Gold pass mario kart tour ยกเล กได ม ย

Mario Kart ถือเป็นเกมเรือธงของค่ายเกมอย่างนินเทนโด เพราะไม่ว่าจะออกมากี่ภาคก็สนุกและได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้เล่นในทุกภาค ดังนั้น Mario Kart Tour เกมภาคแรกของซีรีส์เกมแข่งรถของมาริโอ้ที่จะลงบนสมาร์ทโฟน จึงสร้างเสียงฮือฮาและกระแสตอบรับจากแฟนบอยได้อย่างมากเลยทีเดียวค่ะ

บทความโดย : ไอซึ www.marumura.com

Mario Kart Tour เกมแข่งรถซีรีส์ยอดฮิตจากค่ายเกมสุดเก๋าอย่างนินเทนโด (Nintendo) ได้เปิดให้เหล่าเกมเมอร์สามารถเข้าไปดาวน์โหลดมาเล่นกันได้แล้วทั้งระบบ iOS และ Android นะคะ และตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้ดาวน์โหลดก็สามารถทะยานขึ้นสู่เกมฟรีที่มียอดดาวน์โหลดมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของระบบ iOS และ Android ไปเป็นที่เรียบร้อย

Mario Kart ถือเป็นเกมเรือธงของค่ายเกมอย่างนินเทนโด เพราะไม่ว่าจะออกมากี่ภาคก็สนุกและได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้เล่นในทุกภาค ดังนั้น Mario Kart Tour เกมภาคแรกของซีรีส์เกมแข่งรถของมาริโอ้ที่จะลงบนสมาร์ทโฟน จึงสร้างเสียงฮือฮาและกระแสตอบรับจากแฟนบอยได้อย่างมากเลยทีเดียวค่ะ

Mario Kart Tour เป็นเกมมือถือแนวแข่งรถ (Racing) ที่สนามแข่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากหลายประเทศทั่วโลก เช่น ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น โดยยังไม่ลืมที่จะใส่สนามแข่งสไตล์แฟนตาซีตามแบบฉบับของ Mario Kart ลงมาด้วย ยกตัวอย่างเช่น ชายหาด ทะเลทราย หรือ สุสานโบราณ และไอเทมที่มีให้ไว้ทั้งอำนวยความสะดวกและกลั่นแกล้งผู้เล่นคนอื่นในสนามเพื่อช่วงชิงอันดับที่ 1 ก็ยังใส่มาอย่างครบครันเพราะฉะนั้นผู้เล่นจึงได้รับประสบการณ์ที่ตื่นเต้นและเร้าใจตลอดเวลาอย่างแน่นอนค่ะ

Mario Kart Tour ถึงแม้จะเป็นเกมที่ถูกนำมาปรับแต่งให้สามารถเล่นได้ในระบบสมาร์ทโฟนแต่เรื่องงานภาพกราฟิกก็ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและสวยงามเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของตัวละคร โมเดลรถแข่ง ทิวทัศน์บรรยากาศในสนามแข่ง และเอฟเฟคต่างๆ ภายในเกม ก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมค่ะ

เมื่อเป็นเกมมือถือระบบและวิธีการเล่นจึงไม่ซับซ้อนและสามารถเข้าใจได้ง่าย โดยผู้เล่นสามารถควบคุมทิศทางของรถและใช้ไอเทมได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว อาจจะมีเรื่องของการดริฟต์รถที่จะต้องฝึกฝนสักเล็กน้อยนอกนั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลค่ะ โดยผู้เล่นสามารถปรับโหมดการแข่งขันรถได้เป็น 2 โหมดคือ ควบคุมแบบปกติ(Smart Steering) และ โหมดดริฟต์ (Manual Drift) ซึ่งอย่างหลังอาจต้องใช้การฝึกฝนให้เกิดความเคยชินสักหน่อยจึงจะเล่นได้คล่องขึ้นค่ะ และในระบบปรับแต่งยังสามารถเปิดโหมดไกโร (Gyro) ได้อีกด้วยค่ะ

นอกจากนี้ตัวเกมยังมีระบบภารกิจประจำวันและการเก็บค่าความสำเร็จ (Challenges) มาให้ผู้เล่นได้เพิ่มความท้าทายและมีจุดมุ่งหมายในเกมมากขึ้น ซึ่งรางวัลของการเก็บค่าความสำเร็จแต่ละหัวข้อนั้นก็จะเป็นดาวและเพชร ที่ใช้เปิดสนามใหม่และสุ่มตัวละคร รถ และเครื่องร่อนภายในเกม ที่สำคัญยังได้เหรียญตราสวยๆ เอาไว้ติดหลังชื่อเพื่ออวดผู้เล่นคนอื่นได้อีกด้วยนะ

Mario Kart Tour เป็นเกมมือถือที่เปิดให้ดาวน์โหลดฟรี แต่ก็มีการเรียกเก็บเงินจากไอเทมต่างๆภายในเกม รวมถึงบัตรสามาชิก Gold Pass ที่ผู้สมัครต้องจ่ายค่าสมาชิก 149 บาทต่อเดือน โดยเปิดให้ทดลองใช้ฟรี 2 อาทิตย์ ซึ่งจะต่ออายุสมาชิกอัตโนมัติ ดังนั้นหากใกล้หมดเวลาทดลองใช้แล้ว รู้สึกว่าไม่ถูกใจก็อย่าลืมไปกดยกเลิกกันด้วยนะ ข้อดีของบัตรสามาชิก Gold Pass นั้นก็จะปลดล็อคความเร็วของการแข่งที่ 200 cc ,ได้รับไอเทมพิเศษเมื่อเปิดกล่องของขวัญปลดล็อกแต่ละด่าน ,สามารถทำภารกิจเก็บค่าความสำเร็จสีทอง (Gold Challenges)และได้รางวัลเป็นเหรียญตราสีทอง เป็นต้น

“แบบนี้สายฟรีจะเล่นได้ไหม?” จากที่ได้ลองเล่นมาสักพักก็ต้องตอบว่า “ได้ค่ะ” แต่อาจจะต้องใช้ความอดทนในการเก็บเพชรเพื่อใช้เปิดตัวละครใหม่ๆนานสักหน่อยเท่านั้นเองค่ะ ซึ่งนอกจากเพชรที่ใช้สุ่มเพื่อหาตัวละคร รถแข่งและเครื่องร่อนแล้ว ยังมีเหรียญทองที่เราจะได้รับจากการลงสนามแข่งในแต่ละรอบด้วยนะ ซึ่งเหรียญทองเหล่านี้เอาไว้ซื้อสินค้าประจำวันในร้านค้านั้นเอง บางครั้งก็มีของระดับสูงมาให้เลือกซื้อกันแต่ราคาก็อาจจะสูงตามไปด้วย ซึ่งเหรียญทองนี้เราสามารถเก็บได้จำกัดที่วันละ 300 เหรียญเท่านั้นค่ะ

Mario Kart Tour ยังมีระบบ Multiplayer เอาไว้เล่นกับเพื่อนๆ อีกด้วยนะคะเพียงแต่ตอนนี้ระบบนี้ยังไม่เปิดให้บริการ คงต้องรออีกสักพักถึงจะสามารถเล่นกับเพื่อนๆได้ จากที่ไอซึได้ทดลองเล่นมาตั้งแต่วันแรก Mario Kart Tour ถือว่าสอบผ่าน ถึงแม้จะมีระบบบางอย่างที่ถูกลดทอนลงเพื่อให้เหมาะสมกับการเล่นบนมือถือ แต่ก็ถือได้ว่าตัวเกมทำออกมาได้ดี เล่นแล้วรู้สึกสนุก เพลิดเพลิน เลยทีเดียว

While Mario Kart Tour includes a ton of microtransactions, perhaps one of the more interesting is the Gold Pass, which costs $5 a month and gives players access to 200CC races, additional coins and other boosts. For those just picking up the game, you can actually score yourself a free trial for the Gold Pass, but if you find yourself not wanting to continue the subscription, you’re going to need to manually cancel it. Here’s everything you need to know to cancel the Gold Pass in Mario Kart Tour.

How to cancel Gold Pass in Mario Kart Tour

If you’re looking to cancel the Mario Kart Tour Gold Pass, then the method you follow is going to depend wholly on which device type you’re playing on. We’ve broken down the process for both iOS and Android below, so let’s take a quick look.

How to cancel Mario Kart Tour Gold Pass on Android

Follow the instructions below to cancel your Gold Pass subscription on Android.

• From your home screen, tap the Google Play Store icon to open up the store.
• Next, locate the Play Store Menu in the upper left-hand corner.
• From here, select the Subscriptions tab on the Play Store Menu.
• Next, locate Mario Kart Tour on the Subscriptions screen.
• Finally, choose “Cancel Subscription” on the manage subscription screen.

How to cancel Mario Kart Tour Gold Pass on iOS

If you’re looking to cancel your Mario Kart Tour Gold Pass on iOS, then you’re going to follow a few different steps.

• First, head to the Settings screen on your iOS device.
• Now, select the iTunes and App Store option.
• Next, tap on your Apple ID.
• At this point, look for the View Apple ID and Subscriptions buttons.
• From here, look for Mario Kart Tour and then select the icon to view the application’s subscription status.
• Finally, choose the Cancel Subscription option to cancel your Gold Pass in Mario Kart Tour on iOS.

Now that you know how to cancel the Gold Pass on Mario Kart Tour, you can dive back in and start gathering up coins in Coin Rush. Also, make sure you return to our Mario Kart Tour page for even more information.

Joshua holds a Bachelor of Fine Arts in Creative Writing and has been exploring the world of video games for as long as he can remember. He enjoys everything from large-scale RPGs to small, bite-size indie gems and everything in between.