เศรษฐกิจ พอ เพียง ใน ชีวิต ประ จํา วัน ตัวอย่าง

พลอดุลยเดชมหาราช ที่ทรงให้แนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยตลอดนานกว่า ๓๐ คือ ใช้จ่าย ๓ ส่วน และเก็บออม ๑ ส่วน ฉันและครอบครัวได้นำมาปฏิบัติทำให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ครอบครัวของฉันอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง ดังนี้ ๑.พอมีพอกิน ปลูกพืชสวนครัวไว้กินเองบ้าง ปลูกไม้ผลไว้หลังบ้าน ๒-๓ ต้น พอที่จะมีไว้กินเองในครัวเรือน แบ่งให้เพื่อนบ้านบ้าง เหลือจึงขายไป ๒.พออยู่พอใช้ ทำให้บ้านน่าอยู่ ปราศจากสารเคมี กลิ่นเหม็น ใช้แต่ของที่เป็นธรรมชาติ รายจ่ายลดลง สุขภาพจะดีขึ้น (ประหยัดค่ารักษาพยาบาล) คุณพ่อของฉันและฉันมักเน้นเกี่ยวกับเรื่องไฟฟ้าและน้ำประปา ท่านให้พวกเราช่วยกันประหยัด ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือโรงเรียน ก็ควรปิดน้ำ ปิดไฟ เมื่อเลิกใช้งานทุกครั้ง ๓.พออกพอใจ เราต้องรู้จักพอ รู้จักประมาณตน ไม่ใคร่อยากใคร่มีเช่นผู้อื่น เพราะเราจะหลงติดกับวัตถุ ชีวิต โดยจะอยู่ในกิจกรรม การนำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันของนางสาว เกสร จุติลาภถาวร คือการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ใช้จ่ายในเรื่องที่เห็นว่าไม่จำเป็น มีการจัดสรรค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน แบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน รวมถึงนำเงินที่เหลือที่ได้จากค่าขนมและค่าใช้จ่ายในแต่ละวันมาออมไว้ทำให้ข้าพเจ้าไม่ต้องรบกวนเงินของบิดามารดา อีกประการหนึ่งข้าพเจ้าจะใช้สิ่งของทุกชิ้นอย่างรู้คุณค่า โดยมีการคิดคำนวณก่อนที่จะซื้อของสิ่งๆหนึ่งว่าสิ่งของนั้นๆสามารถใช้ได้นานแค่ไหน คุ้มหรือไม่?กับการซื้อในแต่ละครั้ง การกระทำนี้นอกจากจะได้ของใช้ที่มีประสิทธิภาพแล้วยังเป็นการประหยัดเงินและตรงตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชพ่อหลวงของเราอีกด้วย

เป็นที่ทราบกันว่าหลักการ เศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย 3 ห่วงและ 2 เงื่อนไข 3 ห่วง คือ ความพอประมาณการมีเหตุมีผล และมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง และ 2 เงื่อนไข คือ การมีความรู้และยึดมั่นในคุณธรรมในการใช้ชีวิต

ซึ่งเราสามารถปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้ ดังต่อไปนี้

1. มีความพอประมาณ

จะต้องรู้ว่าค่าใช้จ่ายของเราแต่ละวันมีมากน้อยเพียงใดโดยการทำบัญชีรายรับรายจ่าย จะช่วยให้บริหารการเงินได้เป็นอย่างดี ไม่ใช้เงินเกินกว่าความสามารถในการชำระหนี้สิน และทำให้เสริมวินัยในการเก็บออมได้ดีขึ้น

2. การมีเหตุผล

การมีเหตุผลเหนืออารมณ์จะทำให้มีสติในการทำงาน เช่น มีความขยันอดทน แม้จะมีอุปสรรคในการทำงานต่าง ๆ เพื่อจะทำให้มีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวได้ หากไม่ทำงานให้ดีหรือขี้เกียจ ก็จะทำให้ถูกไล่ออกและครอบครัวลำบากได้ หรือคนที่ต้องการจะมีธุรกิจของตัวเองในอนาคต จะมีความยึดมั่นในเหตุผลว่า เราต้องเก็บเงินออมวันนี้ให้มากขึ้น ลดการซื้อของใช้แฟชั่นต่าง ๆ เพื่ออนาคตที่ดีกว่า

3. การมีภูมิคุ้มกัน

การไม่ประมาทในชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องคำนึงถึง การทำประกันชีวิต ประกันสุขภาพ การเก็บออมรูปแบบต่าง ๆ สำคัญต่อการมีเงินสำรอง แม้ว่าจะตกงานหรือมีญาติพี่น้องป่วยจะได้ช่วยเหลือกันได้ ตัวอย่าง เช่น การออมกับ กอช. หรือ กองทุนการออมแห่งชาติ การทำประกันสุขภาพของสำนักงานประกันสังคมในรูปแบบมาตราต่าง ๆ เพื่อที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล การทำประกันชีวิตและสุขภาพกับบริษัทที่ไว้ใจได้ เพราะหากเกิดโรคร้ายกับตัวเอง เช่น โรคมะเร็งหรือประสบอุบัติเหตุ จะได้รับเงินช่วยเหลือและค่าชดเชยการขาดงาน

4. การมีความรู้

ผู้ที่จะเติบโตได้ดีในทุกสายงาน ไม่ว่าจะทำงานราชการเอกชน หรือทำธุรกิจส่วนตัว จะต้องมีการเสริมความรู้ให้กับตัวเองอยู่เสมอ ไม่ควรที่จะหยุดนิ่ง โดยเฉพาะในปัจจุบันมีนวัตกรรม เช่น เทคโนโลยี AI และระบบโทรศัพท์มือถืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่สามารถทำให้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้รวดเร็วมากขึ้น

5. การมีคุณธรรม

ผู้ที่มีคุณธรรมจะทำให้ชีวิตเจริญก้าวหน้าในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ที่เป็นเจ้านายต้องมีความเมตตาให้ลูกน้อง จึงจะได้รับความเคารพและได้รับความร่วมมือในการทำงานให้อย่างเต็มที่ ผู้ที่เป็นเพื่อนก็ต้องซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่นินทาหรือนำความลับของเพื่อนไปบอกต่อให้ได้รับความเสียหาย เป็นต้น หากทุกคนมีคุณธรรมประจำใจ จะทำให้สังคมเราอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขยิ่งขึ้น

จะเห็นได้ว่า หลักการเศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวันทุก ๆ ด้าน ขอเพียงศึกษาให้เข้าใจและมีความสม่ำเสมอในการใช้หลักการนี้ ก็จะทำให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งด้านการงาน การเงินและความสุขในครอบครัวมากขึ้นแน่นอน

จากแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ที่ทรงให้แนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยตลอดนานกว่า ๓๐ คือ ใช้จ่าย ๓ ส่วน และเก็บออม ๑ ส่วน ฉันและครอบครัวได้นำมาปฏิบัติทำให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ครอบครัวของฉันอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง ดังนี้ ๑.พอมีพอกิน ปลูกพืชสวนครัวไว้กินเองบ้าง ปลูกไม้ผลไว้หลังบ้าน ๒-๓ ต้น พอที่จะมีไว้กิน เองในครัวเรือน แบ่งให้เพื่อนบ้านบ้าง เหลือจึงขายไป

เศรษฐกิจ พอ เพียง ใน ชีวิต ประ จํา วัน ตัวอย่าง
ขอขอบคุณ thipaksorn13.wordpress.com

๒.พออยู่พอใช้ ทำให้บ้านน่าอยู่ ปราศจากสารเคมี กลิ่นเหม็น ใช้แต่ของที่เป็นธรรมชาติ รายจ่ายลดลง สุขภาพจะดีขึ้น (ประหยัดค่ารักษาพยาบาล) คุณพ่อของฉันและฉันมักเน้นเกี่ยวกับเรื่องไฟฟ้าและน้ำประปา ท่านให้พวกเราช่วยกันประหยัด ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือโรงเรียน ก็ควรปิดน้ำ ปิดไฟ เมื่อเลิกใช้งานทุกครั้ง

เศรษฐกิจ พอ เพียง ใน ชีวิต ประ จํา วัน ตัวอย่าง
ขอขอบคุณ www.kwcd-cincinnati.com/

๓.พออกพอใจ เราต้องรู้จักพอ รู้จักประมาณตน ไม่ใคร่อยากใคร่มีเช่นผู้อื่น เพราะเราจะหลงติดกับวัตถุ ชีวิต โดยจะอยู่ในกิจกรรม “ออมวันนี้ เป็นเศรษฐีวันหน้า”

เศรษฐกิจ พอ เพียง ใน ชีวิต ประ จํา วัน ตัวอย่าง

ขอขอบคุณ www.childanddevelopment.com/สอนลูกให้รู้ค่าของเงิน/

๔.เมื่อมีรายได้แต่ละเดือน จะแบ่งไว้ใช้จ่าย ๓ ส่วน เป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าจิปาถะ ที่ใช้ในครัวเรือน รวมทั้งค่าเสื้อผ้า เครื่องใช้บางอย่างที่ชำรุด เป็นต้น

ขอขอบคุณ infographic.in.th/infographic/ฝากเงินที่ไหนดี

๕.ฉันจะยึดความประหยัด ตัดทอนรายจ่ายในทุกๆ วันที่ไม่จำเป็น ลดละความฟุ่มเฟือย การปฏิบัติตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงยึดหลัก พออยู่ พอกิน พอใช้ ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่าย ลดความฟุ่มเฟือย ในการดำรงชีพ “ความเป็นอยู่ที่ต้องไม่ฟุ้งเฟ้อต้องประหยัดไปในทางที่ถูกต้อง” ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้องและสุจริต “ความเจริญของคนทั้งหลายย่อมเกิดมาจากการประพฤติชอบ และการหาเลี้ยงชีพชอบเป็นสำคัญ”

เศรษฐกิจ พอ เพียง ใน ชีวิต ประ จํา วัน ตัวอย่าง

ขอขอบคุณ uknowledge.org/author/knowlageteam/page/11

ตัวอย่างการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

– ด้านการใช้จ่ายเงินในครอบครัว คือ ในครอบครัวจะมีการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายประจำวัน รวมถึงตัวของเราเองก็จะมีการวางแผนหรือจดบันทึกเพื่อที่จะได้ทราบว่าในแต่ละวันเราใช้จ่ายไปเท่าไหร่ ครอบครัวเราใช้จ่ายอะไรบ้างในแต่ละวัน ซึ่งเราจะได้รู้ถึงหลักการในการใช้จ่ายเงินให้เหมาะสมภายในครอบครัว

– ด้านการใช้เงิน คือ ตั้งแต่เราได้เงินมาโรงเรียนจากพ่อแม่เราก็เริ่มวางแผนการใช้จ่ายเงินในวันนั้นว่าจะ ต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง และ เงินส่วนที่เหลือก็ให้เป็นส่วน ของเงินเก็บ เพื่อนำไปฝากธนาคาร หรือ นำไปใช้ในยามที่จำเป็นจริงๆ

– ด้านการเลือกซื้อของ คือ เวลาเราจะเลือกซื้อของชิ้นใดชิ้นหนึ่งนั้นต้องคำนึงถึงความเหมาะสมว่าของสิ่งนั้นเหมาะสมกับเราหรือเปล่า ราคาเหมาะกับสินค้าหรือไม่และการนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง และต้องเข้ากับหลักแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงด้วย คือไม่ฟุ่มเฟือยเกินไป ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย และซื้อของที่จำเป็นจริงๆ เป็นต้น

เศรษฐกิจพอเพียงนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร

การนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ด้านเศรษฐกิจ ไม่ใช้จ่ายเกินตัว ไม่ลงทุนเกินขนาด คิดและวางแผนอย่างรอบคอบ มีภูมิคุ้มกันไม่เสี่ยงเกินไป เช่น ทำบัญชีรายรับรายจ่ายเพื่อที่จะจัดการการใช้จ่ายเงินได้อย่างเป็นระบบ ด้านจิตใจ มีจิตใจเข้มแข็ง มีจิตสํานึกที่ดี เอื้ออาทร เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่า ประโยชน์ส่วนตัว

นักเรียนสามารถนำแนวคิดของหลักเศรษฐกิจทฤษฎีใหม่ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร

1. ให้ประชาชนพออยู่พอกินสมควรแก่อัตภาพในระดับที่ประหยัด ไม่อดอยาก และเลี้ยงตนเองได้ 2. ในหน้าแล้งมีน้ำน้อยก็สามารถเอาน้ำที่เก็บไว้ในสระ มาปลูกพืชผักต่าง ๆ ได้ แม้แต่ข้าวก็ยังปลูกได้ โดยไม่ต้องเบียดเบียนชลประทาน 3. ในปีที่ฝนตกตามฤดูกาลโดยมีน้ำดีตลอดปี ทฤษฎีใหม่นี้ก็สามารถสร้างรายได้ให้ร่ำรวยขึ้นได้

ผู้ประกอบการสามารถนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการจัดการกับชีวิตได้อย่างไร

๑. ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และความฟุ่มเฟือย การดำรงชีพอย่างจริงจัง ๒. ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลนในการดำรงชีพก็ตาม ๓. ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ในทางค้าขาย การประกอบอาชีพแบบต่อสู้กันอย่างรุนแรง ๔. ไม่หยุดนิ่งที่ใฝ่หาความรู้อย่างสมํ่าเสมอ ให้เกิด มีรายได้ ...

เงื่อนไขในการดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงมีอะไรบ้าง

แนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ได้แก่ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกัน และอยู่ภายใต้เงื่อนไขความรู้และคุณธรรม ความพอประมาณ หมายถึงความพอดี พอเหมาะไม่มากหรือน้อยเกินไปจนเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นซึ่งเป็นไปตามพุทธเศรษฐศาสตร์ ยึดหลักทางสายกลางและความไม่โลภ