ว ธ การสก ดน าม นหอมระเหยจากเปล อกส ม

�Ӷ�� : �Ը�ʡѴ���͡���

  • ��ҡ���Ը�ʡѴ���͡����������÷����������͡��� ���������÷�����ʡѴ��ͻ� ú�ǹ�͡�Ը������÷�����㹡��ʡѴ�͡���¹Ф�Ѻ
  • Date : 9/12/2559 15:43:00

�ӵͺ : �����ѡ��辺����͡��� ���繹���ѹ�������� �����á��������ǹ�´� �Ըա��ʡѴ�Т������Ѻ��Դ�ͧ��÷���ͧ���ʡѴ �� - ����ѹ�������¨����Ըա��蹴����͹�� �������ͼ�ҹ��кǹ��á������� �����鹢ͧ����ѹ���������¡�ѹ����Ѻ��鹹�� ���¡��ҹ���ѹ���������͡���� ����Ҩ�չ�ӻ��� �ӡ���¡����͡�ҡ����ѹ�������´���������������࿵������������࿵ ����繵�Ǫ��´ٴ����͡ - ���������ǹ�´������ʡѴ���µ�Ƿ������ �� ���ҹ�� �ͷҹ�� �繵� �ӡ��ʡѴ����������ѡ㹵�Ƿ������ �������ҧ�׹ ���ǡ�ͧ ��й��������·����价ӡ���¡��Ƿ�������͡�ҡ�������� ��������ͧ����¤����ѹ��� (Rotary evaporator) ���͵�駺������ѧ�͹�� (water bath) �������ʡѴ��駷����Ȩҡ��Ƿ������ ���ҧ�á�����õ�駺������ѧ�͹���Ҩ�������úҧ��Դ���µ�������ͧ�ҡ�������͹�٧���� rotary evaporator

คณะอุตสาหกรรมเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังเขตลาดกระบังกรุงเทพฯ10520

กิตติพงษ์ ห่วงรักษ์

คณะอุตสาหกรรมเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังเขตลาดกระบังกรุงเทพฯ10520

บทคัดย่อ

จากการศึกษาผลของการใช้ตัวทำละลายต่างชนิดในการสกัดสารให้กลิ่นจากเปลือกส้มซ่า พบว่าการใช้ตัวทำละลายผสมระหว่างปิโตรเลียมอีเทอร์กับไดเอทิลอีเทอร์ในอัตราส่วน 1:1 ได้ปริมาณสารที่สกัดได้มากกว่าการใช้ไดเอทิลอีเทอร์เพียงอย่างเดียว สำหรับผลของวิธีสกัดต่อปริมาณสารให้กลิ่นที่สกัดได้ พบว่าวิธีสกัดด้วยตัวทำละลายผสมระหว่างปิโตรเลียมอีเทอร์กับไดเอทิลอีเทอร์อัตราส่วน 1:1 ได้ชนิดของสารไม่ต่างจากการกลั่นด้วยไอน้ำ แต่ได้ปริมาณสารสกัดมากกว่า อีกทั้งยังได้ชนิดและปริมาณสารมากกว่าการสกัดด้วยคาร์บอนไดออกไซด์เหนือจุดวิกฤติและการบีบ

โครงการ นา้ มนั หอมระเหยสกดั จากสมุนไพร

จัดทาโดย

1.นาย ชีวะวทิ ย์ รวยสูงเนิน เลขที่ 23 2.นาย รณกร นาควงษ์ เลขที่ 25 3.นาย ชยั วฒั น์ ม่วงคา เลขท่ี 28

ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4/5

เสนอ

คุณครู ธญั ญรัตน์ แกว้ ศรีงาม

การศึกษาฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ าการศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง Independent Study : IS ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2564

โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลยั จงั หวดั สุพรรณบุรี

โครงการ นา้ มนั หอมระเหยสกดั จากสมุนไพร

จัดทาโดย

1.นาย ชีวะวทิ ย์ รวยสูงเนิน เลขที่ 23 2.นาย รณกร นาควงษ์ เลขที่ 25 3.นาย ชยั วฒั น์ มว่ งคา เลขท่ี 28

ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4/5

เสนอ

คุณครู ธญั ญรัตน์ แกว้ ศรีงาม

การศึกษาฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ าการศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง Independent Study : IS ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2564

โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลยั จงั หวดั สุพรรณบุรี

กติ ติกรรมประกาศ

โครงการนสี้ าเรจ็ ลลุ ว่ งไดด้ ว้ ยความกรุณาจาก คณุ ครู ธญั ญรตั น์ แกว้ ศรงี าม อาจารยท์ ่ี ปรกึ ษาโครงการท่ไี ดใ้ หค้ าแนะนาเสนอแนะแนวคิดตลอดจนแกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งตา่ งๆมาโดย ตลอดจนโครงการเลม่ นเี้ สรจ็ สมบรู ณผ์ ศู้ กึ ษาจงึ ขอกราบขอบพระคณุ เป็นอย่างสงู ขอกราบ ขอบพระคณุ คณุ พ่อคณุ แม่และผปู้ กครองท่ใี หค้ าปรกึ ษาในเรื่องต่างๆรวมทงั้ เป็นกาลงั ใจท่ดี เี สมอ มา และขอขอบคณุ เพ่อื นๆท่ีใหค้ วามรว่ มมือในการทาแบบประเมินโครงการนา้ มนั หอมระเหยจาก สมนุ ไพรจนทาใหโ้ ครงการนสี้ าเรจ็ ดรู ว่ งไปไดด้ ว้ ยดี

คณะผจู้ ดั ทา

บทคดั ย่อ

หัวข้อ น้ามนั หอมระเหยสกดั จากสมุนไพร

ผ้จู ัดทา 1. นาย ชีวะวทิ ย์ รวยสูงเนิน

2. นาย รณกร นาควงษ์

3. นาย ชยั วฒั น์ ม่วงคา

ระดับช้ัน ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4/5

โรงเรียน กรรณสูตศึกษาลยั

อาจารย์ทป่ี รึกษา คุณครู ธญั ญรัตน์ แกว้ ศรีงาม

ปี การศึกษา 2564

การศึกษาโครงการวิทยาศาสตร์เรื่อง น้ามนั หอมระเหยสกดั จากสมนุ ไพรน้ีเป็ นการศึกษา คน้ ควา้ และประดิษฐ์ โดยนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4/5 โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลยั โดยมีวตั ถุ ประสงคก์ ารศึกษาเพ่อื นาสมุนไพรในพ้ืนบา้ นมาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ และนาสิ่งของที่ทุกบา้ นมี มา ดดั แปลงเพื่อใหเ้ กิดประโยชนม์ ากยงิ่ ข้ึนไปทางกลุ่มเราไดม้ ีการวางแผนโครงร่าง คน้ ควา้ หาขอ้ มลู อปุ กรณ์และวธิ ีการ ประดิษฐ์ ในอินเตอร์เนต็ จากน้นั เริ่มดาเนินการสร้างผลงาน สรุปผลและเตรียม การนาเสนอ หนา้ ช้นั เรียน ผลการดาเนินการ เป็นท่ีน่าพงึ พอใจในคณะผจู้ ดั ทาเน่ืองจากการประดิษฐ์ น้ามนั หอมระเหยสกดั จากสมนุ ไพร ผา่ นไปดว้ ยดี จากการร่วมมือกนั ของสมาชิกในกลมุ่

สารบญั ค

กติ ติกรรมประกาศ ก ข บทคัดย่อ ค

สารบญั 1

บทท1่ี บทนา 1 1 - ที่มาและความสาคญั 1 - วตั ถุประสงคข์ องโครงการ 2 - แผนการดาเนินการ 2 - ขอบเขตของการศึกษาโครงการ 2 - วิธีการศึกษา 2 - เป้าหมายของโครงการ - ประโยชน์ 3

บทท2ี่ ทฤษฎแี ละเอกสารท่เี กย่ี วข้อง 3 4 - รูปแบบการกลน่ั 6 - สรรพคณุ น้ามนั หอมสกดั จากพชื ตา่ งๆ 7 - ขอ้ มูลวิธีการสกดั 7 - ขอ้ มูลไมด้ อกหอมของไทย - การสกดั สารหอมจากดอกไม้ 9

บทท3ี่ ข้นั ตอนการดาเนินงาน 9 9 - ข้นั ตอนเตรียมการ - ข้นั ตอนการลงมือปฎิบตั ิ

- น้ามนั หอมจากดอกกุหลาบ ค - น้ามนั หอมจากมะกรูด - น้ามนั หอมจากสม้ 9 10 บทท4่ี ผลการศึกษา 12

- แบบสารวจ คุณชอบน้ามนั หอมระเหยชนิดไหนมากท่ีสุด 13 - แบบสรุปการประเมินโครงการ 13 บทท5่ี สรุปผล อภปิ ราย และข้อเสนอแนะ 14

- สรุปผล 17 - ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับ - ปัญหาในการดาเนินงาน 17 - วิธีการแกป้ ัญหา 17 - ขอ้ เสนอแนะ 17 18 บรรณานุกรม 18 ภาคผนวก 19 20

1

บทท่ี 1 บทนา

หลกั การและเหตผุ ล

น้ามนั หอมระเหย คือน้ามนั ท่ีไดจ้ ากพชื พรรณธรรมชาติจึงมีกลิ่นหอมที่เป็น ธรรมชาติ ใหค้ วามรู้สึกสดช่ืน ผอ่ นคลายไดเ้ ป็นอยา่ งดี ในขณะที่น้าหอม เป็นสารเคมีที่ได้ จากการสังเคราะห์ข้ึนมา และแตง่ กลิ่นเพิม่ เขา้ ไปเพอ่ื ใหม้ ีกล่ินหอม ซ่ึงอาจก่อใหเ้ กิดอาการ ขา้ งเคียงตอ่ ผใู้ ชง้ านได้ ส่วนใหญจ่ ึงนิยมใหใ้ ชน้ ้ามนั หอมระเหยจากธรรมชาติมากท่ีสุด

น้ามนั หอมระเหยหรือเรียกอีกชื่อหน่ึงวา่ สุคนธบาบดั โดยเป็นน้ามนั ท่ีสกดั มาจาก พชื ธรรมชาติโดยตรง เช่น ดอกกุหลาบ ลาเวนเดอร์ ตะไคร้ สม้ กฤษณา กายาน มะลิ หรือ กระดงั งา เป็นตน้ โดยกล่ินหอมที่ไดจ้ ากพืชธรรมชาติเหล่าน้ีจะมีความปลอดภยั สูง และมี คุณสมบตั ิในการช่วยบาบดั สร้างความผอ่ นคลายใหก้ บั สภาพจิตใจโดยตรง และยงั ใชเ้ พื่อ บรรเทาอาการปวด การอกั เสบ หรือคลายเครียดไดอ้ ีกดว้ ย นอกจากน้ีกลิ่นหอมจากน้ามนั หอมระเหย กจ็ ะช่วยลดกลิ่นอบั ภายในบา้ น ในรถ ตเู้ ส้ือผา้ หรือบริเวณอ่ืนๆ ไดเ้ ช่นกนั

วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ

1. เพื่อศึกษาวิธีการสกดั น้ามนั หอมระเหยจากวตั ถุดิบต่างๆ

2. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการกาจดั กล่ินของสารแตล่ ะชนิด

3. เพ่ือเพ่มิ คุณค่าของดอกไมแ้ ละปลือกผลไมใ้ นทอ้ งถิ่น

แผนการดาเนนิ การ

1. ศึกษาคน้ ควา้ เร่ืองที่สนใจ

2. ศึกษาหาขอ้ มูลในอินเทอร์เน็ต และหนงั สือ

3. นาขอ้ มูลมาเรียบเรียงและตรวจสอบความถูกตอ้ ง

2

4. นาขอ้ มูลมาใส่ในเล่มโครงการตามแผนท่ีทางกลุ่มวางไว้ ขอบเขตของการศึกษาโครงการ

1. สิ่งที่ศึกษา น้ามนั หอมระเหยสกดั จากสมนุ ไพร 2. สถานท่ี โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลยั 3. ระยะเวลา 2 เดือน (มกราคม-กุมภาพนั ธ์ ปี 2565) วิธีการศึกษา 1.ผศู้ ึกษานาเสนอหวั ขอ้ โครงการตอ่ อาจารยท์ ่ีปรึกษาเพือ่ ขอคาแนะนาและกาหนด ขอบเขต ในการทาโครงการ 2. ผศู้ ึกษาร่วมกนั ประชุมวางแผนวเิ คราะหต์ ามหวั ขอ้ วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ 3. ศึกษาและเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลเป็นข้นั ตอนของการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ที่เกี่ยวขอ้ ง กบั โครงการเพือ่ มาวิเคราะห์และสรุปเน้ือหาท่ีสาคญั ที่จะนามาจดั ทาโครงการ 4. นาเสนอผลงานต่ออาจารยท์ ่ีปรึกษาเพือ่ รายงานผลการดาเนินงาน เป้าหมายของโครงการ 1.เพ่มิ คุณค่าใหก้ บั สมนุ ไพรไทย 2.เสนอขายบคุ คลที่มีความสนใจ 3.มีประสบการณ์ในการลงมือปฏิบตั ิจริง ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.ทาใหส้ มาชิกในกล่มุ เกิดความสามคั คแี ละมีความร่วมมือจากการทางานเป็ นทีม 2.ทาใหเ้ กิดความคิดริเริ่มสร้างสรรคส์ ร้างผลิตภณั ฑท์ ่ีแปลกใหม่และมีคุณคา่

3

บทท่ี 2

ทฤษฎแี ละเอกสารท่ีเกยี่ วข้อง

น้ามนั หอมระเหย (essential oil) เป็นน้ามนั ท่ีสกดั ไดม้ าจากพืช เช่น ส่วนดอก ใบ ผล ลาตน้ มาใชใ้ นการบาบดั ตามศาสตร์สุคนธบ์ าบดั (Aromatherapy) ซ่ึงหมายถึง การ บาบดั การรักษา โดยการใชก้ ลิ้นหอมของสารหอมในพืช โดยทวั่ ไปน้ามนั หอมระเหยจะถูก สกดั ไดห้ ลายรูปแบบ เช่น การกลนั่ (Distillation) การสกดั โดยใชไ้ ขมนั (Enfleurage) การ สกดั ดว้ ยตวั ทาละลาย (Solvent extraction) การบีบอดั (Expression) การใช้ คาบอนไดออกไซด์ เหลวภายใตค้ วามดนั สูง(Supercritical fluid extraction) ซ่ึงการกลน่ั หลายประเภทน้ีถูกนามาใชใ้ นอตุ สาหกรรมน้าหอม เครื่องสาอาง สบู่ ธูป และผลิตภณั ฑ์ อ่ืนๆ เพอื่ เพม่ิ ความหอม เเละบางคร้ังทาใหค้ นผอ่ นคลายไดด้ ว้ ยน้ามนั หอมระเหย มีลกั ษณะ เป็นน้ามนั ของเหลวสีใส ซ่ึงมีกล่ินหอม ซ่ึงสามารถระเหยไดท้ ี่อณุ หภมู ิหอ้ ง สามารถสกดั จากพชื หอมจากพชื เหล่าน้ีจะมีตอ่ มหรือท่อที่เก็บสะสมน้ามนั หอมละเหยไว้ ปัจจุบนั น้ามนั หอมระเหยส่วนใหญ่ เช่น ลาเวนเดอร์เปปเปอร์มิ้นต์ น้ามนั ตน้ ชาและยคู าลิปตสั มาจากการ กลนั่ โดยใส่วตั ถุดิบพืช ซ่ึงประกอบดว้ ยดอก ใบ ไม้ เปลือกไม้ รากเมลด็ หรือเปลือกใส่ถว้ ย กลน่ั เหนือน้า เมื่อน้าร้อนแลว้ ไอน้าจะผา่ นวตั ถุดิบพืช เกิดเป็นไอสารประกอบระเหยงา่ ย ไอ ไหลผา่ นขด ที่ซ่ึงจะควบแน่นกลบั เป็นของเหลว แลว้ มีการเก็บรวบรวมในภาชนะบรรจุ รูปแบบการกลน่ั มี 3 วิธีย่อย

1.การกลน่ั โดยใช้ไอนา้ (steam distillation) โดยการนาพชื ที่ตอ้ งการน้ามนั หอมระเหย วางไว้ ในหมอ้ กลน่ั ท่ีดา้ นลา่ งมีน้า จากน้นั ตม้ น้า ไอที่เกิดข้ึนจะวง่ิ ผา่ นพืชท่ีวางไวด้ า้ นบน ทาให้ น้ามนั หอมระเหยในพชื ระเหยออกมารวมกบั ไอน้า จากน้นั ใหไ้ อน้าวิง่ ผา่ นท่อ จนถึง เคร่ือง ควบแน่น (conderser) เพอ่ื ทาใหเ้ ยน็ ลง แลว้ กลนั่ ตวั ลงมา ตกลงในภาชนะกกั เก็บ จะไดส้ ่วน น้ามนั หอมระเหยหรือแยกช้นั กบั น้า

4

2.การกลน่ั โดยใช้พืชแช่ในนา้ (Water or Hydro Distillation) โดย การนาพชื เเช่ในน้า แลว้ ตม้ จนเดือด เซลลพ์ ืชจะเเตกออก และน้ามนั หอมระเหยจะแยกลอยตวั ข้ึนมา พชื ท่ีกลนั่ วธิ ีน้ี จะตอ้ งเป็นพชื ที่ทนความร้อนสูงไดด้ ี แต่ควรระวงั ในการกลนั่ เพราะเน่ืองจากส่วนของพืช โดนความร้อนโดยตรง อาจทาใหเ้ กิดการไหมไ้ ด้ กลิ่นไหมป้ นไปกบั น้ามนั หอมระเหย และ มีสารท่ีไมต่ อ้ งการปะปนไปดว้ ย

3.การกลนั่ ด้วยไอนา้ ภายใต้แรงดนั สูง (Vacuum Steam Distillation) วิธีน้ีจะเหมือนกบั การ กลน่ั ดว้ ยไอน้า เเตจ่ ะกลนั่ ภายใตแ้ รงดนั สูง เพื่อลดจุดเดือดของน้าและน้ามนั หอมระเหย ทา ใหไ้ ดน้ ้ามนั ที่ไมโ่ ดนทาลายดว้ ยอุณหภมู ิสูง และน้ามนั หอมระเหยน้ีอยา่ งมีประสิทธิภาพ คุณภาพดีกวา่ การกลน่ั แบบ 2 วธิ ีแรกอีกดว้ ย

สรรพคณุ นา้ มันหอมสกดั จากพืชต่างๆ

นา้ มันหอมระเหยจากมะกรูด(Bergamot) น้ามนั หอมระเหยเบอร์กามอ็ ท ช่วยดบั กลิ่นเเละ ใหค้ วามสดชื่น และสร้างเสริมอารมณ์ใหม้ ีทศั นะในทางบวกมากข้ึน ทาใหจ้ ิตใจของคนร่า เริงเบิกบาน เหมาะสาหรับผวิ มนั น้าหอมระเหยชนิดน้ีมีความไวตอ่ แสงอาทิตยม์ าก จึงทาให้ ผิวหนงั ไม่ไดง้ ่าย คุณจึงควรใชน้ ้ามนั หอมระเหยชนิดน้ีแต่เพยี งเลก็ นอ้ ย

น้ามันหอมระเหยจากมะนาว(Lemon) ช่วยใหส้ ดช่ืน แจ่มใส มี สมาธิ ถา้ ใชน้ วดจะทาให้ ระบบไหลเวียนโลหิตดีข้ึน จะช่วยใหร้ ู้สึกร่าเริงและกระตือรือร้น กระป้ี กระเปร่าสามารถใช้ ในการอาบน้านวดคลายกลา้ มเน้ือ แตส่ ิ่งท่ีคุณควรระวงั ก็คือ ไมค่ วรใชก้ ่อนออกแดดพอจะ ทาใหผ้ วิ หนงั ของคุณไหมไ้ ด้

น้ามันหอมระเหยจากส้ม(Orange) ช่วยใหก้ ารเผาผา่ นพลงั งานเป็นไปตามปกติ ช่วยใหส้ ด ช่ืน ผอ่ นคลายการตึงเครียดจากการทางานมาท้งั วนั และยงั ใชค้ วามรู้สึกเดี๋ยวญวนทาใหม้ ี จิตใจเบิกบานและอารมณ์เยน็ แต่คุณไมค่ วรใชน้ ้ามนั หอมประเภทน้ีก่อนการออกแดด เช่นเดียวกบั น้ามนั หอมระเหยจากมะกรูดและมะนาว

5

นา้ มันหอมระเหยจากต้นชา(Tea tree) ช่วยทาความสะอาดผวิ ได้ ช่วยพฒั นาความคิดในเชิง บวก เเละเสริมสร้างความมนั่ ใจใหเ้ พ่ิมข้ึนอีกดว้ ย

นา้ มนั หอมระเหยจากดอกกระดังงา(Yiang Yiang) ช่วยใหม้ นั่ ใจ และจิตใจสบายให้ ความรู้สึกคลาสสิค ใหค้ วามอบอุ่นและอารมณ์ โลชน่ั จะช่วยลดความมนั บนใบหนา้ ได้ เหมาะสาหรับผิวทุกประเภท ช่วยทาใหร้ ู้สึกผอ่ นคลาย เหมาะในการใชอ้ าบน้า

น้ามนั หอมระเหยจากกุหลาบ(Rose) ช่วยผอ่ นคลายความเครียด ฟ้ื นฟคู วามมนั่ ใจ น้ามนั หอมระเหยชนิดน้ีจะมีราคาสูงมาก เพราะตอ้ งใชก้ ีบกุหลาบในปริมาณมากๆในการสกดั แต่ก็ มีสรรพคุณท่ีสูงตามไปดว้ ย

นา้ มันหอมระเหยจากสน(Pine) ช่วยในการลดอาการเลือดคงั่ และปรับสภาพสีผิว ส่งผลดีต่อ โรคท่ีเก่ียวกบั ระบบทางเดินหายใจ เหมาะที่จะใชใ้ นการสูดดม อาบน้า และยงั สามารถใช้ บารุงเส้นผมไดด้ ีอีกดว้ ย

นา้ มนั หอมละเหยจากสาระแหน่(Peppermint) ช่วยลดอาการบวมน้า และช่วยกระตนุ้ การ ไหลเวยี นของโลหิตไดด้ ี เป็นน้ามนั ชนิดที่ใหพ้ ลงั งาน ยบั ย้งั เช้ือโรคและบรรเทาอาการ เจ็บปวด สตรีมีครรภค์ วรหลีกเล่ียงในการใชน้ ้ามนั หอมระเหยชนิดน้ีมนั ระยะสามเดือนแรก ของการต้งั ครรภ์

นา้ มันหอมระเหยจากตะไคร้(Lemon grass) ช่วยทาความสะอาดผิวไดด้ ี ช่วยในการยบั ย้งั การติดเช้ือโลก ฉีดเพอ่ื สร้างอากาศบริสุทธ์ิ สมาใชข้ บั ไล่แมลงไดโ้ ดยไม่ตอ้ งพ่ึงพาสารเคมี ใดๆ ควรระวงั ในเร่ืองของการระคายเคืองของผวิ หนา้

นา้ มนั หอมระเหยจากมะล(ิ Jasmine) ช่วยใหเ้ กิดความมนั่ ใจ มองโลกในแง่ดี ใชไ้ ดก้ บั ทุก ประเภทผิวและดีมากสาหรับผิวแหง้ ช่วยระงบั ผดิ และอาการทางกลา้ มเน้ือและตึงเครียดของ กลา้ มเน้ือ บรรเทาความเจ็บปวด แตไ่ ม่ควรใชข้ ณะต้งั ครรภแ์ ละทาใหเ้ กิดอาการเคืองตาได้ ง่าย

6

นา้ มนั หอมระเหยจากยูคาลปิ ตสั (Eucalyptus) ช่วยใหห้ ายใจโล่ง ลดอาการแน่นหนา้ อกช่วย ทาใหห้ ายจยั สะดวกข้ึนสาหรับผทู้ ี่เป็นหวดั ช่วยใหม้ ีความกระจ่าง ปลอดโปร่งและมีสมาธิ มีคุณสมบตั ิในการขจดั แบคทีเรีย ถา้ ใชน้ วดจะทาใหส้ ดช่ืน และพ้ืนฟูสมรรถภาพของ ร่างกายเหมาะกบั ผิวธรรมดาถึงผิวมนั สามารถใชใ้ นการอาบน้า ท้งั ยงั เป็นส่วนผสมใน ผลิตภณั ฑ์ บารุงผิวพรรณและเส้นผมอีกดว้ ย

นา้ มนั หอมระเหยจากกายาน(Franincense) ช่วยในการบารุงกาลงั และเพิ่มความสวยงาม ช่วยใหร้ ู้สึกเยน็ สบายและผอ่ นคลาย สามารถใชใ้ นการอาบน้าและฉีดใหม้ ีกล่ินหอมได้

น้ามันหอมระเหยจากว่าน(Cardamon) ช่วยในการฟ้ื นฟสู ภาพความเม่ือยลา้ และเฉ่ือยชา เซื่องซึม เหมาะสาหรับการอาบน้าและนวดขายกลา้ มเน้ือ

นา้ มันหอมระเหยจากคาโมไมล์(CAmomile) ช่วยทาใหผ้ วิ สะอาด ถา้ ใชน้ วดจะช่วยใหร้ ู้สึก สบาย และสงบเหมาะกบั ผิวแหง้ และผวิ ธรรมดาช่วยใหผ้ วิ หนงั รู้สึกผอ่ นคลาย และมี ประสิทธิภาพในการป้องกนั ไม่ใหผ้ วิ แก่ก่อนวยั เหมาะใชใ้ นการอาบน้าและนวดคลาย กลา้ มเน้ือ

ข้อมูลวิธีการสกดั

1.การกลนั่ ด้วยไอน้า เป็นวิธีที่นิยมใชก้ นั อยา่ งแพร่หลายสาหรับสารหอมท่ีเป็น Essential oil พอเป็นวธิ ีท่ีประหยดั และไดส้ ารหอมท่ีบริสุทธ์ิ

2.สกดั ด้วยนา้ มันสัตว์ เป็นวธิ ีท่ีใชก้ นั ต้งั แต่สมยั โบราณใชก้ บั สารหอมท่ีละเหยงา่ ยเวลากลนั่ ดว้ ยไอน้า วิธีน้ีจะใชเ้ วลานานตอ้ งแชร์พืชไวใ้ นน้ามนั หลายวนั น้ีมนั จะช่วยดูดเอากินหอม เอามาวิธีน้ีในสมยั โบราณใชใ้ นการสกดั สารหอมจากดอกมะลิ ดอกกุหลาบ

3.สกดั ด้วยสารเคมี การใชส้ ารเคมีสกดั จะไดน้ ้ามนั ที่มีความเขม้ ขน้ สูงแต่คุณภาพไมด่ ีเทา่ การกนั เพราะจะมีสารอ่ืนละลายปนออกมาดว้ ย การสกดั แบบน้ีจะไดน้ ้ามนั หอมระเหยที่

7

เรียกวา่ Absolute oil ใชก้ บั พืชท่ีทนความร้อนสูงไมไ่ ด้ เช่น มะลิที่สาคญั คือตอ้ งทาการ ละเหยสารเคมีท่ีใชเ้ ป็นตวั สกดั ออกใหห้ มด สารเคมีที่นิยมใชค้ ือ เฮกเซนแอลกอฮอล์

4.การค้นั หรือบบี โดยใช้แรงบบี ใชส้ กดั สารหอมท่ีเป็นน้ามนั อยใู่ นเปลือกของผลไมแ้ ละ น้ามนั ที่นายจะมีปริมาณนอ้ ยและไม่คอ่ ยบริสุทธ์ิ เหมาะสาหรับวตั ถุดิบท่ีมีเปอร์เซ็นตน์ ้ามนั สูง

5.สกดั ด้วยคาร์บอนไดออกไซด์เหลว โดยปล่อยคาร์บอนไดออกไซดท์ ี่ถูกทาใหเ้ ป็น ของเหลวท่ีความดนั สูง ผา่ นตวั ยางออกมา เป็นวิธีท่ี ปัจจุบนั นิยมใชก้ นั มากพอจะไดส้ าร หอมที่มีกลิ่นดี แตต่ น้ ทนุ สูงมาก

สาหรับวิธีท่ี 4 และ 5 น้นั ไมไ่ ดท้ าการทดลองวิธีที่ 4 ไม่เหมาะสมสาหรับดอกไมไ้ ทย เนื่องจากมีเปอร์เซ็นตน์ ้ามนั หอมระเหยต่า ส่วนวธิ ีที่ 5 น้นั ไม่มีอุปกรณ์

ข้อมูลไม้ดอกหอมของไทย

จากการรวบรวมรายช่ือพรรณไมด้ อกหอมที่ปลูกกระจายตามพ้ืนที่ตา่ งๆของประเทศ ไทยพบวา่ มีพรรณไมด้ อกหอมท่ีปลูกทวั่ ไป อยมู่ ากกวา่ 90 รายการ การปลูกไมด้ อกหอมใน ประเทศไทยน้นั ส่วนใหญ่เป็นการปลกู เป็นไมป้ ระดบั และตกแตง่ สถานท่ี มีเพียงไม่ก่ีชนิดที่ ปลกู ในพ้นื ที่มากๆในเชิงพาณิชย์ เช่น มะลิ จาปี ซ่อนกลิ่น กุหลาบ แต่มีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือ จาหน่ายเป็นไมต้ ดั ดอก ไมด้ อกหอมของไทยท่ีมีศกั ยภาพในการนามาสกดั สารหอมในเชิง พาณิชยไ์ ดแ้ ก่ จาปี มะลิ ลนั่ ทม ซ่อนกล่ิน พิกลุ กระดงั งา ส่วนไมด้ อกหอมชนิดอ่ืนๆหากมี การปไู ปจานวนมากก็สามารถท่ีจะนามาใชป้ ระโยชน์ในเชิงพาณิชยไ์ ด้

การสกดั สารหอมจากดอกไม้

การทดลองสกดั สารหอมจากดอกไมไ้ ทยพบวา่ ดอกจาปี ดอกมะนาว สามารถสกดั สาร หอมไดด้ ว้ ยการกนั ไดศ้ าลหอมในรูปของน้ามนั หอมระเหย (Volatile oil) ในอตั รา 0.13 และ 0.18% ส่วนมะลิ ลน่ั ทม ซ่อนกล่ิน น้นั ไมส่ ามารถใชว้ ิธีการกลนั่ ได้ วธิ ีการสกดั สารหอมที่ดี

8

ท่ีสุด คือการสกดั ดว้ ยตวั ทาละลาย เพ่ือใหไ้ ดผ้ ลผลิตสุดทา้ ยท่ีเรียกวา่ แอบโซลูดออยล์ (Absolute oil) ดอกไมอ้ ่ืนๆเช่น พกิ ลุ แกว้ กระดงั งา และดอกสม้ ซ่ึงแมจ้ ะมีรายงานวา่ สามารถสกดั ไดด้ ว้ ยกลน่ั แตใ่ นการทดลองน้ีไดท้ ดลองดว้ ยสารเคมีในรูปของแอบ โซลดู ออยล์

9

บทที่ 3 ข้นั ตอนการดาเนินงาน

ข้นั ตอนเตรียมการ

1.เตรียมคิดเรื่องท่ีจะทา

2.ประชุมวางแผนงาน วางรูปแบบงาน และจดั สรรงบประมาณ

3.ร่างโครงการนาเสนอที่ปรึกษาโครงการ

4.จดั เตรียมวสั ดุอุปกรณ์ที่จะทาส่ิงประดิษฐ์

5.จดั เตรียมสถานที่ในการลงมือปฏิบตั ิงาน

ข้นั ตอนการลงมือปฏบิ ัติ

นา้ มันหอมจากดอกกุหลาบ

สรรพคุณ มีสารตา้ นอนุมูลอิสระป้องกนั ผิวจากแสงแดด รักษาสิวอกั เสบ คงความ ชุ่มช้ืนใหผ้ วิ สมานแผล รกั ษาจุดด่างดา ส่วนกลิ่นน้ามนั หอมระเหย ช่วยคลายเครียดลด ความวิตกกงั วล นอนหลบั ง่าย บรรเทาอาการปวดหวั และวิงเวยี น

วตั ถุดบิ /อุปกรณ์

1. กลีบกุหลาบลา้ งสะอาด 5 ดอก 2. น้าแร่หรือน้าเปล่า 250 มิลลิลิตร 3. หมอ้ พร้อมฝาปิ ด 1 ใบ 4. ถว้ ยกระเบ้ืองทนความร้อน 1 ใบ 5. น้าแขง็ 1 ถุง

10

วธิ ีทา

1. วางถว้ ยกระเบ้ืองลงตรงกลางหมอ้ 2. ใส่กลีบกุหลาบลงในหมอ้ บริเวณรอบๆถว้ ย 3. ใส่น้าลงไปในหมอ้ 4. ปิ ดฝาโดยหงายฝาข้ึน ใหบ้ ริเวณที่จบั อยตู่ รงกบั ถว้ ยกระเบ้ือง 5. นาข้ึนต้งั ไฟกลางประมาณ 2 ชว่ั โมง โดยวางน้าแขง็ ไวบ้ นฝาหมอ้ และคอย

เปล่ียนน้าแขง็ เมื่อลายหมด

วิธีใช้

1. ชอ้ นเอาแต่น้าท่ีลอยอยบู่ นผิวน้า มาใชเ้ ป็นน้ามนั หอมระเหยโดยใชก้ บั เตาจุด น้ามนั หอมระเหย

2. หรือใชน้ ้าท่ีกลนั่ ท้งั หมด ใชเ้ ป็นเซร่ัมบารุงผิวไดเ้ ป็ นการสกดั น้ามนั โดยใช้ หลกั การการควบแน่น คือการตม้ น้าท่ีมีส่วนของกลีบกหุ ลาบให้กลายเป็นอน้า ลอยข้ึนมากระทบกบั เยน็ ของน้าแขง็ ที่อยบู่ นฝาหมอ้ จนเกิดการควบแน่นเป็น หยดน้าตงลงสู่ถว้ ยกระเบ้ืองท่ีป็นภาชนะรองรับ วิธีน้ีจะไดน้ ้ากลนั่ ท่ีมีความ สะอาด บริสุทธ์ิ พร้อมกบั วติ ามิน แร่ธาตุตา่ งๆที่อยใู่ นกลีบกหุ ลาบ

น้ามนั หอมจากมะกรูด

สรรพคณุ ในน้ามนั จากมะกรูดจะมีกรดเซติกสูง ช่วยบารุงหนงั ศีรษะและเสน้ ผม ช่วยใหผ้ มยาวไว นุ่ม ดกดา ป้องกนั ผมงอกก่อนวยั อนั ควร แกผ้ มร่วง รักษารังแคและ ชนั นะตุ กล่ินของน้ามนั หมอระเหยจากมะกรูด ช่วยเรื่องความสดช้ืน ผอ่ นคลาย และช่วยไล่ แมลง ไลย่ งุ ไดด้ ว้ ย

11

วสั ด/ุ อปุ กรณ์

1. ผลมะกรูดลา้ งสะอาด 10 ผล 2. น้ามะพร้าวสกดั เยน็ 100 มิลลิลิตร 3. ขวดแกว้ พร้อมฝาปิ ด 1 ใบ 4. มีด , เขียง

วธิ ีทา

1. เทน้ามะพร้าวใส่ขวดแกว้ 2. ใชม้ ีดปลอกเอาแต่ผวิ มะกรูดใส่ลงแช่ในน้ามะพร้าว 3. ปิ ดฝาทิ้งไวใ้ นท่ีอณุ หภูมิหอ้ ง 24 ชวั่ โมง 4. กรองเอาแต่น้ามนั มาใช้

วิธีใช้

1. ใชเ้ ป็นน้ามนั หอมระเหย โดยหยดลงในน้าแลว้ จุดไฟ ใชส้ ูดดมเพือ่ ความผอ่ น คลายและใชไ้ ล่แมลงและยงุ ได้

2. ใชห้ มกั ผมและศีรษะก่อนสระผมประมาณ 20-30 นาที เพ่ือบารุงเส้นผมและหนงั ศีรษะ

หลกั การน้ีเรียกวา่ ”การสกดั เยน็ ”เป็นการแยกส่วนของน้าหรือน้ามนั จากวตั ถุดิบท่ีเรา ตอ้ งการสกดั ออกมาโดยสกดั ออกมาจากส่วนตา่ งๆของวตั ถดุ ิบน้นั ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นพชื ผกั และผลไมต้ ่างๆการสกดั เยน็ น้นั จะไดน้ ้าหรือน้ามนั จากบริเวณส่วนต่างๆของพชื เช่น ผล เมลด็ หวั ใบ ดอก และเปลือก

โดยอาศยั ข้นั ตอนท่ีบีบอดั อุณหภมู ิหอ้ ง โดยต้งั ทิ้งไวใ้ หต้ กตะกอนแลว้ นาส่อนน้ามนั บริสุทธ์ิออกมาใชง้ าน ท้งั น้ีการสกดั ตอ้ งไมผ่ า่ นกระบวนการความร้อนหรือสารเคมีใดๆ ซ่ึง

12

จะช่วย คงสี รสชิตามธรรมชาติ คงคุณค่าและสรรพคุณของพืชพรรณชนิดน้นั ๆใหค้ งอยไู่ ว้ เช่นเดิม

นา้ มันหอมจากส้ม

สรรพคณุ มีวติ ามินซีสูงทาใหผ้ ิวขาว กระจ่างใส ลดจุดด่างดา รักษาลอยแผลจากสิว ผิวชุ่มช้ืน กล่ินจากน้ามนั หอมระเหย ช่วยผอ่ นคลาย หลบั สบาย คลายเครียด รู้สึกสดช้ืน ช่วย ปรับอากาศ ลดกล่ินอบั

วัตถดุ ิบ/อปุ กรณ์

1. เปลือกสม้ ลา้ งสะอาดตากแดดใหแ้ หง้ ป่ันระเอียด 4 ชอ้ นโตะ๊ 2. น้ามนั มะพร้าวสกดั เยน็ 100 มิลลิลิตร 3. ถว้ ยกระเบ้ืองทนความร้อน 1 ใบ 4. กระทะและเตาแก๊ส

วธิ ีทา

1. ตกั เปลือกสม้ ท่ีปั่นละเอียดแลว้ ใส่ชามกระเบ้ืองที่เตรียมไว้ 2. ใส่น้ามนั มะพร้าวลงไป คนใหเ้ ขา้ กนั 3. นากระทะใส่น้าต้งั ไฟใหเ้ ดือด แลว้ ลดไฟลงเหลือไฟออ่ น 4. นาชามแกว้ ที่มีส่วนผสมวางลงในน้าร้อน ประมาณ 30 นาที คอยหมน่ั คน 5. พกั ใหเ้ ยน็ กรองแตน่ ้ามนั ใส่ขวดไวใ้ ช้

วิธีใช้

1. สามารถน้ามนั มาถาผวิ หนา้ ผวิ กาย บริเวณที่ตอ้ งการไดเ้ ลย 2. นามาหยดใส่น้าแลว้ จุดเป็นน้ามนั หอมระเหย 3. นามาผสมน้าเปลา่ ในอตั ราส่วน 10 : 1 เพ่อื ใชฉ้ ีดบริเวณท่ีมีกลิ่นอบั เช่น ใน

รถยนต์ เป็นตน้

13

บทที่ 4 ผลการศึกษา

จากการไดศ้ ึกษาและลงมือปฏิบตั ิ พบวา่ สามารถสกดั น้ามนั หอมจากสมนุ ไพรไดจ้ ริงท้งั คุณภาพและปริมาณ เพยี งแต่หากตอ้ งการทาปริมาณเยอะเพือ่ ทาธุรกิจ อาจตอ้ งมีการเพมิ่ เติมอุปกรณ์ หรือวิธีการผลิต เพอ่ื ใหเ้ ป็นมาตฐานอุตสาหกรรม และอาจตอ้ งเพิง่ พาสารเคมีบางชนิด เพอื่ รักษา คุณภาพและยดื เวลาการเก็บรักษาและควบคุมคุณภาพใหเ้ ป็นไปตามมาตฐานท่ีมีการวางขอ้ กาหนด บงั คบั ไว้

อยา่ งไรก็แลว้ แต่ ถือวา่ การผลิตน้ามนั หอมระเหยจากสมุนไพร พ้นื บา้ นที่หาไดง้ ่ายใน ทอ้ งถ่ิน โดยวธิ ีการที่ใครๆก็สามารถทาได้ ไม่ตอ้ งใชอ้ ุปกรณ์และข้นั ตอนท่ียงุ่ ยาก เพ่ือใหไ้ ดน้ ้ามนั หอมมาใชใ้ นครัวเรือน ตามสรรพคุณที่ตอ้ งการหรืออยากไดจ้ ากสมนุ ไพรต่างๆถือวา่ ประสบความ สาเร็จและสามารถตอ่ ยอดพฒั นาเพือ่ ขยายเป็นธุรกิจขนาดยอ่ มและกลางตอ่ ไปในอนาคตได้

แบบสอบถามคณุ ชอบนา้ มันหอมระเหยชนิดไหนมากท่ีสุด

14

แบบสรุปการประเมนิ โครงการ น้ามนั หอมระเหยจากสมุนไพรผา่ นทางระบบ Google forms

ตอนที่1 ขอ้ มูลทวั่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม

15

ตอนที่2 ระดบั ความพงึ พอใจต่อโครงงาน

16

หมายเหตุ : ลิ้ง การทาแบบสอบถามประเมินโครงการ น้ามนั หอมระเหยสกดั จากสมนุ ไพร

https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSf7gHNR8QWYdfJvW1lUDoL5SZ3OWdmRmjLsuz BwjsNvFAyFuA/viewform

17

บทท่ี 5 สรุปผล อภิปราย และข้อสนอแนะ

สรุปผล

จากการผลิตน้ามนั หอมจากสมุนไพรทาเองน้นั สรุปผลไดว้ า่ สามารถทาไดจ้ ริงๆและไมม่ ี ข้นั ตอนท่ียงุ่ ยากและสามารถใชง้ านไดต้ ามสรรพคุณของสมนุ ไพรชนิดน้นั ๆ ตามท่ีระบุไวแ้ ละ สามารถพฒั นาตอ่ ยอดทาเป็นธุรกิจไดอ้ ีกดว้ ย

ประโยชน์ทีไ่ ด้รับ

1. สมาชิกในกลุ่มเกิดความสามคั คีและมีความร่วมมือร่วมใจในการทางานเป็นทีม 2. เกิดความคิดสร้างสรรค์ มีความคิดริเริ่มสร้างผลิตภณั ฑใ์ หมๆ่ การทดลองในการไปใช้

หลายๆวิธีเพ่ือใหเ้ กิดสรรพคุณที่หลากหลาย 3. เพ่ิมคุณคา่ ของสมุนไพรไทย รวมถึงเปลือกผลไมห้ รือส่วนต่างๆของพืชพรรณที่ไมใ่ ช้

แลว้ นามาผา่ นกระบวนการทาใหเ้ กิดประโยชน์ 4. สร้างรายไดใ้ หก้ บั บุคคลที่สนใจและทาการศึกษาเพิ่มเติมในแนวทางการนาไปทา

ธุรกิจ

ปัญหาในการดาเนนิ งาน

1. วตั ถุบางอยา่ งในการผลิตมีราคาคอ่ นขา้ งสูง เช่น น้ามะพร้าวสกดั เยน็ 2. สมนุ ไพรบางชนิดหาไดย้ ากในบางทอ้ งถิ่น เช่นยคู าลิปตสั และดอกคาโมไมล์ 3. สมุนไพรบางชนิดมีวธิ ีสกดั น้ามนั หอมที่เหมาะสมตา่ งกนั ไปตามแตล่ ะชนิดเป็นการ

ยากท่ีจะตอ้ งทราบวา่ ตอ้ งใชว้ ธิ ีการใดกบั สมนุ ไพรชนิดใด

18

วิธีการแก้ปัญหา

1. จากการศึกษาขอ้ มลู ทาใหร้ ู้วิธีทาน้ามนั มะพร้าวสกดั เยน็ และผลิตน้ามนั มะพร้าวสกดั เยน็ ไวใ้ ชเ้ องโดยมีตน้ ทนุ การผลิตต่ากวา่ ซ้ือแบบสาเร็จในทอ้ งตลาด

2. ใชส้ มุนไพรท่ีหาไดง้ า่ ยแตใ่ หส้ รรพคุณท่ีเหมือนกนั แทนเช่นสาระแหน่ที่ใชแ้ ทนยคู า ลิปตสั ไดใ้ นสรรพคุณดา้ น ไลห่ วดั หายใจโลง่ ปลอดโปล่ง กระดงั งาใชแ้ ทนคาโม ไมลไ์ ด้ ในเร่ืองของการผอ่ นคลาย คลายเครียด เป็นตน้

3. ศึกษาขอ้ มูลและวิธีการสกดั พชื แต่ละชนิดจากหลายๆแหล่งทาใหค้ น้ พบวธิ ีการที่ดี ที่สุดในการสกดั นามนั หอมจากพชื แต่ละชนิด

ข้อเสนอแนะ

1. ควรศึกษาเร่ืองสรรพคุณและวิธีใชน้ ้ามนั หอมแตล่ ะชนิดใหล้ ะเอียดเน่ืองจากการ ใชท้ ่ี ตา่ งกนั กใ็ หผ้ ลที่ตา่ งกนั ดว้ ย

2. ควรศึกษาผลกระทบจากการใชน้ ้ามนั หอมมากเกินไป เพราะ การสูดดมน้ามนั หอม ระเหยในปริมาณที่มากและเป็นเวลานานอาจทาใหร้ ่างกายเกิดผลเสียได้

19

บรรณานุกรม

1. Healthy Fis. (2563). ประโยชนข์ องมะกรูด. สืบคน้ เมื่อ 10 มกราคม 2564 จาก,https://sites.google.com/site/smunphirthiy2013/prayochn

2. Dr. Nat Nutrition. (2563). ประโยชน์ของน้ามนั มะพร้าว. สืบคน้ เม่ือ 11 มกราคม 2564 จาก, https://www.youtube.com/watch?v=RVkne5oM5Z4

20

ภาคผนวก

ภาพประกอบข้นั ตอนการทา น้ามนั สกดั จากผวิ มะกรูด 1.นามะกรูดมา 4 ลกู แลว้ ทาการปลอกเอาแตเ่ ปลือกมะกรูด

2.นาเปลือกมะกรูดมาใส่ภาชนะท่ีเตรียมไว้

3.นาน้ามนั มะพร้าวสกดั เยน็ ท่ีเตรียมไวเ้ ทใส่ลงภาชนะ

21

4.แลว้ ปิ ดฝาทิ้งไว้ 24 ชวั่ โมง 5.ข้นั ตอนสุดทา้ ยกรองเอาแตน่ ้ามนั หอมระเหย