วิตามินอี (Vitamin E) คือ สารอาหารที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยบำรุงสมอง ดวงตา ผิงหนัง และเซลล์ในร่างกายของเราอีกด้วย วิตามินอีสามารถพบได้ทั่วไปในอาหาร เช่น ในถั่วอัลมอนด์ มะเขือเทศ ผักโขม และน้ำมันมะกอก การขาดวิตามินอี สามารถส่งผลให้เกิดอาการปวดประสาท ปัญหาด้านสายตา และการแท้งบุตร แต่ในขณะเดียวกัน การได้รับวิตามินอีในปริมาณที่มากเกินไป สามารถส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ได้ เช่น อาการตกเลือด เป็นต้น ดังนั้น เราจึงควรทำความเข้าใจว่าบุคคลกลุ่มใดบ้างที่ควรจะระวังการรับประทานอาหารเสริมวิตามินอีเป็นพิเศษ หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจรับประทาน Show วิตามินอีมีประโยชน์อย่างไร?
วิตามินอีอยู่ในอาหารชนิดใดบ้าง? วิตามินอีนั้นสามารถพบได้ในอาหารชนิดต่าง ๆ ทั้งผลไม้ ผักใบเขียว ธัญพืช และน้ำมันพืช อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอีนั้น ได้แก่
ทุกวันนี้ เราสามารถพบสารสกัดวิตามินอีได้ทั้งในรูปแบบ แคปซูล ยาเม็ด ครีมทาผิว และน้ำมันวิตามินอี แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนนั้น ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินอีในปริมาณที่เพียงพออยู่แล้ว นอกจากนี้ อาหารเสริมวิตามินอีอาจไม่สามารถมอบประโยชน์ได้เหมือนกับสารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในอาหารได้ ผลกระทบจากการขาดวิตามินอี มีอะไรบ้าง?
จำเป็นต้องทานอาหารเสริมวิตามินอีไหม? โดยปกติแล้ว คนเรามักได้รับวิตามินอีในปริมาณที่เพียงพอจากการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การขาดวิตามินอีจึงเป็นภาวะที่หาได้ยาก และการทานอาหารเสริมวิตามินอีนั้นจึงไม่จำเป็นสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่หากมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะการขาดวิตามินอี ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ สิ่งที่ควรรู้ก่อนรับประทานวิตามินอีถึงแม้วิตามินอีจะมีประโยชน์อันหลากหลายต่อสุขภาพ การรับประทานวิตามินอีอาจมีความเสี่ยงต่อผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด หรือผู้ที่กำลังจะเข้ารับการผ่าตัดได้
ปริมาณของวิตามินอีที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน คือเท่าไหร่? ปริมาณของวิตามินอีที่ร่างกายของวัยรุ่นและผู้ใหญ่ต้องการคืออย่างน้อย 15 มิลลิกรัมต่อวัน ปริมาณของวิตามินอีที่ผู้ใหญ่สามารถรับได้สูงสุดต่อวันนั้นอยู่ที่ 1,000 มิลลิกรัม ในขณะที่เด็กอายุระหว่างหนึ่งถึงสามปีสามารถรับวิตามินอีได้สูงสุด 200 มิลลิกรัมต่อวัน ทั้งนี้ ปริมาณของวิตามินอีดังที่กล่าวมานี้ ไม่เป็นที่แนะนำในการรับประทานนอกจากแพทย์เป็นผู้สั่งเท่านั้น ผลข้างเคียงของการได้รับวิตามินอีในปริมาณที่มากเกินไปการได้รับวิตามินอีในปริมาณที่มากเกินไป สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น
วิตามินอีเก็บรักษาอย่างไร? เก็บรักษาวิตามินอี ในอุณหภูมิห้อง (15 ถึง 30 องศาเซลเซียส) ให้พ้นจากแสงและความร้อน ทิ้งอาหารเสริมวิตามินอีเมื่อถึงวันหมดอายุ และเก็บให้พ้นจากมือเด็ก วิตามินอี หรือสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์อันหลากหลายต่อสุขภาพนั้นมีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง ดวงตา ผิวหนัง และเซลล์ในร่างกายของเรา วิตามินอีสามารถพบได้ตามธรรมชาติในอาหาร เช่น มะเขือเทศ ถั่วอัลมอนด์ มะม่วง ผักโขม และน้ำมันมะกอก การได้รับวิตามินอีในปริมาณที่มากเกินไป สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น อาการคลื่นไส้ ผื่นผิวหนัง และภาวะเลือดออกผิดปกติ ดังนั้น บุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีประวัติโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเลือดออกผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานอาหารเสริมวิตามินอี Astaxanthin กินทุกวันได้ไหมเป็นคำถามที่หลาย ๆ คนไม่มั่นใจ และอยากรู้คำตอบ โดยการรับประทาน Astaxanthin ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด และไม่ควรทานมากเกินไปเพราะอาจทำให้อุจจาระกลายเป็นสีแดงได้ ซึ่งปริมาณที่เหมาะสมในการรับประทาน คือไม่ควรเกินวันละ 12 มก. และที่สำคัญต้องปรึกษาแพทย์ เภสัชกรก่อนรับประทาน ปฏิบัติตามฉลากที่ระบุ ... สารที่มีฤทธิ์ antioxidant มีอะไรบ้างสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) มีมากมาย ตัวอย่างเช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี แอสตาแซนธิน กรดแอลฟาไลโปอิก เบตาแคโรทีน ลูทีน ไลโคปีน ซีลีเนียม และโอเมก้า-3. วิตามิน ทั้ง 13 ชนิด มี อะไร บ้างวิตามินเอ (Vitamin A, Retinol) ... . วิตามินซี (Vitamin C, Ascorbic Acid) ... . วิตามินดี (Vitamin D) ... . วิตามินอี (Vitamin E, Tocopherol) ... . วิตามินเค (Vitamin K) ... . วิตามินบี 1 (Vitamin B1, Thiamine) ... . วิตามินบี 6 (Vitamin B6, Pyridoxine) ... . วิตามินบี 12 (Vitamin B12, Cobalamin). Alpha Lipoic Acid ช่วยเรื่องอะไรจะเห็นว่า ALA คือ สารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติโดดเด่นมากมาย ทั้งช่วยต้านการอักเสบภายในร่างกาย ช่วยฟื้นฟูสารต้านอนุมูลอินสะอื่นๆ ให้กลับมาทำงานได้ใหม่ ทั้งยังคอยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในกลุ่มโรคเบาหวานด้วยได้ การดริป ALA จึงเป็นประโยชน์สำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวพรรณ ริ้วรอยก่อนวัย/ ตามวัย |