ตัวอย่าง คอน เท น ท์ ที่ ประสบ ความ สําเร็จ

ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการทำการตลาดในปัจจุบัน เพราะคอนเทนต์ คือ Message ที่แบรนด์หรือธุรกิจต้องการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้า ให้เข้าใจในตัวสินค้าของแบรนด์ หรือทำหน้าที่ตอบคำถามคลายข้อสงสัยให้กับพวกเขา

โดยคอนเทนต์ คือบทความ, ภาพถ่าย, วิดีโอ, โพสต์, สเตตัส หรือแม้แต่การรีวิวก็นับว่าเป็นคอนเทนต์ที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่างแบรนด์ไปหาลูกค้าได้ทั้งสิ้น แต่หากต้องการทำคอนเทนต์ให้ประสบความสำเร็จนั้นก็ต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่า Content Marketing เข้ามาเป็นกลยุทธ์ในการนำเสนอเพื่อให้ธุรกิจสามารถสร้างการเติบโตได้ในโลกออนไลน์

ในบทความนี้เราเลยขอมาอธิบายว่า Content Marketing คืออะไร พร้อมตัวอย่างกลยุทธ์ทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจ เพื่อเป็นตัวช่วยให้คุณได้เข้าใจศาสตร์แห่งคอนเทนต์ในปัจจุบันกันมากขึ้น

Content Marketing คือ กลยุทธ์การตลาดผ่านการสื่อสารด้วยคอนเทนต์ ประกอบด้วยศัพท์ 2 คำ ได้แก่ Content แปลว่าเนื้อหาหรือข้อความ รวมกับคำว่า Marketing ที่หมายถึง การทำการตลาด ทำให้การทำ Content Marketing นั้นหมายความถึงการสร้างสรรค์คอนเทนต์ลงในช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์, Social Media ฯลฯ เพื่อจุดประสงค์ทางการตลาด เช่น การส่งมอบคุณค่าหรือความรู้ของผลิตภัณฑ์, กระตุ้นการสร้าง Engagement ให้กับธุรกิจ, ช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายหรือช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมายจนนำไปสู่การสร้าง Conversion เป็นต้น

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : Inbound Marketing คืออะไร ทำไมธุรกิจควรทำการตลาดแบบดึงดูด

เป้าหมายการทำ Content Marketing

เป้าหมายการทำ Content Marketing นั้นแน่นอนว่านอกจากจะเป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่างแบรนด์กับลูกค้าแล้ว การทำ Content Marketing ยังสามารถช่วยธุรกิจของคุณได้อีกในด้านต่าง ๆ ดังนี้

  1. Brand Awareness – การสร้าง Brand Awareness หรือการสร้างการรับรู้ในตัวแบรนด์ให้กับกลุ่มเป้าหมาย การรับรู้ภาพลักษณ์ของแบรนด์จะช่วยให้สินค้าหรือบริการของธุรกิจคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น กลุ่มเป้าหมายเข้าใจถึงประโยชน์ที่คุณต้องการจะมอบให้ได้ดีขึ้น
  2. Lead Conversion & Nurturing – การทำ Content Marketing เป็นเหมือนการหล่อเลี้ยงและบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าเป้าหมาย ให้เขาเปลี่ยน Stage มาตัดสินใจซื้อสินค้าของคุณอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งสามารถต่อยอดไปสู่การสร้าง Conversion ได้
  3. Customer Conversion – ช่วยส่งเสริมการขายสร้างยอด Conversion, Lead ได้เป็นอย่างดี เพราะกลุ่มเป้าหมายจะเริ่มคุ้นเคยและติดตามคอนเทนต์ที่คุณเผยแพร่ ทันทีที่พวกเขาพบเจอกับสินค้าหรือบริการของแบรนด์คุณที่ตรงกับความต้องการของเขา ก็ช่วยให้พวกเขาตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เพราะเกิดความไว้วางใจในแบรนด์คุณแล้ว
  4. Customer Service – การสร้างคอนเทนต์เป็นส่วนหนึ่งในการบริการลูกค้า (Customer Service) เพราะในกรณีที่ลูกค้าเกิดคำถามต่าง ๆ เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ ถ้าคุณมีการทำคอนเทนต์ที่ตอบข้อสงสัยคลายปัญหาให้พวกเขาได้ กลุ่มเป้าหมายก็จะศึกษาจากคอนเทนต์ได้ทันที โดยไม่ต้องถามหรือ Feedback อะไรกลับมาหาธุรกิจเลย
  5. Retention / Loyalty – การสร้างคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอนั้นสามารถช่วยกระตุ้นการซื้อซ้ำ (Retention) และช่วยเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ หรือ Brand Loyalty ได้ เพราะพวกเขาจะเห็นว่าแบรนด์ของคุณมีความสม่ำเสมอในการให้บริการ และ Active อยู่อย่างต่อเนื่อง
  6. Upsell – ช่วยในเรื่องของการ Upsell หรือเสนอขายสินค้าตัวอื่น ๆ ที่อยู่ในแบรนด์ของคุณได้ เพราะบางทีลูกค้าอาจจะรู้จักแบรนด์ของคุณเพราะสินค้าตัวหนึ่งที่พาพวกเขาเข้ามารู้จัก การทำคอนเทนต์จึงเป็นวิธีการสื่อสารที่ทำให้พวกเขาได้รู้จักกับสินค้าตัวอื่น ๆ และกระตุ้นยอดขายให้ธุรกิจคุณอย่างทั่วถึง
  7. Passionate Subscribers – การทำคอนเทนต์เป็นเทคนิคที่ดีที่สุดในการเพิ่มยอดผู้ติดตาม (Subscribers) ทั้งใน Social Media หรือ Email Marketing เพราะการทำคอนเทนต์ที่สม่ำเสมอและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายก็จะทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกชื่นชอบและอยากติดตามแบรนด์ของคุณไปตลอด

ความสำคัญของ Content Marketing

Content Marketing เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่เชื่อมโยงกับกลยุทธ์การทำการตลาดเกือบทั้งหมด เพราะในการทำการตลาดดิจิทัลต้องใช้คอนเทนต์เป็นตัวกลางในการสื่อสารไปสู่กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการทำคอนเทนต์บนเว็บไซต์เพื่อ SEO, การทำ Social Media Post, การยิงแอด Facebook, การทำ Marketing Automation ฯลฯ ทั้งหมดนี้ก็ล้วนแต่ต้องใช้ Content Marketing เป็นตัวกลางในการขับเคลื่อนทั้งหมด

ยิ่งถ้าแบรนด์ไหนที่มีสไตล์การทำคอนเทนต์ที่ชัดเจน มีการตอกย้ำถึงเนื้อหาที่เป็น Value ของธุรกิจเป็นประจำและสามารถทำคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ ตอบข้อสงสัยของกลุ่มเป้าหมายได้มาก แบรนด์ก็จะยิ่งได้รับความเชื่อถือเป็นเหมือนการทำ Branding ที่มีประสิทธิภาพและได้ประโยชน์ในสายตาของผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดล้วนส่งต่อไปถึงการได้มาซึ่งยอดขายที่สามารถทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้

ลักษณะการทำ Content ที่ดี

เราลองมาดูลักษณะการทำ Content ที่ดีบ้างว่าหากธุรกิจของคุณต้องการทำ Content ให้ออกมาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และสามารถนำไปสู่การได้มาซึ่งสิ่งที่ธุรกิจของคุณต้องการได้ ควรต้องใส่ใจกับอะไรบ้างในการทำคอนเทนต์ออกมาชิ้นหนึ่ง

  • สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • มีการเล่าเรื่องที่น่าดึงดูดให้ติดตามต่อ
  • มีองค์ประกอบของคอนเทนต์ที่ดึงดูด
  • เจาะจงกลุ่มเป้าหมายชัดเจน
  • มีความสม่ำเสมอในการเผยแพร่คอนเทนต์
  • สามารถส่งมอบคุณค่าของธุรกิจไปสู่กลุ่มเป้าหมายได้
  • มีความสดใหม่ ตามเทรนด์
  • ไม่มีเนื้อหาเชิงลบหรือเนื้อหาที่ขัดต่อหลักจริยธรรม
  • ต้องให้ประโยชน์กับธุรกิจในแง่ใดแง่หนึ่ง
  • ช่วยแก้ปัญหาหรือตอบคำถามให้ลูกค้าได้

รูปแบบ Content Marketing มีกี่ประเภท อะไรบ้าง

ในการทำ Content Marketing ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้นอันดับแรกเราต้องรู้จักกับรูปแบบของการสร้างสรรค์ Content ก่อนซึ่งสามารถแยกออกมาได้เป็น 7 ประเภทดังนี้

1. Promotional Content

ตัวอย่าง คอน เท น ท์ ที่ ประสบ ความ สําเร็จ

คอนเทนต์ที่ช่วยสื่อสารการทำโปรโมชันกระตุ้นกิจกรรมส่งเสริมการขาย ลด แลก แจก แถม ของตัวสินค้าที่คุณต้องการขายให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการตัดสินใจซื้อ โดยคุณสามารถสร้างกติกาในการให้ผู้ติดตามสร้าง Engagement อะไรบางอย่างเช่น คอมเมนต์, ไลก์ หรือ แชร์ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ

2. Solvable Content

เป็นคอนเทนต์ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาหรือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้ติดตาม เช่น เทคนิคการใช้ไอโฟน วิธีทำให้หน้าใสไร้สิว วิธีการเลือกกางเกงยีนให้เข้ากับคุณ เป็นต้น ซึ่งต้องเป็นเนื้อหาคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณด้วยจะทำให้ผู้ติดตามเห็นถึงคุณค่าที่คุณต้องการส่งมอบผ่านการทำคอนเทนต์

3. Video Content

คอนเทนต์ที่นำเสนอเรื่องราวผ่านภาพเคลื่อนไหวหรือวิดีโอ เป็นอีกหนึ่งประเภทของคอนเทนต์ที่จะทำให้ผู้ชมสามารถเห็นภาพของสิ่งที่คุณต้องการนำเสนอได้อย่างชัดเจนให้อารมณ์ร่วมเข้าถึงอารมณ์ได้เร็วกว่าคอนเทนต์รูปแบบอื่น ๆ ซึ่งต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ในการถ่ายทอดเรื่องราวให้สนุก น่าดึงดูดและน่าติดตาม

4. Real Time Content

ตัวอย่าง คอน เท น ท์ ที่ ประสบ ความ สําเร็จ

คอนเทนต์ที่เกาะกระแสหรือเทรนด์ฮิตในปัจจุบัน เป็นประเภทของคอนเทนต์ที่ช่วยทำให้แบรนด์เราดู Active ซึ่งแต่ละแบรนด์สามารถใช้ไอเดียสร้างสรรค์และความสนุกออกมาให้สัมพันธ์กับเทรนด์ในช่วงนั้น ๆ เป็นเหมือนสีสันของโลกออนไลน์และเป็นลักษณะของคอนเทนต์ที่ทำให้ได้ยอด Engagement ดีที่สุด

5. Album Content

Album Content คือคอนเทนต์ที่ถ่ายทอดด้วยรูปภาพหรือ Artwork ใช้ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ของเราหรือถ่ายทอดข้อมูลบางอย่างที่มีประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมาย ในรูปแบบรูปภาพหลายรูปต่อกัน ลงเป็นอัลบั้ม คอนเทนต์ประเภทนี้จะช่วยในเรื่องของการเพิ่มยอด Engagement การแชร์และทำให้คอนเทนต์ในแพลตฟอร์มของคุณมีความหลากหลายน่าติดตาม

6. Question & Answer Content

คอนเทนต์ที่ช่วยแก้ปัญหาหรือตอบคำถามคาใจที่กลุ่มเป้าหมายมีต่อสินค้าหรือบริการของคุณ การทำคอนเทนต์ประเภทนี้จะช่วยให้พวกเขาไม่ต้องเสียเวลาไปหาคำตอบเองจากอินเทอร์เน็ต และยังแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในลูกค้า ทำให้ได้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ดีในสายตากลุ่มเป้าหมายด้วย

7. Quote Content

คอนเทนต์ที่ลง Quote หรือประโยคพูดของบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือแบรนด์ของคุณเอง ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ คือคอนเทนต์ที่มีคำคมพร้อมภาพหน้าของคนที่กล่าวไว้ประกอบอยู่ใน Artwork ข้อดีของคอนเทนต์ประเภทนี้คือเข้าใจง่ายกระตุ้น Engagement ได้ดี

7 ขั้นตอนการสร้างกลยุทธ์ Content Marketing Strategy

การทำ Content Marketing Strategy ก็คือการที่ธุรกิจสร้างสรรค์คอนเทนต์ออกมาอย่างมีแบบแผน มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายและเนื้อหาที่ต้องการสื่อสารตาม Persona ของลูกค้าอย่างชัดเจนตาม Customer Journey

ซึ่งการนำมาปรับใชจะมีด้วยกันทั้งหมด 7 ขั้นตอนดังนี้

1. ตั้งเป้าหมาย กำหนด Persona ที่ธุรกิจของคุณต้องการ

สร้าง Persona ที่คุณต้องการเจาะตลาดและทำการสื่อสาร เพื่อเป็นเหมือนรากฐานที่ดีและทำให้คุณได้รู้ว่าในการทำคอนเทนต์ออกมาเพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ จะต้องสื่อสารแบบใด

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : Persona คืออะไร ?

2. วิเคราะห์ผลลัพธ์การทำ Content Marketing ที่เคยทำ

หากธุรกิจของคุณเคยทำ Content Marketing มาก่อนแล้ว ให้นำผลลัพธ์ของการทำ Content Marketing ที่คุณเคยทำมาวิเคราะห์เพื่อดูว่าในการทำคอนเทนต์ของแบรนด์มีผลตอบรับเป็นอย่างไร ได้ Engagement ดีไหม หรือยังขาดตกบกพร่องในส่วนใดไปหรือเปล่า โดยคุณสามารถดูผลลัพธ์ของการทำ Content Marketing ที่ผ่านมาได้จาก Tools เช่น Facebook Business Manager, Google Analytics ฯลฯ

3. เปรียบเทียบกับการทำ Content Marketing ในปัจจุบัน

ลองนำผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ Content Marketing ในอดีตมาเปรียบเทียบกับผลลัพธ์การทำ Content Marketing ในปัจจุบัน เพื่อเช็กว่าที่ผ่านมามีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ผลลัพธ์ในช่วงไหนที่ดีกว่ากัน เพื่อจะทำให้คุณได้เห็นภาพความเปลี่ยนแปลงของทั้งพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายรวมถึงการปรับเปลี่ยนของ Algorithm ต่าง ๆ

4. สร้าง Content Calendar หรือ Content Editorial Plan

เมื่อคุณได้ผลลัพธ์จากการเปรียบเทียบแล้วขั้นตอนต่อมาให้คุณลองสร้าง Content Calendar หรือ Content Editorial Plan เพื่อใช้ทำหน้าที่เป็นเหมือนปฏิทินที่จะทำให้คุณและทีมเห็นว่าในการทำ Content Marketing Strategy รูปแบบใหม่นี้คุณควรต้องเผยแพร่คอนเทนต์ในช่วงไหน มีความถี่เป็นอย่างไร มีตาราง Scheduel คร่าว ๆ เป็นอย่างไรบ้าง

5. เริ่มลองการทำ Content Marketing รูปแบบใหม่ ๆ

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็ให้คุณลองลงมือนำเสนอเนื้อหาคอนเทนต์รูปแบบใหม่ ๆ ที่คุณได้วิเคราะห์ขึ้นมาทันที เพื่อคอนเทนต์เหล่านั้นจะได้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมาย โดยในส่วนนี้คุณต้องทำการกำหนดด้วยว่าคุณจะเพิ่มการนำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบใดบ้างเพื่อให้ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

โดยสถิติของจากการสำรวจของ SEMRush พบว่าคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปี 2021 คือคอนเทนต์ประเภท Video Content และรองลงมาคือคอนเทนต์ประเภทบทความ (Blog)

ตัวอย่าง คอน เท น ท์ ที่ ประสบ ความ สําเร็จ

6. วางแผนการเผยแพร่คอนเทนต์

เมื่อทำการสร้างสรรค์คอนเทนต์เสร็จเรียบร้อยแล้วขั้นตอนต่อมาคือการวางแผนการเผยแพร่คอนเทนต์ลงในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่คุณตั้งใจไว้โดยคุณอาจจะลองเพิ่มช่องทางใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์เพิ่มขึ้นเช่น Instagram, TikTok หรือแม้แต่เอามาอยู่ในรูปแบบของบทความบนเว็บไซต์และ Email Marketing ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจนอกเหนือจากการเผยแพร่ผ่านช่องทาง Facebook

7. วิเคราะห์และปรับปรุงผลลัพธ์ให้ดีขึ้นอยู่ตลอด

เพราะในตำราการตลาดไม่สามารถตอบได้ว่าคอนเทนต์แบบไหนที่เป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดดังนั้นคุณจำเป็นต้องวัดผลการทำงานและนำผลลัพธ์ที่ได้มาปรับปรุงการสร้างสรรค์คอนเทนต์ของคุณตลอดเวลา การปรับปรุงคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้การทำ Content Marketing ของธุรกิจมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น

เครื่องมือสำหรับการทำคอนเทนต์ (Content Marketing Tools)

ในการทำ Content Marketing นั้นถ้าอยากให้ได้ผลลัพธ์และประสิทธิภาพที่ดีที่สุด คุณอาจจะต้องอาศัยการนำเครื่องมือสำหรับการทำคอนเทนต์ (Content Marketing Tools) มาประยุกต์ใช้กับการสร้างสรรค์หรือวัดผลการทำงานของคุณด้วย โดยเราจะขอแนะนำเครื่องมือยอดนิยม 2 ตัวได้แก่

1. Google Analytics & Google Tag Manager

Google Analytics และ Google Tag Manager เป็นเครื่องมือในการวัดผลเพื่อดูค่า Metrics ต่าง ๆ ที่สำคัญของการทำ Content Marketing บนเว็บไซต์โดยเฉพาะคอนเทนต์ประเภท บทความ ที่เผยแพร่อยู่ในเว็บไซต์ของธุรกิจคุณ

ตัวอย่าง คอน เท น ท์ ที่ ประสบ ความ สําเร็จ

โดยการใช้งาน Google Analytics & Google Tag Manager จะช่วยให้คุณดู Metrics ที่สำคัญเช่น Page Views, Conversion, Average Time Spend และปัจจัยอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น รวมถึงสามารถรู้ถึงกลุ่มคนที่กดเข้ามาอ่านบทความของคุณได้ว่าเป็นใคร มาจากไหน เพศอะไร ใช้อุปกรณ์อะไรในการเข้ามาอ่านคอนเทนต์ ช่วยทำให้คุณวิเคราะห์ผลลัพธ์และนำมาปรับปรุงพัฒนาการทำคอนเทนต์บทความในเว็บไซต์ของธุรกิจได้ตลอดเวลาผ่านหน้า Dashboard ที่มีการอัปเดตแบบ Real Time

2. WordPress

WordPress คือระบบการทำงานหลังบ้านของเว็บไซต์ที่มีหน้าที่เป็น Content Management System หรือระบบการจัดการคอนเทนต์ที่เผยแพร่ลงในเว็บไซต์ เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นระบบหลังบ้านที่คุณใช้ลงคอนเทนต์บนเว็บไซต์นั่นเอง

โดย WordPress นอกจากเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่คอนเทนต์ลงในเว็บไซต์แล้วตัวของ WordPress ยังมี PlugIn บางตัวที่มีประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์คอนเทนต์เช่น Yoast เป็น PlugIn ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน Checklist ในการลงคอนเทนต์ SEO ให้ถูกต้องเป็นไปตามหลัก SEO 100%

ตัวอย่าง คอน เท น ท์ ที่ ประสบ ความ สําเร็จ

เมื่อเราสร้างหน้า Page หรือ เวลาเขียนบทความบน WordPress ที่ติดตั้ง PlugIn ของ Yoast ระบบจะแสดงเป็นจุดไฟ เขียว ส้ม แดง ซึ่งคือ Checklist พร้อมกับคำแนะนำว่ายังมีจุดไหนบ้างที่เรายังต้องปรับปรุงเพื่อให้ถูกต้องตามหลักของการเขียนคอนเทนต์ SEO On-Page

โดยทั้ง 2 เครื่องมือในการทำ Content Marketing ที่เราได้ยกตัวอย่างไปนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะการทำ Content Marketing ในปัจจุบันนั้นยังมีเครื่องมือที่ช่วยในการสร้างสรรค์คอนเทนต์และวัดผลการทำงานอยู่อีกมากมาย ถ้าให้ยกตัวอย่างทั้งหมดคงไม่จบในบทความนี้แน่ ๆ

แต่ถ้าใครมีคำถามอะไรเกี่ยวกับเครื่องมือของ Content Marketing ก็สามารถสอบถาม Digital Tips ได้ทันที เรายินดีที่จะให้คำตอบกับคุณเพียงแอด LINE มาพูดคุยกันตอนนี้

ตัวอย่าง Content Marketing จากแบรนด์ดัง

เราลองมาดูตัวอย่างการทำ Content Marketing จากแบรนด์ผู้นำด้านอุปกรณ์เทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Apple ที่มีวิธีการสร้างสรรค์ Content Marketing ที่เรียกได้ว่าทำน้อย ได้มากของจริง และเป็นการแสดงให้ทุกคนบนโลกเห็นว่า พลังของตัวอักษรบนคอนเทนต์ของพวกเขา เข้าถึงผู้บริโภคได้มากเพียงใด

ถ้าคุณสังเกตเวลาเข้าไปยังเว็บไซต์ของ Apple และเลือก Product มาสักชิ้นคุณจะเห็นถึงการเขียน Heading บนเว็บไซต์และการใช้ภาพถ่ายของสินค้าที่ดึงดูดจนเราทุกคนเห็นภาพตามได้อย่างง่ายดายจนอยากที่จะครอบครองผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ตัวอย่างเช่น Ipad Air ที่ Apple เขียนจั่วหัวมาว่า Light in your backpack, Heavy on features ที่แปลว่าเบาเมื่ออยู่ในกระเป๋าแต่หนักที่ฟีเจอร์การใช้งาน

ตัวอย่าง คอน เท น ท์ ที่ ประสบ ความ สําเร็จ

และเมื่อกดเข้าไปยังเว็บไซต์คุณก็จะได้เจอกับภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของสินค้าที่ทำให้คุณเห็นภาพของผลิตภัณฑ์ครบทั้ง 360 องศาทุกมุมทุกด้าน พร้อมกับคอนเทนต์ในหน้าเว็บไซต์ที่อธิบายถึงจุดเด่นและสเปคของการใช้งาน Ipad รุ่นนี้แบบละเอียด

ตัวอย่าง คอน เท น ท์ ที่ ประสบ ความ สําเร็จ

ตัวอย่าง คอน เท น ท์ ที่ ประสบ ความ สําเร็จ

ซึ่งคอนเทนต์เหล่านี้บนเว็บไซต์ทั้งภาพและตัวหนังสือสามารถช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าพร้อมกับการตอบคำถามสิ่งที่ผู้ที่กำลังจะซื้อ Ipad ได้ครบถ้วน แม้จะไม่มีตัวเลขที่แน่นอนว่าการที่ Apple ใช้การทำ Content Marketing แบบนี้สามารถเปลี่ยนเป็น Conversion ให้ธุรกิจได้กี่เปอร์เซ็นต์ แต่ที่แน่ ๆ คือกลยุทธ์นี้ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยส่งให้ Apple สามารถสร้างยอดขายในปี 2021 ได้กว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ จะเรียกได้ว่า Content Marketing คือส่วนหนึ่งของการเติบโตของ Apple ก็คงไม่ผิดอะไรจริง ๆ

สรุปเนื้อหาการทำ Content Marketing

เพราะการทำ Content Marketing คือการที่แบรนด์สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายโดยใช้คอนเทนต์เป็นสื่อกลาง ไม่ว่าในวัตถุประสงค์ในการเพิ่มยอดขาย เพิ่ม Brand Awareness หรือให้ความรู้ ฯลฯ

แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วการทำคอนเทนต์ของคุณ ไม่ว่าจะนำเสนอออกมาในรูปแบบใด ก็ต้องช่วยให้เกิดการทำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและแข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อเป็นส่วนช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตในยุคที่มีการแข่งขันสูงได้ตลอดเวลานั่นเอง

เรียน Content Marketing กับ Digitaltips ได้ที่ “คอร์สออนไลน์ เรียน Content Marketing Mastery ทบทวนฟรี ตลอดชีพ”

Content อะไรที่คนชอบดู

8 คอนเทนต์ยอดนิยม ที่คนไทยชอบชมและชอบแชร์มากที่สุด.

ดราม่า ... .

2. เล่าเรื่องย้อนอดีต ... .

3. นำเสนอความน่ารัก ... .

4. ความสนุกสนาน/ ความตลกขบขัน ... .

5. เรื่องที่แชร์มาจากคนใกล้ตัว/ คนรู้จัก ... .

6. ความดิบเถื่อน ... .

7. ความรุนแรง/ อาชญากรรม/ อุบัติเหตุ ... .

8. เรื่องดารา.

Content มีกี่ประเภทอะไรบ้าง

ประเภทของคอนเทนต์ (Content).

1.1 Blog (บล็อก) ... .

1.2 Visual Content (รูปภาพหรือวิดีโอ) ... .

1.3 Podcast (พอดแคสต์) ... .

1.4 E-book (อีบุ๊ก) ... .

1.5 Case Study (กรณีศึกษา).

Content ที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร

การทำ CONTENT ที่ดีคือ คอนเทนต์ที่สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด ตอบโจทย์ผู้อ่านได้อย่างตรงใจ ถูกที่ถูกเวลา ทั้งหมดทั้งมวลดูจะเป็นเรื่อง่าย ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียว เพราะกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มก็อาจจะมี CONTENT ที่โดนใจไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นให้เริ่มต้นจากลงมือทำ ลองผิดลองถูก อาศัยการฝึกฝนในระดับหนึ่ง ถ้าตั้งใจทำคอนเทน ...

คนไทยชอบดูคอนเทนต์แบบไหน

คนไทยชอบดูคอนเทนต์ประเภท LIVE Stream เฉลี่ยมากถึง 1 ชั่วโมง 44 นาที ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนของ Influencer สายไลฟ์สดที่เกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่เบอร์เล็กไปจนถึงเบอร์ใหญ่ เพราะมีโอกาสในช่องทางต่าง ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะ TikTok ที่เข้ามามีอิทธิพลกับคอนเทนต์ประเภทนี้มาก