ม.ต นก จกรรมพ ฒนาผ เร ยนม ก หน วยก ต

ม.ต นก จกรรมพ ฒนาผ เร ยนม ก หน วยก ต

โรงเรียนห้วยข้าวก่ําวิทยา Huaykam Download

  • Publications :0
  • Followers :0

โครงสร้าง_ต้น_ปรับปรุง60 แยกวิทย์ใช้อยู่Up21082020

โครงสร้าง_ต้น_ปรับปรุง60 แยกวิทย์ใช้อยู่Up21082020

Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!

Create your own flipbook

View Text Version Likes : 0 Category : All Report

  • Follow
  • Upload
  • 0
  • Embed
  • Share

โครงสร้าง_ต้น_ปรับปรุง60 แยกวิทย์ใช้อยู่Up21082020

ม.ต นก จกรรมพ ฒนาผ เร ยนม ก หน วยก ต

Download

  • Publications :0
  • Followers :0

แบบฝึกหัด วิทยาการคำนวณ ป.3

ชื่อชุด : แบบฝึกหัด รายวิชาพื้นฐาน ชื่อผู้แต่ง : ทีมวิชาการ อจท. แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ระดับชั้น ป.3 ใช้คู่กับหนังสือเรียน ซึ่งสอดคล้องกับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักศุตรแกนกลาง พ.ศ. 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เน้นให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการสำรวจค้นหา ทักษะการคิดเชิงคำนวณ การวิเคราะห์ การจัดการทักษะในการสื่อสาร ทักษะการแก้ปัญหาทักษะการตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหาที่พบในชีวิตประจำวัน หลักสูตร : แกนกลาง '51 (ฉบับปรับปรุง '60)

Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!

Create your own flipbook

  • Follow
  • Upload
  • 0
  • Embed
  • Share

เทคนิ คการจดั การเรยี นรูว้ ชิ าพระพุทธศาสนา เพือพัฒนาทกั ษะการคิดของผเู้ รยี นโดยใชเ้ กม

(Buddhism Teaching Techniquesfor Development of Learner's Thinking Skills by Using Games.)

ทกั ษะการสอนพระพุทธศาสนาใน ศตวรรษที 21 เปนสิงจาํ เปน โดยการสอนบุคคล ให้เข้าใจงา่ ย จดจาํ ได้งา่ ย สามารถนํ าไปปรบั ใช้ กบั ชวี ติ ประจาํ วนั สอนโดยการยกตวั อย่างงา่ ย ๆ ใกล้ตวั โดยเฉพาะการอธบิ ายสิงทเี ปนนามธรรม ให้เปนรูปธรรมให้ผเู้ รยี นเข้าใจเนื อหาได้อย่าง ชดั เจน

ขอบเขตเนื อหา

๑. หลักการและเหตผุ ล ๒. วตั ถุประสงค์ ๓. กล่มุ เปาหมายหรอื ผเู้ ข้ารว่ มโครงการ ๔. วธิ กี ารดําเนิ นงาน ๕. ขันตอนการดําเนิ นกจิ กรรม ๖. งบประมาณ ๗. วนั เวลา สถานที ๘. ผรู้ บั ผดิ ชอบ ๙. ผลทคี าดวา่ จะได้รบั

กาํ หนดการประชุมสัมมนาทางวชิ าการ บทนํ า

๑. การสอนวชิ าพระพุทธศาสนาในศตวรรษที ๒๑ ๒. ๙ ทกั ษะการคิด ๓. แนวความคิดและทฤษฎเี กยี วกบั การสอนโดยใชเ้ กม สรุป บรรณานกุ รม

โครงการสั มม เทคนิ คการจดั การเรยี นรูว้ ชิ าพระพุทธศาสนาเพือ (Buddhism Teaching Techniquesfor Development

นาทางวชิ าการ พัฒนาทกั ษะการคิดของผเู้ รยี นโดยใชเ้ กม of Learner's Thinking Skills by Using Games.)

๑. หลักการและเหตผุ ล ปจจบุ ันโลกทางการศึกษาได้เปลียนแปลงไปมาก เฉพาะในศตวรรษที ๒๑ ซงึ เปนโลกแห่ง การเรยี นรูแ้ ละการแข่งขัน การจดั การเรยี นการสอนและการพัฒนานวตั กรรมการสอนสมยั ใหม่ จงึ จาํ เปนตอ้ งมกี ารปรบั เปลียนให้ทนั สมยั และสอดคล้องกบั สภาพการเรยี นรูข้ องผเู้ รยี น การสอน พระพุทธศาสนาในศตวรรษที ๒๑ เปนสิงจาํ เปน โดยการสอนบคุ คลให้เข้าใจงา่ ยจดจาํ ได้งา่ ย สามารถนํ าไปปรบั ใชก้ บั ชวี ติ ประจาํ วนั โดยเฉพาะการอธบิ ายสิงทเี ปนนามธรรม ให้เปนรูปธรรมให้ผู้ เรยี นเข้าใจเนื อหาได้อย่างชดั เจนเปนทกั ษะทสี ําคัญอย่างหนึ งของผสู้ อนในยคุ ศตวรรษที ๒๑ ในยคุ ที มขี ้อมลู ข่าวสารสารสนเทศเข้ามามากมาย ซงึ จาํ เปนทผี เู้ รยี นจะตอ้ งเรยี นรูอ้ ย่างรวดเรว็ เข้าใจงา่ ย และสามารถนํ าไปปรบั ใชไ้ ด้ทนั ที การนํ าแนวทางการพัฒนาทกั ษะการคิดโดยใชเ้ กมมาใชก้ ระบวนการเรยี นการสอนจงึ สําคัญ อย่างยิงทจี ะชว่ ยให้ผเู้ รยี นมคี วามรูค้ วามเข้าใจชว่ ยให้ผเู้ รยี นเกดิ การเรยี นรูต้ ามวตั ถุประสงค์ทกี าํ หนด โดยการให้ผเู้ รยี นเล่นเกมตามกตกิ านํ าเนื อหา และข้อมลู ของเกม พฤตกิ รรมการเล่น วธิ กี ารเล่น และ ผลการเล่นเกมของผเู้ รยี นมาใชใ้ นการอภปิ รายเพือสรุปการเรยี นรูเ้ ปนวธิ กี ารทชี ว่ ยให้ผเู้ รยี นได้เรยี น รูเ้ รอื งตา่ ง ๆ อย่างสนกุ สนาน และทา้ ทายความสามารถโดยผเู้ รยี นเปนผเู้ ล่นเองทาํ ให้ได้รบั ประสบการณ์ตรง และส่งเสรมิ การพัฒนาทางด้านรา่ งกาย ด้านอารมณ์ ด้านสังคมได้อย่างเตม็ ศักยภาพ แนวทางการพัฒนาทกั ษะการคิดโดยใชเ้ กม ซงึ เปนวธิ กี ารสอนแบบหนึ งทจี ะนํ ามาใชเ้ ปน แนวทางในการจดั การเรยี นรูใ้ นศตวรรษที ๒๑ ดังนั นเพือเพิมประสิทธภิ าพในการเรยี นรูแ้ ละตอบสนองตอ่ ผเู้ รยี นทาํ ให้เกดิ การเรยี นรูไ้ ด้มาก ยิงขึนคณะผจู้ ดั สัมมนา จงึ เห็นสมควรจดั การสัมมนาในหัวข้อเรอื ง “เทคนิ คการจดั การเรยี นรูว้ ชิ า พระพุทธศาสนาเพือพัฒนาทกั ษะการคิดของผเู้ รยี นโดยใชเ้ กม” เพือให้นั กศึกษาและผเู้ ข้ารว่ มสัมมา นาได้มคี วามรูค้ วามเข้าใจถึงการจดั การเรยี นการสอนยคุ ใหมใ่ ห้เกดิ ประสิทธภิ าพ และนํ าความรู้ ประสบการณ์ทไี ด้รบั ไปประยกุ ตใ์ ชก้ บั การจดั การเรยี นการสอนให้ประสบความสําเรจ็ ตอ่ ไป

๒. วตั ถุประสงค์ ๒.๑ เพือสรา้ งความเข้าใจเกยี วกบั เทคนิ คการจดั การเรยี นรูว้ ชิ าพระพุทธศาสนาเพือพัฒนา

ทกั ษะการคิดของผเู้ รยี นโดยใชเ้ กม ๒.๒ เพือให้ผเู้ ข้ารว่ มรบั ฟงได้เพิมพูนความรู้

แลกเปลียนประสบการณ์ รว่ มกนั ระดมความคิดเห็นเกยี วกบั เทคนิ คการจดั การเรยี นรูว้ ชิ าพระพุทธ ศาสนาเพือพัฒนาทกั ษะการคิดของผเู้ รยี นโดยใชเ้ กม

๓. กล่มุ เปาหมายหรอื ผเู้ ข้ารว่ มโครงการ นั กศึกษาชนั ปที ๔ สาขาวชิ าสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุบลราชธานี จาํ นวน ๓๐ คน

หน้ า ๑

๔. วธิ กี ารดําเนิ นงาน

๕. ขันตอนการดําเนิ นกจิ กรรม ๕.๑ กจิ กรรมละลายพฤตกิ รรมกระตนุ้ ทกั ษะการคิด ๕.๒ อภปิ รายในประเด็นตา่ ง ๆ ดังตอ่ ไปนี ประเด็นที ๑ การสอนวชิ าพระพุทธศาสนาในศตวรรษที ๒๑ ประเด็นที ๒ ๙ แนวทางการพัฒนาทกั ษะการคิด (๙ Thinking skills) ประเด็นที ๓ เทคนิ คการจดั การเรยี นรูว้ ชิ าพระพุทธศาสนาโดยใชเ้ กม ๕.๓ แบ่งกล่มุ ผเู้ ข้ารบั การสัมมนาออกเปน ๖ กล่มุ กล่มุ ละ ๔ คน เพือทาํ กจิ กรรม

ดังตอ่ ไปนี กจิ กรรมที ๑ เกมวนั สําคัญทางพระพุทธศาสนาเปนเกมทใี ชท้ กั ษะการคิด

วเิ คราะห์และการคิดเชงิ มโนทศั น์ โดยให้ผเู้ ล่นทายคําตอบจากภาพ โดยแผน่ ภาพจะเปดทลี ะ 1 แผน่ ผเู้ ล่นจะตอ้ งตอบคําถามให้ถูกตอ้ งและใชเ้ วลาน้ อยทสี ุด กล่มุ ทใี ชเ้ วลาน้ อยทสี ุดเปนผชู้ นะ

กจิ กรรมที ๒ การจดั การเรยี นรูว้ ชิ าพระพุทธศาสนาโดยใชเ้ กม แตล่ ะกล่มุ ออกแบบแนวทางการจดั การเรยี นการสอนโดยใชว้ ธิ เี กมตามระดับชนั และมาตรฐาน/ตวั ชวี ดั ที กาํ หนดให้จากนั นให้ตวั แทนกล่มุ ออกมานํ าเสนอผลงาน

๕.๔ ถอดบทเรยี นพรอ้ มตอบข้อซกั ถาม โดยผจู้ ดั สัมมนาและผเู้ ข้ารว่ มสัมมนา

หน้ า ๒

๖. งบประมาณ ๑๐๐ บาท ค่าใชจ้ า่ ยในการจดั ประชุมปฏิบัตกิ าร ๓๐๐ บาท ๔๐๐ บาท ค่าวสั ดุทใี ชใ้ นการประชุมปฏิบัตกิ าร ค่าตอบแทนวทิ ยากร รวมงบประมาณตลอดโครงการ

๗. วนั เวลา และสถานที วนั อังคารที ๒๖ มกราคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๐.๐๐– ๑๓.๐๐ น. สัมมนาออนไลน์ ด้วยโปรแกรม Google meet

๘. ผรู้ บั ผดิ ชอบ

นั กศึกษาชนั ปที ๔ สาขาวชิ าสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุบลราชธานี

โดยมี ผปู้ ระสานงานโครงการ ดังนี

๑. ประธานและรองประธาน นายจตพุ ร ศรสี ุโพธิ

๒. เลขานกุ ารและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร นางสาวอัยลดา จนั ทรด์ ก

๓. กรรมการและคณะอนกุ รรมการฝายเอกสาร นางสาวสรญั ญา กาญจนเสน

๔. นายทะเบียนและคณะกรรมการฝายทะเบียน นางสาววรรณิกา ยงยืน

๕. เหรญั ญิกและผชู้ ว่ ยเหรญั ญิก นางสาวอัยลดา จนั ทรด์ ก

๖. ฝายสถานทแี ละวสั ดุอุปกรณ์ นายจตพุ ร ศรสี ุโพธิ

๗. กรรมการฝายอาหารและเครอื งดืม นางสาววรรณิกา ยงยืน

๘. ฝายประชาสัมพันธ์ นางสาวสรญั ญา กาญจนเสน

๙. ฝายปฏิคม นายจตพุ ร ศรสี ุโพธิ

๑๐. กรรมการฝายพยาบาล นางสาวอัยลดา จนั ทรด์ ก

๑๑. ฝายประเมนิ ผล นางสาววรรณิกา ยงยืน

๙. ผลทคี าดวา่ จะได้รบั ผเู้ ข้ารบั การสัมมนามคี วามรูค้ วามเข้าใจ ได้แลกเปลียนประสบการณ์ ระดมความคิดเห็น เกยี วกบั เทคนิ คการจดั การเรยี นรูว้ ชิ าพระพุทธศาสนา เพือพัฒนาทกั ษะการคิดของผเู้ รยี นโดยใชเ้ กม สามารถนํ าแนวทางการจดั การเรยี นการสอนทพี ัฒนาทกั ษะการคิดโดยใชเ้ กมไปใชไ้ ด้จรงิ เพือให้ผู้ เรยี นเกดิ การเรยี นรูอ้ ย่างสูงสุด

ลงชอื ....................................................ผเู้ สนอโครงการ (นายจตพุ ร ศรสี ุโพธ)ิ หัวหน้ าผจู้ ดั ทาํ โครงการ

ลงชอื ............................................................ (ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ดร.ภมู พิ งศ์ จอมหงษ์พิพัฒน์ )

อาจารย์ทปี รกึ ษาโครงการ

หน้ า ๓

กาํ หนดการประชุมสัมมนาทางวชิ าการ เรอื ง เทคนิ คการจดั การเรยี นรูว้ ชิ าพระพุทธศาสนาเพือพัฒนาทกั ษะการคิดของผเู้ รยี น

โดยใชเ้ กม วนั ที ๒๖ มกราคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๓.๐๐ น.

ออนไลน์ ด้วยโปรแกรม Google meet …………………………………………….

๑๐.๐๐ – ๑๐.๓๐ น. ลงทะเบียน ๑๐.๓๐ – ๑๐.๔๐ น. พิธเี ปดโครงการ โดย ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ภมู พิ งศ์ จอมหงษ์พิพัฒน์ ๑๐.๔๐ – ๑๐.๕๐ น. ประธานในพิธี ๑๐.๕๐ – ๑๑.๒๐ น. กจิ กรรมละลายพฤตกิ รรม โดยทมี ผจู้ ดั สัมมนา บรรยายเรอื ง “แนวทางการพัฒนาทกั ษะการคิด (๙ Thinking skills)” ๑๑.๒๐ - ๑๑.๔๐ น. โดยอาจารย์วรรณิกา ยงยืน อาจารย์ประจาํ สาขาวชิ าหลักสูตรและการ สอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยอัมสเตอรด์ ัม ๑๑.๔๐ – ๑๑.๔๕ น. บรรยายเรอื ง “การสอนวชิ าพระพุทธศาสนาในศตวรรษที ๒๑” โดย ๑๑.๔๕ – ๑๒.๐๕ น. อาจารย์สุเนตร ชยั ปายาง อาจารย์ประจาํ สาขาวชิ าสังคมศึกษา คณะ ครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั อุบลราชธานี ๑๒.๐๕ – ๑๒.๔๕ น. พักรบั ประทานอาหารวา่ ง ๑๒.๔๕ – ๑๒.๕๕ น. บรรยายเรอื ง “แนวทางการพัฒนาทกั ษะการคิดโดยใชเ้ กม” โดย ๑๒.๕๕ – ๑๓.๐๐ น. อาจารย์อัยลดา จนั ทรด์ ก อาจารย์ประจาํ สาขาวชิ า สาขาวชิ าหลักสูตร และการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเคโอ และอาจารย์ สรญั ญา กาญจนเสน อาจารย์ประจาํ สาขาวชิ าหลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยอัมสเตอรด์ ัม กจิ กรรมกล่มุ โดยผจู้ ดั สัมมนา ถอดบทเรยี นพรอ้ มตอบข้อซกั ถามโดยผจู้ ดั สัมมนาและผเู้ ข้ารว่ ม สั มมนา

พิธปี ดโครงการ

**หมายเหตุ กาํ หนดการอาจมกี ารเปลียนแปลงตามความเหมาะสม

หน้ า ๔

เทคนิ คการจดั การเรยี นรูว้ ชิ าพระพุทธศาสนาเพือพัฒนาทกั ษะการคิดของผเู้ รยี นโดยใชเ้ กม (Buddhism Teaching Techniquesfor Development of Learner's Thinking Skills by Using

Games.) จตพุ ร ศรสี ุโพธิ และคณะ Jatuporn Srisupo and others

สาขาวชิ าสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุบลราชธานี Social Studies, Faculty of Education, Ubon Ratchathani Rajabhat University

บทนํ า ปจจบุ ันโลกทางการศึกษาได้เปลียนแปลงไปมาก โดยเฉพาะในศตวรรษที ๒๑ ซงึ เปนโลก

แห่งการเรยี นรูแ้ ละการแข่งขัน การจดั การเรยี นการสอนและการพัฒนานวตั กรรมการสอนสมยั ใหม่ จงึ จาํ เปนตอ้ งมกี ารปรบั เปลียนให้ทนั สมยั และสอดคล้องกบั สภาพการเรยี นรูข้ องผเู้ รยี น การสอน พระพุทธศาสนาในศตวรรษที ๒๑ เปนสิงจาํ เปน โดยการสอนบคุ คลให้เข้าใจงา่ ยจดจาํ ได้งา่ ยสามารถ นํ าไปปรบั ใชก้ บั ชวี ติ ประจาํ วนั โดยเฉพาะการอธบิ ายสิงทเี ปนนามธรรมให้เปนรูปธรรมให้ผเู้ รยี น เข้าใจเนื อหาได้อย่างชดั เจนเปนทกั ษะทสี ําคัญอย่างหนึ งของผสู้ อนในยคุ ศตวรรษที ๒๑ ในยคุ ทมี ี ข้อมลู ข่าวสารสารสนเทศเข้ามามากมาย ซงึ จาํ เปนทผี เู้ รยี นจะตอ้ งเรยี นรูอ้ ย่างรวดเรว็ เข้าใจงา่ ย และ สามารถนํ าไปปรบั ใชไ้ ด้ทนั ที

การนํ าแนวทางการพัฒนาทกั ษะการคิดโดยใชเ้ กมมาใชก้ ระบวนการเรยี นการสอนจงึ สําคัญ อย่างยิงทจี ะชว่ ยให้ผเู้ รยี นมคี วามรูค้ วามเข้าใจชว่ ยให้ผเู้ รยี นเกดิ การเรยี นรูต้ ามวตั ถุประสงค์ทกี าํ หนด โดยการให้ผเู้ รยี นเล่นเกมตามกตกิ า นํ าเนื อหา และข้อมลู ของเกม พฤตกิ รรมการเล่น วธิ กี ารเล่น และผลการเล่นเกมของผเู้ รยี นมาใชใ้ นการอภปิ รายเพือสรุปการเรยี นรูเ้ ปนวธิ กี ารทชี ว่ ยให้ผเู้ รยี นได้ เรยี นรูเ้ รอื งตา่ ง ๆ อย่างสนกุ สนาน และทา้ ทายความสามารถโดยผเู้ รยี นเปนผเู้ ล่นเอง ทาํ ให้ได้รบั ประสบการณ์ตรง และส่งเสรมิ การพัฒนาทางด้านรา่ งกาย ด้านอารมณ์ ด้านสังคม ได้อย่างเตม็ ศักยภาพ แนวทางการพัฒนาทกั ษะการคิดโดยใชเ้ กม ซงึ เปนวธิ กี ารสอนแบบหนึ งทจี ะนํ ามาใชเ้ ปน แนวทางในการจดั การเรยี นรูใ้ นศตวรรษที ๒๑

ดังนั นเพือเพิมประสิทธภิ าพในการเรยี นรูแ้ ละตอบสนองตอ่ ผเู้ รยี นทาํ ให้เกดิ การเรยี นรูไ้ ด้มาก ยิงขึนคณะผจู้ ดั สัมมนา จงึ เห็นสมควรจดั การสัมมนาในหัวข้อเรอื ง “เทคนิ คการจดั การเรยี นรูว้ ชิ า พระพุทธศาสนาเพือพัฒนาทกั ษะการคิดของผเู้ รยี นโดยใชเ้ กม” เพือให้นั กศึกษาและผเู้ ข้ารว่ มสัมมา นาได้มคี วามรูค้ วามเข้าใจถึงการจดั การเรยี นการสอนยคุ ใหมใ่ ห้เกดิ ประสิทธภิ าพ และนํ าความรู้ ประสบการณ์ทไี ด้รบั ไปประยกุ ตใ์ ชก้ บั การจดั การเรยี นการสอนให้ประสบความสําเรจ็ ตอ่ ไป

หน้ า ๕

๑. การสอนวชิ าพระพุทธศาสนาในศตวรรษที ๒๑ วฒั นธรรมการสอนวชิ าพระพุทธศาสนาเรามกั มคี ่านิ ยมความเชอื วา่ พระพุทธศาสนา

เปนการสอนรูปแบบมขุ ปาฐะ หรอื วา่ แบบทอ่ งจาํ ปากตอ่ ปาก มาตงั แตส่ มยั อดีต แตท่ วา่ ใน ปจจบุ ันเรากาํ ลังกา้ วสู่การพัฒนาทกั ษะในศตวรรษที 21 ซงึ เปนการพัฒนาให้ผเู้ รยี นมที กั ษะ การเรยี นรู้ การสอนแบบทอ่ งจาํ จงึ ไมไ่ ด้เปนการฝกคิด ทจี ะนํ าไปสู่ทกั ษะในศตวรรษที 21 การ สอนวชิ าพระพุทธศาสนาทา่ มกลางโลกในศตวรรษที 21 เราไมไ่ ด้สอนศาสนาในฐานะความ

ปจจบุ ันการจดั การเรยี นการสอนเราเน้ นการพัฒนาความคิดสรา้ งสรรค์ ซงึ เปนพุทธิ พิสัย สูงสุดในทฤษฎขี องบลมู (ปฏิรูปใหม)่ วชิ าพระพุทธศาสนา จงึ จาํ เปนทจี ะตอ้ งจดั การ เรยี นการสอน ทเี น้ นการฝกทกั ษะการคิดสรา้ งสรรค์ให้มากทสี ุด เหมอื นกบั ในรายวชิ าพืน ฐานทวั ไป วชิ าพระพุทธศาสนาเปนส่วนหนึ งของวชิ าสังคมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรมตาม หลักสูตรแกนกลางขันพืนฐาน 2551 ของกระทรวงศึกษาธกิ าร ซงึ ในตวั ชวี ดั ส่วนใหญ่แล้วจะ เน้ นให้ความสําคัญกบั พุทธศาสนาเปนส่วนใหญ่ แล้วในปจจบุ ันยังมกี ารเรมิ ปฏิรูปวชิ านี ให้ แยกออกเปนอีก 1 วชิ าจากวชิ าสังคมศึกษา การสอนวชิ าพระพุทธศาสนา เพือฝกทกั ษะการคิด สรา้ งสรรค์สามารถทาํ ได้หลายเทคนิ คหลายวธิ กี าร สามารถบรู ณาการสภาพปญหาหรอื ปรากฏการณ์ทางสังคม และกระแสค่านิ ยมในสังคมเข้ามา บรู ณาการในบทเรยี นได้อย่าง หลากหลายซงึ ขออธบิ ายเปนประเด็นดังนี

๑. การใชค้ ําถามเพือฝกคิดสรา้ งสรรค์ในวชิ าพระพุทธศาสนา เชน่ การฝกให้คิดคล่อง มกั จะถามวา่ ถ้านึ กถึงภาพของพระพุทธเจา้ จะนึ กถึงเรอื งอะไรบ้าง ถ้านึ กถึงพระสงฆใ์ น ประเทศไทยจะนึ กถึงเรอื งอะไรบ้าง การฝกให้คิดนอกกรอบ เชน่ ถ้าไมม่ พี ระพุทธเจา้ เราจะได้ นั บถือศาสนาอะไร ถ้าไมม่ ศี าสนาพราหมณ์ พุทธศาสนาจะเปนอย่างไร และถ้าพระพุทธเจา้ เปนคนอีสาน จะเกดิ อะไรขึน เปนตน้ ครูตอ้ งทาํ ความเข้าใจวา่ การตงั คําถามเกยี วกพั ระพุทธ เจา้ และพระพุทธศาสนาเปนสิงทไี มบ่ าป เพราะพระพุทธเจา้ ไมไ่ ด้สอนให้เชอื ตามแตส่ อนให้ เห็นจรงิ แทด้ ้วยปญญา ซงึ คือการคิด วเิ คราะห์ ใชว้ จิ ารณญาณดูวา่ ความจรงิ แทเ้ ปนอย่างไร

๒. การเชอื มโยงหลักธรรมกบั สถานการณ์ตวั อย่างทสี รา้ งสรรค์ เหมาะสําหรบั เด็กและ เยาวชน ซงึ อย่ใู นกระแสนิ ยมของสังคมในปจจบุ ันย่อมสามารถทาํ ได้ เพราะ หลักธรรมคือ กระบวนการ (process) ซงึ จะนํ าไปวเิ คราะห์เนื อหาหรอื สถานการณ์ใดกไ็ ด้ (Content) เชน่ การวเิ คราะห์อรยิ สัจ ๔ กบั การเล่นเกม rov การวเิ คราะห์ขันธ์ ๕ กบั การมคี วามรกั และการ วเิ คราะห์ หลักกรรม กบั การเล่น facebook เปนตน้ ซงึ ถือวา่ หลักธรรมคําสอนของ พระพุทธเจา้ สามารถนํ ามาวเิ คราะห์กบั สถานการณ์ปจจบุ ันได้ทงั หมด ขึนอย่กู บั วา่ ครูผสู้ อนจะ ประยกุ ตห์ ลักธรรม ในการสอนให้นั กเรยี นเข้าใจได้อย่างไร

หน้ า ๖

๓. การสอนวธิ คี ิด สอนกระบวนทศั น์ เปรยี บเทยี บ ทางพุทธศาสนา วทิ ยาศาสตร์ และวธิ คี ิด แบบอืนๆ อย่างมคี วามหลากหลายมมุ มองหลากหลายแวน่ ตา เพราะในชนั เรยี น ครูมกั จะเจอคําถามวา่ พระพุทธเจา้ เดินได้ ๗ กา้ วจรงิ หรอื ไมพ่ ระพุทธเจา้ เกดิ ตรสั รูแ้ ละตายในวนั เดียวกนั จรงิ หรอื ไม่ พระพุทธเจา้ สามารถเบิกโลกสวรรค์โลกและนรกได้จรงิ หรอื ไม่ ดังนั นแล้วครูจงึ จาํ เปนตอ้ งสอนวธิ ี คิดในการมองวา่ จะใชว้ ธิ คี ิดไหนในการมองปรากฏการณ์ตา่ ง ๆ เชน่ หากเราใชว้ ธิ คี ิดทางศาสนามอง เรากจ็ ะเชอื วา่ พระพุทธเจา้ เดินได้ ๗ กา้ วจรงิ ๆ แตห่ ากเรา ใชว้ ธิ คี ิดแบบวทิ ยาศาสตรม์ อง เรากจ็ ะไม่ เชอื วา่ พระพุทธเจา้ เดินได้ ๗ กา้ ว ซงึ ทงั หมดขึนอย่กู บั เราใชว้ ธิ คี ิดไหนมองเราเชอื ปรชั ญาแบบไหน และเราสมาทานวธิ คี ิดแบบใด บทนํ า

ปจจบุ ันโลกทางการศึกษาได้เปลียนแปลงไปมาก โดยเฉพาะในศตวรรษที ๒๑ ซงึ เปนโลก แห่งการเรยี นรูแ้ ละการแข่งขัน การจดั การเรยี นการสอนและการพัฒนานวตั กรรมการสอนสมยั ใหม่ จงึ จาํ เปนตอ้ งมกี ารปรบั เปลียนให้ทนั สมยั และสอดคล้องกบั สภาพการเรยี นรูข้ องผเู้ รยี น การสอน พระพุทธศาสนาในศตวรรษที ๒๑ เปนสิงจาํ เปน โดยการสอนบคุ คลให้เข้าใจงา่ ยจดจาํ ได้งา่ ยสามารถ นํ าไปปรบั ใชก้ บั ชวี ติ ประจาํ วนั โดยเฉพาะการอธบิ ายสิงทเี ปนนามธรรมให้เปนรูปธรรมให้ผเู้ รยี น เข้าใจเนื อหาได้อย่างชดั เจนเปนทกั ษะทสี ําคัญอย่างหนึ งของผสู้ อนในยคุ ศตวรรษที ๒๑ ในยคุ ทมี ี ข้อมลู ข่าวสารสารสนเทศเข้ามามากมาย ซงึ จาํ เปนทผี เู้ รยี นจะตอ้ งเรยี นรูอ้ ย่างรวดเรว็ เข้าใจงา่ ย และ สามารถนํ าไปปรบั ใชไ้ ด้ทนั ที

๔. การสอนโดยใชเ้ กมการศึกษา เปนอีกวธิ กี ารทชี ว่ ยฝกให้เกดิ ความคิดสรา้ งสรรค์ ซงึ มอี ยู่ หลากหลายรูปแบบ เชน่ เกมการด์ หาความเชอื มโยงระหวา่ ง สถานการณ์ทกี าํ หนด กบั สถานการณ์ที ตนเองได้รบั วา่ มคี วามเชอื มโยงกนั อย่างไร โดยยึดทเี หตผุ ลการอธบิ ายเปนหลัก หรอื ทเี รยี กวา่ ความ รูใ้ นการอธบิ ายสรรพสิง(Propositional knowledge)

นอกจากนี ยังมเี ทคนิ ควธิ กี าร ทชี ว่ ยฝกคิดสรา้ งสรรค์ในวชิ าพระพุทธศาสนาอีกมาก ซงึ บาง เทคนิ ค สามารถใชไ้ ด้ดีบางเทคนิ ค อาจไมส่ ามารถใชไ้ ด้เลยขึนอย่กู บั บรบิ ทของชนั เรยี น แตท่ สี ําคัญ หากครูเปนผเู้ รมิ การเปลียนแปลงอยากให้ครูตาํ หนั กรูเ้ สมอวา่ การเปลียนแปลงในขันตน้ นั น อาจจะ ยากหน่ อย เพราะนั กเรยี น ถูกสอนวธิ คี ิดแบบสรา้ งสรรค์ มาน้ อยมาก มกั จะคิดแบบ ปรนั ยคิดแบบถูก ผดิ ดีชวั เทา่ นั น ดังนั นแล้ว การเปลียนแปลงการสอนวชิ าพระพุทธศาสนาให้ฝกคิดสรา้ งสรรค์ จงึ จาํ เปนทจี ะตอ้ งทาํ ลายกรอบมายาคติ ของคําวา่ บาปบญุ ให้ออกไปจากห้องเรยี น เพือทจี ะเปดเสรภี าพ ทางความคิดของนั กเรยี นอย่างเตม็ ศักยภาพทเี ขามี

หน้ า ๗

๒. ๙ ทกั ษะการคิด (๙ Thinking skills) โลกในปจจบุ ันเปนโลกแห่งการเปลียนแปลงอย่างรวดเรว็ ในทกุ ๆ ด้าน ไมว่ า่ จะเปน

ในเรอื งของข้อมลู ข่าวสาร การเมอื ง เศรษฐกจิ การศึกษา สภาพแวดล้อม ซงึ การเปลียนแปลง อย่างรวดเรว็ เหล่านี ทาํ ให้คนตอ้ งปรบั ตวั ตามให้ทนั อย่เู สมอเพือจะสามารถดําเนิ นชวี ติ ได้อย่าง ไมเ่ ปนปญหา และคุณสมบัตทิ สี ําคัญทสี ุดทคี นในโลกปจจบุ ันนี จาํ เปนตอ้ งมเี พือให้มชี วี ติ อยู่ อย่างมคี วามสุขกค็ ือการมที กั ษะในการคิด ซงึ เปนทกั ษะทสี ําคัญและสอดคล้องกบั ทกั ษะที จาํ เปนในศตวรรษที ๒๑

การคิด (Thinking skill) เปนกจิ กรรมทใี ชใ้ นการประมวลผลข้อมลู แกป้ ญหาตดั สินใจ และสรา้ งแนวคิดใหม่ ๆ เรามกั จะใชท้ กั ษะการคิดเมอื พยายามทาํ ความเข้าใจเกยี วกบั ประสบการณ์การจดั ระเบียบข้อมลู การเชอื มตอ่ คําถาม การคิดวางแผน หรอื ตดั สินใจวา่ จะทาํ อะไร (ศศิมา สุขสวา่ ง, ๒๕๖๒) ทกั ษะการคิด (Thinking skill) มรี ูปแบบตา่ ง ๆ ได้แก่

๑) การคิดสรา้ งสรรค์ (Creative thinking) หมายถึง กระบวนการคิดในรูปแบบใหม่ ๆ ความสามารถในการรบั รูค้ วามคิดใหม่ ๆ และนวตั กรรมโดยแยกออกจากความคิดทฤษฎี กฎ และขันตอนการทาํ งานมนั เกยี วข้องกบั การวางสิงตา่ ง ๆ ด้วยกนั ในรูปแบบใหมแ่ ละ จนิ ตนาการ ความคิดสรา้ งสรรค์มกั เรยี กกนั วา่ “การคิดนอกกรอบ”

๒) การคิดเชงิ วเิ คราะห์ (Analytical thinking) หมายถึง กระบวนการคิดในรายละเอียด ความสามารถในการแยกแยะส่วนตา่ ง ๆ ออกเปนส่วนพืนฐาน หรอื ส่วนย่อย ๆ เพือตรวจสอบ และวเิ คราะห์ความเชอื มโยง หรอื ความสัมพันธข์ องส่วนประกอบตา่ ง ๆ เปนการคิดในเชงิ ตรรกะทลี ะขันตอนเพือแบ่งระบบข้อมลู ขนาดใหญ่ออกเปนส่วน ๆ เพือมาวเิ คราะห์หาสาเหตุ หรอื เปาหมายทตี อ้ งการ

๓) การคิดเชงิ วพิ ากษ์ (Critical thinking) หมายถึง กระบวนการคิดโดยใชว้ จิ ารณญาณ หรอื การตดั สินอย่างรอบคอบ โดยใชเ้ หตผุ ลในการวเิ คราะห์ประเด็น รวมทงั การรวบรวม ข้อมลู ตา่ ง ๆ รอบด้านการสํารวจองค์ประกอบอืน ๆ ทอี าจมอี ิทธพิ ลตอ่ ข้อสรุป เพือตรวจสอบ พิจารณาตดั สินและประเมนิ ความถูกตอ้ งหรอื สิงทเี ปนประเด็นในขณะนั น ๆ ให้แมน่ ยํา

๔) การคิดเชงิ กลยทุ ธ์ (strategic thinking) หมายถึง กระบวนการคิด โดยการ วเิ คราะห์และประเมนิ เหตกุ ารณ์ทเี กยี วข้อง และแนวทางการปฏิบัติ เพือตดั สินใจให้บรรลเุ ปา หมายทตี อ้ งการอย่างมปี ระสิทธภิ าพสูงทสี ุด โดยเฉพาะในปจจบุ ันทสี ถานการณ์ของโลกมกี าร เปลียนแปลงอย่างรวดเรว็

หน้ า ๘

๕) การคิดเชงิ มโนทศั น์ (Conceptual thinking) หมายถึง กระบวนการคิดในการเชอื มโยง ส่วนประกอบย่อย ๆ หรอื ความสัมพันธข์ องข้อมลู เพือให้เห็นภาพใหญ่ หรอื ระบบได้อย่างชดั เจน และ มรี ะบบ

๖) การคิดเปรยี บเทยี บ (comparative thinking) หมายถึง กระบวนการคิดเพือพิจารณา สิงตา่ ง ๆ หรอื เหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ ทมี ลี ักษณะหรอื ความสัมพันธท์ ใี กล้เคียงกนั เพือให้สามารถวเิ คราะห์ และตดั สินใจ หรอื เปรยี บเทยี บเพือแกไ้ ขปญหาจากเหตกุ ารณ์ทเี คยเกดิ ขึนมาในอดีต เพือปองกนั อนาคตหรอื แมก้ ระทงั เพือจดุ ประกายความคิดใหม่ ๆ ให้ตา่ งจากของเดิม เปนตน้

๗) การคิดเชงิ บวก (Positive thinking) หมายถึง กระบวนการคิดและเข้าใจในสิงทเี ปนทงั ด้านบวกและด้านลบแล้วหาเรอื งราวดี ๆ หรอื มมุ บวก ในเหตกุ ารณ์หรอื สิงตา่ ง ๆ ทไี ด้พบเจอเพือ ยอมรบั เรยี นรู้ ปรบั ปรุงแกไ้ ข และให้เราเตบิ โตขึน

๘) การคิดเชงิ นวตั กรรม (Innovative thinking) หมายถึง กระบวนการคิดสรา้ งสรรค์สิง ใหม่ ๆ และนวตั กรรมากทกั ษะและกระบวนการคิดแบบตา่ ง ๆ ทมี ปี ระโยชน์ ตอ่ ผคู้ น สังคมโลกออก มาเปนรูปธรรม และสามารถตอ่ ยอดในเชงิ พาณิชย์ได้

๙) การคิดเชงิ ระบบ (System thinking) หมายถึง กระบวนการคิดอย่างเปนขันตอน การมอง ภาพรวมอย่างเปนระบบ มสี ่วนประกอบย่อย ๆ มขี ันตอนและรายละเอียดแยกย่อยออกมาและเชอื มโยง กบั ระบบตา่ ง ๆ

สรุปได้วา่ ๙ ทกั ษะการคิด เปนกจิ กรรมทใี ชใ้ นการประมวลผลข้อมลู แกป้ ญหาตดั สินใจ และ สรา้ งแนวคิดใหม่ ๆ ซงึ มกั จะใชท้ กั ษะการคิดเมอื พยายามทาํ ความเข้าใจเกยี วกบั ประสบการณ์ การ จดั ระเบียบข้อมลู การเชอื มตอ่ คําถาม การคิดวางแผนหรอื ตดั สินใจ แล้วนํ ามาพิจารณา วเิ คราะห์ตาม ลําดับขันตอน เพือหาสาเหตุ หรอื เปาหมายทตี อ้ งการหาความสัมพันธข์ องข้อมลู ประเมนิ ความถูกตอ้ ง ซงึ เปนกระบวนการคิดทเี ปนระบบและมหี ลักการ รวมไปถึงกระบวนการคิดในรูปแบบใหม่ สามารถ ส่งเสรมิ ทกั ษะการคิดอันเปนทกั ษะทจี าํ เปนในการจดั การเรยี นรูใ้ นศตวรรษที ๒๑

ศศิมา สุขสวา่ ง

หน้ า ๙

๓. แนวความคิดและทฤษฎเี กยี วกบั วธิ กี ารสอนโดยใชเ้ กม ในการสอนสังคมศึกษาในระดับตา่ งๆการใชเ้ กม เปนเครอื งมอื เพือชว่ ยให้นั กเร

เกดิ ความคิดรวบยอดได้ทกั ษะในการคิดวเิ คราะห์และสามารถแกป้ ญหาได้ตลอดจนสามารถนํ า ไปใชด้ ัดแปลงในการดํารงชวี ติ ประจาํ วนั ได้ผสู้ อนตอ้ งหาวธิ กี ารสอนทจี ะทาํ ให้นั กเรยี นเกดิ ความคิด ความเข้าใจ และยังมเี จตคตทิ ดี ีตอ่ วชิ าสังคมศึกษาโดยอาศัยทฤษฎี และหลักการสอน ตลอดจนจติ วทิ ยาการเรยี นรูม้ าผสมผสาน ประยกุ ตใ์ ช้ ให้สอดคล้อง และเหมาะสมกบั จดุ ประสงค์ของเนื อหา ทาํ ให้การเรยี นการสอน บรรลจุ ดุ ประสงค์ทกี าํ หนดไว้

๓.๑ ความหมาย “วธิ สี อนโดยใชเ้ กม” ทศิ นา แขมมณี (๒๕๔๔:๘๐) ได้อธบิ ายความหมายวธิ สี อนโดยใชเ้ กม คือกระบวนการ

ที ผสู้ อนใชใ้ นการชว่ ยให้ผเู้ รยี นเกดิ การเรยี นรูต้ ามวตั ถุประสงค์ทกี าํ หนดโดยการให้ผเู้ รยี น เล่นเกม ตามกตกิ าและนํ าเนื อหาและข้อมลู ของเกม พฤตกิ รรมการเล่นวธิ กี ารเล่น และผลการ เล่นเกม ของผเู้ รยี นมาใชใ้ นการอภปิ ราย เพือสรุปการเรยี นรู้

๓.๒ วตั ถุประสงค์ของการสอนเกม การสอนโดยใชเ้ กมเปนวธิ กี ารทชี ว่ ยให้ผเู้ รยี นรูเ้ รอื งตา่ ง ๆ อย่างสนกุ สนานและ

ทา้ ทายความสามารถโดยผเู้ รยี นเปนผเู้ ล่นเอง ทาํ ให้ได้รบั ประสบการณ์ตรงเปนวธิ ที เี ปด โอกาสให้ผเู้ รยี นมสี ่วนรว่ มสูง

สุวทิ ย์ มลู คํา และอรทยั มลู คํา (๒๕๔๕:๙๐) ได้กล่าวถึงวตั ถุประสงค์ในการจดั การ เรยี นรูโ้ ดยใชเ้ กม ดังตอ่ ไปนี

(๑) เพือให้ผเู้ รยี นได้เรยี นรูเ้ รอื งราวตา่ ง ๆ ด้วยความสนกุ สนาน และทา้ ทาย ความสามารถโดยผเู้ รยี นเปนผเู้ ล่นเองทาํ ให้ได้รบั ประสบการณ์ตรง

(๒) เปนวธิ ที เี ปดโอกาสให้ผเู้ รยี นฝกทกั ษะและเทคนิ คตา่ ง ๆ การมสี ่วนรว่ มใน การเรยี นรูม้ โี อกาสแลกเปลียน และประสบการณ์การเรยี นรูร้ ว่ มกบั ผอู้ ืน

ทศิ นา แขมมณี (๒๕๔๔:๘๑) ได้กล่าวถึง วตั ถุประสงค์ของวธิ กี ารสอนโดยใชเ้ กมไวว้ า่ วธิ สี อนโดยใชเ้ กมเปนวธิ กี ารทชี ว่ ยให้ผเู้ รยี นได้เรยี นรูเ้ รอื งตา่ ง ๆ อย่างสนกุ สนานและทา้ ทาย ความสามารถ โดยผเู้ รยี นเปนผเู้ ล่นเองทาํ ให้รบั ประสบการณ์ตรงเปนวธิ กี ารทเี ปดโอกาสให้ผู้ เรยี นมสี ่วนรว่ มสูง

๓.๓ แนวคิดเกยี วกบั วธิ กี ารสอนโดยใชเ้ กม จากการจดั การศึกษาย่อมมาจากความเชอื พืนฐานในปรชั ญาการศึกษากล่าวคือได้มี นั กการศึกษาทเี ชอื วา่ การทผี เู้ รยี นจะเกดิ การเรยี นรูไ้ ด้ตอ้ งได้รบั ประสบการณ์ดังนั นผสู้ อน จงึ ตอ้ งจดั ประสบการณ์ ทงั ทางตรงและทางอ้อมให้แกผ่ เู้ รยี นซงึ (John Dewey, ๑๙๖๘ อ้างถึง ใน ทศิ นา แขมมณี, ๒๕๔๔) กล่าววา่ “บคุ คลมชี วี ติ อย่ใู นโลกด้วยการอาศัยสิงมชี วี ติ อยู่ ทา่ มกลางของสถานการณ์โ ดยมกี ารปะทะสัมพันธ์ ระหวา่ งบคุ คลกบั สิงตา่ ง ๆ และบคุ คล ตา่ ง ๆ รอบตวั ดําเนิ นอย่ตู ลอดเวลา การอภปิ รายแลกเปลียนความคิดเห็นในเรอื งใด ๆ การ เล่นเกมการอ่านหนั งสือ การใชเ้ ครอื งมอื ทาํ การทดลอง ฯลฯ เหล่านี ล้วนเปนสถานการณ์ทงั สิน” ในฐานะทคี รูผสู้ อนจะตอ้ งเปนผจู้ ดั ประสบการณ์ การเรยี นรูใ้ ห้กบั ผเู้ รยี น ผสู้ อนตอ้ งการ ทราบหลักจติ วทิ ยาการสอน เชน่ จดั บทเรยี นให้มคี วามยากงา่ ยพอเหมาะกบั วฒุ ภิ าวะ จดั การ เรยี นการสอนให้ผเู้ รยี นได้เคลือนไหวเปลียนแปลงอิรยิ าบถ จดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนให้

หน้ า ๑๐

แสดงออกซงึ ความสามารถความถนั ดความสนใจผเู้ รยี นมกั ชอบการแข่งขัน ดังนั นจงึ ควรจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนใหมเ่ กมการแข่งขันเปนกล่มุ เชน่ แข่งขันการสํารวจบัตรภาพ แข่งขัน คําตอบทางคณิตศาสตร์ แข่งขันการเรยี งลําดับตวั เลขแสนสนกุ เปนตน้ การจดั กจิ กรรมการ เรยี นการสอนทจี ะให้ผเู้ รยี นเกดิ การเรยี นรูม้ หี ลายรูปแบบเกม

๓.๔ องค์ประกอบสําคัญ สุวทิ ย์ มลู คํา และอรทยั มลู คํา (๒๕๔๕:๙๐) ได้กล่าวถึงในการจดั การเรยี นรูโ้ ดยใชเ้ กมมี

องค์ประกอบสําคัญ ดังนี ๑) เกมและกตกิ าการเล่น ๒) มกี ารเล่นเกมตามกตกิ ๓) มกี ารอภปิ รายผลหลังจากมกี ารเล่นเพือสรุปผลการเรยี นรู้ ทศิ นา แขมมณี (๒๕๕๒:๓๖๕) ได้กล่าวถึงองค์ประกอบสําคัญทขี าดไมไ่ ด้ของวธิ กี ารสอน

โดยใชเ้ กม ดังนี ๑) มผี สู้ อนและผเู้ รยี น ๒) มเี กมและกตกิ าการเล่น ๓) มกี ารเล่นเกมตามกตกิ า ๔) มกี ารอภปิ รายเกยี วกบั ผลการเล่น วธิ กี ารเล่นและพฤตกิ รรมการเล่นของผเู้ ล่น ๕) หลังการเล่น ๖) มผี ลการเรยี นรูข้ องผเู้ รยี น

๓.๕ ประเภทของเกม โคลัมบัส (เยาวพา เดชะคุปต.์ ๒๕๔๒:๕๑ – ๕๖; อ้างอิงจาก Kolumbus. ๑๗๙๗:๑๔๑ – ๑๔๙)

ได้แบ่งเกมการศึ กษาออกเปน ๑. เกมการแยกประเภท (Classification) เกมฝกแยกประเภท หมายถึง การแยกกล่มุ

จบั กล่มุ จบั คู่ ซงึ สามารถฝกทกั ษะเด็กได้หลายอย่าง โดยแยกเปนของทเี หมอื นกนั และตา่ งกนั ของที มลี ักษณะกลม สีเหลียม หรอื แยกตามสี รูปทรง ขนาด ซงึ แบ่งออกเปน

๑.๑ เกมลอตโต (Lotto) เปนเกมทเี ล่นอย่างงา่ ย โดยเด็กจะมรี ูปภาพเล็ก ๆ อย่ชู ุดหนึ ง ซงึ จะนํ ามาจบั คู่กบั รูปในกระดาษโดยรูปทเี ด็กเลือกออกมาเขาจะตอ้ งหารูปทเี หมอื นกนั วางลงให้ได้ ถ้ารูปนั นไมม่ คี ู่เขากจ็ ะวางบัตรนั นลงแล้วหาภาพใหม่

๑.๒ เกมโดมโิ น (Domino) เปนเกมทใี นแตล่ ะด้านจะมภี าพ จาํ นวน ตวั เลขจดุ ให้เด็ก เลือกภาพทมี สี ี รูป หรอื ขนาดตอ่ ในแตล่ ะด้านไปเรอื ย ๆ

๑.๓ เกมตารางสัมพันธ์ (Matrix) เกมนี จะประกอบด้วยตารางซงึ แบ่งเปนชอ่ งมขี นาด เทา่ กนั ๑๖ ชอ่ ง และมบี ัตรเล็ก ๆ ขนาดเทา่ กบั ตารางแตล่ ะชอ่ งโดยการเล่นอาจจะจบั คู่ภาพทอี ย่ขู ้าง บนกบั ภาพทเี ด็กวางลงให้ตรงกนั หรอื อาจจะจบั คู่ภาพทมี สี ่วนประกอบของภาพทอี ย่ขู ้างบนกบั ภาพที อย่ดู ้านข้างกไ็ ด้ เชน่ ครูอาจจะวางบัตรภาพวงกลมไวด้ ้านข้างวางบัตรสีแดงไวข้ ้างบนแล้วให้เด็กหา บัตรภาพทมี สี ีแดงและเปนวงกลมมาวางให้ตรงกนั

๒. เกมฝกทาํ ตามแบบ (Patterning) ในเกมชนิ ดนี เด็กจะตอ้ งสรา้ งหรอื วาด หรอื ลากตาม แบบตามลําดับ ซงึ เด็กจะใชล้ กู ปด หรอื บล็อกทมี สี ีหรอื ขนาดตา่ ง ๆ กบั บัตร หรอื แมแ้ ตแ่ ปรงสีฟน กไ็ ด้มาวางไวต้ ามลําดับ ตวั อย่างเชน่ ถ้าตวั อย่างมี ๓ สี เชน่ ดํา ขาว แดง เด็กกจ็ ะจดั สิงของตามลําดับ

หน้ า ๑๑

เรอื ยไป ซงึ เด็กจะตอ้ งตดั สินใจวา่ จะเลือกอะไรกอ่ นหลัง เพือทาํ ตามแบบ ๓. เกมฝกลําดับหรอื อนกุ รม (Sequence,Serration) ในเกมนี จะฝกความจาํ ของ เด็ก

โดยครูจะเล่าเหตกุ ารณ์หรอื ลําดับเรอื งราวหรอื นิ ทาน แล้วให้เด็กวางสิงตา่ ง ๆ หรอื ภาพตาม ลําดับในเรอื ง

จนั ทวรรณ เทวรกั ษ์ (๒๕๕๖:๓๖) ได้แบ่งเกมการศึกษาออกเปนชนิ ดตา่ ง ๆ ดังนี

๑. เกมจบั คู่ภาพเหมอื น เด็กฝกสังเกตภาพทเี หมอื นกนั นํ าภาพทเี หมอื นกนั มาเรยี งเข้าคู่กนั

๒. โดมโิ น เปนเกมทมี ขี นาดเล็กเปนรูปสีเหลียมผนื ผา้ แบ่งครงึ ออกเปน ส่วน ในแตล่ ะด้าน จะมภี าพ จาํ นวน ตวั เลข จดุ ให้เด็กเลือก ทมี สี ี รูป หรอื ขนาดตอ่ กนั ในแตล่ ะด้าน ไปเรอื ย ๆ

๓. ภาพตดั ตอ่ เปนการแยกชนิ ส่วนของภาพออกเปนชนิ ๆ แล้วให้เด็กนํ าตอ่ กนั ให้เปนภาพทสี มบรู ณ์ ภาพตดั ตอ่ ควรมจี าํ นวนชนิ ทจี ะให้เด็กตอ่ ให้เหมาะสมกบั วยั เด็กเล็กควร มจี าํ นวนชนิ กไ็ มช่ นิ ประมาณ ๕ – ๖ ชนิ เมอื เด็กโตขึนกม็ จี าํ นวนเพิมมากขึน

๔. ภาพสัมพันธ์ เปนการนํ าภาพทเี ปนประเภทเดียวกนั หรอื มคี วามสัมพันธก์ นั มาจบั คู่กนั จะชว่ ยฝกให้เด็กรูจ้ กั คิดหาเหตผุ ล และจดั ประเภทได้ถูกตอ้ ง

๕. ลอตโต เปนเกมทมี ี ๒ ส่วนให้เด็กศึกษารายละเอียดของภาพ ภาพใหญ่จะ ตอ้ งเปนสิงทใี ห้เด็กรูจ้ กั รายละเอียดตา่ ง ๆ ส่วนภาพเล็กเปนภาพปลีกย่อยของภาพใหญ่ที ตอ้ งการให้เด็กเรยี นรูโ้ ดยให้เด็กศึกษาภาพใหญ่วา่ เปนเรอื งอะไร มคี ุณสมบัตอิ ย่างไรให้เด็ก หยิบภาพเล็กทเี ตรยี มมาวางให้สมบรู ณ์

๖. ภาพตอ่ เนื องหรอื การเรยี งลําดับเปนการเรยี งลําดับภาพตามเหตกุ ารณ์ทเี กดิ ขึนจากเหตกุ ารณ์แรกไปจนถึงเหตกุ ารณ์สุดทา้ ย

๓.๖ ขันตอนการสอนโดยใชเ้ กม ในการสอนโดยใชเ้ กมนั นตอ้ งให้ผเู้ รยี นเกดิ ความรูค้ วามเข้าใจให้เกดิ ทกั ษะเบือง

ตน้ และความสนกุ สนานเพลิดเพลินกบั เกมนั น ๆ ดังนั นการสอนโดยใชเ้ กมตอ้ งการทาํ ให้เกดิ ผลตามจดุ ประสงค์ของการสอน ซงึ มที า่ นผรู้ ูไ้ ด้สรุปขันตอนในการสอนโดยใชเ้ กม ดังนี

เยาวพา เดชะคุปต์ (๒๕๕๖:๖๑-๖๒) ได้สรุปไวว้ า่ ในการสอนโดยใชเ้ กมนั นตอ้ งให้เด็ก ได้รูไ้ ด้เข้าใจให้เกดิ ทกั ษะเบืองตน้ และเกดิ ความสนกุ สนานเพลิดเพลินกบั เกมนั น ฉะนั นการ สอนตอ้ งกระทาํ ให้ เกดิ ผลตามจดุ มงุ่ หมายทวี างไวซ้ งึ ควรดําเนิ นการดังนี

๑) การจดั ชนั เรยี นกอ่ นอืนตอ้ งรูว้ า่ เกมทเี ล่นนั นเล่นได้กคี น การจดั ชนั เรยี นควร เปนแบบใดจงึ จะได้ผลมากทสี ุดเปนกล่มุ แบบเข้าแถว เปนกล่มุ วงกลมเดียวหรอื สองวง หรอื เปนแถวกแี ถว หรอื จดั ทวี า่ งเฉพาะตวั ทงั นี ตอ้ งจดั ให้เรยี บรอ้ ย และรวดเรว็ โดยไมเ่ สียเวลา

๒) การอธบิ ายวธิ กี ารเล่น ผสู้ อนตอ้ งสอนวธิ เี ล่นด้วยคําพูดทชี ดั ถ้อยชดั คํากะทดั รดั ไมช่ า้ หรอื เรว็ เกนิ ไป ควรยืนให้ทกุ คนเห็นหน้ าและได้ยินกนั ทวั ถึง

๓) การสาธติ การเล่น เมอื อธบิ ายแล้วบางเกมเด็กไมเ่ ข้าใจจะตอ้ งสาธติ การเล่น การ สาธติ อาจทาํ ซา ๆ หรอื สาธติ ไปพรอ้ ม ๆ คําอธบิ าย

๔) การปฏิบัติ เมอื เด็กเข้าใจวธิ กี ารเล่นตามคําอธบิ ายหรอื สาธติ การเล่น ควรให้เล่นนานพอสมควรการปฏิบัตคิ รูควรดูแลให้ทกุ คนได้เล่นโดยทวั ถึง

หน้ า ๑๒

๕) การตดิ ตามผล เกมแตล่ ะเกมย่อมมคี วามมงุ่ หมายโดยมวี ธิ ตี ดิ ตามผลได้ ดังนี ๕.๑) โดยจดการแข่งขัน ครูสังเกตวุ า่ เด็กได้ ทกั ษะนั นหรอื ไม่ เพือแกไ้ ขตอ่ ไป ๕.๒) ปฏิบัตซิ า อาจจะให้ผเู้ ล่น เล่นใหมอ่ ีกครงั โดยจดั ระบบใหม่ แบ่งพวกใหม่

ข้อควรคํานึ งในการสอนโดยใชเ้ กม ๑) ผสู้ อนตอ้ งเตรยี มเกมให้เหมาะสมกบั เวลา ๒) ตอ้ งเตรยี มอุปกรณ์ สนาม สถานทไี วใ้ ห้พรอ้ มเพรยี ง ๓) ใชภ้ าษางา่ ย ๆ สัน ๆ เข้าใจงา่ ย รวดเรว็ ๔) การหาเกมจะตอ้ งคิดกอ่ นวา่ ให้เด็กได้ทกั ษะอะไร ๕) อุปกรณ์นอกจากจะเพียงพอแล้วตอ้ งเหมาะสมและทสี ําคัญตอ้ งใชไ้ ด้ทนั การและเกดิ ผล ทางการเรยี น ๖) ควรหาเกมทใี ห้โอกาสฝกการเปนผนู้ ํ า ๗) การสอนควรมคี ําชมเชยเมอื ทาํ ดี และตกั เตอื นเมอื บกพรอ่ ๘) การสอนควรให้เด็กรูจ้ กั รบั ผดิ ชอบในหน้ าที ๙) การสอนตอ้ งให้ทวั ถึง ให้เด็กทกุ คนได้เล่นได้เรยี น ๑๐) ควรตรวจสอบการสอนครงั ทแี ล้ว และแกไ้ ขในชวั โมงตอ่ ไป

๓.๗ ประโยชน์ ของเกม เยาวพา เดชะคุปต์ (๒๕๔๖: ๖๒) ได้กล่าวถึงประโยชน์ ของเกม ดังนี ๑) สรา้ งความสนกุ สนานให้กบั ผเู้ ข้ารว่ มทกุ คน ๒) เปนการพัฒนาทกั ษะการเคลือนไหวให้ดีและมปี ระสิทธภิ าพมากขึน ๓) ทาํ ให้รา่ งกายได้ออกกาํ ลังกาย และเสรมิ สรา้ งสมรรถภาพมากขึน ๔) เปนการเสรมิ สรา้ งสัมพันธภาพระหวา่ งผเู้ ล่น ๕) ทาํ ให้สุขภาพกายและสุขภาพจติ ดี ๖) เสรมิ สรา้ งคุณลักษณะการเปนผนู้ ํ า และผตู้ ามทดี ี ๗) ทาํ ให้ทกุ คนกล้าแสดงออก และมคี วามเชอื มนั ในตนเองมากขึน ๘) เสรมิ สรา้ งการมนี าใจเปนนั กกฬี า

หน้ า ๑๓

๓.๘ เทคนิ คการจดั การเรยี นรูว้ ชิ าพระพุทธศาสนาโดยใชเ้ กม ประเภทของเกม ๑) เกมโดมโิ น่ (Domino) เปนเกมทใี นแตล่ ะด้านจะมภี าพจาํ นวน ตวั เลขจดุ ให้เด็ก

เลือกภาพทมี สี ี รูป หรอื ขนาดตอ่ ในแตล่ ะด้านไปเรอื ย ๆ ๒) เกมการด์ Uno เปนเกมการด์ ทเี ล่นเปนวงแตล่ ะคนจะสลับกนั ทงิ การด์ คนที

หมดการด์ ในมอื กอ่ นคนนั นชนะไปในเกมนั น ซงึ เหมาะกบั การการเล่นในวงเล็ก ไมเ่ กนิ ๑๕ คน หรอื จะมากกวา่ นั นกไ็ ด้ ขึนอย่กู บั ปรมิ าณของการด์

๓) เกมบันไดงู เปนเกมทเี น้ นการเดินหมากจากจดุ เรมิ ตน้ ไปถึงจดุ เส้นชยั ด้วยการ ทอยลกู เตา๋ เล่นบนกระดานกล่มุ ไหนทเี ดินทางไปถึงกอ่ นกล่มุ นั นชนะ ซงึ เหมาะกบั การการ เล่นในวงเล็ก ไมเ่ กนิ ๑๕ คน หรอื จะมากกวา่ นั นกไ็ ด้ ขึนอย่กู บั ขนาดของกระดาน

๔) เกมไพ่จบั คู่ เปนทเี น้ นการจบั คู่ใครทสี ามารถจบั คู่ไพ่ได้มากทสี ุด คนนั นคือผู้ ชนะเหมาะสําหรบั การเล่นเปนกล่มุ หรอื เล่นเปนคู่ได้ทงั หมด

๕) เกมเงยี บ ใชแ้ ข่งขันคนเดียวหรอื เปนหมหู่ ้ามใชเ้ สียง เชน่ เกมใบ้คํา ๖) เกมปรศิ นา เปนเกมแนวทเี ล่นได้ทกุ วยั เกมนี มกั จะเน้ นการแกป้ รศิ นา ปญหาตา่ ง ๆ มตี งั แตร่ ะดับงา่ ยไปจนถึงซบั ซอ้ น ในอดีตตวั เกมมกั นํ ามาจากเกมปรศิ นาตาม นิ ตยสาร เชน่ เกมตวั เลข เกมอักษรไขวตอ่ มาจงึ มเี กมปรศิ นาทเี ล่นบนคอมพิวเตอรอ์ ย่างเกม เตตรสิ ออกมา ปจจบุ ันมเี กมแนวพัซเซลิ แบบใหมๆ่ ออกมามากมาย เกมแนวนี เปนเกมทเี ล่นได้ ทกุ ยคุ ทกุ สมยั ๗) เกมจกิ ซอว์ เปนเกมตอ่ ภาพเล่นโดยประกอบชนิ ส่วนจาํ นวนหลายสิบหรอื หลาย รอ้ ยชนิ เข้าด้วยกนั เปนภาพรวม แตล่ ะชนิ ส่วนมรี ูปรา่ ง ขนาด และสีสันตา่ งกนั เมอื ประกอบเข้า กนั ถูกชนิ จะล็อกกนั พอดี ภาพของแตล่ ะชนิ กจ็ ะเชอื มกนั เปนภาพเดียว

หน้ า ๑๔

๓.๙ วธิ กี ารสรา้ งเกมการศึกษา ๑. เข้าไปที เวบ็ ไซต์ https://wordwall.net

๒. สามารถสมคั รใชง้ านโดยใชผ้ กู กบั บัญชี Google ทใี ชง้ าน

๓. เข้ามาทหี น้ าหลักเพือดูรูปแบบเกม

หน้ า ๑๕

๔. เข้ามาทหี น้ าหลักเพือดูรูปแบบเกม ๕. เมอื เจอรูปแบบเกมทตี อ้ งการทา่ นสามารถกลับมาทหี น้ าหลักเพือสรา้ งเกมที

ตอ้ งการโดยการเลือนลงมาดังภาพ

๖. กดสรา้ งเพือสรา้ งเกมทตี อ้ งการ

หน้ า ๑๖

๗. สรา้ งคําถามตอ้ งทตี อ้ งการ 8. สามารถเลือกรูปแบบเกมหรอื สามารถแชรเ์ กมให้กบั นั กเรยี นได้ทปี ุมแชร์ ๙. ขันตอนมอบหมายงานแกน่ ั กเรยี น หน้ า ๑๗

๑๐. วธิ ตี รวจสอบผลคะแนนของนั กเรยี น / หลังจากนั นให้เลือกเกมทที า่ น ตอ้ งการทราบผลลัพธ์

หน้ า ๑๘

เคล็ดลับ ทา่ นสามารถค้นหาผลงานเกมสําเสรจ็ รูปทชี ุมชนของเรา ทา่ นสามารถเลือกธมี ในการสรา้ งเกมและแกไ้ ขผลงานชุมชนของเรา

หน้ า ๑๙

การสอนโดยใชเ้ กม เปนกระบวนการทผี ู้ สอนใชใ้ นการชว่ ยให้ผเู้ รยี นเกดิ การเรยี นรูต้ าม วตั ถุประสงค์ทกี าํ หนดโดยการให้ผเู้ รยี นเล่นเกม ตามกตกิ าและนํ าเนื อหาและข้อมลู ของเกม พฤตกิ รรมการเล่นวธิ กี ารเล่น และผลการเล่นเกม ของผเู้ รยี นมาใชใ้ นการอภปิ ราย เพือสรุปการ เรยี นรู้

หน้ า ๒๐

บทสรุป แนวทางการจดั การเรยี นรูว้ ชิ าสังคมศึกษาเพือพัฒนาผเู้ รยี นโดยใชเ้ กมผสู้ อนและผเู้ รยี นได้มี

ส่วนรวมในกระบวนการเรยี นรู้ ผสู้ อนสามารถสรา้ งเกมได้ตามความเหมาะสมตรงตามวตั ถุประสงค์ที ตอ้ งการและมขี ันตอนการดําเนิ นการไวอ้ ย่างชดั เจน โดยมผี สู้ อนเปนผอู้ ํานวยความสะดวกและสรา้ ง บรรยากาศในการเรยี นรูข้ องผเู้ รยี น เปดโอกาสให้ผเู้ รยี นได้ทาํ กจิ กรรมทจี ดั ให้ ให้ทกุ คนชว่ ยกนั คิด และเล่นเกมหลังจากนั นนํ าเนื อหาข้อมลู ของเกม วธิ กี ารเล่นและผลการเล่นมาใชใ้ นการอภปิ รายเพือ สรุปแนวคิดเชอื มโยงกบั เนื อหาทเี รยี นสอดคล้องกบั การเรยี นรูใ้ นศตวรรษที ๒๑ คือให้ผเู้ รยี นเปน ศูนย์กลางในการเรยี นรูส้ ืบค้นข้อมลู ลงมอื ปฏิบัตทิ ดลองด้วยตนเองจนเกดิ องค์ความรูค้ วามคิด สรา้ งสรรค์เกดิ ความรว่ มมอื กนั ภายในกล่มุ เสรมิ สรา้ งทกั ษะภาวะผนู้ ํ าอีกทงั ผเู้ รยี นยังได้รบั ความ สนกุ สนานและความรูจ้ ากการจดั การเรยี นรูโ้ ดยการลงมอื ปฏิบัตแิ ละเห็นประจกั ษ์แจง้ ด้วยตนเอง ทาํ ให้การเรยี นรูน้ ั นมคี วามหมายคงทนมากกวา่ การสอนในห้องเรยี นแบบปกตทิ เี น้ นการบรรยาย

หน้ า ๒๑

บรรณานกุ รม ทศิ นา แขมมณี. (๒๕๔๔). วทิ ยาการด้านการคิด. กรุงเทพฯ: สถาบันพัฒนาคุณภาพวชิ าการ. พัชรบี ลู ย์ สัจจนานนท.์ (๒๕๔๗). การใชเ้ กมคณิตศาสตรพ์ ัฒนามโนมตทิ างจาํ นวนของเด็ก

ปฐมวยั โรงเรยี นศูนย์การบินทหารบกอุปถัมภ์ สํานั กงานเขตพืนทกี ารศึกษาลพบรุ ี เขต ๑. วทิ ยานิ พนธ์ ศษ.ม.(หลักสูตรและการสอน). นนทบรุ :ี มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช. จรุง แสงจนั ทร.์ (๒๕๓๙). การใชเ้ กมเปนสือในการเรยี นการสอนภาษา. สารพัฒนาหลักสูตร, จบั จา่ ย for shool. (๒๕๖๐). ผเู้ รยี นยคุ ใหม…่ กบั การเรยี นรูใ้ นศตวรรษที ๒๑. สืบค้นเมอื ๙ ธนั วาคม ๒๕๖๔. จาก https://www. Jabjai.school.com มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย. (๒๕๖๓). การศึกษาพระพุทธศาสนาในศตวรรษที ๒๑. วารสารวชิ าการ. ๓(๑๑) : ๓-๑๐. สุกจิ ศรพี รหม. (๒๕๔๔, สิงหาคม). “เกม” กบั การเรยี นการสอน. วารสารวชิ าการ. ๔(๕) : ๗๔. สุวธิ ดิ า จรุงเกยี รตกิ ลุ . (๒๕๖๑). ทกั ษะการเรยี นรูใ้ นศตวรรษที 21 (The Twenty-First Century Skills). สืบค้นเมอื ๙ ธนั วาคม ๒๕๖๒. จาก https://www.trueplookpanya.com/ สุวร กาญจนมยรู และคณะ. (๒๕๔๔). เทคนิ คการใชส้ ือ เกม และของเล่นคณิตศาสตร.์ พิมพ์ ครงั ที ๓. กรุงเทพฯ: ไทยวฒั นาพานิ ช.

หน้ า ๒๒