ตรวจย ดยาเสพต ด จ.ช ยภ ม 8 ส.ค 61

เผยแพร่: 31 ส.ค. 2557 22:17 โดย: MGR Online

ทหาร ตำรวจ ปส.และ ป.ป.ส. ประสานกำลังปูพรมปิดล้อม 49 เป้าหมายในพื้นที่ 13 จังหวัด บุกยึดทรัพย์เครือข่ายเอเยนต์ค้ายาบ้าชาวเขารวมกว่าร้อยล้านบาท เผยตั้งแต่ มิ.ย. 56 - ก.ค. 57 จับกุมผู้ร่วมขบวนการในเครือข่ายนี้ 13 คดี ได้ของกลางยาบ้ากว่า 18.8 ล้านเม็ด ไอซ์กว่า 10 กิโล

วานนี้ (31 ส.ค.) เวลา 08.30 น. นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมอำนวยการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันตก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จนถึงภาคเหนือ รวม 49 เป้าหมาย มูลค่าทรัพย์ประมาณ 100 ล้านบาท

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15-16 มีนาคม 2557 ตำรวจ ปส.จับกุมกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดชาวเขา โดยมีนายกรทอง ลีสายเกิด กับพวกรวม 9 คน พร้อมของกลางยาบ้า 3 ล้านเม็ด เป็นยาบ้าที่ประทับตราเพชร บรรจุอยู่ในกระสอบป่าน 15 กระสอบที่ จ.เพชรบูรณ์ จากการสอบสวนขยายผลและตรวจสอบบัญชีธนาคารพบว่ามีบุคคล 3 กลุ่มทำหน้าที่ด้านการเงินไปพร้อมกัน โดยจะใช้บัญชีธนาคารในชื่อของเครือญาติ และในชื่อของบุคคลอื่น โอนและรับโอนเงินเพื่อการค้ายาเสพติดจากลูกค้า รวมถึงค่าจ้างลำเลียง และค่ายาเสพติดที่จ่ายให้แก่เจ้าของยาเสพติด

จากการแกะรอยการใช้โทรศัพท์ทราบว่า นายเรืองฤทธิ์ ย่างวินิจฉัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดลำปาง ในคดีตรวจยึดยาบ้า 158,000 เม็ด ไอซ์ 1,020 กรัม ได้เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 55 สภ.เถิน จ.ลำปาง เป็นผู้ทำหน้าที่ว่าจ้างลำเลียง รับเงินค่ายาเสพติดจากผู้ซื้อ และจ่ายเงินค่าลำเลียง โดยเครือข่ายนี้มีลักษณะการลำเลียงยาเสพติดเป็นทอดๆ แบ่งเป็น 3 ทีม ทีมที่ถูกจับกุมได้เป็นทีมที่ 2 โดยทีมแรกขนจากแหล่งผลิตในประเทศเพื่อนบ้านมาส่งให้กับทีมที่ 2 ที่รอรับช่วงต่อในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้วลำเลียงมาเก็บพักไว้ในพื้นที่ตอนในเพื่อรอส่งต่อให้ทีมที่ 3 ลำเลียงส่งต่อกลุ่มลูกค้าพื้นที่ชั้นในและจังหวัดใกล้เคียง เช่น กทม. จ.เพชรบุรี จ.ชัยนาท จ.ราชบุรี และ จ.สงขลา โดยกลุ่มลูกค้านอกจากเป็นผู้เสพยาเสพติด หรือเป็นนักค้ายาเสพติดรายย่อยแล้วยังมีนักโทษในเรือนจังหวัดราชบุรีเป็นผู้ติดต่อสั่งการซึ่งเป็นเครือข่ายรายใหญ่มีบทบาทสำคัญในการลักลอบลำเลียงยาบ้าจำนวนมากจากแหล่งผลิตในประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเก็บพักในพื้นที่ตอนในก่อนส่งจำหน่ายลูกค้าในหลายพื้นที่

ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังรักษาความสงบ ตำรวจ ป.ส. ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ส.สืบสวนขยายผลและยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่ายนี้ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 6 และมาตรา 8 รวม 23 คน ทั้งหมด 49 เป้าหมาย ในพื้นที่ จ.เชียงราย จ.พะเยา จ.อุตรดิตถ์ จ.นครสวรรค์ จ.ตาก จ.ชัยนาท จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี จ.นครปฐม จ.ราชบุรี จ.เพชรบุรี และกรุงเทพมหานคร โดยมี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้อำนวยการปฏิบัติการเป้าหมายในพื้นที่ จ.เชียงราย ในคดีนี้ ปส. และเจ้าหน้าที่ทหารเป็นกำลังหลักในลงพื้นที่ปฏิบัติการ ในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ส.ได้สนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่เข้าร่วมยึดอายัดทรัพย์สิน และจัดระบบบริหารจัดการทางไกล เพื่อให้การบูรณการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยได้จัดระบบตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผ่านแอปพลิเคชัน CLEAR SEA ที่สามารถส่งภาพเคลื่อนไหวผ่านโทรศัพท์มือถือเข้าสู่ห้องบัญชาการของ ศปก.ป.ป.ส. ทำให้สามารถสั่งการได้แบบ Real time รวมทั้งสามารถเก็บไว้เป็นหลักฐานการปฏิบัติงานอีกด้วย

เลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าวว่า ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทหาร กองกำลังรักษาความสงบ ตำรวจ ป.ส.ที่ร่วมกันปฏิบัติการในวันนี้ โดยตั้งแต่มิถุนายน 2556 ถึงกรกฎาคม 2557 สามารถจับกุมบุคคลที่เกี่ยวข้องในเครือข่ายนี้รวม 13 คดี ของกลางเป็นยาบ้า 18.8 ล้านเม็ด และไอซ์อีก 10 กิโลกรัม จะเห็นได้ว่าเป็นเครือข่ายใหญ่ที่มีคนเกี่ยวข้องจำนวนมาก โดยมีเส้นทางการลำเลียงตั้งแต่เหนือจดใต้ มีทั้งนำเข้ายาเสพติด ลักลอบลำเลียง กระจายยาเสพติด และจำหน่ายในจังหวัดต่างๆ อย่างไรก็ตาม การปูพรมยึดอายัดทรัพย์สินครั้งนี้ได้ทรัพย์สินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ถือเป็นการตัดวงจรทางการเงินของเครือข่ายได้ระดับหนึ่ง ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส.เตรียมปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายในหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อลดความเดือดร้อนแก่ประชาชนและสังคมให้ได้มากที่สุด

**ยึดทรัพย์ม้งพะเยา-ตาก-เชียงใหม่เกลี้ยง

วันเดียวกัน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) พร้อมตำรวจเชียงราย, ทหารกองกำลังผาเมือง บุกเข้าตรวจสอบและตรวจยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่เครือข่ายค้ายาเสพติด อ.ภูซาง จ.พะเยา ที่ร่วมกับกลุ่มม้ง จ.ตาก และเชียงใหม่ ที่เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้ระหว่าง 15-16 มี.ค.ที่ผ่านมาได้ผู้ต้องหา 9 คนหลบหนีไปได้ 1 คน

ประกอบด้วย 1.นายกรทอง สีสายเลิศ หรือจีเป้ง แซ่ลี อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 282 ม.9 ต.สบบง อ.ภูซาง จ.พะเยา, 2. นายแสง อย่างรุ่งโรจน์เชิด อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 563 ม.4 ต.นาโบสถ์ อ.วังเจ้า จ.ตาก, 3. นายวีระยุทธ เลิศวลีศิลป์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 326 ม.1 ต.จอมหมอกแก้ว อ.แม่ลาว จ.เชียงราย 4. นายอัมรินทร์ เลิศพิทักษ์ภราดร อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 293 ม.9 ต.สบบง อ.ภูซาง, 5.นายสมชาย วรัญญูนุกุล อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 219 ม.9 ต.สบบง อ.ภูซาง,

6.นายสมพร แซ่ล่อ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 ม.4 ต.ตาดควัน อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย, 7.นายสมศักดิ์ แซ่ซ้ง อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 283 ม.9 ต.สบบง อ.ภูซาง 8.นายวีรศักดิ์ สหเจริญชัย อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 222 ม.1 ต.สบบง อ.ภูซาง และ 9.นายทรงชัย แซ่ม้า อายุ 21 อยู่บ้านเลขที่ 308 ม.7 ต.มหาวัน อ.แม่สอด จ.ตาก ส่วนผู้ที่ยังหลบหนีอยู่คือนายสุชาติ แซ่หว้า อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 638 ม.4 ต.นาโบสถ์ อ.วังเจ้า

ขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ตำรวจ ปส.ได้สืบทราบว่ามีการนำยาบ้ามาจากฝั่ง สปป.ลาว เพื่อนำเข้าทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เป็นเครือข่ายชาวม้ง อ.ภูซาง ร่วมกับชาวม้ง จ.ตาก และเชียงใหม่ ลักลอบนำยาบ้าเข้ามาทางชายแดนด้าน อ.ท่าลี จ.เลย เจ้าหน้าที่สกัดจับกุมได้เกือบยกแก๊ง

สองคนแรกถูกจับกุมได้บริเวณริมถนนสามัคคีชัย เขต ต.ท่าพล อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ พร้อมของกลางยาบ้า 15 กระสอบ รวมทั้งหมด 3 ล้านเม็ดวางไว้บนรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ทะเบียน 1 ฒ1 4523 กรุงเทพฯ ส่วนคนอื่นๆ เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันขยายผลไปติดตามจับกุมได้หลายจุด บางคนทำหน้าที่เป็นคนขับรถคุ้มกัน และดูเส้นทาง เช่น บริเวณสวนสตรอว์เบอร์รี บ้านเพชรดำ ม.10 ต.เขาค้ำ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์, ด่านตรวจห้วยไร่ ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ เป็นต้น

แต่นายสุชาติ ซึ่งขับรถอีซูซุ สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนไปทาง ต.วังชมพู อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ เมื่อทราบว่าคนอื่นถูกจับจึงจอดรถและวิ่งหลบหนีไปได้ ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลออกหมายจับนายสุชาติ, นายเรืองฤทธิ์ ย่างวินิจฉัย และนายวิศนุ บวรนิตย์ อยู่ด้วย

**เผยลอบขนยาบ้าหลายล้านเม็ดถึง 4 เที่ยว

จากการสอบสวนทราบว่ามีการกระจายยาเสพติดไปทั่วประเทศ เคยขนมาแล้วถึง 3 ครั้ง ครั้งล่าสุดที่ถูกจับกุมเป็นครั้งที่สี่ สำหรับครั้งแรกขนยาบ้าเข้ามาช่วงเดือน พ.ค.-ธ.ค. 2556 จำนวนยาบ้าประมาณ 1.5 ล้านเม็ด ครั้งที่สองเดือน ม.ค.57 ยาบ้าประมาณ 2 ล้านเม็ด ครั้งที่สามวันที่ 20-21 ก.พ.ที่ผ่านมา ยาบ้ากว่า 2.2 ล้านเม็ด แต่ละครั้งจะมีผู้ว่าจ้างเป็นกลุ่มเดิม เป้าหมายอยู่ที่กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในเขต จ.เพชรบุรี นนทบุรี ชัยนาท ปทุมธานี และนครสวรรค์เป็นหลัก

หลังจับกุมเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบตามหลักฐานที่ได้จากการสอบสวนและร่องรอยการโอนเงินทางบัญชีต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง 23 ราย แยกเป็นฐานความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 6 ราย ความผิดเกี่ยวกับการสนับสนุนผู้กระทำผิดยาเสพติดจำนวน 9 ราย การสมทบกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 14 ราย

ทั้งนี้ พบว่าที่บ้านของนายสุทีวัส แซ่เติน บ้านเลขที่ 60 ม.10 ต.ยางฮอม อ.ขุนตาล มีทรัพย์สินเป็นบ้านอยู่ในเขต ต.เวียง อ.เมือง ราคา 10 ล้านบาท, โฉนดที่ดินในเขต ต.ยางฮอม อ.ขุนตาล 4 แปลง, ที่ดิน น.ส.3 และไม่ทราบเลขที่โฉนดอีกนับ 100 ไร่, รถยนต์ 4 คัน, รถแทรกเตอร์, รถจักรยานยนต์ ฯลฯ

ส่วนนางกองเกียว แซ่เติน หรือเงินอ่อน อยู่บ้านเลขที่ 5 ม.10 ต.ยางฮอม อ.ขุนตาล ก็มีทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 31 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโฉนดที่ดินใน ต.ยางฮอม อ.ขุนตาล แต่ก็มีอพาร์ตเมนต์อยู่ใน ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย และโฉนดที่ดิน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รวมหลายรายการด้วย ฯลฯ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งเหตุผลและข้อกฎหมายเกี่ยวกับคดีให้ทั้งหมดได้รับทราบพร้อมตรวจทรัพย์สินตามกฎหมายต่อไป

**จับ3เครือข่ายยาตระกูล"แซ่เติน"ในเพชร

วันเดียวกันที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี นายมณเฑียร ทองนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี พล.ต.ต.พุทธิชาต เอกฉันท์ รอง ผบช.ปส. และ พล.ต.สมพงษ์ ไทรงาม ผบ.มทบ.15 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวหลังได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 104/2 หมู่ 5 ต.ท่ายาง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นบ้านกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ของทางภาคเหนือ

โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 3 รายขณะพักอยู่ภายในบ้าน ประกอบด้วย 1.นายธิติพงษ์ โหรชัยยะ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ถนนบ้านชะอำ 3/2 ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี 2.น.ส.สาวิตรี ศรีสวัสดิ์ อยู่บ้านเลขที่ 114/2 หมู่ 10 ต.ท่ายาง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี และ 3.น.ส.แอน ช่วงชู อยู่บ้านเลขที่ 48/2 หมู่ 2 ต.สระพัง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี

จากการตรวจค้นภายในบ้านพบของกลางหลายรายการที่มีทั้งอาวุธปืน เงินสด สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร และทรัพย์สินอื่นๆ เช่น รถยนต์ ที่ดินบ้าน อีกหลายรายการที่คาดว่าน่าจะได้มาจากการขายยาเสพติด โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดทรัพย์สินทั้งหมดรวมทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาทไว้ตรวจสอบ พร้อมแจ้งข้อหาผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ในข้อหาสมคบกันและสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายใจ๋เจียว แซ่เติน ได้พร้อมยาบ้าในพื้นที่ จ.เชียงราย หลังจากนั้นถูกควบคุมตัวผู้ต้องหามาไว้ที่เรือนจำจังหวัดราชบุรี โดยขณะที่นายใจ๋เจียว ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำจังหวัดเพชรบุรี ได้ใช้โทรศัพท์ติดต่อกับนายสุทิวัส แซ่เติน พี่ชายของตนซึ่งเป็นพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ของทางภาคเหนือ และสร้างเครือข่ายบาบ้าจากในเรือนจำ โดยมีนายสมพร แซ่ล้อ เป็นผู้ส่งมอบยาเสพติดให้กับนายจันทร์ดี แซ่เดิน ในพื้นที่รังสิต จ.ปทุมธานี และส่งยาบ้ามาในพื้นที่ จ.เพชรบุรี โดยมีผู้ต้องหาทั้ง 3 รายคือ น.ส.แอน เป็นผู้รับยาเสพติดทั้งหมด นายธิติพงษ์ เป็นผู้กระจายยาบ้าส่งให้กับพ่อค้ายาบ้ารายย่อยอีกทอดในพื้นที่ จ.เพชรบุรี โดยมี น.ส.สาวิตรี เป็นคนดำเนินการในเรื่องของการรวบรวมเงินค่ายาเสพติดโอนส่งไปยังนายสุทิวัส พ่อค้ายาบ้ารายใหญ่ในภาคเหนือ

อีกทั้งการปฏิบัติการครั้งนี้มาจากการสืบสวนขยายผลตามนโยบายของ คสช.และตำรวจทำให้ได้ข้อมูลเครือข่ายผู้กระทำความผิดและผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมในลักษณะเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายระดับประเทศ และจากคำรับสารภาพของผู้ต้องหากลุ่มนี้ทำให้ทราบว่า เคยมีการลำเลียงยาเสพติดจากผู้ว่าจ้างลักษณะนี้มาแล้ว 3 ครั้งที่จับกุมได้ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 โดยส่งแต่ละครั้งเป็นการรับจ้างจากกลุ่มผู้ว่าจ้างกลุ่มเดิมและใช้ทีมลำเลียงยาเสพติดชุดเดิม รวมทั้งใช้เส้นทางลำเลียงเหมือนกันทุกครั้ง

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังพบร่องรอยการโอนเงินทางบัญชีจากกลุ่มผู้ค้าและกระจายยาเสพติดไปยังผู้สั่งการ ผู้ลำเลียงยาเสพติดตระกูล "แซ่เติน" ใน จ.เพชรบุรีด้วย.