อาการเจ็บปวดช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์เป็นอาการไม่ปกติ ส่อแววว่ามีความผิดปกติภายในช่องคลอดหรืออวัยวะในอุ้งเชิงกราน การมีเพศสัมพันธ์จึงมีคุณประโยชน์ข้อหนึ่งคือ คนมีเพศสัมพันธ์สามารถตรวจพบโรคหรือความผิดปกติได้เร็วกว่าคนไม่มีเพศสัมพันธ์ จากอาการเจ็บปวดช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์นั่นเอง ซึ่งหมอจะพาทุกคนมารู้จัก 5 โรคที่พบบ่อย ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์กันค่ะ Show
1. โรคช่องคลอดแห้ง จากการไม่มีน้ำหล่อลื่นน้ำหล่อลื่นช่องคลอดสร้างมาจากผนังช่องคลอด และต่อมน้ำหล่อลื่น (Bartholin Gland And Skene’s Gland) โดยอยู่ใต้อิทธิพลของฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน แต่ละวันช่องคลอดจะสร้างน้ำหล่อลื่นจำนวน 1-4 ซีซี มีลักษณะเหนียวใส ไม่มีกลิ่น ไม่มีอาการระคายเคือง ความเป็นกรดด่าง (pH) 4.-4.5 หากมีการกระตุ้นทางเพศ กินอาหารเผ็ดร้อน รับประทานฮอร์โมนเพศหญิง และเป็นช่วงไข่ตก น้ำหล่อลื่นจะออกมากขึ้น การไม่มีน้ำหล่อลื่นทำให้เจ็บในขณะและหลังมีเพศสัมพันธ์ สาเหตุเกิดจากการเล้าโลมไม่เพียงพอ รับประทานหรือฉีดยาคุมกำเนิด เครียด เป็นช่วงหลังคลอด หรือเป็นช่วงวัยทองหมดฮอร์โมน วิธีแก้ไข แก้ไขตามสาเหตุ ในหลายกรณีการใช้เจลหล่อลื่นสามารถช่วยได้ สำหรับวัยทองหากรักษาวิธีอื่นไม่ได้ผลและไม่มีข้อห้าม การใช้ฮอร์โมนเพศหญิงทดแทนอาการหมดประจำเดือนมักจะได้ผลดี 2. โรคช่องคลอดอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อการติดเชื้อช่องคลอดที่พบบ่อยมี 3 ชนิด รวมกันนับเป็นร้อยละ 90 ของสาเหตุการติดเชื้อทั้งหมด
สาเหตุ เชื้อราในช่องคลอดเพิ่มจำนวนจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความอับชื้น เป็นโรคเบาหวาน รับประทานยาปฏิชีวนะประจำ รับประทานยากดภูมิ หรือรับประทานยาคุมกำเนิด วิธีแก้ไข ไม่นุ่งคับอับชื้น อย่าสวนล้างช่องคลอด หรือล้างช่องคลอดบ่อยๆ หากเป็นเบาหวานหรือโรคแพ้ภูมิควรรักษาให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เปลี่ยนวิธีคุมกำเนิด หากไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อรา
สาเหตุ เกิดจากการเจริญเติบโตของแบคทีเรียตัวร้าย การ์ดเนอร์เรลลา วาไจนาลิส (Gardnerella vaginalis) ซึ่งเกิดจากความไม่สมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด ทำให้แลคโตบาซิลลัสซึ่งเป็นแบคทีเรียตัวดีปล่อยกรดแลคติกออกมาควบคุมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียตัวร้ายให้มีจำนวนลดลง ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดคือ มีคู่นอนหลายคน เครียด พักผ่อนไม่พอ ดื่มน้ำน้อย บางคนกินของดิบหมักดองมาก สวนล้างช่องคลอดเป็นประจำ ความเป็นกรดด่างในช่องคลอดเปลี่ยนไป เป็นการทำลายแบคทีเรียชนิดดี วิธีแก้ไข รับประทานอาหารสดสะอาด ลดความเครียด ดื่มน้ำให้มาก พักผ่อนให้เพียงพอ พบแพทย์เพื่อตรวจภายใน ให้การวินิจฉัย รักษา และอธิบายวิธีปฏิบัติตัวเพื่อให้หายขาด
3. โรคช่องคลอดหดเกร็ง (Vaginismus)ทำให้เจ็บช่องคลอดในขณะและหลังมีเพศสัมพันธ์ เป็นภาวะที่พบได้มากถึงร้อยละ 20 ของผู้หญิง สาเหตุของช่องคลอดหดเกร็งจนไม่สามารถสอดใส่เข้าไปได้นั้น ส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่มีปัจจัยต่างๆ ที่เกื้อหนุนให้เกิดดังนี้
การรับมือ สามารถรักษาด้วยตนเองได้เช่น ทำความคุ้นเคยกับช่องคลอด หัดขมิบเพื่อควบคุมการเกร็งและสร้างความผ่อนคลาย ใช้เจลหล่อลื่น ใช้นิ้วสำรวจ ค่อยๆ ใส่เครื่องถ่างขยาย ใช้อวัยวะเพศเทียมหากยังสอดใส่ไม่ได้ ควรพบจิตแพทย์และสูติแพทย์เพื่อลดความเครียด และหาสาเหตุที่ทำให้เกิด ปัจจุบันการใช้โบท็อกซ์ฉีดให้กล้ามเนื้อช่องคลอดที่หดเกร็งคลายตัวก็พบว่าได้ผลดี 4. โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือช็อกโกแลตซีสต์โรคนี้ทำให้ปวดประจำเดือน เจ็บท้องน้อยเรื้อรัง เจ็บปวดเวลามีเพศสัมพันธ์ มีลูกยาก พบโรคนี้ในหญิงวัยรุ่นและวัยเจริญพันธ์ุที่มีอาการปวดประจำเดือน ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ได้ถึงร้อยละ 70 และพบในผู้มีลูกยากร้อยละ 50 สาเหตุ ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่โรคนี้เป็นพันธุกรรม เชื่อว่าเกิดจากประจำเดือนไหลย้อนกลับเข้าไปในอุ้งเชิงกราน ส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกที่ยังมีชีวิตไปเจริญเติบโตที่รังไข่ เยื่อบุช่องเชิงกราน ผิวมดลูก ผิวกระเพาะปัสสาวะ ผิวลำไส้ ปัจจัยเสี่ยงอาจเกิดจากมีประวัติคนในครอบครัวเป็น ไม่มีลูก มีฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนมาก มีประจำเดือนเร็ว หมดประจำเดือนช้า มีประจำเดือนมาบ่อยและมานาน วิธีรับมือ เมื่อมีอาการปวดท้องน้อยเรื้องรัง ปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ มีลูกยาก อย่านิ่งนอนใจ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษา 5. โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหากมีอาการปัสสาวะบ่อย กลางวันเกิน 5 ครั้ง และกลางดึกต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะมากกว่า 2 ครั้งขึ้นไป แถมมีอาการปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะสุดแล้วรู้สึกเสียว ปัสสาวะขุ่นหรือปนเลือด มีอาการปวดท้องน้อย เจ็บปวดช่องคลอดเวลามีเพศสัมพันธ์ ทั้งหมดนี้อาจส่อว่าเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis) โรคนี้เจอได้มากในเพศหญิงเพราะท่อปัสสาวะสั้น เชื้อโรคสามารถไต่เข้าไปในกระเพาะปัสสาวะได้โดยง่าย เชื้อโรคที่ว่านั้นก็เป็นเชื้อแบคทีเรียของตัวเราเอง โดย 75-95% เกิดจากเชื้ออีโคไล (E. Coli, Escherichia Coli) มีอยู่ตามธรรมชาติในลำไส้ใหญ่ของมนุษย์ เนื่องจากปากท่อปัสสาวะของผู้หญิงอยู่ใกล้กับช่องคลอดและทวารหนัก เชื้ออีโคไล จากช่องคลอดและจากทวารหนักจึงมีโอกาสปนเปื้อนเข้าสู่ท่อปัสสาวะ และเดินทางต่อไปยังกระเพาะปัสสาวะได้มากกว่าผู้ชาย ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบคือ ดื่มน้ำน้อย ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย ชอบนั่งๆ นอนๆ กลั้นปัสสาวะ เป็นเหตุให้ปัสสาวะคั่งค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี ควรปรับพฤติกรรมใหม่ ไม่กลั้นปัสสาวะ ไม่นั่งทำงานนานๆ ควรลุกเดินหรือเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง ดื่มน้ำให้เพียงพอ ด้านสุขอนามัย เมื่ออุจจาระต้องล้าง เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง และซับให้แห้งเสมอ อ้างอิง:
กินยาคุมแบบ28เม็ดกี่วันถึงมีเพศสัมพันธุ์ได้โดยทั่วไปเมื่อเริ่มรับประทานยาคุมกำเนิดในวันอื่นใดที่ไม่ใช่วันแรกที่มีประจำเดือน เพื่อความปลอดภัยแนะนำให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วย เช่น การใช้ถุงยางอนามัย เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 7 วัน แต่หากเริ่มรับประทานยาคุมกำเนิดในวันแรกที่มีประจำเดือนอาจไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วยก็ได้ ดังนั้นในกรณีดังกล่าวการ ... กินยาคุมแบบ 21 กี่วัน ถึงมี เพศ สั ม พัน ได้การรับประทานยาคุมมาอย่างถูกต้องและต่อเนื่องมาโดยตลอด ยาจะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดแม้มีเพศสัมพันธ์กันในช่วงที่กินยาที่เป็นเม็ดแป้ง (กรณีแผง 28 เม็ด) หรือช่วงที่เว้น 7 วัน (กรณีแผง 21 เม็ด) ซึ่งในช่วงเวลา 7 วันนั้นเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการตั้งครรภ์เนื่องจากไม่ใช่ช่วงที่มีการตกไข่ แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ยา ... กินยาคุมนานแค่ไหนถึงปล่อยในได้สำคัญคือต้องกินทุกวันจนหมดแผง กรณีเป็น 21 เม็ดเมื่อกินหมดก็ให้เว้น 7 วันให้ประจำเดือนมาแล้วค่อยกินแผงใหม่ ถ้ากินยาคุมแบบแผงรายเดือนต่อเนื่องอยู่นั้น สามารถที่จะมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตลอด ไม่จำเป็นว่าแค่ช่วง 7 วันที่หยุดยา ส่วนช่วงที่มีประจำเดือนควรงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนเพื่อสุขอนามัยที่ดี กลับไปที่ชุมชนถามตอบ หลังมีเพศสัมพันธ์ควรกินยาคุมแบบไหนการรับประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ดังกล่าวตามด้วยยาเม็ดที่สอง จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% แต่หากเริ่มยาภายใน 24 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 85% ดังนั้น จึงควรรับประทานยาเม็ดแรกหลังการมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด |