ขณะพบแพทย กร ณาป ดโทรศ พท ม อถ อ

เผยแพร่: 27 ส.ค. 2558 21:41 ปรับปรุง: 28 ส.ค. 2558 01:29 โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน-พริตตี้สาวอุ้มท้องใกล้คลอด มอบตัวสู้คดีโอนหุ้น "ชูวงษ์" ทนายความยันลูกความไม่ได้ลักทรัพย์ ปลอมแปลงเอกสาร ยันตรวจดีเอ็นเอได้ แต่ต้องให้ศาลสั่ง ตำรวจแจ้งข้อหาพร้อมส่งตัวขออำนาจศาลฝากขัง ล่าสุดศาลให้ประกันตัว ตีราคาหลักทรัพย์ 5 ล้านบาท "บรรยิน" พลิ้วไปเรื่อย บุกร้อง ผบ.ตร. ไม่เอากองปราบทำคดี อ้างเป็นคู่กรณีพาทหารค้นบ้านลูกสาว ย้ำหากให้ทำคดีต่อ มีหวังโดนตั้งข้อหาเป็นฆาตกร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (27 ส.ค.) ที่กองปราบปราม น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล หรือน้ำตาล อายุ 26 ปี พริตตี้ แคดดี้สาว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.563/2558 ลงวันที่ 24 ส.ค.2558 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หรือรับของโจร กรณีรับโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ เกือบ 300 ล้าน พร้อมด้วยนายเสกสรรค์ เสนาชู ทนายความ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบก.ป.พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ เกิดเอี่ยม พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อมอบตัวในคดีดังกล่าว

น.ส.กัญฐณากล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ขอปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เพราะหุ้นที่ได้รับมานั้น ได้รับโอนอย่างสุจริต ไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหา ทุกอย่างก็คงยืนยันตามที่เคยให้การกับพนักงานสอบสวนในฐานะพยานไปหมดแล้วก่อนหน้านี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พ.ต.ท.ณัฐพงศ์อ่านหมายจับให้ฟังนั้น น.ส.กัญฐณามีอาการเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

***ทนายยืนยันความบริสุทธ์

นายเสกสรรค์กล่าวว่า ในส่วนของคำให้การของ น.ส.กัญฐณา ก็คงไม่น่าจะให้การอะไรเพิ่มเติมอีก เพราะเรายังคงเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจในคำให้การในฐานะพยานที่ได้ให้การไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน สำหรับพยานเอกสารต่างๆ ก็ไม่มีการนำมาให้เพิ่มเติม เพราะได้มอบให้กับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว เนื่องจากพยานหลักฐานในคดีนี้มีไม่มาก

***คดีนี้ไม่ใช่การปลอมแปลงเอกสาร

นายเสกสรรค์กล่าวว่า เรื่องความสัมพันธ์กับนายชูวงษ์ ตนยืนยันแทน น.ส.กัญฐณาไม่ได้ เพราะรายละเอียดส่วนนี้น่าจะเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลมากกว่า คงไม่ขอเปิดเผยต่อสื่อมวลชน เพราะจะทำให้รูปคดีเสีย

สำหรับเรื่องการปลอมแปลงเอกสาร ตนมองว่าคดีนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องการปลอมแปลงเอกสาร สื่อมวลชนควรใช้ถ้อยคำให้ถูกต้อง เพราะการปลอมแปลงใช้เพียงในส่วนของเงินตรา แต่ความผิดตนดูจากเอกสาร พนักงานสอบสวนตั้งข้อหาปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม จึงอยากฝากถามผู้ที่เกี่ยวข้องว่าคนที่เห็นคนปลอมคือใคร แต่เบื้องต้นตนยังไม่ทราบเลยว่าใครเป็นประจักษ์พยานที่เห็นการปลอม

"ยืนยันว่าเราไม่มีส่วนกี่ยวข้องกับการจัดทำ ใช้เอกสาร เรื่องลักทรัพย์ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะไม่รู้ว่าลักอะไร ลักคำขอ หรือลักใบหุ้น หุ้นมันจับต้องไม่ได้ และใครเป็นคนแย่งการครอบครอง อยากจะสอบถามท่านพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ที่จะต้องอธิบายความ ช่วยชี้แจงตรงนี้ต่อสังคมด้วย ส่วนเรื่องการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ที่มอบให้ น.ส.กัญฐณา ผมได้สอบถามแล้วหลายครั้ง ก็เป็นสิ่งที่นายชูวงษ์ประสงค์จะมอบหุ้นให้แก่ น.ส.กัญฐณา เองทั้งหมด” ทนายความพริตตี้สาวกล่าว

***ยอมตรวจดีเอ็นเอหากศาลสั่ง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ตั้งครรภ์ใกล้คลอดอยู่นั้น นายเสกสรรค์ กล่าวว่า เท่าที่ได้สอบถามจาก น.ส.กัญฐณาทราบว่าได้ฝากครรภ์ไว้กับแพทย์ไว้แล้ว เหลือเวลาอีกเพียงสัปดาห์กว่าๆ ก็จะถึงกำหนดคลอด และก็ต้องเดินทางมาอย่างมีปัญหาตะกุกตะกักไปบ้าง เพราะน้องเขาไม่สบายจริงๆ แต่ก็ต้องเรียนว่า น.ส.กัญฐณาไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี เราติดต่อกับสื่อมวลชนมาตลอด

เมื่อถามถึงเรื่องการตรวจดีเอ็นเอของบุตรในครรภ์ น.ส.กัญฐณานั้น นายเสกสรรค์กล่าวว่า ขณะนี้คิดว่าเรื่องการตรวจดีเอ็นเอ เวลานี้คงยังไม่ถึงเวลา แต่หากทางครอบครัวของนายชูวงษ์ยื่นคำร้องต่อศาลก็ขอให้ถึงเวลานั้นก่อน หากจะยื่นขอให้ตรวจจะให้ตรวจในประเด็นอะไร จะต่อสู้กันในเรื่องอะไรคงต้องทราบประเด็นข้อพิพาทก่อน แต่ถ้าถามว่าพร้อมหรือไม่ ก็คงต้องดูว่าศาลจะมีคำสั่งหรือไม่อย่างไร ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

***เตรียม5ล้านขอประกันตัว

นายเสกสรรค์กล่าวเพิ่มเติมว่า ทาง น.ส.กัญฐณาไม่ได้ยื่นเรื่องขอประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยจะขอยื่นเรื่องประกันตัวต่อศาล ซึ่งได้เตรียมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และเงินสด รวมมูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท และหากได้รับการพิจารณาให้ประกันตัว น.ส.กัญฐณา ก็จะเดินทางไปยังโรงพยาบาลทันที เพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกาย เนื่องจากใกล้กำหนดที่จะคลอดบุตรแล้ว

***ตำรวจไม่คัดค้านการประกันตัว

พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวว่า เมื่อทาง น.ส.กัญฐณา ผู้ต้องหาที่ถูกกล่าวหาได้ติดต่อเข้ามอบตัวสู้คดี ก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนคดีดังกล่าวถึงขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาออกหมายจับบุคคลใดเพิ่มเติม

ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. ภายหลังพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ พิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติอาญากรเสร็จสิ้นแล้ว ทางพนักงานสอบสวนจึงคุมตัว น.ส.กัญฐณาไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ ผลัดฟ้องฝากขัง โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนไม่ได้คัดค้านการประกันตัว โดยขอให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

***ศาลอนุญาตให้ประกันตีวงเงิน 5 ล้าน

ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ควบคุมตัว น.ส.กัญฐณา มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.-7 ก.ย.2558 เนื่องจากการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ต้องรอสอบพยานเพิ่มอีก 9 ปาก และต้องรอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานในคดี โดยศาลพิจารณาคำร้อง และสอบถามผู้ต้องหาแล้ว ไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

อย่างไรก็ตาม นายเสกสรร ทนายความของน.ส.กัญฐณา ได้ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด เพื่อขอปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขังนี้ ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว น.ส.กัญฐณา ผู้ต้องหา โดยตีราคาประกัน 5 ล้านบาท โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานและห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

นายเสกสรร กล่าวว่า ในการยื่นคำร้องฝากขังต่อศาล พนักงานสอบสวนไม่ได้คัดค้านการประกันตัว ซึ่งได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดขอปล่อยตัว โดยศาลให้ประกันตัวไปกำหนดวงเงิน 5 ล้านบาท เท่ากับ พ.ต.ท.บรรยิน แต่ไม่เห็นว่ามีการกำหนดเงื่อนไขใดในการปล่อยชั่วคราว เพียงแต่ศาลนัดให้ น.ส.กัญฐณา ผู้ต้องหามารายงานตัววันที่ 8 ก.ย.นี้

***"บรรยิน"คัดค้านกองปราบทำคดี

วันเดียวกันนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรมช.พาณิชย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.560/2558 ลงวันที่ 24 ส.ค.2558 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ , ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน และรับของโจร ในคดีโอนหุ้นที่พบความผิดปกติของนายชูวงษ์ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อขอความเป็นธรรม และคัดค้านการโอนคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ให้กองปราบปรามรับผิดชอบ โดยมี พล.ต.ต.เสน่ห์ อรุณพันธุ์ รอง ผบช.สพฐ.ในฐานะนายตำรวจเวรอำนวยการเป็นผู้รับหนังสือแทน

พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า ตนตั้งใจมาขอความเป็นธรรม และมาใช้สิทธิในฐานะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ เพราะที่ผ่านมา ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงอยากเรียกร้องต่อ ผบ.ตร. ว่าคดีนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ความเป็นธรรมฝ่ายเดียว โดยขณะนี้ ตนกับกองปราบปรามถือเป็นคู่กรณีกันแล้ว เพราะเมื่อวันที่ 18 ส.ค. ตำรวจกองปราบปรามร่วมกับทหารกองพันทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ ไปตรวจค้นที่บ้านพักลูกสาวของตนย่านเลียบด่วนรามอินทรา โดยอ้างว่าฝ่ายมั่นคงให้ไปตรวจเรื่องตั้งพรรคการเมือง แต่บันทึกการตรวจค้นกลับระบุว่าไม่พบบุคคลและสิ่งผิดกฎหมาย โดยเฉพาะตัว น.ส.กัญฐณา

"ผมอยากถามว่า นี่เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือไม่ ที่บอกว่าเหตุผลที่ตรวจค้นเรื่องการตั้งพรรคการเมือง ลูกสาวผมเกี่ยวข้องกับการตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ แล้วทำไมในบันทึกการตรวจค้นไประบุว่าการตรวจค้นไม่พบตัว น.ส.กัญฐณา ตรงนี้เกี่ยวข้องกันหรือไม่ ผมจึงอยากสอบถามไปถึงฝ่ายความมั่นคงว่าใครเป็นคนสั่ง ได้มอบหมายให้มีการตรวจค้นจริงหรือไม่ ตอนนี้ผมถือเป็นคู่กรณีกับตำรวจกองปราบฯ ไปแล้วหาก ผบ.ตร.โอนคดีให้กองปราบฯ รับผิดชอบ ผมจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่” พ.ต.ท.บรรยินกล่าว

***โอดมีสิทธิถูกตั้งข้อหาเป็นฆาตกร

พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า ตนมาเพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง หากยังยืนยันที่จะให้ตำรวจกองปราบปรามทำคดีจะถือว่าท่านไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ตน เป็นการให้ความเป็นธรรมฝ่ายเดียว บอกได้เลยว่าหากให้กองปราบปรามทำคดี ตนต้องโดนข้อหาเป็นฆาตกร ทั้งนี้ ตนยินดีให้ตำรวจหน่วยใดก็ได้ทำคดีแต่ไม่เอากองปราบฯ เพราะไม่ไว้วางใจในพฤติกรรมที่ผ่านมา

เมื่อถามว่าที่ผ่านมา มีปัญหาส่วนตัวหรือความขัดแย้งกับตำรวจกองปราบปรามหรือไม่ พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า เรื่องปัญหาส่วนตัวหรือความขัดแย้งยืนยันว่าไม่มี แต่มีปัญหาการเข้าตรวจค้นบ้านของลูกสาว ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เขารู้ว่าตนจะต้องดำเนินคดีเขาแน่นอน