้หรือไม่ ย่อมแล้วแต่ผู้รับประกันภัย ▪ง. จะส่งมอบให้หรือไม่ก็ได้ เนื่ องจำกกฎหมำยไม่ได้บังคับไว้

51. กรมธรรมป์ ระก ั นภย ั ทผ ี ่ ู ้ ร ั บประก ั นภย ั ต ้ องส่งมอบ ใหก ้ั บผ ู ้ เอาประก ั นภย ั ▪ก. ต้องมีเนื้ อควำมต้องตำมสัญญำประกันภัย ▪ข. ไม่จ ำเป็นต้องมีเนื้ อควำมต้องตำมสัญญำประกันภัย ▪ค. จะมีเนื้ อควำมต้องตำมสัญญำประกันภัยหรือไม่ก็ได้ ▪ง. จะมีเนื้ อควำมอย่ำงไรก็ได้ ทั้งนี้ แล้วแต่ผู้รับประกันภัยจะ เห็นสมควร

52. กรมธรรม์ประกันภัย มีความสําคัญในการฟ้องร้อง คดีต่อศาล อย่างไร ▪ก. ไม่มีกรมธรรม์ประกันภัย แสดงว่ำ สัญญำประกันภัยไม่สมบูรณ์ ▪ข. ไม่มีกรมธรรม์ประกันภัย แสดงว่ำ บริษัทประกันภัยไม่เคยรับประกันภัย ▪ค. ไม่มีกรมธรรม์ประกันภัย แสดงว่ำ ไม่มีสัญญำประกันภัยเกิดขึ้น ▪ง. ไม่มีกรมธรรม์ประกันภัย แสดงว่ำ ไม่มีหลักฐำนของสัญญำประกันภัยจึงฟ้องร้อง บังคับคดีไม่ได้

53. กรมธรรม์ประกันภัย กฎหมายกําหนดให้มีรายการ ด ั งต ่ อไปน ี เ ้ สมอ ▪ก. รำคำแห่งมูลประกันภัย ▪ข. วัตถุที่เอำประกันภัย ▪ค. ชื่ อผู้รับประโยชน์ ▪ง. ถูกเฉพำะข้อ ข. และ ค.

54. กรมธรรมป์ ระก ั นภ ั ยต ้ องมร ี ายการด ั งต ่ อไปน ี ด ้ ้ วยเสมอ คือ ▪ก. ชื่ อหรือยี่ห้อของผู้รับประกันภัย ▪ข. ชื่ อหรือยี่ห้อของผู้เอำประกันภัย ▪ค. รำคำแห่งมูลค่ำประกันภัย ▪ ง. ถูกเฉพำะข้อ ก. และข้อ ข.

คลังข้อสอบ วิชาการประกันภัยทางทะเลและขนส่ง

1. ในการประก ั นภ ั ยขนส ่ งสน ิ ค ้ าทางทะเล กรณ ี ทเ ี ่ กด ิ ข ้ อ พพ ิ าทระหว ่ างผ ู ้ ร ั บประก ั นภ ั ยก ั บผ ู ้ ร ั บขนส ่ งทาง ทะเล ศาลจะ ใช้กฎหมายใดในการพิจารณา ▪ก. พระรำชบัญญัติประกันภัยทำงทะเล พ.ศ. 2546 ▪ข. พระรำชบัญญัติกำรรับขนของทำงทะเล พ.ศ. 2534 ▪ค. พระรำชบัญญัติประกันภัยทำงอำกำศ พ.ศ. 2545 ▪ง. ประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ว่ำด้วยลักษณะรับขน

2. หากเกิดปัญหาในเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนสําหรับการ ประก ั นภ ั ยขนส ่ งสน ิ ค ้ าทางทะเล ผ ู ้ เอา ประกันภัยจะต้องฟ้องร้องต่อศาลใด ▪ก. ศำลแพ่ง ▪ข. ศำลอำญำ ▪ค. ศำลฎีกำ ▪ง. ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง

3. ปัจจุบันการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศนิยมใช้การขนส่ง ร ู ปแบบใด ▪ ก. ทำงเรือเดินทะเลพำณิชย์ ▪ข. ทำงสำยกำรบินพำณิชย์ ▪ค. ทำงบก เช่น รถยนต์ รถไฟ ▪ง. กำรขนส่งต่อเนื่ องหลำยรูปแบบ

4. หน ่ วยงานใดทไี ่ ม ่ มค ี วามเกย ี ่ วข ้ องก ั บการประกันภัย ขนส่งสินค้าทางทะเล ▪ก. ธนำคำรพำณิชย์ (Commercial Bank) ▪ข. สำยเดินเรือ (Shipping Line) ▪ค. กรมศุลกำกร (Custom Department) ▪ง. กรมสรรพำกร (Revenue Department)

5. ข้อใดมิใช่ลักษณะของสัญญาประกันภัยขนส่งสินค้าทาง ทะเล ▪ก. เป็นสัญญำต่ำงตอบแทน ▪ข. ผู้รับประกันภัยตกลงว่ำจะชดใช้ค่ำสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอำประกันภัย ▪ค. ต้องมีกำรลงลำยมือชื่ อทั้งฝ่ำยผู้รับประกันภัย และผู้เอำประกันภัย ▪ง. มีเบี้ยประกันภัยเป็นค่ำตอบแทน

6. กรมธรรม์ประกันภัยขนส่งสินค้าทางทะเลแตกต่างจาก กรมธรรม์ประกันอัคคีภัย ตามข้อใด ▪ก. สำมำรถเอำประกันภัยในวงเงินที่สูงกว่ำรำคำสินค้ำที่ตกลงซื้อ ขำยกันได้ ▪ข. สำมำรถโอนกรมธรรม์ประกันภัยได้โดยอัตโนมัติ ▪ค. ผู้เอำประกันภัยอำจไม่มีส่วนได้เสียขณะท ำประกันภัย ▪ง. ถูกทุกข้อ

7. ข ้ อใดไม ่ปรากฏอย ู ่ในกรมธรรมป์ ระก ั นภย ั ทางทะเล และขนส่ง ▪ ก. ชื่ อผู้รับประโยชน์ ▪ข. ชื่ อยำนพำหนะที่ใช้ขนส่งสินค้ำ ▪ค. ชื่ อและที่อยู่ของผู้ส ำรวจควำมเสียหำย ▪ง. ชื่ อเมืองต้นทำงและปลำยทำง

8. ข ้ อใดไม ่ปรากฏอย ู ่ในกรมธรรมป์ ระก ั นภ ั ยทางทะเลและ ขนส่ง ▪ก. ชื่ อผู้รับประโยชน์ ▪ข.ระยะเวลำเอำประกันภัย ▪ค. ชื่ อและที่อยู่ของผู้ส ำรวจควำมเสียหำย ▪ง. ชื่ อเมืองต้นทำงและปลำยทำง

9. การกําหนดจํานวนเงินเอาประกันภัย ในการประกันภัย ขนส่งสินค้าทางทะเล มีลักษณะอย่างไร ▪ก. เป็นกำรก ำำหนดหรือตกลงมูลค่ำเอำประกันภัยของทรัพย์สินไว้ล่วงหน้ำ ▪ข. เป็นกำรก ำหนดหรือตกลงมูลค่ำเอำประกันภัยของทรัพย์สินตำมรำคำต้นทุน กำรผลิตที่แท้จริง ▪ค. เป็นกำรก ำหนดหรือตกลงมูลค่ำเอำประกันภัยของทรัพย์สินตำมมูลค่ำที่ อำจจะเกิดควำมเสียหำย ขึ้น ▪ง. ไม่มีข้อใดถูกต้อง

10. ถ ้ าผ ู ้ เอาประก ั นภ ั ยสน ิ ค ้ าต ้ องการทา ํ ประก ั นภ ั ยสินค้า และภาษีสินค้าขาเข้าด้วย จะทําได้หรือไม่ ▪ก. ได้ โดยแยกมูลค่ำเอำประกันภัยส ำหรับสินค้ำ และมูลค่ำเอำประกันภัย ส ำหรับภำษีขำเข้ำ ▪ ข. ไม่ได้ เพรำะผู้รับประกันภัยปกติจะไม่คุ้มครองภำษีขำเข้ำ ▪ค. ไม่ได้ เพรำะยุ่งยำกในกำรพิสูจน์พิกัดอัตรำภำษี ▪ง. ถูกทั้งข้อ ก. และ ค.

11. การประก ั นภ ั ยสน ิ ค ้ าทางทะเลและทางอากาศ โดยท ่ ั วไป ผ ู ้ ร ั บประก ั นภ ั ยจะคด ิ ม ู ลค ่ าสน ิ ค ้ าทร ี ่ ั บ ▪ก. FOB + 15 % ▪ข. CFR + 10 % ▪ค. CIF + 10 % ▪ง. ถูกทุกข้อ

12. จํานวนเงินเอาประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัย ขนส ่ งสน ิ ค ้ าทางทะเล โดยท ่ ั วไปจะกา ํ หนดจาก ▪ก. ก ำหนดตำมรำคำ CIF ▪ข. ก ำหนดตำมรำคำ CFR ▪ค. ถูกทั้งข้อ ก. และ ข. ▪ง. ก ำหนดตำมรำคำ CIF หรือ CFR บวก 10 %

13. จํานวนเงินเอาประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัยขนส่ง สน ิ ค ้ าทางทะเลโดยท ่ ั วไปแล ้ วผ ู ้ เอาประก ั นภ ั ย สามารถบวกจานวน ํ เงินเอาประกันภัยได้เกินกว่า 10% ของราคา Invoice ได้ หรือไม่ ▪ก. ไม่ได้ เพรำะผิดกฎหมำย ▪ข. ได้ โดยต้องตกลงกับผู้รับประกันภัยไว้ล่วงหน้ำ ▪ค. ได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้รับประกันภัยทรำบ ▪ง. ไม่มีข้อใดถูก

14. การประกันภัยทางทะเลและขนส่งมีการกําหนดทุนประกันภัย แบบกา ํ หนดม ู ลค ่ าก ั นไว ้ ล ่ วงหน ้ า (Value Policy) หากเกิด ความเสียหายบริษัทประกันภัยต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอย่างไร ▪ก. ตำมมูลค่ำของสินค้ำ ณ วันที่ลงเรือ ค่ำขนส่ง และค่ำเบี้ยประกันภัย ▪ข. ตำมมูลค่ำที่ระบุในกรมธรรม์ประกันภัยทำงทะเลและขนส่ง ▪ค. ตำมมูลค่ำควำมเสียหำยที่แท้จริง แต่ไม่เกินทุนประกันภัย ▪ง. ตำมมูลค่ำ CIF

15. ข้อใดถือเป็ นหลักการชดใช้ค่าเสียหาย (Indemnity) ตามกรมธรรม์ประกันภัยทางทะเลและ ขนส่ง ▪ก. จ่ำยตำมควำมเสียหำยที่แท้จริง ▪ข. จ่ำยตำมกรมธรรม์ประกันภัย ▪ค. จ่ำยตำมเอกสำรที่ลูกค้ำแจ้งควำมเสียหำย ▪ง. จ่ำยตำมมูลค่ำที่ตกลงกันไว้หรือตำมควำมเสียหำยที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ ต้องไม่เกินมูล ค่ำที่เอำประกันภัยไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย

16. อ ั ตราเบย ี ้ ประก ั นภ ั ยการประก ั นภ ั ยการขนส ่ งสน ิ ค ้ าทาง ทะเล ทไี ่ ด ้ ร ั บความเหน ็ ชอบจากนายทะเบย ี นกา ํ หนดไว ้ อยางไร ่ ▪ก. กำ หนดไวเ ้ป็ นชว ่ งขน ั ้ ต ํ ำ ่ – ขั้นสูง ระหว่ำง 0.10 % - 15 % ของจ ำนวน เงินเอำประกันภัย ▪ข. กำ หนดไวเ ้ป็ นขน ั ้ ต ํ ำ ่ 0.15 % ของจ ำนวนเงินเอำประกันภัย ▪ค. ไม่มีกำรก ำหนดใด ๆ ▪ง. ก ำหนดไว้เฉพำะอัตรำเบี้ยประกันภัยขั้นสูงไม่เกิน 5 % ของจ ำนวนเงิน เอำประกันภัย

17. ข ้ อใดเป็ นปั จจ ั ยทส ี ่ า ํ ค ั ญในการกา ํ หนดอ ั ตราเบย ี ้ ประกันภัยการขนส่งสินค้าทางทะเล ▪ก. เรือที่ใช้ในกำรขนส่ง ▪ข. เส้นทำงกำรขนส่ง ▪ค. ลักษณะของหีบห่อที่บรรจุสินค้ำ ▪ง. ถูกทุกข้อ

18. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบหลักในการพิจารณารับ ประกันภัยขนส่งสินค้าทางทะเล ▪ก.ลักษณะของทรัพย์สินที่เอำประกันภัย ▪ข. ธนำคำรผู้ออก Letter of Credit ▪ค. วิธีกำรขนส่ง ▪ง. เรือ หรือยำนพำหนะที่ใช้ขนส่ง

19. หล ั กการพน ื ้ ฐานของ Incoterms คืออะไร ▪ก. เพื่ อให้เกิดควำมสะดวกในกำรซื้อขำยระหว่ำงประเทศ ▪ข. กำรก ำหนดหน้ำที่ของคู่สัญญำแต่ละฝ่ำยในเรื่ องค่ำใช้จ่ำยและกำรเสี่ยง ภัยในกำรขนส่งสินค้ำจำกผู้ขำยไปยังผู้ซื้อ ▪ค. กำรก ำหนดหน้ำที่ของคู่สัญญำแต่ละฝ่ำยในกำรขนส่งสินค้ำและกำรรับ มอบสินค้ำ ▪ง. กำรก ำหนดหน้ำที่ของคู่สัญญำแต่ละฝ่ำยในกำรขนส่งสินค้ำและกำรรับ มอบสินค้ำเพื่ อให้เกิดควำมคล่องตัวในกำรซื้อขำยระหว่ำงประเทศ

20. หล ั กการพน ื ้ ฐานของ Incoterms คืออะไร ▪ก. เป็นกฎหมำยกำรซื้อขำยระหว่ำงประเทศ ▪ข. เป็นเงื่ อนไขที่ก ำหนดหน้ำที่ของคู่สัญญำซื้อขำย เช่น ค่ำใช้จ่ำย กำรเสี่ยง ภัย กำรขนส่งและกำรประกันภัย เป็นต้น ▪ค. เป็นเงื่ อนไขในกำรรับประกันภัยตัวเรือประเภทหนึ่ ง ▪ง. เป็นเงื่ อนไขกำรรับประกันภัยสินค้ำประเภทหนึ่ งเช่นIntonational cargo term motor your

21. เงอ ื ่ นไขการซอ ื ้ ขายแบบ FOB หมายถึงอะไร ▪ก. ผู้ขำยสินค้ำรับผิดชอบในสินค้ำเฉพำะที่อยู่ในโกดัง ณ เมืองท่ำต้นทำง ▪ข. ผู้ขำยสินค้ำรับผิดชอบในสินค้ำจนกระทั่งสินค้ำขึ้นสู่เรือเดินสมุทร ณ เมืองท่ำต้นทำง ▪ค. ผู้ขำยสินค้ำรับผิดชอบในสินค้ำจนกระทั่งสินค้ำถูกขนลงจำกเรือเดิน สมุทร ณ เมืองท่ำปลำยทำง ▪ง. ผู้ขำยสินค้ำรับผิดชอบสินค้ำจนกระทั่งสินค้ำถูกขนส่งถึงโกดังของผู้ซื้อ สินค้ำ

22. การขายสน ิ ค ้ าภายใต ้ เงอ ื ่ นไข Incoterms – FOB ผ ู ้ ขายสน ิ ค ้ าจะต ้ องทา ํ ประก ั นภ ั ยหร ื อไม ่ ▪ก. ไม่ต้องท ำประกันภัย เพรำะ Incoterms ไม่ได้ก ำหนดให้ผู้ขำย สินค้ำต้องท ำประกันภัย ▪ข. ต้องท ำประกันภัยโดยเริ่ มตั้งแต่สินค้ำได้ส่งมอบให้ผู้รับขนส่งจนส่งมอบ ให้ผู้ซื้อที่ปลำยทำง ▪ค. ต้องท ำประกันภัยโดยเริ่ มตั้งแต่โรงงำนของผู้ขำยจนส่งมอบให้ผู้ซื้อ สินค้ำที่ปลำยทำง ▪ง. ถูกทั้งข้อ ก. และ ค.

23. สน ิ ค ้ าเกบ ็ อย ู ่ ณ ท ่ าต ้ นทางของผ ู ้ ส ่ งสน ิ ค ้ าการซอ ื ้ ขาย ใน เงอ ื ่ นไข Ex-Works ผ ู ้ ขายจะส ่ งมอบสน ิ ค ้ า ณ ทใี ่ ด ▪ก. ที่ทำงเรือ หรือ Air Port ▪ข. ที่เก็บสินค้ำ หรือโรงงำนของผู้ซื้อ ▪ค. ที่หน้ำโรงงำนของผู้ขำย ▪ง. ที่โกดังของตัวแทนเรือ

24. การซอ ื ้ ขายสน ิ ค ้ าระหว ่ างประเทศ (Incoterms) ร ู ปแบบ EXW : Ex-Works คือ ▪ก. ผู้ขำยสินค้ำจะหมดภำระต่อเมื่ อได้ส่งมอบสินค้ำให้กับผู้ซื้อ ณ สถำนที่ ของผู้ขำยสินค้ำเอง ▪ ข. ผู้ขำยสินค้ำจะหมดภำระต่อเมื่ อได้ส่งมอบสินค้ำให้อยู่ในควำมดูแลของผู้ ขนส่ง ▪ ค. ผู้ขำยสินค้ำจะหมดภำระต่อเมื่ อได้ส่งมอบสินค้ำไว้ที่ข้ำงเรือ ▪ง. ผู้ขำยสินค้ำจะหมดภำระต่อเมื่ อได้ส่งมอบสินค้ำไว้ ณ ท่ำเรือที่ระบุไว้

25. การซอ ื ้ ขายระหว ่ างประเทศในเงอ ื ่ นไข Ex-Works มี ความหมายอย่างไร ▪ก. ผู้ขำยสินค้ำมีหน้ำที่น ำสินค้ำที่พร้อมส ำหรับกำรขนส่งมำวำง ณ หน้ำโรงพักสินค้ำ ณ ประเทศต้น ทำงรวมทั้งช ำระค่ำระวำงเรือ ▪ข. ผู้ขำยสินค้ำมีหน้ำที่น ำสินค้ำที่พร้อมส ำหรับกำรขนส่งมำวำง ณ หน้ำโรงพักสินค้ำและ ติดต่อบริษัท ผู้ขนส่งมำรับสินค้ำเพื่ อส่งมอบให้กับผู้ซื้อสินค้ำ ณ หน้ำโรงพักสินค้ำของผู้ ซื้อสินค้ำ ณ ประเทศปลำยทำง รวมทั้งช ำระค่ำระวำงเรือและค่ำเบี้ยประกันภัย ▪ค. ผู้ซื้อสินค้ำมีหน้ำที่ในกำรติดต่อผู้ขนส่งสินค้ำมำรับสินค้ำ ณ หน้ำโรงพักสินค้ำของ ผู้ขำยรวมทั้งช ำระค่ำระวำงเรือและค่ำประกันภัย ▪ง. ผู้ซื้อสินค้ำรอรับสินค้ำอย่ำงเดียว โดยผู้ขำยจัดกำรทุกอย่ำงจนสินค้ำส่งมอบถึงผู้รับ สินค้ำ

26. การซอ ื ้ ขายระหว ่ างประเทศ (Incoterms) ร ู ปแบบใด ทผ ี ่ ู ้ ซอ ื ้ สน ิ ค ้ าควรทา ํ ประก ั นภ ั ยการขนส ่ งสน ิ ค ้ าทางทะเล ▪ก. FOB ▪ข. FCA ▪ค. EXW ▪ง. ถูกทุกข้อ

27. เพอ ื ่ เป็ นการส ่ งเสร ิ มการประก ั นภ ั ยภายในประเทศ ควร แนะนา ํ ให ้ ผ ู ้ ส ่ ั งซอ ื ้ สน ิ ค ้ านา ํ เข ้ า ส ่ ั งซอ ื ้ สน ิ ค ้ าใน เงอ ื ่ นไขการซอ ื ้ ขาย อะไร ▪ก. FOB ▪ข. CFR ▪ค. CIF ▪ง. ถูกทั้งข้อ ก. และ ข

28. หากผ ู ้ นา ํ เข ้ าสน ิ ค ้ าทอ ี ่ ย ู ่ในประเทศไทยต ้ องการทา ํ ประก ั นภ ั ยสน ิ ค ้ าทจ ี ่ ะนา ํ เข ้ าจากต ่ างประเทศ ควรกา ํ หนดเงอ ื ่ นไข การซอ ื ้ ขายแบบใดก ั บผ ู ้ ขายสน ิ ค ้ า ▪ก. Ex-Works ▪ข. FOB, CFR ▪A. C&I, CIF ▪ง. ถูกทั้งข้อ ก. และข้อ ข.

29. ส ั ญญาแบบใดทผ ี ่ ู ้ ซอ ื ้ ต ้ องจ ั ดทา ํ ประก ั นภ ั ยเอง โดยความ ค ุ ้ มครองเร ิ ่ มต ั ง ้ แต ่ ขนขน ึ ้ เร ื อ ณ เมอ ื งท ่ าต ้ น ทาง จนกระท ่ ั ง สน ิ ้ ส ุ ดณ คล ั งสน ิ ค ้ าของผ ู ้ ซอ ื ้ ณ เมอ ื งท ่ าปลายทาง ▪ก. FOB/CFR ▪ข. CPT/CIF ▪ค. CIF/EXW ▪ง. FAC/DES

30. ข้อใดมิใช่ข้อเสียของการนําเข้าสินค้าในเทอม CIF ▪ก. ท ำให้สูญเสียรำยได้ส่วนของเบี้ยประกันภัยให้กับต่ำงประเทศ ▪ข. ท ำให้ไม่ได้รับควำมสะดวกในกำรเรียกร้องค่ำสินไหมทดแทน ▪ ค. ทำ ใหไ้ มไ่ ดร ้ั บส ิ ทธ ์ ิ หก ั ลดหยอ ่ นภำษ ี ▪ง. ผู้รับประกันภัยอยู่ต่ำงประเทศ

31. การซอ ื ้ ขายแบบ CIF หมายถึงอะไร ▪ก. ผู้ขำยสินค้ำต้องรับผิดชอบในกำรน ำสินค้ำขึ้นสู่เรือเดินสมุทร ท ำประกันภัย สินค้ำคุ้มครองถึงปลำยทำง และจ่ำยค่ำระวำงเรือ ▪ข. ผู้ซื้อสินค้ำต้องรับผิดชอบในกำรน ำสินค้ำขึ้นสู่เรือเดินสมุทร ท ำประกันภัย สินค้ำคุ้มครองถึงปลำยทำง และจ่ำยค่ำระวำงเรือ ▪ค. ผู้ขำยสินค้ำรับผิดชอบในกำรท ำประกันภัยสินค้ำคุ้มครองปลำยทำง และจ่ำย ค่ำระวำงเรือ แต่ผู้ซื้อเป็นผู้น ำสินค้ำขึ้นสู่เรือเดินสมุทร ▪ง. ผู้ซื้อสินค้ำรับผิดชอบในกำรท ำประกันภัยสินค้ำคุ้มครองปลำยทำง และจ่ำยค่ำ ระวำงเรือ แต่ผู้ขำยเป็นผู้น ำสินค้ำขึ้นสู่เรือเดินสมุทร

32. การขายสน ิ ค ้ าตามเงอ ื ่ นไข CIF บ ุ คคลใดเป็ นผ ู ้ จดทํา ั ประกันภัย ▪ก. ผู้ซื้อสินค้ำ ▪ข. ผู้ขำยสินค้ำ ▪ค. ผู้ขนส่งสินค้ำ ▪ง. ผู้ซื้อหรือผู้ฝำกขำยใดก็ได้ แล้วแต่ตกลงในสัญญำ

33. นายยงย ุ ทธซอ ื ้ สน ิ ค ้ าแบบ CIF หมายความว่า ▪ก นำยยงยุทธจะซื้อประกันภัยเอง ▪ข นำยยงยุทธไม่ประสงค์จะท ำประกันภัยสินค้ำ ▪ค นำยยงยุทธจะให้ผู้ขำยท ำประกันภัย ▪ง นำยยงยุทธจะจ้ำงเรือไปขนส่งสินค้ำเอง