Psyllium Husk (ไซเลียม ฮัสค์) เป็นใยอาหารที่สกัดจากเมล็ดไซเลียม ฮัสค์หรือในชื่อไทยคือ เทียนเกล็ดหอย นิยมนำมาใช้เป็นยาระบาย เพื่อรักษาอาการท้องผูกและปัญหาการขับถ่ายที่ผิดปกติ โดยจะช่วยเพิ่มปริมาตรของอุจจาระ ทำให้อุจจาระเคลื่อนตัวผ่านลำไส้ได้ง่ายขึ้น และช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในอุจจาระ ทำให้อุจจาระนิ่มลงและง่ายต่อการขับถ่าย Show นอกจากนี้ Psyllium Husk อาจใช้ร่วมกับการรับประทานอาหารตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย และนำมาใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ เกี่ยวกับยา Psyllium Huskกลุ่มยายาระบาย (Laxative)ประเภทยายาหาซื้อได้เอง ยาตามใบสั่งแพทย์ สรรพคุณรักษาอาการท้องผูกกลุ่มผู้ป่วยเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป ผู้ใหญ่รูปแบบของยา ยารับประทาน การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตรเนื่องจากยังไม่มีการระบุหมวดหมู่ของยา Psyllium Husk สำหรับการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ สตรีมีครรภ์หรือผู้ให้นมบุตรจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยานี้ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ หรืออาจซึมผ่านน้ำนมแม่และก่อให้เกิดอันตรายต่อทารก คำเตือนในการใช้ยา Psyllium Huskเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
ปริมาณการใช้ยา Psyllium Huskปริมาณและระยะเวลาในการใช้ Psyllium Husk จะแตกต่างกันไปตามยาแต่ละยี่ห้อ ช่วงอายุและปัญหาสุขภาพของผู้ป่วย และดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา ผู้ป่วยจำเป็นต้องอ่านฉลากบรรจุภัณฑ์ก่อนใช้อย่างถี่ถ้วน และใช้ยาตามฉลากหรือตามคำสั่งแพทย์ โดยมีตัวอย่างการใช้ยา Psyllium Husk ดังนี้
ทั้งนี้ Psyllium Husk อาจมีจำหน่ายในรูปแบบอื่น ๆ อาทิ ชนิดแผ่น และชนิดแคปซูล จึงควรอ่านคำแนะนำบนฉลากบรรจุภัณฑ์ก่อนการใช้ยาเสมอ การใช้ยา Psyllium Huskวิธีการใช้ยาเพื่อความปลอดภัยมีดังนี้
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Psyllium Huskโดยทั่วไป ยา Psyllium Husk อาจส่งผลให้ท้องอืด ปวดเกร็งหน้าท้อง หรือพฤติกรรมการขับถ่ายเปลี่ยนไปเล็กน้อย ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการที่เกิดขึ้นทวีความรุนแรงหรือคงอยู่เป็นเวลานาน ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการที่รุนแรงขึ้นควรหยุดใช้ยาแล้วไปพบแพทย์โดยด่วน เช่น ท้องผูกนานกว่า 7 วัน มีเลือดออกทางทวารหนัก ปวดท้องอย่างรุนแรง หรือมีอาการแพ้ยา อาทิ ผื่น คัน ลมพิษ เวียนศีรษะอย่างรุนแรง หายใจลำบาก อาการบวมบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น และคอ นอกจากนี้หากยาชนิดผงพองตัวในลำคอและระบบทางเดินอาหาร ผู้ป่วยอาจสำลักหรือเกิดการอุดตันในระบบดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลให้มีอาการ เช่น เจ็บหน้าอก อาเจียน กลืนหรือหายใจลำบาก และหากพบผลข้างเคียงหรือความผิดปกติอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม และรับการรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ |