Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

SCULPTRAⓇ นวัตกรรมใหม่ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ย้อนวัย ด้วยวิธีง่ายๆ ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ Biostimulator ที่วิจัยแล้วว่ากระตุ้นคอลลาเจนได้จริง นานถึง 2 ปี

Show

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

SCULPTRA คือ อะไร? Sculptra ดีไหม? Sculptra ดียังไง?

Sculptra คือ สารกำเนิดคอลลาเจนในรูปแบบฉีด ที่ประกอบด้วยไหมน้ำชนิด PLLA (Poly-L-Lactic acid) ซึ่งเป็นหนึ่งใน สารกระตุ้นคอลลาเจน ที่เรียกว่า Biostimulator ช่วยกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจนด้วยตัวเอง ได้ถึง 66.5% เติมเต็ม ยกกระชับใบหน้า ฟื้นฟูผิว ได้นานถึง 2 ปี เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการวิจัย ผ่าน US FDA และผ่านการฉีดจริงมาแล้วจากอเมริกา นานถึง 20 ปี จึงค่อนข้างมั่นใจได้ในความปลอดภัย

ในการที่จะเข้าใจหลักการทำงานของ Sculptra ว่าดีไหม ต้องเข้าใจก่อนว่า Sculptra เป็นผลิตภัณฑ์นึงที่อยู่ในกลุ่มของ Biostimulator หรือที่หลายคนรู้จักกันว่าเป็นไหมน้ำ หรือเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน เรามาดูกันต่อครับ

Biostimulator สารกระตุ้นคอลลาเจน คืออะไร

Biostimulator เป็นการรักษาชนิดนึงที่ใช้ในการแพทย์ ชะลอวัย และความงาม โดยใช้หลักการกระตุ้น Natural Healing และ Regenerative process หรือก็คือเป็นการใช้สารบางอย่างในการกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการซ่อมแซม และฟื้นฟูด้วยตนเอง อย่างที่เราเคยได้ยินการรักษาด้วย PRP , การฉีด Growth factor หรือ Rejuran ก็นับว่าเป็น biostimulator แบบหนึ่ง แต่ต่างกันที่ผลลัพธ์ที่ต้องการ

ปัจจุบันตัวที่นิยมของ biostimulator สำหรับฉีด คือการนำสารที่ใช้ในการผลิตไหมละลาย มาทำให้เป็นผงละเอียด แล้วผสมกับน้ำเกลือเพื่อฉีดเข้าผิว จึงเป็นที่มาของคำเรียกว่า “ไหมน้ำ” ซึ่ง ไหมน้ำ ก็จะมีหลายชนิดมาก และออกมาเป็นยาฉีดหลายยี่ห้อ เช่น PDO (UltracolⓇ ) , PDLA(JuvelookⓇ ), PCL(GouriⓇ )) และ Calcium Hydroxyapatie (CrystalysⓇ ) สำหรับข้อดี ข้อเสีย และการฉีดของแต่ละตัวก็จะแตกต่างกันไปครับ

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

สำหรับ Sculptra นั้นเป็นการใช้สาร PLLA หรือ Poly-L-Lactic acid ซึ่งเป็น Biostimulator ตัวแรก ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาและถูกใช้ทั่วโลกตั้งแต่ปี 1999 ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เป็นสารสังเคราะห์จากพืชที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างใต้ชั้นลึกของผิว เพื่อยกกระชับและลดริ้วรอย และทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น

PLLA เป็นสารที่ปลอดภัย และใช้มานานในทางการแพทย์ สามารถย่อยสลายได้ในร่างกาย ใช้ในการผลิตเป็นไหมละลาย เป็นน็อต หรือ แผ่นเพลท ที่ใช้ในการยึดกระดูกด้วย และสารตัวนี้ก็ผ่านการตรวจสอบ และอนุมัติให้ใช้งานได้ทั่วโลก จึงมั่นใจได้ว่า สารตัวนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และผิวหนังของเราครับ

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

Sculptra ช่วยในการกระตุ้น collagen type 1 เป็นหลัก โดยจากผลการวิจัยพบว่า Sculptra จะสามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิต Collagen type1 สูงถึง 66.5% หลังจากฉีดไปแล้ว 3 เดือน ซึ่งถ้าเทียบกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่สามารถผลิต Collagen type1 ได้มากเทียบเท่ากับ Sculptra เลยในตอนนี้

Sculpt TDC By Issavee

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

Sculpt TDC technique (Triple Direction Collagenesis technique) คือ เทคนิคเฉพาะที่แพทย์ของอิสสวีร์คลินิก ใช้ในการฉีด Sculptra โดยใช้การรวมแรง 3 ทิศทาง ให้เกิดการรวม vector เป็นแรงที่ทำให้เกิดการยกใบหน้าได้สูงที่สุด ในลักษณะดึงออกด้านข้างและดึงขึ้นข้างบน ตรงกับผลลัพธ์ที่ต้องการมากที่สุด

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

และเนื่องจากคอลลาเจนและสภาพผิวของแต่ละท่านมีความแตกต่างกัน ดังนั้นสิ่งสำคัญอันดับแรกคือการประเมินใบหน้าให้ถูกต้อง วางแผนการใช้ยา และวางแผนตำแหน่งที่จะฉีด โดยหมอจะวาดตำแหน่งที่ต้องการพร้อมระบุปริมาณ Sculptra ในแต่ละจุด และทดสอบผิวหนังโดยการดึงตาม 3 ตำแหน่งสำคัญ เพื่อประเมินถึงผลลัพธ์ที่จะได้ตามมาดังนี้

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

1.แนวขมับ(Temporal area) ถือเป็นจุดแรกและสำคัญที่สุดในการยกใบหน้าทุกส่วน ซึ่งหากแค่มองก็พบว่าขมับตอบแล้วแสดงว่ามีปัญหาบริเวณนี้มาก ซึ่งจะส่งผลให้มีหางตาตก และดูสูงอายุ

เมื่อหมอลองดึงผิวส่วนนี้ไปทางไรผม หากพบว่าร่องแก้มและร่องน้ำตาตื้นขึ้น กรอบหน้าชัดเจนขึ้น แสดงว่ามีการสูญเสียคอลลาเจนในส่วนขมับค่อนข้างมาก ก็ต้องเน้นบริเวณนี้มากเป็นอันดับแรกครับ

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

2.แนวหน้าหู(Preauricular area) เป็นจุดที่สองที่ช่วยในการดึงหน้า เนื่องจากจุดนี้จะค่อนข้างชัดในการเกิดการทรุดตัวของคอลลาเจน (โดยเฉพาะตั้งแต่อายุ 35 ปีขึ้นไป) เมื่อหมอได้ลองดึงผิวส่วนนี้ไปทางใบหู หากพบว่าแก้มส่วนล่างถูกยกตัวขึ้นได้มากเท่าไหร่ แสดงว่ามีการสูญเสียคอลลาเจนในส่วนหน้าหูมากเท่านั้น ในหลาย ๆ ท่านที่อิสสวีร์คลินิกตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ต้องใช้ปริมาณยามากที่สุดครับ

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

3.แนวโหนกแก้ม(Submalar area) จุดที่สาม ที่หากทำการเติม sculptra ปรับปรุงคอลลาเจนในส่วนนี้จะทำให้ร่องมุมปาก รวมถึงกระเปาะแก้มส่วนล่างยกตัวขึ้นได้ครับ และความสำคัญของตำแหน่งนี้ยังส่งผลให้หน้าแก้มอิ่มขึ้น ดูเด็กลง และคุณภาพผิวดีขึ้นอย่างชัดเจน ในแง่ของความชุ่มชื้น(Hydration) ความกระจ่างใส(Luminosity)และการกระชับรูขุมขน(Tightening pores) จากทั้งสามตำแหน่งการฉีด ทำให้เกิดเป็น “เทคนิค ฝังคอลลาเจน 3 ทิศทาง”ของอิสสวีร์คลินิก ซึ่งหมอได้นำใช้ในการฉีด Sculptra และ Biostimulator ชนิดต่าง ๆ เพื่อผลลัพธ์การกระตุ้นคอลลาเจน และการกระตุ้นใบหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ และพบว่า ผลลัพธ์ในอิสสวีร์คลินิกได้ดีขึ้นกว่าการฉีดด้วยเทคนิคเดิมอย่างชัดเจน บวมช้ำน้อย และเจ็บน้อยกว่า และหมอยังใช้การลงเข็มแบบเข็มเดียวหลายทิศทาง จึงทำให้ลดการบาดเจ็บ แต่ได้ผลสูงสุดครับ

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

คอลลาเจน กุญแจสู่ผิวอ่อนเยาว์

เพราะ Collagen คือ ปัญหาสำคัญของผิวชรา Sculptra จึงเป็นกุญแจแก้ไขปัญหานี้

คอลลาเจน คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง โดยมีสัดส่วนสูงถึง 75 % ทำหน้าที่ในการเป็นโครงสร้างของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เล็บ เอ็น และข้อ สำหรับในผิวหนัง คอลลาเจนมีหน้าที่สำคัญมาก ๆ ในการเป็นโครงร่างผิว ทำให้ผิวมีความกระชับ ยืดหยุ่น และแลดูอ่อนเยาว์ เมื่อเราอายุมากขึ้น คอลลาเจนจะลดลงเรื่อย ๆ ทำให้เกิดผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย และการสูญเสีย volume ของใบหน้าไป

หน้าที่ของคอลลาเจน ที่มีต่อผิวหนัง ได้แก่

  • รักษาความตึง กระชับ เสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิว
  • ลดเลือนริ้วรอย และความหยาบกร้านของผิวหนัง
  • รักษาสมดุลน้ำและกักเก็บความชุ่มชื้นในชั้นผิว
  • ส่งเสริมกระบวนการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ผิวให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์
  • ปกป้องและสร้างความแข็งแรงให้กับโครงสร้างชั้นผิวภายใน

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

Sculptra กระตุ้น collagen type 1 ที่สำคัญที่สุด

ปัจจุบันค้นพบว่าร่างกายคนเรามีคอลลาเจนมากกว่า 16 ชนิด แตกต่างไปตามตำแหน่งของร่างกาย โดยชนิดที่เราจะสามารถพบได้บ่อยคือ type 1 , 2 และ 3

  • คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) ซึ่งพบมากถึง 90% ของคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกาย และสำคัญที่สุดช่วยในการเสริมความยืดหยุ่น การสมานแผล สามารถพบได้ในผิวหนัง เส้นผม กระดูก เนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด
  • คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) เป็นชนิดที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าชนิดที่ 1 พบมากในกระดูก กระดูกอ่อน และข้อต่อ มีหน้าที่ช่วยในการสร้างกระดูกอ่อน
  • คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) มักพบร่วมกับประเภทที่ 1 คือพบในผิว กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือด และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกาย แต่พบได้น้อยกว่าประมาณ 10 %

ผิวหนังมีคอลลาเจนชนิดที่ 1 เป็นโครงสร้างหลัก จึงมีแรงสปริงและยืดหยุ่นดีตามไปด้วย แต่หลังจากอายุ 25 ปี โดยเฉลี่ยร่างกายของเราจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงปีละ 1 % ในขณะที่อัตราการสลายคอลลาเจนยังเท่าเดิม ทำให้ปริมาณคอลลาเจนในร่างกายลดลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้ความแข็งแรงของผิวลดลงเมื่ออายุมากขึ้น เกิดความหย่อนคล้อย และริ้วรอยตามมา

เมื่อเราอายุถึง 40 คอลลาเจนจะหายไปถึง 1 ใน 5 และเมื่ออายุถึง 50 คอลลาเจนจะหายไปถึง 1 ใน 3 จึงเลี่ยงไม่ได้ กับการที่ผิวจะการเหี่ยว หย่อนคล้อย และดูชราลง

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

มื่อฉีด Sculptra เข้าสู่ผิวหนังชั้นลึก ตัวยาจะเริ่มกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอไปทั่วผิว หลังจากนั้น สาร PLLA จะไปเพิ่มปริมาณเซลล์ fibroblast ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดของคอลลาเจน และช่วยสร้างความแข็งแรงให้โครงสร้างผิวภายใน

นอกจากนี้สาร PLLA จะมีการเปลี่ยนแปลงเป็น Lactic acid ไปกระตุ้นขบวนการสังเคราะห์เส้นใยคอลลาเจน ผ่านการเรียกเม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า แมคโครฟาจ มาช่วยในการทำงาน เมื่อเวลาผ่านไป PLLA จะค่อย ๆ เสื่อมสลายไป แต่การสะสมและการสร้างคอลลาเจนจะยังคงอยู่ จึงสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อย่างยาวนานถึง 2 ปี

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

● กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวอย่างต่อเนื่อง และเป็นธรรมชาติ โดยเติมเต็มคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เรียงตัวแน่นขึ้นอย่างเป็นระเบียบ ● ใบหน้ายกกระชับขึ้น ใบหน้าโดยรวมดูเด็กลง ● ลดเลือนริ้วรอย ● ความยืดหยุ่นของผิวดีขึ้น เต่งตึงขึ้น ● ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น ● ผิวกระจ่างใสยิ่งขึ้น ● คืนความสมดุลให้ผิวอิ่มน้ำ แก้ปัญหาผิวหยาบกร้าน ● ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าถึง 2 ปี ทำให้ Sculptra เป็นที่นิยมแพร่หลายในอเมริกา โดยผลลัพธ์สามารถเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรก

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

  1. ท่านที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป ผิวค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยผลลัพธ์ที่ได้จะค่อย ๆ ดีขึ้นหลังฉีด 2-3 สัปดาห์ และได้ผลลัพธ์อยู่ถึง 2 ปี
  2. ท่านที่เข้าสู่วัยที่เริ่มสูญเสียคอลลาเจน อายุเกิน 35 ปีขึ้นไป
  3. ท่านที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย มีบริเวณที่สูญเสีย volume ไป เช่นร่องลึกใต้ตา ร่องแก้ม หน้าแก้ม ใต้โหนกแก้ม หรือขมับเป็นต้น
  4. ท่านที่เริ่มมีผิวที่มีปัญหาการสูญเสียคอลลาเจน ผิวขาดความยืดหยุ่น ไม่กระชับ มีริ้วรอย
  5. ท่านที่ต้องการให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น ขาวใสยิ่งขึ้น ดูเด็กยิ่งขึ้น
  6. ท่านที่มีปัญหาหน้าแห้ง ผิวหยาบกร้าน
  7. ท่านที่ต้องการวิธีที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้จริง อยากให้หน้าอิ่มฟูขึ้น โดยอาจทำร่วมกับการรักษาอื่น ๆ ที่เป็น Energy Base Device เช่น Thermage , Ulthera , Picosecond Laser ในการเสริมฤทธิ์การกระตุ้นคอลลาเจนได้อีกด้วย

ตำแหน่งที่เหมาะกับการฉีด Sculptra

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

ในการฉีด Sculptra ที่อิสสวีร์คลินิก หมอจะใช้การฉีด แบบเน้นการยกกระชับ โดยหลักการจะเป็นการยกจากด้านบน และด้านข้าง เหมือนการขึงผ้าจากด้านข้าง โดยหมอจะไม่แนะให้ฉีดเข้าไปตรง ๆ ในบางตำแหน่ง เช่น ร่องแก้ม ถ้าทำการฉีดไปตรง ๆ บริเวณนี้อาจทำให้เนื้อตรงนั้นหนาขึ้นมากเกินไป จนดูเนื้อตรงนั้นอูมไม่สวยได้

ดังนั้นหมอจึงแนะนำให้ใช้เทคนิคการฉีดแบบยกจากด้านบน และขึงจากด้านข้าง เพื่อความเป็นธรรมชาติมากกว่าครับ

โดยหลัก ๆ แล้วหมอจะทำการฉีดบริเวณ ขมับ หน้าแก้ม ใต้โหนกแก้มด้านข้าง เป็นหลัก โดยจะทำการฉีดด้วยเทคนิคพิเศษ คือใช้เป็นเข็มทู่ ลงเข็มประมาณ 3 ตำแหน่งต่อข้างครับ

ฉีด Sculptra เห็นผลเมื่อไหร่ อยู่ได้นานแค่ไหน

การฉีด Sculptra จะไม่ได้เห็นผลทันที ต่างจากการฉีดฟิลเลอร์ โดย Sculptra จะค่อย ๆ เห็นผลทีละนิด โดยจะใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ ก่อนจะเริ่มเห็นผล

โดยหลังการฉีด 2-3 วันแรก อาจจะดูเหมือนบริเวณที่ฉีดมีการฟูขึ้น เต็มขึ้น แต่ส่วนมากจะเกิดจากอาการบวม และจากตัวยามากกว่า ซึ่งผลเหล่านี้จะหายไป ก่อนที่จะได้ผลจริง ๆ จากคอลลาเจนที่สร้างมากขึ้น

โดยส่วนมากในเข็มแรก ผลลัพธ์จะไม่ได้ถึง 100% ขึ้นกับแต่ละท่านว่ามีปัญหามากน้อยเท่าไหร่ ซึ่งที่อิสสวีร์คลินิก หมอจะนัดดูผลในช่วง 3-4 สัปดาห์ เพื่อประเมินว่าควรฉีดเพิ่มหรือไม่ครับ

สำหรับผลลัพธ์หลังการรักษาจะอยู่ได้นานถึง 24 เดือน หรือ 2 ปี เพราะเป็นการคงอยู่ของคอลลาเจนที่สร้างขึ้นด้วยตนเองตามธรรมชาติ โดยในบางรายอาจอยู่ได้ถึง 3 ปี ขึ้นกับการดูแลแต่ละบุคคล

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

ต้องทำการรักษาประมาณกี่ครั้ง

การฉีด Sculptra ต้องผ่านการประเมินกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าปัญหาเหมาะกับการทำจำนวนกี่ครั้ง ซึ่งแต่ละคนจะไม่เท่ากัน อาจฉีดตั้งแต่ 1-4 ครั้ง ซึ่งถ้าท่านที่มีปัญหาเยอะมาก ๆ อาจจะต้องฉีดประมาณ 3 ครั้ง โดยห่างกันทุก 4-6 สัปดาห์ครับ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คนไข้พอใจสูงสุด

การดูแล และอาการหลังฉีด Sculptra

การฉีด Sculptra จะมีอาการคล้ายการฉีดฟิลเลอร์ อาจมีแดง ช้ำ บวม และกดเจ็บบริเวณที่ฉีด ซึ่งส่วนมากจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง หรือ 2-3 วันหลังฉีด แต่ในบางท่านที่ช้ำง่ายก็อาจจะนานถึง 14 วันได้ แต่โดยประสบการณ์ของหมอที่อิสสวีร์คลินิก เนื่องจากการฉีด Sculpra จะใช้เทคนิคเข็มทู่ ฉีดบริเวณด้านข้าง ซึ่งเป็นบริเวณที่ช้ำยากกว่า จึงแทบไม่พบปัญหาการช้ำนาน ๆ เลยครับ สำหรับการดูแลหลังฉีด Sculptra หมอจะแนะนำดังนี้ครับ

  • กฎเลข 5 : ให้นวดบริเวณที่ทำการฉีด 5 วัน วันละ 5 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที
  • ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด ให้ประคบเย็น เพื่อช่วยลดอาการบวม
  • เลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ เลี่ยงแดดจัด ๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด
  • หากมีอาการผิดปกติหลังฉีด เช่นปวดมาก มีสีผิวบริเวณที่ฉีดผิดปกติไป ให้แจ้งแพทย์ทันที
  • หลังฉีด สามารถไปทำงาน หรือใช้ชีวิตได้ตามปกติครับ
  • สามารถแต่งหน้าได้หลังฉีดทันที 2-3 ชั่วโมง
  • สามารถทำการรักษาอย่างอื่นได้ ในบริเวณเดียวกัน หลังฉีด Sculptra ไปแล้ว 4 สัปดาห์

SCULPTRA ปลอดภัยหรือไม่

Sculptra ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาและถูกใช้ทั่วโลกตั้งแต่ปี 1999 และยังปราศจากส่วนผสมของมนุษย์และสัตว์ มีความเข้ากันได้ทางชีวภาพ โดยองค์ประกอบได้รับการปรับให้เข้ากับร่างกายมนุษย์มากที่สุด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและการปฏิเสธ จึงไม่จำเป็นต้องมีการทดสอบการแพ้ก่อนการรักษา เมื่อเวลาผ่านไปสารออกฤทธิ์จะถูกย่อยสลายและกำจัดออกจากร่างกายอย่างสมบูรณ์

ท่านที่ควรควรระวังในการฉีด SCULPTRA

  • อายุน้อยกว่า 18 ปี (ไม่มีการวิจัยในกลุ่มนี้ว่าการรักษาจะมีผลเสียหรือไม่)
  • หญิงตั้งครรภ์ และให้นมบุตร (ไม่แน่นำให้ทำ เพราะยังไม่มีงานวิจัยความปลอดภัย)
  • ท่านที่กินยากดภูมิคุ้มกัน
  • ท่านที่มีปัญหาเลือดออกง่าย หยุดยาก หรือรับประทานยาละลายลิ่มเลือด ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น Aspirin , Warfarin

อยากกระตุ้นคอลลาเจน เลือกวิธีไหนดี ในปี 2024

เนื่องจากการรักษาปัจจุบันนี้ มีผลิตภัณฑ์หรือเครื่องมือทางการแพทย์เยอะมากทีเดียวครับ คนไข้หลายคนมักจะสับสนว่า ควรทำอะไรดี และควรทำอะไรก่อน เพื่อให้หน้าดูดี สดชื่นอ่อนเยาว์ขึ้น ดูเด็กลง หมอจึงทำตารางสรุป เปรียบเทียบ Sculptra กับการรักษาที่เป็นที่นิยมตัวอื่นๆมาให้ครับ เพื่อตอบข้อสงสัยเบื้องต้นให้ก่อนครับ ซึ่งแน่นอนว่า ปัญหาคนไข้แต่ละรายแตกต่างกันไป การเลือกวิธีการรักษาให้เหมาะจากการตรวจร่างกายจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

โดยสรุปแล้ว การกระตุ้นคอลลาเจน จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ กลุ่มที่ใช้พลังงาน กับกลุ่มที่ใช้การฉีด โดยกลุ่มใช้พลังงานที่ได้ผลดีได้แก่ Thermage และ Ulthera ซึ่งด้วยเทคนิคที่อิสสวีร์คลินิก ทั้ง 2 อย่างนี้ถือว่าเจ็บน้อยมาก และได้ผลดีมากในการกระตุ้นคอลลาเจน ส่วนกลุ่มฉีด นอกจาก Sculptra แล้ว การฉีดยาอื่น ๆ ในชั้นใต้ผิวหนังเช่น Rejuran ก็สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้เช่นกัน แต่มักจะได้ผลเรื่องผิวภายนอก มากกว่าการยกกระชับ หรือเติมเต็มใบหน้าครับ

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

Sculptra ต่างกับ Filler อย่างไร

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

Sculptra มักจะถูกเปรียบเทียบกับฟิลเลอร์ เพราะเป็นการฉีดเพื่อเพิ่ม Volume ของใบหน้า ทำให้หน้าเด็กลงเช่นเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้ว ทั้งคุณสมบัติ และคนที่เหมาะสมกับการรักษาทั้ง 2 แบบนี้ แตกต่างกันมากครับ โดยจะสรุปได้ทั้งหมด 6 ข้อดังนี้ครับ

  1. การแก้ปัญหาใบหน้า : Sculptra เป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างช้า ๆ ได้ผลแบบธรรมชาติ ส่วน filler จะเป็นการเพิ่ม volume อย่างรวดเร็ว เห็นผลทันที
  2. การออกฤทธิ์ : Sculptra ใช้การกระตุ้นเซลล์ fibroblast ให้สร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ ส่วน filler เป็นการให้ HA เติมเต็มเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังเลย
  3. เริ่มเห็นผล : Sculptra เริ่มเห็นผลภายใน 3 อาทิตย์ และดีขึ้นช้า ๆ จนถึง 10 เดือน ส่วน filler จะเห็นผลทันที
  4. อยู่ได้นาน : Sculptra อยู่ได้นานถึง 2 ปี ส่วน filler อยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี
  5. จำนวนครั้งที่ต้องฉีด : Sculptra มักจะต้องฉีด 2-3 ครั้ง ห่างกัน 4-6 สัปดาห์ ขณะที่ Filler มักจะฉีดเพียงครั้งเดียว ในตำแหน่งนั้น ๆ
  6. การกระตุ้นคอลลาเจน : Sculptra พิสูจน์แล้วว่าเพิ่ม Collagen type 1 ได้ถึง 66% (หลังการฉีด 3 เดือน) ส่วน fillerไม่มีการยืนยันว่ากระตุ้นคอลลาเจนได้

โดยสรุปแล้ว ท่านที่เหมาะกับ Sculptra มากกว่าฟิลเลอร์ คือท่านที่ผิวหน้ามีความหย่อนคล้อย ต้องการให้ผิวตึงกระชับขึ้น โดยต้องการแก้แบบทั่ว ๆ ใบหน้า (ฟิลเลอร์จะเหมาะกับการแก้เฉพาะจุดมากกว่า) รวมถึงท่านที่ต้องการผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ดูธรรมชาติมาก ๆ ก็เหมาะกับ Sculptra มากกว่าครับ

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

ขั้นตอน Sculptra Treatment ที่ Issavee Clinic

Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น
Filler สารเพ มปร ม ณไม ด ดความช น

“ ที่ Issavee Clinic เราออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล โดยคำนึงถึงความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับคนไข้ทุกคน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นครับ ”

ปรึกษาแพทย์ : โดยแพทย์จะสอบถามถึงผลลัพธ์ที่คนไข้ต้องการเป็นสำคัญ จากนั้นจะทำการตรวจวิเคราะห์สภาพผิวหนังและโครงสร้างในชั้นลึก เพื่อค้นหาส่วนที่เป็นปัญหา ซึ่งหากประเมินกับคนไข้แล้วว่า สามารถเลือกเป็น Sculptra ได้ จะทำการวางแผนการรักษาเฉพาะรายให้ รวมถึงจำนวนครั้งเพื่อผลลัพธ์สูงสุด

ขั้นตอนการรักษา : ทำการแปะยาชาเป็นเวลา 45 นาที ในขั้นตอนระหว่างรอยาชา แพทย์จะทำการเตรียม Sculptra ให้อยู่ในรูปแบบ active form เพื่อพร้อมใช้งานและลดความรู้สึกขณะทำ

Sculptra จะมาในลักษณะเป็นยาในขวด ซึ่งหมอจะทำการผสมกับ NSS 5 ml เขย่าเป็นเวลา 1 นาที ก่อนจะผสม NSS เพิ่ม และผสมยาชาร่วมด้วย สุดท้ายแล้วจะได้ Sculptra ออกมาทั้งหมด 10 cc ต่อ 1 ขวด

หลังจากนั้น หมอจะนำไปฉีดโดยใช้เทคนิคการฉีดแบบ cross-hatching ลึกลงใต้ชั้นผิว 1.5-2 เซนติเมตร ด้วยเข็มทู่ขนาด 25 G ซึ่งเป็นวิธีฉีด SCULPTRA ที่กระตุ้นคอลลาเจนได้ดีที่สุดครับ

ฟิลเลอร์ EPTQ อยู่ได้นานแค่ไหน

Filler e.p.t.q. S300 อยู่ได้นาน 9-12 เดือน

ฟิลเลอร์ Juvederm อยู่ได้นานแค่ไหน

Juvederm Volite ราคาประมาณ 14,000 บาท อยู่ได้นาน 8-12 เดือน Juvederm Volbella ราคาประมาณ 13,000 บาท อยู่ได้นาน 12 เดือน Juvederm Volux ราคาประมาณ 18,000 บาท อยู่ได้นาน 18 เดือน Juvederm Ultra Plus XC ราคาประมาณ 11,000 บาท อยู่ได้นาน 12 เดือน

จะรู้ได้ไงว่าแพ้ฟิลเลอร์

เมื่อเกิดอาการแพ้ฟิลเลอร์ ต้องทำอย่างไร ? หลังฉีดฟิลเลอร์ไปหากพบว่ามีผื่นนูนแดง รู้สึกคัน ผื่นลมพิษ หรือหนังตาบวม ให้รีบแจ้งแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยทันที แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจลักษณะความผิดปกติที่เกิดขึ้น

ฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับใคร

ฟิลเลอร์ขมับไม่เหมาะกับใครผู้ที่มีอาการแพ้ส่วนผสมของฟิลเลอร์ ทั้งสารไฮยาลูรอนิกแอซิด และยาชา ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลคีลอยด์ง่าย เป็นโรคเลือดไหลไม่หยุด เป็นเริม หรืองูสวัด อาจจะต้องปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมก่อนทำหัตถการ\