Samsung Galaxy Watch eSIM สมาร์ทวอชสำหรับการออกกำลังกายที่เชื่อมต่อเครือข่าย 4G LTE ได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยฟีเจอร์การเปิดใช้งาน Number Pairing เพื่อติดตั้ง eSIM ที่ตัวนาฬิกาได้ด้วยตนเอง Galaxy Watch eSIM ถือเป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่ทาง Samsung พยายามผลักดันให้ผู้ใช้งานเลือกเป็นตัวที่จะคอยเก็บข้อมูลด้านการออกกำลังกายและสุขภาพที่เชื่อมต่อเครือข่าย 4G LTE ได้แม้ไม่ได้พกสมาร์ทโฟนติดตัวไปด้วย โดยยังคงใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen เพื่อท้าชนกับคู่แข่งหลายค่ายในปัจจุบัน Samsung Galaxy Watch เป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่มีการพัฒนาด้านดีไซน์ให้ออกมาสวยงาม และยังคงเป็นหน้าจอแบบกลม 360 องศา ให้ความรู้สึกและสัมผัสที่ใกล้เคียงกับนาฬิกาของจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยตัวเรือนหรือตัวเครื่องใช้วัสดุที่เป็นสแตนเลสสตีลที่ทนต่อการกัดกร่อนจากน้ำเค็ม รวมไปถึงสามารถกันกระแทก และทนความร้อนได้ตามมาตรฐาน MIL-STD-810Gจุดเด่นของ Galaxy Watch คือการดีไซน์กรอบหน้าปัดให้หมุนได้ และมีรอยหยักคล้ายฟันเฟือง สามารถหมุนกรอบส่วนนี้ไปทางซ้ายหรือไปทางขวาได้ เพื่อใช้ควบคุมการปรับตั้งค่าต่าง ๆ ในหน้าจอขณะที่กำลังใช้งานอยู่ หน้าปัดนาฬิกาที่เหมือนกับของจริงมาก และปกป้องหน้าจอด้วยกระจกกันรอยที่มีการออกแบบมาเพื่อให้ทนการกระแทกและป้องการรอยขีดข่วน ได้มาตรฐาน MIL-STD-810G และกันน้ำได้ลึกสูงสุด 50 เมตร ในการเริ่มต้นใช้งาน ต้องทำการเชื่อมต่อ Galaxy Watch eSIM กับสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่น Galaxy Wearable เพื่อให้ระบบตั้งค่าการใช้งานในครั้งแรก สามารถใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟนของ Samsung ที่รัน Android 5.0 ขึ้นไป เพื่อรองรับทุกฟีเจอร์อย่างสมบูรณ์ หรือใช้ Android ค่ายอื่นก็ได้เช่น รวมไปถึง iPhone ด้วย แต่จะถูกจำกัดการใช้งานบางฟีเจอร์ สำหรับแอพพลิเคชั่น Galaxy Wearable บนสมาร์ทโฟนเมื่อเชื่อมต่อกับ Galaxy Watch แล้ว จะมีการแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับตัวนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็นปริมาณแบตเตอรี่คงเหลือของตัวนาฬิกา พื้นที่จัดเก็บ หน่วยความจำแรม และตั้งค่าต่างๆ ให้กับตัวนาฬิกาผ่านแอพนี้ได้เลย หลังจากเชื่อมต่อ Galaxy Watch กับสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว ให้เข้าไปที่แอพพลิเคชั่น Galaxy Wearable แล้วเลือกไปที่เมนู เครือข่ายมือถือ (Mobile Network) แล้วเลือกซิมที่ต้องการเปิดใช้งาน eSIM แล้วเลือกปุ่ม ถัดไป (Next)ระบบจะสอบถามบัตรประจำตัวประชาชนที่ลงเบียนไว้กับเบอร์ dtac ที่เลือกเปิดใช้งาน eSIM (หากไม่สามารถเปิดใช้งานได้ ติดต่อ 1678 dtac Call Center) จากนั้นทำตามขั้นตอนที่ระบบแนะนำจนเสร็จสิ้นขั้นตอนการสมัคร Number Pairing ซึ่งที่ตัวนาฬิกาจะทำการดาวน์โหลด eSIM เพื่อเริ่มใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE ฟีเจอร์การใช้งานอื่นๆ ถือว่าตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ การแสดงผลการแจ้งเตือนทำได้อย่างสมบูรณ์ คือแสดงผลได้ทั้งข้อความ รูปภาพ และตอบกลับได้ด้วยข้อความเสียง, การใช้นิ้ววาดภาพลงบนหน้าจอ, เลือกตัวอิโมจิ หรือพิมพ์ข้อความก็ได้ หน้าปัดนาฬิกามีการพัฒนาให้แสดงผลแบบ 3 มิติที่ดูเหมือนของจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวเลข เข็มนาฬิกา หรือแม้แต่แสงเงาเมื่อเอียงดูเวลาก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนกับนาฬิกาจริงมากๆGalaxy Watch ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ดีสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่งมาพร้อมเซ็นเซอร์วัดความสูงและความดันบรรยากาศ (Altimeter/Barometer) สามารถใช้เป็นมาตรวัดความสูงจากระดับน้ำทะเล และวัดแรงดันบรรยากาศ รวมไปถึงมี GPS ในตัว การวัดอัตรากาาเต้นของหัวใจสามารถติดตามและวัดผลได้ตลอดทั้งวันแบบอัตโนมัติ หรือแตะเองก็ได้เช่นกัน ซึ่งเอฟเฟ็กต์ขณะกำลังวัดก็ดูสวยงามด้วยการแสดงเป็นรูปคลื่นหัวใจ ด้านการออกกำลังกาย Galaxy Watch สามารถจับรูปแบบการออกกำลังกายที่แตกต่างกันได้หลากหลายรูปแบบทั้งภายในยิม กิจกรรมกลางแจ้งภายในสวนสาธารณะ หรือแม้แต่การออกกำลังกายที่สระว่ายน้ำข้อมูลด้านการออกกำลังกายและการติดตามกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งวันจะถูกซิงค์เพื่อเก็บเป็นข้อมูลกับแอพ Samsung Health ซึ่งในปัจจุบันมีหน้าตาที่สวยงาม สรุปผลการกำลังกายที่ดูง่ายมากขึ้นสำหรับแบตเตอรี่ของ Galaxy Watch eSIM ชาร์จเต็ม 100% ใช้งานได้ประมาณ 3-4 วัน ใส่ใช้งานทั่วไป นับก้าวเดิน วิ่งออกกำลังกายในฟิตเนส และรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนตลอดทั้งวันสรุปจุดเด่น
จุดสังเกตเพิ่มเติม
Samsung Galaxy Watch 42mm eSIM ราคา 11,900 บาท และ 42mm LTE ราคา 12,900 บาท วางจำหน่ายแล้วผ่าน dtac พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ และเปิดใช้งาน Number Pairing ฟรีค่าบริการนาน 6 เดือน (ปกติเดือนละ 199 บาท) รายละเอียดคลิก https://www.dtac.co.th/galaxy-watch.html |