American soldiers ย ทธภ ม ฝ านรกสงครามอ ร ก

เผยแพร่: 24 พ.ค. 2560 15:06 โดย: ทับทิม พญาไท

เรื่องระเบิดบ้านเรา...คงต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบเขาได้มีเวลาสืบสวน สอบสวนหาข้อพิสูจน์หลักฐาน พยานไปตามสภาพ จะไปคาดคั้น เร่งเร้าเอาความกันในวันนี้ พรุ่งนี้ คงไม่ถึงกับถูกเรื่องซักเท่าไหร่นัก เพราะเท่ากับเป็นการสร้างแรงกดดันให้กับคนทำงาน แทนที่จะหันไปสร้างแรงกดดันให้กับไอ้พวกที่วางระเบิด ซึ่งสมควรได้รับการด่า การประณาม สมควรจะทั้งกด ทั้งดัน ให้หนักๆ เข้าไว้...

ด้วยเหตุนี้...วันนี้คงต้องขออนุญาตแฉลบออกข้าง ไปดูเรื่องโลก เรื่องต่างประเทศ น่าจะเข้าท่ากว่า โดยเฉพาะเรื่องเจ้าพ่อเศรษฐีน้ำมันซาอุฯ ที่เพิ่งปูพรมต้อนรับ “ทรัมป์บ้า” พร้อมกับเซ็นสัญญาซื้ออาวุธล็อตอภิมโหฬารจากอเมริกา พรวดเดียวถึง 110,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะตามมาในรอบ 10 ปี อีกไม่น้อยไปกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แถมยังติดสินบนด้วยการทุ่มเงินลงทุนกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ ช่วยสร้างการจ้างงานในอเมริกา ตามด้วยการควักเงินบริจาคร่วมกับประเทศบริวารอย่าง UAE ประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ ให้กับมูลนิธิของลูกสาวประธานาธิบดีอเมริกัน “Ivanka Trump” แบบทื่อๆ ดื้อๆ ซะอีกต่างหาก...

หนึ่งในจำนวนอาวุธยุทโธปกรณ์ล็อตแรก ที่ถูกร่ำลือเอาไว้ในรายงานข่าวของสำนักข่าวหลายสำนัก ก็คือระบบป้องกันขีปนาวุธบริเวณพิกัดตำแหน่งสูง ที่เรียกๆ กันว่า “THAAD” ราคานับพันๆ ล้าน ซึ่งอเมริกาเพิ่งเข็นใส่ถาดไว้ในเกาหลีใต้เมื่อไม่นานมานี้นั่นเอง ทั้งๆ ที่เดิมทีซาอุฯ ก็มีระบบป้องกันขีปนาวุธที่มีประสิทธิภาพพอสมควร คือระบบจรวดป้องกันขีปนาวุธ “Patriot-2/3” ที่สามารถยิงสกัดกั้นทำลายจรวดของพวกกบฏฮูตีในเยเมนได้ผลเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์...

อย่างช่วงก่อนหน้าประธานาธิบดีอเมริกันจะย่างเหยียบมาถึงสนามบินกรุงริยาดห์แค่ไม่กี่ชั่วโมง...จังหวะนั้นเครือข่ายโทรทัศน์ “al-Masirah” ของเยเมน ถึงกับเผยแพร่รูปภาพการยิงขีปนาวุธ “Borkan-2” หรือ “Volcano 2” ของพวกกบฏเข้าใส่เมืองหลวงของซาอุฯ ในช่วงเย็นวันศุกร์ (19 พ.ค.) หวังจะส่งสัญญาณแสดงให้เห็นถึงเจ็บปวด รวดร้าว ความขมขื่นคับแค้นของบรรดาชาวเยเมน ที่ถูกกองทัพซาอุฯ โดยการหนุนหลังจากสหรัฐฯ และอังกฤษ ข่มขืน ขยำขยี้มาเป็นปีๆ แต่ในอีกไม่นาน...รายงานข่าวจากหลายๆ สำนักข่าว ไม่ว่าสำนักข่าว SPA (Saudi Press Agency) ของทางการซาอุฯ เอง สำนักข่าว AP และ Sputnik ก็ออกมายืนยันตรงกันว่า ระบบจรวดป้องกันขีปนาวุธของซาอุฯ สามารถสกัดกั้นทำลายจรวด “Borkan 2” ของกบฏเยเมน ขณะที่อยู่ห่างไปประมาณ 200 กิโลเมตร ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงริยาดห์ ได้โดยไม่ต้องรอให้ตกใส่หัวกบาล “ทรัมป์บ้า” อย่างชนิดแสดงออกถึงประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เอามากๆ...

แม้ว่าก่อนหน้านั้น...พวกกบฏเยเมน หรือพวก “ฮูตี” (Houthi Ansarullah) จะเคยประสบผลสำเร็จอยู่บ้างในการยิงจรวดชนิดเดียวกันเข้าใส่สนามบิน “King Salman” ใกล้ๆ กับกรุงริยาดห์ เมื่อช่วงวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา หรือเคยยิงเข้าใส่เมือง “Ta’if” ที่อยู่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงริยาดห์ ช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้ว ยิงใส่สนามบิน “King Fahad” “King Khalid” แถบเมืองเมกกะ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ฯลฯ แต่ก็เป็นความสำเร็จแบบไม่ถึงกับสร้างความระเคืองคายให้กับซาอุฯ มากมายซักเท่าไหร่ เพราะจรวดขีปนาวุธของพวกฮูตีนั้น ยังออกจะ “กระจอก” อยู่มาก คือเป็นขีปนาวุธประเภทที่หลงเหลือมาจากยุค “สงครามเย็น” โน่นเลย เช่นพวก SCUD-B, SCUD-C ที่ได้มาจากโซเวียตรัสเซียตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 หรือจรวด Hwasong 5 และ 6 ที่ได้มาจากเกาหลีเหนือช่วงต้นปี 2000 ก่อนที่จะถูกพวกฮูตียึดเอามาประยุกต์ใช้ กลายเป็นจรวดภูเขาไฟ Borkan หรือ Volcano ไปตามสภาพของประเทศที่มีเบี้ยน้อย หอยน้อย ประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก ซึ่งคงได้แค่สร้างความระเคืองระคายให้กับประเทศอภิมหาเศรษฐีอย่างซาอุฯ แต่เพียงเท่านี้...

ดังนั้น...การที่กองทัพซาอุฯ ตัดสินใจเข็นถาด หรือคิดจะนำเอาระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD มาติดตั้งไว้ในประเทศ แถมยังพร้อมควักเงินสดๆ นับเป็นพันล้านเป็นข้อแลกเปลี่ยน โดยไม่ต้องเสียเวลาทวงถามแบบเกาหลีใต้ ก็คงแทบไม่ได้เกี่ยวอะไรกับประเทศเล็กๆ จนๆ อย่างเยเมนเอาเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นที่รู้ๆ กันโดยแทบไม่ต้องตั้งคำถาม ว่าระบบป้องกันขีปนาวุธชนิดนี้มุ่งเอาไว้ใช้รับมือประเทศพี่เบิ้มแห่งตะวันออกกลาง อย่างอิหร่านนั่นแหละเป็นหลัก การที่บริษัท “Lockheed Martin” ของสหรัฐฯ โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาล ตัดสินใจขาย THAAD ให้กับซาอุฯ เที่ยวนี้ โดยลูกเขยประธานาธิบดีที่เป็นชาวยิวแท้ๆ ยังช่วยขอส่วนลดเป็นของแถมให้ด้วย จึงไม่ได้ต่างอะไรไปจากการช่วยกระพือโหม “ไฟนรกสุดขอบฟ้า” ให้สามารถลุกไหม้ทั่วภูมิภาคตะวันออกกลางได้อย่างรวดเร็วและรุนแรงยิ่งขึ้นนั่นเอง...ซึ่งจะเป็นเช่นไรนั้น วันพรุ่งนี้ลองว่าต่อกันอีกซักวัน...

สงครามทวิภพ แต่งตำรารัฐศาสตร์ใหม่ (จบ)

เผยแพร่: 18 มิ.ย. 2551 17:27 โดย: ยุค ศรีอาริยะ

สวรรค์ นรก มีจริงไหม

นักศึกษาคนเดิมยังถามต่อว่า

“อาจารย์ครับ ผมเข้าใจเรื่องวิญญาณและภพชาติแล้ว ขอถามอาจารย์อีกสักเรื่องหนึ่งว่า เรื่อง สวรรค์ นรก มีจริงไหมครับ”

ผมตอบว่า

“พวกคุณก็น่าจะรู้คำตอบผมแล้ว มีก็ได้ ไม่มีก็ได้” และผมก็หัวเราะ

นักศึกษาคนนั้นกล่าวย้ำว่า

“ผมอยากรู้จริงๆ เพราะมีเพื่อนบางคนนั่งสมาธิ แล้วบอกว่า ไปสวรรค์ ไปนรก ได้ ไม่รู้ว่าพวกเขาหลงงมงายไปหรือเปล่า”

ผมจึงตอบว่า

“ถ้าอยากจะเข้าใจเรื่องนี้กันจริงๆ ผมจะลองเล่านิทานให้ฟังอีกสักเรื่องหนึ่ง”

ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีดอกไม้งดงามมากดอกหนึ่ง กำเนิดขึ้นบนสวรรค์ ดอกไม้นี้งดงามมากจนทำให้เหล่านางฟ้าและเทวดาอยากได้ไปครอบครอง

เกิดสงครามการต่อสู้แย่งชิงกัน ในช่วงสงคราม ดอกไม้งามพลัดตกจากสวรรค์ ลงสู่โลกมนุษย์

ดอกไม้งามตกลงในโคลนตม ความงามที่มีอยู่ก็หายไป กลายเป็นดอกไม้สกปรก ไร้ค่า ไม่มีใครสนใจ

ดอกไม้ดีใจมากที่ตนเองไร้ความงาม และไม่มีใครสนใจ เพราะดอกไม้ได้มีชีวิตอยู่อย่างสงบเสียที

แต่ถึงอย่างไร ดอกไม้ก็ยังคงคิดถึงสถานที่ที่เกิดคือ สวรรค์ (ติดภพ) อยากจะกลับไปอยู่สรวงสวรรค์อีกครั้งหนึ่ง ดอกไม้จึงพยายามทำทุกทางที่จะกลับไปอยู่สวรรค์อีกครั้งหนึ่ง

แต่จะทำอย่างไร พยายามเท่าไหร่ ก็หาทางไม่พบ ในที่สุดก็ประกาศยอมตายโดยไม่ยอมทานอาหาร

พระอินทร์สงสารดอกไม้มาก จึงลงมาช่วยดอกไม้

ท่านสร้างนิมิตให้ดอกไม้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โคลนตมที่ติดดอกไม้ถูกสลัดหลุดไป ดอกไม้จึงทั้งใหญ่ ทั้งงามยิ่ง...ใหญ่จนเท่ากับดินแดนที่เรียกว่า สวรรค์ แล้วพระอินทร์ถามดอกไม้ว่า

“เจ้าพบ สวรรค์ แล้วหรือยัง”

เจ้าดอกไม้มองไปรอบๆ ก็ตอบว่า “พบแล้ว....... พบแล้ว ..........”

ผมย้อนถามนักศึกษาว่า

“เข้าใจสรวงสวรรค์ในความหมายของผมหรือยัง”

นักศึกษาคนหนึ่งกล่าวว่า

“อาจารย์กำลังบอกว่า สวรรค์มีอยู่ทุกแห่ง แม้แต่ตัวเราใช่ไหม”

ผมกล่าวขยายความต่อว่า

ถ้าเราตระหนักรู้ หรือเชื่อหลักฟิสิกส์ใหม่ ที่ว่า ‘โลกและจักรวาลทั้งหมดคือหนึ่งเดียวกัน’

เราก็จะรู้ว่า โลกใบนี้ ก็คือ ส่วนหนึ่งของสรวงสวรรค์

เวลากลางคืน ลองมองดวงดาวต่างๆ ยามค่ำคืน มองท้องฟ้า เราจะพบจักรวาลที่งดงามอย่างยิ่ง ถ้าเราตีค่าว่า สวรรค์ คือ ดินแดนแห่งความสวยสดงดงามอย่างยิ่ง เราจะพบสวรรค์

โลกใบนี้ ดาวทุกดวง รวมทั้งเราทุกคน ก็คือส่วนหนึ่งของสวรรค์ เช่นกัน เพราะเราทุกคนคือ ลูกของโลกใบนี้ และ เราคือลูกของจักรวาลที่งดงามและยิ่งใหญ่

มนุษย์นับแต่กำเนิด ได้เคยอาศัยอยู่ในโลกที่งดงามและอุดมมาก เราเริ่มชีวิตจากสัตว์เซลล์เดียวในน้ำ และค่อยๆ เติบใหญ่ขึ้นในน้ำ

อยากเห็นสวรรค์ไหม?

ลองดูสารคดี ชีวิตปลาที่แหวกว่ายอยู่ในท้องทะเลลึก เราก็จะพบสวรรค์ใต้น้ำ

ใต้ทะเลใหญ่มีธรรมชาติที่งดงามและอุดมยิ่ง

แต่อย่าลืมว่า ธรรมชาตินั้นมีกฎแห่งความเป็นอนิจจังดำรงอยู่ สวรรค์ก็อาจจะแปรเปลี่ยนเป็น นรกได้

วันนี้ สวรรค์ หรือโลกที่เราอาศัยอยู่ เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นนรกไปแล้ว เพราะเราไม่ตระหนักรู้ว่า เราคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่นี้

ในยุคที่ผ่านมา เราถูกครอบด้วยอวิชชา หรือความเชื่อว่าเราต้องเอาชนะธรรมชาติ และธรรมชาติคือ ศัตรูของเรา

จนวันนี้ เราได้ทำลายธรรมที่อุดมและงดงามลง จนเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติขึ้นมากมาย

แต่ถึงอย่างไร นรกก็สามารถแปรกลับเป็นสวรรค์อีกครั้งหนึ่งได้ ถ้าเราสามารถอภิวัฒน์จิตใจ (ความคิดและความเชื่อ) หรือรื้อสร้างจิตวิญญาณของเราใหม่หมด

เริ่มจากการมีจิตใจที่งดงาม...เริ่มจากการให้ความรักต่อธรรมชาติ ให้ความรักและเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์

ปรัชญาตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปรัชญาพุทธ ชี้ตรงไปที่ใจ

ใจที่งดงามมากๆ เท่านั้น จึงจะสร้างโลกใหม่ที่งดงามราวกับสรวงสวรรค์ได้

ดังนั้น จะเปลี่ยนนรกให้กลับเป็นสวรรค์ ควรเริ่มต้นที่ใจงดงามก่อน เพราะถ้าใจไม่งดงามพอ เราก็สร้างได้แค่นรกเท่านั้น

บทสรุป

วิกฤตการเมืองแบบไทยๆ ได้ช่วยเปิดโลกการเมืองในมิติที่เกี่ยวเนื่องกับจิตวิญญาณ เรื่องภพ เรื่องชาติ สวรรค์ นรก ขึ้น

เพื่อนๆ ผม มักจะโจมตีท่านอดีตนายกฯ กล่าวหาท่านว่า ‘เลว ใช้ไม่ได้เลย’

ผมกลับคิดว่า ท่านดียิ่ง เพราะท่านมีส่วนช่วยให้ผู้คนทั้งประเทศสนใจการเมือง และตื่นตัวทางการเมือง

สิ่งสำคัญ ท่านช่วยให้เราต้องเข้าใจไม่เพียงแต่เรื่องวิกฤตการเมืองประเทศไทยเท่านั้น ท่านยังต่อภาพให้คนไทยต้องเรียนรู้เรื่องโลกาภิวัตน์ด้วย

และข้อสำคัญอีกเช่นกัน ท่านได้ช่วยเปิดโลกทางจิตวิญญาณให้เราต้องศึกษาด้วย

เราได้ศึกษาเรื่อง อัตตา หรือตัวตน ที่ติดหลงความโลภ โกรธ หลง ที่สลัดหลุดได้ยากยิ่ง

บรรดาคนที่ติดหลงอยู่กับความโลภ ความโกรธ และความหลงที่ยิ่งใหญ่ จะมีพลังจิตที่ยิ่งใหญ่มาก มากเหนือกว่าคนธรรมดา

พลังจิตที่ยิ่งใหญ่นี้ ก่อเกิดจากการติดหลงในความยิ่งใหญ่ของตัวเอง หลงในอำนาจและเงินตรา ผู้คนเหล่านี้สามารถติดหลงแบบข้ามภพและข้ามชาติได้ด้วย

บางคนไม่ได้ติดหลงว่า ตัวเองยิ่งใหญ่ในชาตินี้ และชาติหน้าเท่านั้น ยังหลงในความยิ่งใหญ่ของตนในอดีตชาติด้วย

สงครามทวิภพจึงก่อตัวขึ้น

ทั้งหมด กล่าวอย่างสรุปคือ เรื่องราวของเวรกรรม ไม่ใช่กรรมของคนใดคนหนึ่งเท่านั้น เวรกรรมนี้ยังสามารถแปรเปลี่ยนเป็นกรรมร่วมของคนทั้งชาติ

นอกจากนี้ ต้องเข้าใจว่า มิติในแง่จิตวิญญาณนี้ไม่ใช่เรื่องของบุคคลใดบุคคลหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของจิตวิญญาณร่วมของกลุ่มคน หรือชนชั้นผู้นำระดับโลก

พวก Superclass หรือ พวกอภิ-อภิมหาร่ำรวย ไม่เพียงแต่มีอำนาจครอบโลกเท่านั้น พวกเขากำลังทำลายโลกเพราะพวกเขากำลังหากินกับการปล้นโลกนี้ทั้งใบ

พวกเขาล้วนติดหลงอยู่กับความโลภ ความโกรธ และความหลงอย่างยิ่ง ติดหลงจนงมงาย

คนกลุ่มนี้แม้ร่ำรวย มีเงินเป็นแสนๆ ล้าน รวยจนไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปใช้อะไร แต่ก็ไม่สามารถหยุดหาเงินได้

โลกทั้งใบจะหายนะ จะวิกฤตแค่ไหน ผู้คนจะอดอยากล้มตายนับพันล้านคน คนจะตายด้วยสงครามเท่าไหร่ พวกเขาไม่เคยสนใจ เขาก็คิดได้เพียงแค่คำว่า “หากำไร”

วันนี้ สิ่งที่น่ากลัว คือ ความละโมบ ทำให้พวกเขา หรือ Superclass จำนวนหนึ่ง หันมาสนใจประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง เพราะพวกเขาต้องการใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการมาปั่นราคาข้าวและราคาพืชผล

ถ้าเขาทำสำเร็จ ประชาชนทั่วโลกนับพันล้านคนจะเดือดร้อน และอดอยากล้มตาย

โลกทั้งใบจะเกิดกลียุค

เราชาวไทยต้องช่วยกันสกัดกั้นความพยายามของคนเหล่านี้ สกัดไม่ให้พวกเขาเข้ามามีอำนาจเหนือรัฐไทย และควบคุมเหนือระบบเกษตรกรรมของไทย