ช ว ตคนเหม อนละครท กตอนบท ม สลดโศกเศร า

[ก่อนเปิดม่าน, ตัวละคอนเหล่านี้ต้องพร้อมอยู่บนเวที, คือ: สุเทษณะเทพบุตร์, เอกเขนกอยู่บนเตียงที่บนมุขเด็จ, มีนางอับสรอยู่งานพัดคน ๑; จิตระเสนนั่งอยู่หน้ามุขเด็จ, และมีบริวารของสุเทษณ์นั่งรายเปนแถวทั้ง ๒ ข้างเวที; กลางเวทีมีพวกคนธรรพสำรับ ๑, ถือช่อดอกไม้ทั้ง ๒ มือทุกคน. พิณพาทย์ทำเพลงโหมโรงจนถึงเวลาควรจะเปิดม่าน, จึ่งทำเพลงเหาะ. พอเปิดม่าน, พวกคนธรรพก็เริ่มร้องและรำอย่างแบบรำโคม, ดนตรีเล่นคลอเสียงไปตลอด, ไม่ต้องรับ.]

บทร้องของคนธรรพ์

(ลำเหาะ)

[ยานี, ๑๑.]

๏ ฃ้าบาทผู้ภักดี ต่อธุลีพระบาทา พร้อมกันถวายอา- เศียระพาทแด่เทวัน ๏ ขอจงเสวยสุข นิราศทุกข์ไร้โรคัน– ตะรายแลภยัน- ตะรายาอย่ายายี ๏ พระองค์ทรงมีคุณ กะตะบุญบาระมี บำเพ็ญในอตี- ตะกาลดลผลไพบูลย์ ๏ ชาติก่อนเปนสุกฺษัตร์ เถลิงรัฐราไชสูรย์ ในวงศะประยูร สุระแมนแคว้นปัญจาล ๏ ทรงธรรมล้ำมะนุษ ฤทธิรุทมหาศาล บำเพ็ญพะลีการ ทุกอย่างงามตามวิสัย ๏ ครั้นถึงเวลาควร ภูมิศวรจากไผท เสด็จสุราลัย เสวยสุขในแดนสรวง ๏ เหล่าฃ้าพึ่งพระเดช ปกป้องเกศฃ้าทั้งปวง จึ่งพร้อมณแดดวง ภักดีหมายถวายพร ๏ สิ่งใดพระประสงค์ จงสิทธินิรันดร ใดองค์จอมอมร ไม่โปรดปรานเร่งผ่านไป ฯ

[สุรางคณา, ๒๘.]

สุเทษณ์. เหวยจิตระเสน มึงบังอาจเล่น ล้อกูไฉน? จิตระเสน. เทวะ, ฃ้าบาท จะบังอาจใจ ทำเช่นนั้นไซร้ ได้บ่พึงมี. สุเทษณ์. เช่นนั้นทำไม พวกมึงมาให้ พรกูบัดนี้, ว่าประสงค์ใด ให้สมฤดี? มึงรู้อยู่นี่ ว่ากูเศร้าจิต เพราะไม่ได้สม จิตที่ใฝ่ชม, อกกรมเนืองนิตย์. จิตระเสน. ตูฃ้าภักดี ก็มีแต่คิด เพื่อให้ทรงฤทธิ์ โปรดทุกขณะ. สุเทษณ์. กูไม่พอใจ ! ไล่คนธรรพ์ไป บัดนี้เทียวละ. อย่ามัวรอรั้ง จิตระเสน. เอวํเทวะ! (หันไปสั่งคนธรรพ์.) เออพอแล้วนะ, พวกเจ้าจงไป. (พวกคนธรรพถวายบังคมแล้วเข้าโรง.) ฃ้าบาทได้เตรียม อับสรเสงี่ยม สง่างามไว้ เพื่อร้องและรำ บำเรอเทพไท, แม้โปรดจะได้ เรียกมาบัดนี้. สุเทษณ์. เอาเถิดลองดู เผื่อว่าตัวกู จะค่อยสุขี. จิตระเสน. (เรียก) คณาอับสร ผู้ฟ้อนรำดี, ออกมาบัดนี้ รำถวายกร.

(พิณพาทย์ทำเพลงเร็ว. คณะอับสรรำออกมาถึงกลางเวที, ลา, แล้วรำและร้องบทต่อไปนี้, และดนตรีเล่นคลอเสียงไปตลอด, ไม่ต้องรับ.)

บทร้องของอับสร

(ลำนางนาค.)

[ฉบงง, ๑๖.]

๏ เหล่าฃ้าคณาอับสร ก้มเกศยอกร บังคมพระเทพรังสรรค์ ๏ พำนักเนาสุขทุกวัน พระคุณอนันต์ อเนกประดุจโพธิ์ทอง ๏ อันพระเมตตาเนืองนอง ประดุจลออง วะรุณระรื่นรวยเย็น ๏ พระกรุณาแน่เห็น ดิประดุจเปน วายุรำเพยชื่นใจ ๏ พระมุทิตาแน่วใน ฃ้าบาทจึ่งได้ มานะเปนนิตย์ในงาน ๏ พระอุเบกฃาสมาน จิตให้เบิกบาน บ่เสื่อมบ่สูญภักดี ๏ เจ้านายองค์ใดในตรี โลกฤๅจะมี เหมือนพระผู้นั่งเกศา ๏ ขอพึ่งยุคลบาทา ไปจนเวลา ประจวบเมื่อกัลป์บรรลัย ฯ

(เพลงเร็ว: อับสรจับระบำสักสามท่าแล้ว, สุเทษณ์ยกมือห้าม, จิตระเสนก็สั่งพวกนางให้เลิกการระบำ, และพวกนางถวายบังคมแล้ว, พิณพาทย์ทำลา, พวกอับสรเข้าโรง, พวกเทพบริวารก็คลานเข้าโรงไปด้วย.)

[ยานี, ๑๑.]

จิตระเสน. อันนางอับสรศรี รำมิดีประการใด, ขอเทวะฤทธิ์ได้ โปรดตำนิติประทาน. สุเทษณ์. ดีแล้วทั้งการรำ และลำนำขับร้องหวาน, ทั้งดนตรีประสาน ก็ฟังเพราะเสนาะดี; แต่กูที่ใจเศร้า และงึมเหงาอยู่เช่นนี้ ตัวเจ้าก็รู้ดี ว่าเหตุนั้นเปนฉันใด. จิตระเสน. ฃ้าทราบและพลอยโศก, อันโรครักนี้หนักใจ; แต่ในสุราลัย สุรางค์ดีก็มีถม. ฃ้าเชื่อว่าพระองค์ ประสงค์นางสะอางชม คงได้สัมฤทธิ์สม หทัยแท้ทุกนงคราญ

[อินทวงส์, ๑๒.]

สุเทษณ์. จริงอยู่นะเจ้าเอย ผิจะเชยสมัคสมาน นางใดณแมนการ ก็จะสิทธิสมฤดี, เว้นเดียวก็แต่โฉม มะทะนาวิสุทธิศรี ผู้เลิศสุรางค์มี วรรูปวิเลขวิไลย. แต่เห็นอนงค์รา- มะประเสริฐวิเศษวิสัย ไม่มีอนงค์ใด นะจะเทียบจะเทียมจะทัน; งามผิวประไพผ่อง กลทาบสุภาสุพรรณ, งามแก้มแฉล้มฉัน พระอรุณแอร่มละลาน, งามเกศะดำขำ กลน้ำณท้องละหาน, งามเนตรพินิจปาน สุมณีมะโนหะรา; งามทรวงสล้างสอง วรถันสุมนสุมา- ลีเลิดประเสริฐกว่า วรุบลสะโรชะมาศ; งามเอวอนงค์ราว สุรศิลปิชาญฉลาด เกลากลึงประหนึ่งวาด วรรูปพิไลยพะวง; งามกรประหนึ่งงวง สุระคชสุเรนทะทรง, นวยนาฏวิลาศวง ดุจะรำระบำระเบง; ซ้ำไพเราะน้ำเสียง อรเพียงพิรมประเลง, ได้ฟังก็วังเวง บ่มิว่างมิวายถวิล. นางใดจะมีเทียบ มะทะนาณฟ้าณดิน, เปนยอดและจอดจิน- ตะนะแน่วณอกณใจ.

(จิตระรถออก, ไปไหว้สุเทษณ์, แล้วหมอบคอยฟังรับสั่ง.)

[ฉบงง, ๑๖.]

สุเทษณ์. อ้อ, จิตระรถเจ้าไป ตามที่กูใช้, สำเร็จประสงค์ฤๅหวา? จิตระรถ. เทวะ, ฃ้าบาทไคลคลา ตามองค์มหา ฤษีผู้นามนารท ไปทั่วทุกแดนสามหมด; ในฟากฟ้าจรด จนถึงขอบนะภาลัย; ไปทั่วแดนมนุษสุดไกล บ่เว้นแห่งใด, กระทั่งยังขอบจักกะวาฬ; ไปทั่วในแดนบาดาล, ทั่วทุกสถาน ทุกถิ่นจนจบภพไตร. ไปถึงซึ่งแคว้นแดนใด, ฃ้าบาทก็ได้ วาดรูปอนงค์งามงอน, มาเพื่อถวายมหิศร; ขอองค์อมร จงทอดพระเนตร์รูปา. สุเทษณ์. มาเถิดนำรูปขึ้นมา, และจงเจรจา แถลงซึ่งลักษณ์ให้กู.

(จิตระรถเรียกคนใช้ให้นำรูปออกมา, แล้วเอาขึ้นไปถวายสุเทษณ์ทอดพระเนตรพลาง, จิตระรถแถลงลักษณะแห่งรูปไปพลาง.)

[อุปชาติ, ๑๑.]

จิตระรถ. ประถมก็รูปเท- วะธิดาสง่าตรู, มีนามะเรียกยู- วะสุมาลิโศภณ. งามเนตร์และเกศแก้ม กลดอกกะมลสน ธิสิ่งประเสริฐปน กิริยาสง่าศรี. วธูวิเศษเปน วระเทพะนารี ฃ้าองค์อุมาศรี สุระอัคคะเทวิน, เนาคีริไกลาศ. สุเทษณ์. อ๊ะฉนั้นจะจงจิน- ตะนาจะราคิน, บ่มิควรคะนึงถึง. จิตระรถ. ทุตียะรูปนาง สิริร่างสอางซึ่ง แสนงามและหากถึง จะประเทียบบ่แพ้ใคร. นางชื่อวิเลขา กละภาพพิเศษไซร้, วิโรจน์วิไลยใคร ยละร่านระตีพูน. สะขีพระเทวี มหิษีบดีสูร ผู้สิงณไวกูณฐ์. สุเทษณ์. อ๊ะมิควรจะมุ่งหมาย. หล่อนเปนกำนัลแห่ง หริราชะนารายณ์, จะมุ่งณโฉมฉาย ก็จะทรงพระโกรธา. จิตระรถ. ฉนั้นถวายรูป อระเทพะกัญญา, ชื่อเมนะกาภา สะวิเลขวิไลยวรรณ; ฃ้าเห็นณสวนกลาง อมะราวดีสวรรค์, วิจิตรวิศิษฎ์สรร- พะสะกนธะชวนชม, นางช่างประเลงขับ วรศัพทะเริงรมย์ เปรอองค์สุโรดม. สุเทษณ์. ก็มิควรจะมุ่งมาด ท้าวศักฺระทรงฤท- ธิมหิทธิ์กำแหงกาจ, ผิทรงพิโรธอาจ จะประหัดประลัยลาน. จิตระรถ. ฉนั้นถวายรูป วรราชะนงคราญ หน่อนาถะผู้ผ่าน วรเฃตตะกาศี; ปรากฎพระนามนาง วิมะลาสุนารี, วิสุทธ์วิศิษฎ์ที่ จะตินั้นบ่พึงหา, พระโฉมบ่แพ้โฉม สุระเทวะกัญญา. สุเทษณ์. แพ้ยอดฤดีฃ้า ดุจะกากะเปรียบหงส์. จิตระรถ. นี่รูปธิดาท้าว วรเกาศิกาพงศ์ นรินทะราชทรง บุระกานฺยะกุพฺชา, ประกาศพระนามเรียก วรเรณุกาภา. สุเทษณ์. เปรียบโฉมวิเลขา มะทะนาบ่แพ้นาง จิตระรถ. นี่รูปธิดารา- ชะวิทรรภะโศภางค์, พระนามอนงค์นาง ทมะยันติบังอร. สุเทษณ์. จะมัวสำแดงรูป อระเนาณดินดอน, หวังหาสง่างอน ฤจะเปรียบธิดาสรวง. จิตระรถ. ฃ้าวาดวิเลขา อระงามณแดนปวง ถวายพระปิ่นสรวง, และก็สุดจะโปรดปราน และรูปธิดานา- คะและลูกอสูรหาญ, อันเห็นณบาดาล, ดนุวาดถวายไว้ เพื่อทอดพระเนตรเล่น ตละตนก็ผ่องใส; จะควรมิควรไซร้ ฤก็สุดจะปราณี

(จิตระรถส่งรูปถวายสุเทษณ์, และสุเทษณ์รับไปดูผาด ๆ, แล้วส่งคืนให้แก่จิตระรถ, จิตระรถส่งให้คนใช้นำเข้าโรงไป.)

[ฉบงง, ๑๖.]

สุเทษณ์. ปวงรูปเจ้าวาดมานี้ เปนรูปนารี ที่ล้วนประเสริฐเลิดงาม; แต่กูดูทุกนงราม ก็ยังเห็นทราม กว่านารีรัตน์มัทนา. ฉนั้นแม้ไม่อาจหา เทียมเท่ามัทนา ฤๅกูจะกล่าวชมเชย? เปนกรรมกูแล้วเจ้าเอย, จำต้องชวดเชย ที่รักสมัคจริงใจ. จิตระรถ. ฉนั้นต้องคิดแก้ไข โดยอุบายให้ พระองค์ได้สมจินดา. สุเทษณ์. จะแก้ฉันใดเล่าหวา? กูหมดปัญญา. จิตระรถ. ฃ้าบาทขอทูลบัดนี้ ยามฃ้าเที่ยวไปถึงที่ ขุนโขดคีรี ศรีมันทะระงามงอน, ได้พบหนึ่งวิทยาธร เรืองวิทยากร มีนามว่ามายาวิน, ผู้นี้มีความรู้ชิน เชิงชาญโยคิน และเชี่ยวอาถารรพ์วิทยา, รู้จักใช้โยคะนิทรา ไปผูกหทยา แห่งผู้ที่อยู่แม้ไกล, อาจร่ายมนตร์เรียกมาได้. สุเทษณ์. อ๊อ ! จริงหรือไฉน? จิตระรถ. ฃ้าบาทได้เห็นเองแล้ว สุเทษณ์. ถ้าจริงเฃาก็เปนแก้ว ! จิตระรถ. ฃ้าบาททราบแล้ว จึ่งกล้านำตัวเฃามา. สุเทษณ์. พามาด้วยแล้วหรือหวา? จิตระรถ. หมอเอกนั้นมา คอยอยู่ข้างนอกพระลาน. ขอได้โปรดให้ทำการ ลองเวทชำนาญ ชำนิถวายสักครั้ง. สุเทษณ์. เจ้าพูดชวนกูให้หวัง ! แม้ไม่สมดัง ปากว่าจะทำฉันใด? จิตระรถ. ฃ้าบาทเชื่อแน่แก่ใจ อยู่แล้วจึ่งได้ กล้าพามาเฝ้าทูลเกศ. ขอโปรดทดลองดูเวท, เผื่อพระทรงเดช จะได้ดังพระจินตนา. สุเทษณ์. ดีละ, เรียกเฃาเฃ้ามา ชั่วดีก็น่า จะลองให้เห็นประจักษ.

(จิตระรถถวายบังคมแล้วเข้าโรงไป.)

จิตระเสน. เทวะ ! ฃ้าสงสัยนัก, แต่ไม่อยากทัก อยากท้วงต่อหน้าสารถี. เวทมนตร์นั้นเฃาอาจมี จริงอยู่พอที่ จะเรียกเอาใครใครมา แต่จะบังคับหัทยา ให้รักนั้นฃ้า ยังนึกระแวงแคลงนัก. หากเรียกโฉมยงนงลักษณ์ มาแล้วไม่ภัก- ดิอยู่เปนฃ้าบทมาลย์, ก็จะกลับกลายเปนการ เสื่อมเกียรติวิศาล ขององค์พระจอมเทวัน. สุเทษณ์. เจ้าพูดถูกทุกสิ่งอัน, แต่กูอัดอั้น อุระด้วยรักรึงใจ, ฉนั้นถึงอย่างไรๆ เพียงแต่ให้ได้ เห็นวรพักตร์เลิดงาม แห่งมัทนานงราม, ก็อาจมีความ ประโมทย์มนัสสมถวิล.

(จิตระรถพามายาวินออกมา มายาวินเปนวิทยาธร, นุ่งห่มหนังเสือ.)

จิตระรถ. เทวะ, นี่มายาวิน มาเฝ้าบดิน- ทะด้วยมะโนภักดี. สุเทษณ์. ขอบใจที่มาครานี้; เฃาว่าท่านมี ซึ่งโยคะวิทยาชาญ. หากเราจะขอให้ท่าน ช่วยเปลื้องรำคาญ จะได้ละหรือว่ามา. มายาวิน. เทวะ, อันเวทวิทยา ฃ้ารู้เรียนมา เต็มใจจะใช้ฉลอง พระเดชพระคุณลออง ธุลีบาทลอง จนเต็มสติปัญญา. สุเทษณ์. ท่านมีเวทมนตร์คาถา อาจดลหัทยา ใครๆได้หมดฤๅไฉน?

[ภุชงคัปปะยาตร์, ๑๒]

มายาวิน. จะทูลเทวะเกรงดู ประหนึ่งตูทนงไป, จะงำเงื่อนบทูลไซร้ ก็เหมือนปิดวิชาการ. พระจงโปรดประทานซึ่ง อภัยฃ้าจะทูลสาร, และความจริงวิชาการ ก็มีอยู่ประจำตน. อถรรพ์เวทะเจนอยู่, และมนตร์ครูก็ได้สน มโนจำและซ้ำค้น คดีเพิ่มบเคลิ้มหลง. ฉนั้นอาจจะผูกจิต- ตะใครได้ประดุจจง, และใช้โยคะแล้วคง จะเรียกให้ตระบึงมา บนานแม้จะอยู่ถึง ณเขาจักกะวาฬา, ฤอยู่สรวงฤอยู่นา- คะโลกต่ำณบาดาล. จะเปนหญิงฤเปนชาย ก็เรียกดายมิยากนาน, เพราะใครเลยจะทนทาน พระอาถัพพะมนตร์ไหว. ฉนั้นแม้พระองค์มี ประสงค์ให้ดนูไซร้ ประชุมมนตระเรียกใคร ก็โปรดมีพระบัญชา.

[สุรางคณา, ๒๘.]

สุเทษณ์. อันตัวเรานี้ จิตจ่ออยู่ที่ โฉมมะทะนา, ผู้เลิดเลอสรร ในชั้นกามา พะจรฟากฟ้า บ่มีใครทัน. ตั้งแต่เรามา เกิดในฟากฟ้า พิภพภูมิสวรรค์ เราเห็นต้องจิต คิดอยากเชยขวัญ แต่โอ้นางนั้น หล่อนไม่ปลงใจ. มายาวิน. ฃ้าบาทเล็งดู ด้วยญาณก็รู้ นางนี้คือใคร, อีกทั้งรู้เลศ ว่าเหตุไฉน นงรามจึ่งไม่ ปลงใจยินดี. สุเทษณ์. รู้ว่าอย่างไร? มายาวิน. หากทูลความไซร้ จงโปรดปราณี. สุเทษณ์. เอาเถิดอย่าเกรง, เร่งบอกบัดนี้ มีเหตุร้ายดี จงเล่ามาพลัน.

[อินทะวิเชียร, ๑๑.]

มายาวิน. เมื่อครั้งพระองค์เปน วรราชะราชัน ครองเฃตประเทศขัณ- ฑะวิสุทธิปัญจาล, ตรัสใช้อมาตย์เปน วรทูตะทูลสาร ถึงราชะผู้ผ่าน นรชาติ์สุราษฎร์งาม, ขอองค์ธิดาชื่อ มะทะนาวิไลยราม เปนราชินีตาม วรราชประเพณี; แต่ท้าวสุราษฎร์ไซร้ บมิยอมและยินดี ให้ซึ่งพระบุตรี, พระก็ทรงพระโกรธา. ตรัสเกณฑ์พหลกอง จตุรงคะเสนา ยกไปประชิตรา- ชะบุรีวโรดม. โจมตีบุรีป่น บ่มิทนทลายล่ม, จับได้นโรดม นรนาถสุราษฎร์มา; จึ่งมีพระโองการ จะประหารพระชีวา, แต่หากธิดามา และประนอมมโนฉันท์, ยอมเปนวะธูบาท บริจาริกานันท์, ไถ่โทษะชีวัน ก็จะงดพระอาญา. ฝ่ายนางก็ยอมตาม วรราชะบัญชา, พ่อรอดพระชนมา ก็เพราะลูกสิภักดี. ครั้นนางเสด็จถึง วรมาละกาศรี ก้มเกศและกราบที่ ทวิบาทพระภูบาล, แล้วทูลแถลงโดย สิริสัจจะวาทหวาน ว่าองค์พระนงคราญ บมิอยากจะขัดไท้, แต่ได้ปะฏิญญา วรสัจจะมั่นไว้ ว่าจักมิยอมให้ นรฝืนฤดีรัก. ครั้งนี้แหละสุดแสน จะประดักประเดิดนัก, เพราะว่าบิดารัก จะบรอดพระชนมา, จึ่งยอมถวายตัว และก็ไถ่พระโทษา ขององค์ชนกนา- ถะบต้องมลายชนม์. เสร็จกิจจะการดี กรณียะเปนผล, กราบบาทยุคลตน มะทะนาจะลาตาย. ว่าพลางยุพาชัก วรขัคคะแพรวพราย แทงตรงพระทรวงตาย เฉพาะพักตร์พระภูมี. ตายแล้วกำเนิดใน สุรภพพิศิษฎ์นี้; ฝ่ายองค์พระภูมี ก็บำเพ็ญพะลีกรรม์, จนได้สำเร็จผล จรดลณแดนสฺวรรค์ มาพบและรักกัน เพราะวะเคยสิเนหา. แต่กรรมพระทำไว้ ณพระชาติ์อดีตมา ข้องขัดและขวางหน้า บ่มิให้พระสมจินต์. อันถ้อยดนุทูล ฤก็สัจจะทั้งสิ้น, ขอองค์พระผู้ปิ่น สุรเทวะปราณี.

[สุรางคณา, ๒๘]

สุเทษณ์. ที่ท่านเล่าไซร้ เราขอขอบใจ ที่ท่านไมตรี และเราขอเพียง เสี่ยงเคราะห์ดูที เผื่อโชคจะมี ดีได้สักครา. มายาวิน. แล้วแต่จะโปรด, ไม่ทรงพิโรธ ก็บุญนักหนา; ขอประทานไฟ จะได้บูชา. จิตระรถ. (ร้องตะโกนสั่งไปในโรง.) เอาของออกมา ตามที่สั่งไว้.

(คนใช้นำเครื่องทำพิธีออกมา, คือบายศรี ๑, หัวหมู, เป็ด, ไก่, มะพร้าวอ่อน, ขันเหมสำหรับจุดไฟ, และเทียนชะนวนจุดไฟพร้อม; ของเหล่านี้เอาไปตั้งตรงหน้ามายาวิน, และมีคนเอาหญ้าคามาทอดแล้วเอาหนังกวางปูบนหญ้าคาเปนอาสนะ. มายาวินขึ้นนั่งขัดสมาธิ์บนอาสนะ, จุดไฟในขันเหม, แล้วกล่าวคำบูชาต่อไปนี้.)

[สัทฺทุลฺลวิกฺกีฬิต, ๑๙.]

มายาวิน. โอมบังคมพระคเณศะเทวะศิวะบุตร์ ฆ่าพิฆฺนะสิ้นสุด ประลัย; อ้างามกายะพระพรายประหนึ่งระวิอุทัย, ก้องโกญจนะนาทให้ สะหรรษ์; เปนเจ้าสิปปะประสิทธิ์วิวิธะวรรณ วิทยาวิเศษสรร- พะสอน; ยามฃ้ากอบกรณีย์พิธีมะยะบวร, จงโปรดประทานพร ประสาท. โอมนารายะณะเทพเถลิงอุระคะอาสน์, ขี่ขุนสุบรรณ์ราช จรัล; ถือศังข์จักระคะทาธรณิผัน ปราบยักษะกุมภัณฑ์ มลาย; เชี่ยวชาญโยคะวิธีพระพีระอภิปราย ดลกิจจะทั้งหลาย สะมิทธิ์. ยามฃ้ากอบกรณีย์พิธีมะยะวิจิตร์ จงสมมะโนสิท- ธิเทอญ.

(พิณพาทย์ทำเพลงสาธุการ. มายาวินไหว้บูชาสี่ทิศ,แล้วร่ายมนตร์ต่อไป.)

อ้าสองเทเวศร์ โปรดเกศฃ้าบาท ทรงฟังซึ่งวาท ที่กราบทูลเชิญ, โปรดช่วยดลใจ ทรามวัยให้เพลิน จนลืมขวยเขิน แล้วรีบเร็วมา. ด้วยเดขเทพไท ทรามวัยรูปงาม จงได้ทราบความ ฃ้าขอนี้นา, แม้คิดขัดขืน ฝืนมนตร์คาถา ขอให้นิทรา เข้าสึงถึงใจ. มาเถิดนางมา อย่าช้าเชื่องช้อย ตูฃ้านี้คอย ต้อนรับทรามวัย. อ้านางโศภา อย่าช้ามาไว ตูฃ้าสั่งให้ โฉมตรูรีบจร. โฉมยงอย่าขัด รีบรัดมาเถิด ขืนขัดคงเกิด ในทรวงเร่าร้อน, มาเร็วบัดนี้ รีบลีลาจร มาเร็วบังอร ฃ้าเรียกนางมา.

(มายาวินประนมมือและนั่งบริกรรม. พิณพาทย์ทำเพลงตระสันนิบาต. ทุก ๆ คนตั้งตาคอยมองดู. พอรัวท้ายตระ มัทนาเดิรออกมา, ตาจ้องเป๋งไม่แลดูใครและกิริยาอาการเปนอย่างคนที่ยังหลับอยู่, และพูดหรือแสดงกิริยาอย่างคนที่ฝัน. สุเทษณ์ลุกจากบัลลังก์ลงมาต้อนรับด้วยความยินดี แต่ครั้นเห็นมัทนาจังงังอยู่ไม่ยิ้มแย้มก็ชงัก, แล้วหันไปพูดกับมายาวิน.)

[สุรางคณา, ๒๘.]

สุเทษณ์. นางมาแล้วไซร้ แต่ว่าฉันใด จึ่งไม่พูดจา? มายาวิน. นางยังงงงวย ด้วยฤทธิ์มนตรา, แต่ว่าตูฃ้า จะแก้บัดนี้.

(พูดสั่งมัทนา.)

ดูก่อนสุชาตา มะทะนาวิไลยศรี, ยามองค์สุเทษณ์มี วรพจน์ประการใด, นางจงทำนูลตอบ มะธุรสธตรัสไซร้; เฃ้าใจมิเฃ้าใจ ฤก็ตอบพะจีพลัน. มัทนา. เฃ้าใจละเจ้าฃ้า; ผิวะองค์สุเทษณ์นั้น ตรัสมาดิฉันพลัน จะเฉลยพระวาที.

[วสันตะดิลก, ๑๔.]

สุเทษณ์. อ้าโฉมวิไลยะสุปฺริยา มะทะนาสุรางค์ศรี, พี่รักและกอบอภิระตี บมิเว้นสิเน่ห์หนัก; บอกหน่อยเถอะว่าดะรุณิเจ้า ก็จะยอมสมัครัก. มัทนา. ตูฃ้าสมัคฤมิสมัค ก็มิขัดจะคล้อยตาม. สุเทษณ์. จริงฤๅนะเจ้าสุมะทะนา วจะเจ้าแถลงความ? มัทนา. ฃ้าขอแถลงวะจะนะตาม สุรเทวะโปรดปราน. สุเทษณ์. รักจริงมิจริงฤก็ไฉน อรไทยบ่แจ้งการ? มัทนา. รักจริงมิจริงก็สุระชาญ ชยะโปรดสถานใด? สุเทษณ์. พี่รักและหวังวธุจะรัก และบทอดบทิ้งไป. มัทนา. พระรักสมัคณพระหทัย ฤจะทอดจะทิ้งเสีย? สุเทษณ์. ความรักละเหี่ยอุระระทด เพราะมิอาจจะคลอเคลีย. มัทนา. ความรักระทดอุระละเหี่ย ฤจะหายเพราะเคลียคลอ? สุเทษณ์. โอ้โอ๋กระไรนะมะทะนา บมิตอบพะจีพอ? มัทนา. โอ้โอ๋กระไรอะมระง้อ มะทะนามิพอดี ! สุเทษณ์. เสียแรงสุเทษณ์นะประดิพัทธ์ มะทะนาบเปรมปรีย์. มัทนา. แม้ฃ้าบเปรมปฺริยะฉะนี้ ผิจะโปรดก็เสียแรง. สุเทษณ์. โอ้รูปวิไลยะศุภะเลิด บมิควรจะใจแขง. มัทนา. โอ้รูปวิไลยะมละแรง ละก็จำจะแขงใจ.

(สุเทษณ์จ้องดูนาง, แต่นางยังคงตาลอยไม่จับตาอยู่ สุเทษณ์ออกฉงน, จึ่งลองพูดไปอีก.)

สุเทษณ์. หากพี่จะกอดวธุและจุม- พิตะเจ้าจะว่าไร? มัทนา. ฃ้าบาทจะขัดฤก็มิได้ ผิพระองค์จะทรงปอง. สุเทษณ์. ว่าแต่จะเต็มฤดิฤหาก ดนุกอดและจูบน้อง? มัทนา. เต็มใจมิเต็มดนุก็ต้อง ประติบัติ์ระเบียบดี.

(สุเทษณ์ไม่พอใจในคำตอบของนาง, จึ่งหันไปพูดกับมายาวิน.)

[สุรางคณา, ๒๘]

สุเทษณ์. แน่ะมายาวิน เหตุใดยุพิน จึงเปนเช่นนี้? ดูราวมะเมอ เผลอๆ ฤดี ประดุจไม่มี ชีวิตจิตใจ. คราใดเราถาม หล่อนก็ย้อนความ เหมือนเช่นถามไป, ดังนี้จะยวน ชวนเชยฉันใด ก็เปรียบเหมือนไป พูดกับหุ่นยนตร์. มายาวิน. เทวะ, ที่นาง อาการเปนอย่าง นี้เพราะฤทธิ์มนตร์; โยคะอันขลัง บังคับได้จน ให้ตอบยุบล ได้ตามต้องการ แต่จะบังคับ ใครๆ ให้กลับ มโนวิญญาณ, ให้ชอบให้ชัง ยืนยังอยู่นาน ย่อมจะเปนการ สุดพ้นวิสัย. หากว่าพระองค์ มีพระประสงค์ อยู่เพียงจะให้ นงคราญฉลอง รองพระบาทไซร้ ฃ้าอาจผูกใจ ไว้ด้วยมนตรา, มิให้นงรัตน์ ดื้อดึงขึ้งขัด ซึ่งพระอัชฌา, บังคับให้ยอม ประนอมเปนฃ้า บาทบริจา ริกาเทวัน. สุเทษณ์. อ๊ะ ! เราไม่ขอ ได้นางละหนอ โดยวิธีนั้น ! เสียแรงเรารัก สมัคใจครัน อยากให้นางนั้น สมัครักตอบ. ผูกจิตด้วยมนตร์ แล้วตามใจตน ฝ่ายเดียวมิชอบ, เราใฝ่ละโบม ประโลมใจปลอบ ให้นางนึกชอบ นึกรักจริงใจ. ฉนั้นท่านครู คลายเวทมนตร์ดู อย่าช้าร่ำไร, หากเราโชคดี ครั้งนี้คงได้ สิทธิ์สมดังใจ; รีบคลายมนตรา. มายาวิน. เอวํ เทวะ

(มายาวินประนมมือแล้วร่ายมนตร์ต่อไปนี้)

(วิชฺชุมฺมาลา, ๘.)

มายาวิน. อันเวทอาถรรพ์ ที่พันธ์ผูกจิต แห่งนางมิ่งมิตร์ อยู่บัดนี้นา, จงเคลื่อนคลายฤทธิ์ จากจิตกัญญา คลายคลายอย่าช้า สวัสดีสวาหาย !

(พิณพาทย์ทำเพลงรัว. มายาวินยกมือไหว้แล้วเสกเป่าไปทางมัทนา. ฝ่ายมัทนาค่อย ๆ รู้สึกตัว, เอามือลูบตาเหมือนคนตื่นนอน, และพอจบรัวก็พอได้สติบริบูรณ์. บัดนี้นางเหลียวแลไปเห็นสุเทษณ์ก็ตกใจ, ตั้งท่าเหมือนจะหนีไป, แต่สุเทษณ์ขวางทางไว้.)

[ฉบงง, ๑๖.]

สุเทษณ์. อ้ามัทนาโฉมฉาย เฉิดช่วงดังสาย วิชชุประโชติอัมพร ไหนๆ ก็เจ้าสายสมร มาแล้วจะร้อน และรนและรีบไปไหน? มัทนา. เทวะ, อันฃ้านี้ไซร้ มานี่อย่างไร บทราบสำนึกสักนิด; จำได้ว่าฃ้าสถิต ในสวนมาลิต และลมรำเพยเชยใจ, แต่อยู่ดีๆ ทันใด บังเกิดร้อนใน อุระประหนึ่งไฟผลาญ, ร้อนจนสุดที่ทนทาน แรงไฟในราน ก็ล้มลงสิ้นสมฤดี. ฉันใดมาได้แห่งนี้? หรือว่าได้มี ผู้ใดไปอุ้มฃ้ามา? ขอพระองค์จงเมตตา และงดโทษฃ้า ผู้บุกรุกถึงลานใน. สุเทษณ์. อ้าอรเอกองค์อุไร พี่จะบอกให้ เจ้าทราบคดีดังจินต์; พี่เองใช้มายาวิน ให้เชอญยุพิน มาที่นี้ด้วยอาถรรพ์. มัทนา. เหตุใดพระองค์ทรงธรรม์ จึ่งทำเช่นนั้น ให้ฃ้าพระบาทต้องอาย แก่หมู่ชาวฟ้าทั้งหลาย? โอ้พระฦๅสาย พระองค์บทรงปราณี.

(มัทนาร้องได้. พิณพาทย์ทำเพลงโอด สุเทษณ์ปลอบ.)

สุเทษณ์. อ้ายอดสิเนหา มะทะนาวิสุทธิศรี, อย่าทรงพระโศกี วรพักตร์จะหม่นจะหมอง. พี่นี้นะรักเจ้า และจะเฝ้าประคับประคอง คู่ชิดสนิธน้อง บ่มิให้ระคางระคาย. พี่รักวะธูนวล บ่มิควรระอาละอาย, อันนาริกับชาย ฤก็ควรจะร่วมจะรัก. รูปเจ้าวิไลยราว สุระแสร้งประจิตประจักษ์, มิควรจะร้างรัก เพราะพะธูพิถีพิถัน; ธาดาธสร้างองค์ อรเพราพิสุทธิสรรพ์ ไว้เพื่อจะผูกพัน- ธนะจิตตะจองฤดี. อันพี่สิบุญแล้ว ก็พะเอินประสพสุรี แลรักสมัคมี มนะมุ่งทนุถนอม ขอโฉมเฉลาปลง พระฤดีประนีประนอม รับรักและยินยอม ดนุรักสมัคสมาน. หากนางมิข้องขัด ประดิพัทธ์ประสมประสาน, ทั้งสองจะสุขนาน มนะจ่อบจืดบจาง. อ้าช่วยระงับดับ ทุขะพี่ระคายระคาง; พี่รักอนงค์นาง ผิมิสมฤดีถวิล, เหมือนพี่มิได้คง วรชีวะชีวิติน- ทรีย์ไซร้บ่ใฝ่จิน- ตะนะห่วงและห่อนนิยม. ชีพอยู่ก็เหมือนตาย, เพราะมิวายระทวยระทม ทุกข์ยากและกรากกรม อุระช้ำระกำทวี, อ้าฟังดนูเถิด มะทะนาและตอบวจี พอให้ดนูนี้ สุขะรื่นระเริงระรวย.

[วสันตะดิลก, ๑๔.]

มัทนา. ฟังถ้อยดำรัสมะธุระวอน ดนุนี้ผิเอออวย จักเปนมุสาวะจะนะด้วย บมิตรงกะความจริง. อันชายประกาศวะระประทาน ประดิพัทธะแด่หญิง, หญิงควรจะเปรมกะมะละยิ่ง ผิวะจิตตะตอบรัก; แต่หากฤดีบอะภิรม จะเฉลยฉนั้นจัก เปนปดและลวงบุรุษะรัก ก็จะหลงละเลิงไป. ตูฃ้าพระบาทสิสุจริต บมิคิดจะปดใคร, จึ่งหวังและมุ่งมะนะสะใน วรเมตตะธรรมา. อันว่าพระองค์กรุณะข้อย ฤก็ควรจะปรีดา, อีกควรฉลองวรมหา กรุณาธิคุณครัน; ดังนี้คะนึงฤก็ระบม อุระแห่งกระหม่อนฉัน, ที่ตนบอาจจะอภิวัน- ทะนะตอบพระวาจา ให้ถูกประดุจสุระประสงค์, ผิวะทรงพระโกรธา, หม่อมฉันก็โอนศิระณบา- ทะยุคลและกราบกราน.

[อินทวงส์, ๑๒.]

สุเทษณ์. ที่หล่อนมิยินยอม มะนะรักสมัคสมาน, มีคู่สะมรมาน อภิรมย์ฤเปนไฉน?

[วสันตะดิลก, ๑๔.]

มัทนา. หม่อมฉันบมีบุรุษะผู้ ประดิพัทธะใดใด, เปนโสดบมีมะนะสะใฝ่ อภิรมฤสมรส.

[อินทวงส์, ๑๒.]

สุเทษณ์. เช่นนั้นก็เชิญฟัง ดนุกล่าวสิเนหะพจน์, เจ้างามประเสริฐหมด ก็มิควรฤดีจะดำ.

[วสันตะดิลก, ๑๔.]

มัทนา. หม่อมฉันสดับมะธุระถ้อย ก็สำนึกเสนาะคำ, แต่ต้องทำนูลวะจะนะซ้ำ ดุจะได้ทำนูลมา.

[อินทวงส์, ๑๒.]

สุเทษณ์. นี่เจ้ามิยอมรับ รสะรักฉนั้นฤจ๋า? ตัวฉันจะเลวสา หะสะด้วยประการไฉน?

[วสันตะดิลก, ๑๔.]

มัทนา. อ้าองค์พระผู้สุระวิศิษฎ์, พระจะผิดสะฐานใด? หม่อมฉันสิทรามเพราะบ่มิได้ อนุวัตน์พระบัญฑูร.

[อินทวงส์, ๑๒.]

สุเทษณ์. ยิ่งฟังพะจีศรี ก็ระตีประมวลประมูล, ยิ่งขัดก็ยิ่งพูน ทุขะท่วมระทมหะทัย ! อ้าเจ้าลำเภาพักตร์ สิริลักษะณาวิไลย, พี่จวนจะคลั่งไคล้ สติเพื่อพะวงอนงค์.

(วสันตะดิลก, ๑๔.)

มัทนา. โอ้โอ๋ละเหี่ยอุระสดับ วรศัพทะท่านทรง อ้อยอิ่งแสดงวรประสง- คะณตัวกระหม่อมฉัน; อยากใคร่สนองพระวรสุน- ทรคุณอเนกนั้น, จนใจเพราะผิดคติสุธรรม์ สุจริตประติชฺญา. ขอให้พระองค์อะมะระเท- วะเสวยประโมทา, หม่อมฉันจะขอประณตะลา สุระราชลิลาศไป.

(มัทนากราบแล้วตั้งท่าจะไป, แต่สุเทษณ์จับข้อมือไว้ด้วยกิริยาออกจะโกรธ.)

(ฉบงง, ๑๖.)

สุเทษณ์. ช้าก่อน! หล่อนจะไปไหน? มัทนา. หม่อมฉันอยู่ไป ก็เครื่องแต่ทรงรำคาญ. สุเทษณ์. ใครหนอบอกแก่นงคราญ ว่าพี่รำคาญ? มัทนา. หม่อมฉันสังเกตเองเห็น. สุเทษณ์. เออ! หล่อนนี้มาล้อเล่น! อันตัวพี่เปน คนโง่ฤๅบ้าฉันใด? มัทนา. หม่อมฉันเคารพเทพไท ทูลอย่างจริงใจ ก็บมิทรงเชื่อเลย, กลับทรงดำรัสเฉลย ชวนชักชมเชย และชิดสนิธเสนหา. พระองค์ทรงเปนเทวา ธิบดีปรา- กฎเกียรติยศเกรียงไกร, มีสาวสุรางค์นางใน มากมวลแล้วไซร้ ในพระพิมานมณี, จะโปรดปรานฃ้าบาทนี้ สักกี่ราตรี? และเมื่อพระเบื่อฃ้าน้อย จะมิต้องนั่งละห้อย นอนโศกเศร้าสร้อย ชะเง้อชะแง้แลหรือ? หม่อมฉันนี้เปนผู้ถือ สัจจาหนึ่งคือ ว่าแม้มิรักจริงใจ, ถึงแม้จะเปนชายใด ขอสมพาศไซร้ ก็จะมิยอมพร้อมจิต. ดังนี้ขอเทพเรืองฤทธิ์ โปรดฃ้าน้อยนิด, ฃ้าบาทขอบังคมลา.

[กมล, ๑๒.]

สุเทษณ์. (ตวาด) อุเหม่ ! มะทะนาชะเจ้าเล่ห์ ชิชิช่างจำนรรจา, ตะละคำอุวาทา ฤกระบิดกระบวนความ. ดนุถามก็เจ้าไซร้ บมิตอบณคำถาม, วนิดาพยายาม กะละเล่นสำนวนหวล. ก็และเจ้ามิเต็มจิต จะสดับดนูชวน, ผิวะให้อนงค์นวล ชนะหล่อนทนงใจ. บ่มิยอมจะร่วมรัก และสมัคสมรไซร้ ก็ดะนูจะยอมให้ วนิดานิวาศสฺวรรค์, ผิวะนางพะเอินชอบ มรุอื่นก็ฃ้าพลัน จะทุรนทุรายศัล- ยะบ่อยากจะยินยล; เพราะฉนั้นจะให้นาง จุติสู่ณแดนคน, มะทะนาประสงค์ตน จะกำเนิดณรูปใด? ทวิบทจะตูร์บาท ฤจะเปนอะไรไซร้, วธุเลือกจะตามใจ และจะสาปประดุจสรร; จะสถิตฉนั้นกว่า จะสำนึกณโทษทัณฑ์, และผิวอนดนูพลัน จะประสาทพระพรให้ วนิดาจรัลกลับ ณประเทศสุราลัย; ก็จะชอบสะฐานใด วธุตอบดนูมา

[สาลินี, ๑๑.]

มัทนา. อ้าเทพศักด์สิทธิ์ซึ่ง พระจะลงพระอาญา ฃ้าเปนแต่เพียงฃ้า บมิมุ่งจะอวดดี. หม่อมฉันนี่อาภัพ และก็โชคบพึงมี, จึ่งไม่ได้รองศรี วรบาทพระจอมแมน. อันทรงเมตตาควร จะประจบและตอบแทน คุณท่านที่มากแสน คณนาประมวญมี. อันโปรดให้เลือกตาม ฤดิฃ้าณบัดนี้, ขอเปนซึ่งมาลี รุจิเรขวิไลยวรรณ, สุดแท้แต่จอมสรวง จะประสิทธิ์ประสาทพันธุ์ ขอเพียงให้มีคัน- ธะระรื่นระรวยหอม. ด้วยกลิ่นของฃ้าบาท ก็จะได้ประณตน้อม ใจนิตย์บูชาจอม สุระบ่มบำเพ็ญบุญ. ฃ้าขอแต่เพียงให้ มรุทรงพระการุญ,

[ฉบงง, ๑๖.]

สุเทษณ์. ที่เจ้างอนง้อขอนั้น เราจะยอมสรร- พะสิทธิดังใจจินต์. ดูราท่านมายาวิน, นางนี้ถวิล จะถือรูปเปนมาลี. ก็บุปผาอย่างใดมี ที่งามทั้งสี อีกทั้งมีกลิ่นส่งไกล? แต่ต้องให้มีหนามไว้ ป้องกันมิให้ เหล่าเดรัจฉานผลาญยับ. มายาวิน. เทวะ ! อันไม้งามสรรพ มีลักษณ์ต้องกับ พระองค์ดำรัสนั้นมี ในนันทะโนทยานศรี องค์พระศจี ธโปรดเปนยอดมาลา. เห็นมีแต่ในฟากฟ้า ในแดนคนหา ไม้นี้มิได้แห่งไหน.

[อินทะวิเชียร, ๑๑.]

มายาวิน. ไม้เรียกผะกากุพ- ชะกะสีอรุณแสง ปานแก้มแฉล้มแดง ดรุณีณยามอาย; ดอกใหญ่และเกสร สุวคนธะมากมาย, อยู่ทนบวางวาย มธุรสขจรไกล; อีกทั้งสะพรั่งหนาม ดุจะเข็มประดับไว้, ผึ้งเขียวสิบินไขว่ บมิใคร่จะห่างเหิน. อันกุพฺชะกาหอม, บริโภคอร่อยเพลิน, รสหวานสิหวานเชอญ นรลิ้มเพราะเลิดรส; กินแล้วระงับตรี พิธะโทษะหายหมด, คือลมและดีลด ทุษะเสมหะเสื่อมสรรพ์; อีกทั้งเจริญกา- มะคุณาภิรมย์นันท์, เย็นในอุราพลัน, และระงับพยาธี.

[ฉบงง, ๑๖.]

สุเทษณ์. ดีละ, จะให้มารศรี เปนดอกไม้นี้ โฉมยงจะว่าฉันใด? มัทนา. ไหนๆ จะเปนดอกไม้, หม่อมฉันพอใจ เปนดอกที่ออกนามมา. ฃ้าขอก้มเกศวันทา ที่จอมเทวา การุญให้เลือกเช่นนี้. สุเทษณ์. ด้วยอำนาจอิทธิ์ฤทธี อันประมวญมี ณตัวกูผู้แรงหาญ, กูสาปมัทนานงคราญ ให้จุติผ่าน ไปจากสุราลัยเลิด, สู่แดนมนุษย์และเกิด เปนมาลีเลิด อันเรียกว่ากุพฺชะกะ, ให้เปนเช่นนั้นกว่าจะ รู้สึกอุระ ระอุเพราะรักรึงเข็ญ. ทุกเดือนเมื่อถึงวันเพ็ญ ให้นางนี้เปน มนุษย์อยู่กำหนดมี เพียงหนึ่งทิวาราตรี; แต่หากนางมี ความรักบุรุษเมื่อใด, เมื่อนั้นแหละให้ทรามวัย คงรูปอยู่ไซร้ บคืนกลับเปนบุปผา. หากรักชายแล้วมัทนา บมีสุฃา- ภิรมย์เพราะเริดร้างรัก, และนางเปนทุกข์ยิ่งนัก จนเหลือที่จัก อดทนอยู่อีกต่อไป, เมื่อนั้นผิว่าอรไทย กล่าววอนเราไซร้ เราจึ่งจะงดโทษทัณฑ์.

[จิตระปทา, ๘.]

นางมะทะนา จุติอย่านาน จงมะละฐาน สุระแมนสวรรค์, ไปเถอะกำเนิด ณหิมาวัน ดังดนุลั่น วจิสาปไว้ !

(พิณพาทย์ทำเพลงคุกพาทย์, สุเทษณ์แผลงฤทธิ์, ฟ้าแลบแวบวาบตลอดเพลง พอถึงรัวท้าย มัทนาร้องกรี๊ดและล้มลมกับพื้น)