ว ธ เล อกเพจท จะโฆษณา กรณ ม หลายเพจ

โฆษณาใหม่ของธนาคารสีเขียว ปล่อยมาได้ไง?/ไก่ อำนาจ

เผยแพร่: 28 ก.ค. 2558 10:47 โดย: อำนาจ เกิดเทพ

"ทุเรศมาก..." สารภาพครับว่านี่เป็นความรู้สึกแว้บแรกของผมหลังจากที่มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์โฆษณาตัวล่าสุดเกี่ยวกับการส่งเสริมการทำธุรกิจธุรกิจขนาดย่อม (SME) ของธนาคารแห่งหนึ่ง

รายละเอียดของภาพยนตร์โฆษณาชิ้นนี้เริ่มจากที่มีชายสองคนกำลังจะแข่งตีแบดมินตัน แต่ก่อนที่การแข่งจะเริ่มขึ้น ปรากฏว่าที่ฝั่งของชายคนหนึ่งได้มีนักแบดมินตันหลายต่อลายคนทั้งหญิงและชายพากันวิ่งกรูเฮโลเข้ามาจนแน่นสนามและเบียดเสียดดันเน็ตจนเสาที่ขึงไว้ข้างหนึ่งพังล้มลง

แต่ถึงแม้จะวุ่นวายขนาดจนดูไม่น่าจะแข่งได้ ทว่าทางกรรมการก็ยังจะให้ชายอีกฝั่งหนึ่งเสิร์ฟลูก โดยมีเสียงโฆษกบรรยายขึ้นมาว่า "ในโลกของธุรกิจไม่มีกติกา Connection เยอะก็ได้เปรียบ ทำธุรกิจอย่าเสียเปรียบ"

ก่อนที่โฆษณาชิ้นนี้จะจบลงด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษว่า FACE THE REALITY (เผชิญหน้ากับความเป็นจริง)

มองกันแบบผิวเผินสิ่งที่โฆษณาชิ้นนี้ต้องการจะสื่อก็คงจะเปรียบได้กับว่าในการทำธุรกิจนั้นหากคนที่ทำเป็นผู้ที่มี Connection รู้จักคนเยอะก็ย่อมที่จะได้เปรียบคู่แข่งนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม หากมองแบบพิเคราะห์ไปยังการใช้คำพูดที่ว่า "ในโลกของธุรกิจไม่มีกติกา" ตลอดจนภาพและเนื้อหาต่างๆ ที่สื่อออกมานั้น ใช่หรือไม่ว่าโฆษณาชิ้นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการกำลังส่งเสริมให้คนเราทำอะไรก็ได้ขอแค่เพียงให้ตนเองได้เปรียบและเอาชนะคู่แข่งขันคนอื่นๆ ก็เป็นพอใช่หรือไม่?

ไม่ใช่ผมที่รู้สึกเช่นนี้ครับ แม้แต่ในแฟนเพจธุรกิจชื่อดังอย่าง "แกะดำทำธุรกิจ blacksheep" ทางแอดนมินเพจยังได้หยิบโฆษณาชิ้นที่ว่านี้มาพูดถึงเช่นกันโดยระบุว่าเป็นเป็นโฆษณาที่แย่มากๆ พร้อมตำหนิไปยังผู้ผลิตโฆษณาและเจ้าของโฆษณาว่าปล่อยโฆษณาที่ไม่มีความรับผิดชอบเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร ซึ่งก็ปรากฏว่าได้มีคนเข้ามาแสดงความเห็นด้วยมากมาย

ขอยกตัวอย่างบทวิจารณ์ในเพจดังกล่าวมาให้อ่านกันดังนี้นะครับ ... "เป็นเรื่องเหลือเชื่อครับ วินาทีนี้ยังมีคนทำโฆษณาแย่ ๆ อย่างนี้ในยุคที่คนไทยตื่นตัวกันในเรื่องความถูกผิดชั่วดี

ธนาคารสีเขียวทำหนังโฆษณาเป็นการแข่งแบดมินตันระหว่างคนสองคน หลังจากนั้นนักแบดอีกคนมีผู้คนวิ่งออกมาเสริมทีมของตัวเอง คนที่วิ่งออกมามากจนกระทั่งทำให้เสาของตาข่ายล้มลง

เสียงของโฆษกพูดว่า "ในโลกของธุรกิจไม่มีกติกา Connection เยอะก็ได้เปรียบ ทำธุรกิจอย่าเสียเปรียบ"

หนังจบลงด้วย super เขียนว่า "เผชิญหน้ากับความเป็นจริง"

ความหมายของหนังเรื่องนี้ ผมเข้าใจเป็นอื่นไม่ได้เลย

ในโลกของการแข่งขัน ไม่มีกติกา เพราะฉนั้นคุณทำอะไรผิดก็ได้ไม่เป็นไร ความสำคัญของการทำมาค้าขายคือต้องเอาเปรียบคู่ต่อสู้ด้วยวิธีการอะไรก็ได้

ทำไมผมบอกว่าทำผิดอะไรก็ได้ ภาพมันก็สื่อออกมาโต้งโต้งว่าเสาของตาข่ายมันล้มลง แล้วกรรมการยังขานต่อว่า "ให้ serve เลย"

แล้วยังใจกล้าใช้คำว่า "Connection" ซึ่งคำคำนี้เป็นคำที่มีความหมายในทางลบ

คนทำหนังโฆษณาอาจจะบอกว่า ผมคิดลึกเกินไป เขาไม่ได้ตั้งใจสื่ออย่างนั้น

ผมไม่ได้คิดลึกครับ เนื้อหาของหนังมันสื่ออย่างโจ๋งครึ่ม จะให้ผมคิดเป็นอื่นได้อย่างไร

ผมต้องตำหนิคนสองคน คนแรกคือบริษัทโฆษณาที่ขาดความรับผิดชอบทำหนังอย่างนี้ออกมาได้อย่างไร ที่บริษัทเขาไม่ได้สอนเรื่องจรรยาบรรณในการทำโฆษณาหรือครับ

คนที่สอง ต้องตำหนิมากกว่าคนแรก คนตัวลูกค้าที่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ คุณอนุมัติหนังโฆษณานี้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรหรือครับ

จะบอกให้เอาบุญ ทางธนาคารรีบถอนโฆษณานี้ออกก่อนที่เรื่องราวมันจะใหญ่โตไปมากกว่านี้

Shame on both of you.

... ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าครีเอทีฟโฆษณาชิ้นนี้คิดอะไรอยู่? แต่าถ้าเกิดเจ้าตัวมีความคิดตามที่สื่อผ่านโฆษณาออกมาจริงๆ ก็ต้องบอกว่าน่ากลัวมากมาย

ในความรู้สึกของผม อันที่จริงคำว่า "Connection" อาจจะไม่ได้หมายความในทางลบเสมอไป และผมก็ยอมรับด้วยว่าในโลกแห่งความเป็นจริงการที่คนบางคนมีคอนเนคชัน รู้จักคนเยอะๆ นั้น เวลาจะทำอะไรในบางโอกาสก็ย่อมที่จะสะดวกหรือว่าได้เปรียบกว่าคนที่เขาไม่มีคอนเนคชันจริงๆ

แต่กระนั้นก็เพราะเช่นนี้มิใช่หรือที่บ้านเรา สังคมเราถึงต้องมีกฏหมาย มีระเบียบ มีกติกาต่างๆ เข้ามากำกับเพื่อให้ทุกๆ คนยืนอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน หากเป็นสนามแข่งขันก็เพื่อไม่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เปรียบ-เสียเปรียบ

ไม่เว้นแม้แต่ในโลกธุรกิจที่ผมเชื่อว่ามันย่อมต้องมีกฏกติกาของมันบังคับกำกับอยู่

ถ้าไม่มี แล้วงั้นในโฆษณาคุณจะมีตัวคนที่เป็นกรรมการไว้ทำซากอะไร

โฆษณาชิ้นนี้ทำให้ผมนึกไปถึงข่าวกรณีที่ประเทศญี่ปุ่นจับอดีตนายตำรวจไทยที่พกปืน(เถื่อน)หลังเดินทางเพื่อไปเที่ยวและดูงานเกี่ยวกับการกำจัดขยะพร้อมกับข้าราชการ-นักการเมืองท้องถิ่นโดยมีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเป็นผู้ออกเงินค่าใช้จ่ายให้

นี่ใช่มั้ยคือการสร้างคอนเนคชันของบริษัทเอกชนอย่างที่โฆษณาต้องการให้เป็น

พ่อค้าสองคนเปิดร้านขายของชำคนละฝั่งถนน คนหนึ่งขายไม่ดีนัก พ่อค้าคนดังกล่าวเอาเรื่องนี้ไปบ่นให้นักเลงใหญ่ที่เป็นเพื่อนกันฟัง นักเลงใหญ่อาสาจะช่วย ก่อนพาพวกทำทีแกล้งเมาไประรานหาเรื่องรุมกระทืบพ่อค้าคนที่ขายดี นักเลงใหญ่กับพวกถูกจับในข้อหาเมาสุราทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกาย ขณะที่อีกฝ่ายบาดเจ็บหนักขายของไม่ได้นานเป็นปี ถามว่านักเลงใหญ่คือหนึ่งในคอนเนคชันทางธุรกิจของพ่อค้าคนที่ว่าใช่หรือไม่?

ฟังดูอาจจะเป็นตัวอย่างที่เวอร์ แต่ผมคิดเช่นนี้จริงๆ หลังดูโฆษณาชิ้นที่ว่า

วันจันทร์ที่ 29 มิ.ย. ผมเข้าไปดูใน youtube ปรากฏว่าที่แชนแนลรวมโฆษณาของธนาคาร ได้มีคนเข้ามาดูคลิปโฆษณาชิ้นนี้ที่มีการโพสต์มาตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. ไปแล้วกว่า1 ล้าน 6 แสนกว่าวิว

แต่ที่น่าสังเกตก็คือในคลิปของโฆษณาชิ้นนี้ได้ปิดช่องที่ให้ผู้ที่ต้องการจะแสดงความเห็นไว้ครับ ผิดกับคลิปโฆษณาตัวอื่นๆ ของธนาคารที่เปิดให้สามารถแสดงความคิดเห็นได้