ว ธ ค ดคำนวณราคาขายอล ม เน ยมแผ น

คุ้มครองครบทั้งบ้าน ทรัพย์สิน ของมีค่า และทรัพย์สินส่วนตัวของคุณและคุณครอบครัว ด้วยเบี้ยเพียงปีละ 1,190 บาท

ให้ความคุ้มครองโดย บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย

ว ธ ค ดคำนวณราคาขายอล ม เน ยมแผ น

ประกันธุรกิจ SME

Basic SME

คุ้มครองธุรกิจของคุณ จ่ายเบาๆ เพียง 747 บาทต่อปี รับความคุ้มครองเริ่มต้น 5 แสนบาท

ให้ความคุ้มครองโดย บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย

ทำไมถึงต้องเลือก อลิอันซ์ อยุธยา

ว ธ ค ดคำนวณราคาขายอล ม เน ยมแผ น
ลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง (True Customer Centricity)

เรามุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และขั้นตอนการทำงาน โดยใส่ใจความต้องการของลูกค้า

ว ธ ค ดคำนวณราคาขายอล ม เน ยมแผ น
ครอบคลุม

เรามีผลิตภัณฑ์ที่ครบถ้วน ทั้งประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันเพื่อการออม ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยที่อยู่อาศัย ฯลฯ เพื่อตอบสนองทุกๆไลฟ์สไตล์

ว ธ ค ดคำนวณราคาขายอล ม เน ยมแผ น
จริงใจ

อลิอันซ์ อยุธยา เป็นประกันที่กล้าบอกเงื่อนไข ทำให้เรื่องประกันให้เป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน

เผยแพร่: 13 ม.ค. 2560 08:54 ปรับปรุง: 13 ม.ค. 2560 12:29 โดย: MGR Online

“แสนสิริ” เปิดแผนลงทุนปี 60 เปิด 19 โครงการ มูลค่า 4.12 หมื่นล้าน พร้อมลดลงทุนต่างจังหวัดเหลือ 2 โครงการ หลังแนวโน้มตลาดชะลอตัว ตั้งเป้ากวาดยอดขาย 36,000 ล้านบาท พร้อมปฏิวัติวงการอสังหาฯ ตั้งบริษัทลูกรุกธุรกิจ Property Tech

นายเศรษฐา ทวีสิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) กล่าวว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตประมาณ 5% ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนรถไฟฟ้า และโครงการสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่มีความชัดเจนในด้านการลงทุน แม้ว่าหลายโครงการจะต้องระยะเวลาจนกว่าจะเริ่มก่อสร้าง แต่ถือได้ว่ามีความคืบหน้า อีกทั้งภาวะผลผลิต และราคาพืชผลทางการเกษตรที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะตกต่ำจากภัยแล้งก็ไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก นอกจากนี้ ยังคาดว่ารัฐบาลจะออกมาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจภายใน 2 สัปดาห์นี้ ซึ่งจะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ

“ส่วนมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์นั้น เห็นว่ายังไม่จำเป็น เพราะภาคธุรกิจยังไม่อ่อนแอ และยังมีการเติบโตอยู่” นายเศรษฐา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังต้องกังวลยังคงเป็นระดับหนี้สินครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูง ส่งผลต่อการขอสินเชื่อของผู้ที่จะซื้อบ้าน หรือคอนโดมิเนียม ทำให้มียอดการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทมียอดปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 15-20% โดยส่วนใหญ่เป็นตลาดล่าง นอกจากนี้ มีมีปัจัยลบจากแนวโน้มการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยอีกเล็กน้อย ซึ่งเชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อมากนัก

สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทในปี 2560 ตั้งเป้าลงทุนพัฒนา 19 โครงการ มูลค่า 41,200 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 8 โครงการ ในจำนวนนี้เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างกลุ่มบีทีเอส 4 โครงการมูลค่า 12,000 ล้านบาท โครงการบ่นเดี่ยว 9 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ โดยแบ่งสัดส่วนเป็นโครงการในระดับบน 30% โครงการระดับกลาง 50% และโครงการระดับล่าง 20% ซึ่งถือเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน

นอกจากนี้ บริษัทยังลดน้ำหนักการลงทุนในต่างจังหวัดลง โดยในปีนี้ลงทุนเพียง 2 โครงการ ได้แก่ คอนโดมิเนียมที่เชียงใหม่ และบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ ที่ จ.อยุธยา เนื่องจากตลาดยังคงชะลอตัวรวมถึงกำลังซื้อลดลง แต่จะหันมาเพิ่มการลงทุนในกลุ่มตลาดบนมากขึ้น โดยในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทจะนำโครงการ “บ้านแสนสิริ” กลับมาพัฒนาอีกครั้ง ในทำเลพัฒนาการ ราคาขาย 10-120 ล้านบาท/ยูนิต โดยมีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 2,100 ล้านบาท

ส่วนเป้าหมายยอดขายตั้งไว้ที่ 36,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากปี 59 ที่คาดว่า ทำยอดขายได้ 31,100 ล้านบาท หรือเติบโต 9% จากปี 58 ด้านรายได้ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าอยู่ที่ 34,000 ล้านบาท ใกล้เคียงรายได้ในปีก่อนที่คาดว่า อยู่ที่ 34,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะมีการทยอยโอนมูลค่า 14,000 ล้านบาท ในปีนี้ แบ่งเป็นโครงการของบริษัทที่จะโอน 8,000 ล้านบาท และโครงการร่วมทุนกับบีทีเอส 6,000 ล้านบาท จากมูลค่ายอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่มีอยู่ทั้งหมด 39,000 ล้านบาท แบ่งเป็น Backlog ของบริษัท 18,600 ล้านบาท และ Backlog ของบริษัทร่วมทุน 20,400 ล้านบาท ซึ่งจะมีการทยอยรับรู้รายได้ไนช่วง 4 ปีจากนี้

นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้ารุกตลาดลูกค้าชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้ายอดขายลูกค้าต่างชาติไว้ที่ 7,500 ล้านบาทในปีนี้ เติบโต 38% จากปีก่อนที่มียอดขายชาวต่างชาติ 5,400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะยังเดินหน้าทำการตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับพันธมิตรตัวแทนจำหน่ายในเมืองต่างๆ และมีแผนการจัดตั้งสำนักงานขายเพิ่มในประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน และฮ่องกง จากปัจจุบันมีสำนักงานขายอยู่ในประเทศจีน นครเซี่ยงไฮ้ และประเทศสิงคโปร์

สำหรับงบซื้อที่ดินในปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 7,000-7,500 ล้านบาท จากปี 59 ที่ใช้ไป 8,000 ล้านบาท โดยการซื้อที่ดินจะเป็นการซื้อรองรับการพัฒนาโครงการในปี 61 และในอนาคต เพราะการเปิดโครงการในปีนี้บริษัทมีที่ดินรองรับไว้ทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการออกหุ้นกู้เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดอายุในเดือนเมษายนนี้ มูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่า จะมีการออกหุ้นกู้ชุดใหม่มาทดแทนในช่วงไตรมาส 2/60

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมปฏิวัติวงการอสังหาฯ สู่ “Digital Transformation” ซึ่งเป็นการก้าวทันยุคดิจิตอล ที่จะยกระดับสู่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำด้านเทคโนโลยีที่ครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์ และการอยู่อาศัยอย่างเต็มรูปแบบ โดยขั้นตอนแรกที่จะได้เห็นในปีนี้ คือ การจัดตั้งส่วนงานใหม่ที่เรียกว่า Data Analytics and Business Intelligence ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อทำหน้าที่ในการวางโรดแมปของ enterprise data ใหม่ทั้งหมด และเป็นทีมหลักในการผลักดันให้แสนสิริ ปรับเปลี่ยนเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับ data analytics capabilities

“การจัดตั้งส่วนงานขึ้นมาใหม่นี้นับเป็นการลงทุนทางทรัพยากรบุคคล เพื่อเฟ้นหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านมาทำงานร่วมกับหน่วยงานภายในเดิมที่มีความรู้ลึกเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาฯ และกระบวนการต่างๆ เป็นอย่างดี เพื่อสร้างทีมที่มีความเหมาะสม โดยการใช้ข้อมูลในการวางแผนทางธุรกิจ ซึ่งจะทำให้เกิดความมีประสิทธิภาพในการทำงาน และสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจได้ นับเป็นการต่อยอดจากนโยบาย EFG หรือ Engineering for Growth ที่แสนสิริ ทำต่อเนื่องตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา” นายเศรษฐา กล่าว

บริษัทจะสร้าง Innovation and digital ecosystem โดยการจัดตั้งบริษัทลูกในลักษณะของ Venture Capital ขึ้นเพื่อมองหาโอกาสในการลงทุนธุรกิจประเภท “Property Tech” ที่มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทแสนสิริ และจะมีส่วนช่วยผลักดันธุรกิจหลักของแสนสิริ ให้มีประสิทธิภาพ และมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น รวมถึงมองหาโอกาส และ Innovation ทางธุรกิจ และกระบวนการธุรกิจใหม่ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง โดยคาดว่า ธุรกิจใหม่นี้จะเป็นช่องทางรายได้ใหม่ของแสนสิริ ได้ในอนาคต โดยมีแผนจะเปิดตัวบริษัทร่วมทุนในวันที่ 25 มกราคมนี้