การแบ งย คสม ยทางประว ต ศาสตร สากล ม ความสำค ญ

ส4.1 ม.4-6/1 ตระหนักถงึ ความสาคัญของเวลาและยุคสมยั ทางประวัติศาสตร์ทแี่ สดงถงึ การเปลย่ี นแปลงของมนษุ ยชาติ

คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบทถ่ี กู ต้องท่สี ดุ เพียงคาตอบเดยี ว 6. สมยั ประวตั ศิ าสตรข์ องโลกตะวนั ตกเรม่ิ ตน้ ทแี่ หลง่ อารยธรรมใด ก. อารยธรรมกรีก 1. เวลามคี วามสาคญั ตอ่ ประวตั ศิ าสตรอ์ ยา่ งไร ข. อารยธรรมโรมนั ก. ใช้หาข้อมลู ทางประวตั ศิ าสตร์ ค. อารยธรรมลุ่มแมน่ ้าสนิ ธุ ข. ใชก้ าหนดสมยั ทางประวัติศาสตร์ ง. อารยธรรมลมุ่ แม่นา้ ไทกริส-ยเู ฟรติส ค. ใชใ้ นการลาดบั เหตกุ ารณ์ทางประวัติศาสตร์ ง. ใช้พจิ ารณาว่าเหตุการณน์ นั้ เปน็ ประวัติศาสตร์หรอื ไม่ 7. การคน้ พบสง่ิ ใดทาใหม้ นษุ ย์กา้ วเขา้ สสู่ มยั ประวตั ศิ าสตร์ ก. มนษุ ยค์ ้นพบไฟและการใช้ภาษาพดู 2. ศักราชแบบใดทน่ี ยิ มใชก้ นั แพรห่ ลายมากทส่ี ดุ ข. มนุษยป์ ระดษิ ฐ์ภาษาเขียนและการบันทึก ก. จุลศักราช ค. มนษุ ยม์ าอยรู่ วมกนั เปน็ สังคมและรู้จักการเพาะปลกู ข. พุทธศักราช ง. มนุษยร์ จู้ ักการถลงุ แรเ่ หล็กแลว้ นามาทาเครือ่ งมือเคร่ืองใช้ ค. ครสิ ตศ์ กั ราช ง. ฮจิ เราะหศ์ กั ราช 8. ขอ้ ใดไมใ่ ชค่ วามเจรญิ ของมนษุ ยย์ คุ หนิ ใหม่ ก. การใชเ้ ครื่องมือหินขัด 3. ฮิจเราะหศ์ กั ราช เป็นการนบั ศกั ราชทเี่ กีย่ วขอ้ งกบั ศาสนาใด ข. เรร่ ่อนเก็บของป่า ล่าสตั ว์ ก. คริสตศ์ าสนา ค. ตง้ั ถ่นิ ฐานเปน็ สงั คมเมอื ง ข. ศาสนาอิสลาม ง. รจู้ ักทาภาชนะเครอ่ื งป้ันดนิ เผา ค. พระพทุ ธศาสนา ง. ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู 9. สิ่งใดตอ่ ไปนม้ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ ประวตั ศิ าสตรส์ มยั กลางของยโุ รปมากทสี่ ดุ ก. ครสิ ต์ศาสนา 4. ข้อใดบอกเวลาของครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 21 ได้ถกู ตอ้ ง ข. ความเจรญิ ทางด้านศลิ ปะ ก. ค.ศ. 2000-2001 ค. การเดนิ เรือสารวจแผ่นดนิ ใหม่ ข. ค.ศ. 2001-2100 ง. ความก้าวหน้าทางวทิ ยาศาสตร์ ค. ค.ศ. 2001-2200 ง. ค.ศ. 2001-2300 10. เร่ิมสมยั อาณาจกั รอยธุ ยา พ.ศ. 1893 ตรงกบั การเกดิ เหตกุ ารณใ์ ด ก. การสารวจทางทะเล 5. การนบั ระยะเวลาในรอบ 10 ปี เรียกวา่ อยา่ งไร ข. การฟน้ื ฟศู ิลปะวทิ ยาการ ก. ทศวรรษ ค. การส้นิ สดุ จักรวรรดโิ รมันตะวันตก ข. ศตวรรษ ง. โคลมั บสั ค้นพบทวีปอเมรกิ า ค. สหัสวรรษ ง. ครสิ ตศ์ ตวรรษ

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 2

ใบงานที่ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 รายวชิ า สังคมศกึ ษา 6 รหสั วชิ า ส33102 ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6

1 ความรพู้ ื้นฐานทางประวัติศาสตร์

ส4.1 ม.4-6/1

ที่มาและความหมาย

คาว่า ประวตั ศิ าสตร์ มาจากภาษาองั กฤษว่า....................................................ซึ่งมาจากภาษากรกี ว่า Histori ทหี่ มายถงึ การสอบสวน การตรวจตรา การค้นคว้า และการซกั ถาม เพอ่ื ให้ทราบความเป็นมาในอดตี ของสังคม

ชาว......................................เป็นชาตแิ รกทรี่ ู้จกั บนั ทกึ เร่อื งราวทางประวตั ิศาสตรไ์ ว้เปน็ ลายลักษณ์อักษร

ปัจจบุ ันคาวา่ ประวตั ศิ าสตร์ หมายถึง........................................................................................................................

บดิ าวชิ าประวตั ิศาสตร์

เฮโรโดตัส (Herodotus)

นักประวัติศาสตรช์ าวกรกี (ประมาณ 484-425 ปีก่อนคริสตศ์ ักราช) ผลงาน : ................................................................................................................

................................................................................................................

ซือหมา่ เชยี น (Sima Qian)

นกั ประวตั ิศาสตร์ชาวจีนในสมัยราชวงศ์ฮ่ัน (ประมาณ 140-87 ปกี ่อนคริสต์ศักราช) ผลงาน : ................................................................................................................

................................................................................................................

สมเดจ็ ฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ

พระราชโอรสในรชั กาลที่ 4 (พทุ ธศักราช 2405-2486) ผลงาน : ................................................................................................................

................................................................................................................

เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา ส33102 หน้า 3

ความสาคัญของเวลากับประวัติศาสตร์

คาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนศกึ ษาเรื่อง “เวลา” และตอบคาถามตอ่ ไปนีอ้ ยา่ งมีเหตุผล

1. เวลามีความสาคญั ตอ่ การศกึ ษาพฒั นาการของมนุษย์อยา่ งไร ตอบ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. มนุษยส์ มัยโบราณใช้อะไรเป็นเครื่องมอื บอกเวลา ตอบ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

3. มนุษยท์ ุกยคุ สมยั แสวงหาเครอ่ื งมือบอกเวลา เชน่ 3.1 พฒั นาการของชาวสเุ มเรียนกบั เวลาเป็นอย่างไร ตอบ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3.2 พัฒนาการของชาวอยี ิปตโ์ บราณกับเวลาเป็นอยา่ งไร ตอบ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3.3 พัฒนาการของชาวบาบโิ ลนกับเวลาเป็นอย่างไร ตอบ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3.4 พฒั นาการของชาวมายาในอเมรกิ ากลางกบั เวลาเปน็ อย่างไร ตอบ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ปฏิทนิ สุเมเรยี น ปฏิทินอียปิ ต์ ปฏิทินบาบโิ ลน ปฏิทนิ มายา ปฏิทนิ โรมัน

ออสตราโลพิเทคสั โฮโม อีเร็กตสั โฮโม เซเปียนส์ โฮโม เซเปียนส์ เซเปียส์

รู้จัก.............................. ร้จู กั ...................... รู้จกั ....................... รจู้ ัก..............................

เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา ส33102 หน้า 4

ใบงานท่ี หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 รายวชิ า สงั คมศกึ ษา 6 รหสั วชิ า ส33102 ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6

2 การนับและการเทียบศักราช

ส4.1 ม.4-6/1

การเทียบศักราช ครสิ ตศ์ ักราช (ค.ศ.) = พ.ศ. - ……………….. มหาศกั ราช (ม.ศ.) = พ.ศ. - ……………….. พุทธศักราช (พ.ศ.)

ฮจิ เราะห์ศกั ราช (ค.ศ.) = พ.ศ. - ………………..

World religion map

จาก https://www.alamy.com/stock-photo-world-religions-map-102263111.html

การนับศักราช

พุทธศกั ราช - พ.ศ. : เปน็ ศกั ราชของผ้ทู ี่นับถือศาสนา……………………………………..

มีวิธกี ารนบั 2 แบบ คอื 1) แบบไทย เรม่ิ นบั เมื่อ…………………………………………………………………………………………………….

  1. แบบลังกา เรมิ่ นบั เม่อื ……………………………………………………………………………………………………

คริสตศ์ กั ราช - ค.ศ. : เปน็ ศักราชของผู้ที่นบั ถอื ศาสนา……………………………………..

คริสตศ์ ักราช เรม่ิ นบั เมอื่ …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ค.ศ. ตรงกับภาษาองั กฤษว่า A.D. ย่อมาจากภาษาละตนิ Anno Domini แปลวา่ …………………………………………………………………

ฮจิ เราะหศ์ กั ราช - ฮ.ศ. : เปน็ ศักราชของผ้ทู ่นี ับถอื ศาสนา……………………………………..

ฮิจเราะห์ศักราช เร่มิ นบั เมื่อ………………………………………………………………………………………………………………………………………...

มหาศกั ราช - ม.ศ. : เริ่มต้นนับโดยกษตั รยิ ์ผ้ยู ิ่งใหญข่ องอนิ เดีย พระนามวา่ ………………………………………………………………………..

เป็นการนับศักราชแบบอินเดยี ใชก้ ันอย่างแพร่หลายในอนิ เดียและอาณาจกั รแถบเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 5

การนับศักราชแบบจีนและญปี่ ุ่น

\> ประเทศจีนให้ความสาคญั กบั การนับรอบปี เพราะเวลาและฤดูกาลมคี วามสาคัญต่อ........................................ \> ปฏิทนิ จนี เป็นแบบ........................................ซง่ึ ยึดถือพระจนั ทร์เป็นหลกั และมีอายุเกอื บ 5,000 ปมี าแลว้ \> การนับศกั ราชของจนี จะยึดตามปีที่ครองราชสมบัติของจักรพรรดแิ ต่ละพระองค์ เรยี กวา่ .................................. โดยใหน้ ับปีทข่ี น้ึ ครองราชยส์ มบตั เิ ป็นปีท่ี 1 และเมือ่ มีจักรพรรดพิ ระองค์ใหมข่ ้นึ ครองราชย์ กจ็ ะเริ่มต้นนับปีที่ 1 ใหม่ \> ปจั จบุ ันประเทศจีนได้เลกิ ใช้ศกั ราชแบบเดมิ และหันมาใชศ้ กั ราชสากล คอื ......................................................

\> ประเทศญ่ีปุ่นกไ็ ด้รบั วธิ ีการนับศกั ราชแบบจีน อกี ทัง้ ยงั เปน็ ประเทศเดยี วในโลกทยี่ ังคงใช้ชอื่ ศกั ราชอยู่ \> หลังจากเปดิ ประเทศส่โู ลกภายนอกในปี ค.ศ. 1854 ญีป่ ุ่นได้ผ่านยุคศกั ราชมาแลว้ 5 สมยั ดงั นี้

Meiji_____ >> Taisho_____ >> Showa_____ >> Heisei_____ >> Reiwa เรวะ

ชอื่ เดือนนี้...มที ่ีมา

จากการศึกษาหลกั ฐานทางโบราณคดพี บว่า อารยธรรมแรกที่ได้ประดิษฐ์ปฏิทินขึ้นก็คือ..............................

โดยการสังเกตการโคจรของดวงจันทร์ เมื่อ 5,500 ปีก่อน ซ่ึงได้แบ่งช่วงเวลา 1 ปี ออกเป็น 12 เดือน และกาหนดให้วัน

เรม่ิ ตน้ ฤดูใบไมผ้ ลเิ ป็นวันขน้ึ ปีใหม่ ซงึ่ ตอ่ มาชาวอียิปตก์ ็ไดน้ าความรนู้ ไ้ี ปพัฒนาตอ่ ยอด

ตอ่ มาในยคุ ที่อารยธรรมโรมนั เรอื งอานาจ เม่ือ 2,800 ปีกอ่ น ปฏิทินโรมันได้กาหนดให้ 1 ปีมี 10 เดือน ได้แก่

Martius, Aprilis, Maius, Junius, Quintilis, Sextilis, September, October, November และ December ซึ่ง

ปฏิทินนีเ้ ป็นทีร่ ูจ้ ักและใช้ต่อกันเรอ่ื ยมาจนถึงประมาณ 738 ปกี ่อนคริสตศ์ กั ราช จากน้นั เดือน January และ February

ไดถ้ ูกเพมิ่ โดยผ้นู าโรมันท่ชี ่ือวา่ “Numa Pompilius” ทาใหเ้ ดอื น October ถูกเล่อื นไปอย่เู ดอื น 10

ปจั จบุ ันช่อื เดอื นทง้ั 12 เดอื นตามปฏทิ นิ สากล มีท่มี าของชอ่ื เดอื นต่าง ๆ ดังต่อไปน้ี January มาจาก....................................................................................................................................

February มาจาก....................................................................................................................................

March มาจาก............................................................................................................................. .......

April มาจาก....................................................................................................................................

May มาจาก....................................................................................................................................

June มาจาก....................................................................................................................................

July มาจาก............................................................................................................................. .......

August มาจาก....................................................................................................................................

September มาจาก....................................................................................................................................

October มาจาก....................................................................................................................................

November มาจาก....................................................................................................................................

December มาจาก............................................................................................................................. .......

เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา ส33102 หน้า 6

ใบงานที่ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 รายวชิ า สังคมศกึ ษา 6 รหสั วชิ า ส33102 ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6

3 การแบง่ ยุคสมัยทางประวัติศาสตร์

ส4.1 ม.4-6/1

สมัยก่อนประวตั ิศาสตร์

2,500,000-10,500 ปี 10,500-10,000 ปี 10,000-4,000 ปี 4,000-2,700 ปี 2,700-2,000 ปี

ลักษณะการดารงชวี ติ ลักษณะการดารงชีวติ ลกั ษณะการดารงชวี ิต ลกั ษณะการดารงชวี ติ ลกั ษณะการดารงชีวิต

____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________ ____________

หนิ เก่า หนิ กลาง หนิ ใหม่ สารดิ เหล็ก

ยุคสังคมล่าสัตวแ์ ละหาของปา่ ยุคสังคมเกษตรกรรม ยุคสังคมเมอื ง

สมัยประวตั ิศาสตร์

คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นเขียน “เส้นเวลา (timeline)” สมัยประวัติศาสตร์ เพ่อื เปรยี บเทยี บยุคสมัยทางประวตั ศิ าสตรท์ ง้ั 3 แบบ ไดแ้ ก่ 1)ประวัติศาสตรต์ ะวันตก 2)ประวตั ิศาสตรจ์ ีน และ 3)ประวตั ิศาสตรอ์ ินเดีย พรอ้ มเขยี นช่ือยุคสมยั และช่วงเวลาประกอบด้วย

B.C. ย่อมาจาก Before Christ แปลว่า.............................................................................. A.D. ยอ่ มาจาก Anno Domini แปลว่า .............................................................................. สมัยใหม่ (1,453-1,945A.D.) ประวัตศิ าสตร์ สมยั โบราณ (3,500B.C.-476A.D.) สมัยกลาง (476-1,453A.D.) สมัยปัจจุบัน (1,945A.D.-NOW)

ตะวันตก

ประวัตศิ าสตร์

จนี

ประวัติศาสตร์

อนิ เดยี

3,500 B.C. 3,000 B.C. 2,500 B.C. 2,000 B.C. 1,500 B.C. 1,000 B.C. 500 B.C. 0 500 A.D. 1,000 A.D. 1,500 A.D. 2,000 A.D.

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 7

สมยั ประวตั ิศาสตรต์ ะวนั ตก

คาชแี้ จง ให้นกั เรียนนาขอ้ ความทกี่ าหนดใหไ้ ปเตมิ ลงในยคุ สมยั ต่าง ๆ ใหถ้ ูกต้อง

Religious Reformation Terrorism Egypt Age of Enlightenment Industrial Revolution Roman Renaissance Global Warming Crusades war Age of Exploration 11-9-2001 Greece Cold War Mesopotamia World War I Feudalism Scientific Revolution World War II

สมยั โบราณ สมยั กลาง สมยั ใหม่ สมัยปัจจุบนั

(3,500B.C.-476 A.D.) (476-1,453 A.D.) (1,453-1,945 A.D.) (1,945 A.D.-NOW)

-เหตุการณ์- -เหตกุ ารณ์- -เหตุการณ-์ -เหตกุ ารณ์- ประดษิ ฐต์ วั อกั ษรคนู ฟิ อรม์ โรมนั ตะวนั ตกลม่ สลาย โคลมั บสั พบทวปี อเมรกิ า สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 สน้ิ สดุ

.................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... ....................................

สมัยประวตั ิศาสตรจ์ ีน สมัยประวัติศาสตรอ์ นิ เดีย

(1,112-221 B.C.) สมัยโบราณ สมัยโบราณ (800B.C.-600 A.D.)

.............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. ..............................................................................

(221B.C.-1,912 A.D.) สมัยจักรวรรดิ สมัยกลาง (600-1,600 A.D.)

.............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. ..............................................................................

(1,912-1,949 A.D.) สมยั ใหม่ สมัยใหม่ (1,600-1,947 A.D.)

.............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. ..............................................................................

(1,949 A.D.-NOW) รว่ มสมัย รว่ มสมัย (1,947 A.D.-NOW)

.............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. ..............................................................................

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 8

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2

อารยธรรมของโลก ยุคโบราณ (ตะวนั ออก)

เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา ส33102 หน้า 9

แบบทดสอบก่อนเรยี น

หนว่ ยท่ี 2 อำรยธรรมของโลกยคุ โบรำณ (ตะวนั ออก)

ส4.2 ม.4-6/1 วิเครำะห์อิทธพิ ลของอำรยธรรมโบรำณ และกำรตดิ ต่อระหว่ำงโลกตะวันออกกับโลกตะวันตกที่มผี ลต่อพัฒนำกำรและกำรเปลี่ยนแปลงของโลก

คำชแี้ จง ใหน้ ักเรียนเลือกคำตอบทีถ่ ูกต้องทส่ี ดุ เพียงคำตอบเดยี ว 6. สิ่งใดในประวัติศำสตรอ์ นิ เดียท่เี กดิ ก่อนกำรมำถงึ ของชนเผำ่ อำรยนั 1. เพรำะเหตุใดผูค้ นในสมัยอำรยธรรมจนี จึงนิยมสรำ้ งบำ้ นเรือน ไวใ้ กลก้ บั แม่น้ำฮวงโห ก. ตวั เลขฮินดอู ำรบิก ข. ระบบวรรณะ ก. เพรำะอยู่ใกล้วงั หลวงของจักรพรรดิ ค. เมืองฮำรัปปำ ข. เพรำะพน้ื ทีเ่ หมำะสมแกก่ ำรเพำะปลกู ง. มหำกำพย์มหำภำรตะ ค. เพรำะมีภเู ขำล้อมรอบ ช่วยปอ้ งกนั พำยุได้ ง. เพรำะเป็นชมุ ชนทีม่ ีกำรรวมตวั กันของชำวจนี มำกทีส่ ดุ

2. ข้อใดคอื ส่ิงสำคัญที่เกดิ ขึ้นในสมยั รำชวงศ์ชำง 7. ขอ้ ใดเกิดขึน้ โดยหลุดพ้นจำกอทิ ธิพลของศำสนำพรำหมณ์-ฮนิ ดู ก. ขยำยดนิ แดนจำกจนี ออกไปจนถึงเอเชยี กลำง และอำรยัน ข. มีกำรบนั ทึกเหตกุ ำรณส์ ำคัญอยู่ในวรรณกรรมไซ่ฮน่ั ค. กำรสลกั ตัวอกั ษรเจี่ยกู่เหวินบนกระดองเต่ำและกระดูกสัตว์ ก. คัมภรี ์พระมนูธรรมศำสตร์ ง. แยกแผน่ ดนิ เป็นแควน้ ตำ่ ง ๆ แลว้ ส่งเช้อื พระวงศ์ไปปกครอง ข. บทสนทนำในมลิ นิ ทปัญหำ ค. กำรบูชำพระอินทรเ์ ป็นจอมเทพ 3. “อำณตั ิสวรรค์” จำกขอ้ ควำมน้ีมลี กั ษณะตรงตำมขอ้ ใด ง. มหำกำพยม์ หำภำรตะและรำมำยณะ ก. ผู้นำต้องมีกำรสบื ทอดเช้ือสำยมำจำกกษตั ริย์เท่ำนัน้ ข. ผูน้ ำต้องเกง่ ในเร่ืองกำรรบ กำรค้ำ และกำรต่ำงประเทศ 8. “พระพักตร์คลำ้ ยเทพอะพอลโล เสน้ พระเกศำหยกิ มีรศั มอี ยู่ ค. ผนู้ ำตอ้ งคดิ กว้ำงไกลและไดร้ บั กำรยอมรับจำกประชำชน ดำ้ นหลงั พระเศียรหม่ ผ้ำคลมุ แบบร้ิวธรรมชำติ” จำกขอ้ ควำมนม้ี ี ง. ผู้นำตอ้ งมคี ุณธรรม เปน็ ท่ไี ว้ใจ ปกครองแผ่นดินให้สงบสขุ ลกั ษณะตรงกับพระพทุ ธรปู ใด

4. เหตุกำรณ์ในขอ้ ใดเกดิ ขึ้นในอำรยธรรมจีนภำยหลงั รำชวงศฮ์ นั่ ก. แบบเมำรยะ ก. เสน้ ทำงสำยไหม ข. แบบคนั ธำระ ข. ซือหมำ่ เชียน เขียนสอ่ื จ้ี ค. แบบนำลันทำ ค. ฮ่องเต้หญิงบูเช็กเทียน ง. แบบพระตรมี รู ติ ง. ระบบกำรสอบเขำ้ รบั รำชกำร (จอหงวน) 9. ทัชมำฮลั ถกู สร้ำงขน้ึ เพอื่ สิ่งใดเป็นหลกั 5. ขอ้ ใดแสดงให้เหน็ ควำมเจรญิ รงุ่ เรอื งท่มี ีมำก่อนสมยั รำชวงศ์ถัง ก. สถำนท่รี องรบั เอกอัครรำชทูต ก. กำรปกครองทมี่ คี ณุ ภำพของฮ่องเตถ้ ังไท่จง ข. สุสำนของพระนำงมุมตซั มำฮลั ข. กำรเปดิ กวำ้ งและให้เสรีภำพในกำรนับถือศำสนำ ค. ประกำศควำมยิง่ ใหญ่ของรำชวงศ์โมกลุ ค. พระถังซำจัง๋ เดินทำงไปศึกษำพระพุทธศำสนำทอ่ี ินเดีย ง. ใช้เป็นสถำนท่ีประกอบพิธกี รรมทำงศำสนำ ง. จำงเชียน เดนิ ทำงบกุ เบกิ ตะวันตกจนเกดิ เสน้ ทำงสำยไหม 10. ข้อใดกลำ่ ว ไมถ่ กู ตอ้ ง เกี่ยวกับกำรเรยี กรอ้ งเอกรำชของอนิ เดีย ก. อนิ เดยี ได้รบั เอกรำชในระหว่ำงสงครำมโลกคร้ังที่ 2 ข. มหำตมะ คำนธี เรยี กรอ้ งเอกรำช โดยยึดหลักอหงิ สำ ค. หลงั ไดร้ บั เอกรำช อินเดียกบั ปำกสี ถำนก็แยกประเทศจำกกัน ง. ยวำหร์ลำล เนหร์ ู นำยกรฐั มนตรีคนแรก เปน็ 1 ในผู้นำกำร เรียกร้อง

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 10

ใบงานท่ี หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ 2 รำยวชิ ำ สงั คมศกึ ษำ 6 รหสั วชิ ำ ส33102 ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปที ่ี 6

4 อารยธรรมจีน

ส4.2 ม.4-6/1

ประเทศจีนเปน็ ประเทศท่ีมอี ำรยธรรมยำวนำนท่สี ุดประเทศหน่ึง โดยหลกั ฐำนทำงประวตั ศิ ำสตรท์ ีส่ ำมำรถค้นคว้ำได้ บง่ ชวี้ ่ำ อำรยธรรมจีนมีอำยุถงึ 5,000 ปี รองจำกอำรยธรรมเมโสโปเตเมยี และอยี ิปต์

สมัยก่อนประวัติศาสตร์ จารึกอักษรบนกระดองเตา่ สมัยประวตั ิศาสตร์

2100-221 B.C. 221 B.C.-1911 C.E. 1911-1949 C.E. 1949 C.E. ถึงปจั จบุ นั

ยุคหนิ ยุคโลหะ ยคุ โบราณ ยุคจกั รวรรดิ ยคุ ประชาธิปไตย ยคุ คอมมวิ นสิ ต์

(สมยั ใหม่) (ร่วมสมัย)

มนษุ ยว์ านร มนษุ ย์หยวนโหม่ว มนษุ ยห์ ลนั่ เทยี น มนษุ ยป์ ักก่งิ

วัฒนธรรมหยางเชา

(7,000-5,000 ปีมำแลว้ )

พบบรเิ วณลุม่ แม่น้ำ............................... พบหลกั ฐำนสำคัญ คอื ..............................................................

วัฒนธรรมหลงชาน

(5,000-4,000 ปีมำแล้ว)

พบบรเิ วณลมุ่ แมน่ ้ำ............................... พบหลักฐำนสำคญั คือ..............................................................

เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา ส33102 หน้า 11

ยุคโบราณ

เซย่ี ราชวงศ์เซยี่ (2100-1600 B.C.)

ซาง ราชวงศ์ซาง (1776-1122 B.C.)

โจว ราชวงศ์โจว (1122-221 B.C.)

ยุคจกั รวรรดิ

ฉิน ราชวงศ์ฉิน (221-206 B.C.)

ฮน่ั ราชวงศ์ฮน่ั (206 B.C. – 220 C.E.) ถัง ราชวงศ์ถัง (618–907 C.E.)

ซ่ง ราชวงศ์ซ่ง (960-1127 C.E.)

หยวน ราชวงศ์หยวน (1279-1365 C.E.)

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 12

ยุคจกั รวรรดิ

หมงิ ราชวงศ์หมงิ (1368-1644 C.E.)

ชงิ ราชวงศ์ชงิ (1644-1911 C.E.)

สงครามฝ่ ิน (1834-1843 C.E.)

\>> เร่ิมจำกองั กฤษตอ้ งกำรขำยฝนิ่ ใหก้ บั จนี ในขณะทีร่ ัฐบำลชิงประกำศหำ้ มนำเข้ำฝิ่น \>> แตฝ่ นิ่ ก็ยงั คงหลั่งไหลเข้ำจนี เพรำะประชำชนหลำยล้ำนคนติดฝน่ิ \>> จนี ยดึ ฝิ่นจำกพอ่ คำ้ องั กฤษไดจ้ ำนวนมำก แล้วนำไปท้งิ ลงทะเล องั กฤษจึงใชเ้ ป็นขอ้ อ้ำงในกำรทำสงครำมกับจนี \>> ผลคือ จนี พ่ำนแพส้ งครำม ถกู องั กฤษบังคบั ลงนำมใน “สนธสิ ญั ญำ.............................”

สาระสาคัญของสนธสิ ัญญา

.................................................................................................. ....................................................................................................................................... .......................................................................................................................................

ยุคประชาธปิ ไตย

สมัย ดร.ซุนยัตเซน็ หลักไตรรำษฎร์ >> ........................................................................................................ หลกั เบญจำธปิ ไตย >> .................................................................................................... แนวทำงกำรปฏวิ ตั ิ >> 1. .......................................................................................... 2. .......................................................................................... 3. ..........................................................................................

สมัยเจยี งไคเช็ค

หลงั ดร.ซนุ ยัตเซ็น เสยี ชวี ิต เกดิ ควำมไม่สงบทำงกำรเมืองเปน็ 2 ฝำ่ ย คือ 1. ฝ่ำยประชำธปิ ไตย นำโดย............................................ 2. ฝำ่ ยคอมมวิ นสิ ต์ นำโดย..............................................

ภำยหลังฝ่ำยประชำธปิ ไตยพ่ำยแพ้ จนตอ้ งหนไี ปต้งั รฐั บำลพลดั ถ่นิ ท.่ี .....................................

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 13

ยุคคอมมวิ นิสต์

สมยั เหมาเจ๋อตุง เหมำเจอ๋ ตงุ เอำชนะเจียงไคเช็คในสงครำมกำรเมอื ง และเปล่ยี นจีนเป็นระบอบคอมมวิ นิสต์ ปิดประเทศ >> .............................................................................................................. ระบบนำรวม >> ........................................................................................................... กลมุ่ Red Guard >> ................................................................................................... กำรปฏิวตั วิ ฒั นธรรมจนี >> ...........................................................................................

สมยั เตงิ้ เสี่ยวผิง เติ้งเส่ยี วผิง ขน้ึ เปน็ ผู้นำแทน หลงั จำกท่ีเหมำเจ๋อตงุ ถงึ แกอ่ สัญกรรม เปิดประเทศ >> ............................................................................................................ นโยบำย 4 ทนั สมยั >> ................................................................................................ กำรสงั หำรหมจู่ ตั รุ สั เทยี นอันเหมนิ >> .............................................................................

สมัยเจยี งเจอ๋ หมิน ผู้นำรุ่นทสี่ ำม ของสำธำรณรัฐประชำชนจนี ทฤษฎีสำมตวั แทน >> ...................................................................................................

สมัยหจู ิ่นเทา ผู้นำท่ีไม่ได้มำจำกลกู หลำนวรี ชน เพรำะพอ่ เป็นพ่อค้ำใบชำ แตห่ ูจนิ่ เทำเปน็ คนเรยี นหนงั สอื เกง่ ฟนื้ ฟคู วำมสมั พนั ธ์กบั ไตห้ วนั >> ......................................................................................

สมยั สีจิน้ ผิง ผู้นำท่กี ลำ้ ปรำบปรำมคอร์รปั ช่ันในกองทัพ และแกป้ ญั หำควำมยำกจนของคนจีน เส้นทำงสำยไหมใหม่ >> ......................................................................................

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 14

วทิ ยาการท่ีสาคัญของจนี

1. เปน็ ชำติแรกท่ีคดิ ค้น.................................... , .................................... , .................................... , .................................... 2. กำรต่อเรอื และเดนิ เรอื ในสมัยรำชวงศห์ มิง

นำโดยขนั ทีนำมวำ่ .......................ใหน้ ำกองเรือเดนิ ทำงรอบโลก ใชเ้ วลำทัง้ ส้ิน 28 ปี 3. กำแพงเมอื งจนี ในสมยั รำชวงศฉ์ นิ ได้สง่ั ใหส้ ร้ำงกำแพงหม่ืนลตี้ ำมชำยแดน เพ่อื ................................................................................................ 4. จนี มคี วำมชำนำญในกำรหลอ่ สำรดิ หลอมเหล็กกล้ำ และทอผำ้ ไหม

ลัทธปิ รชั ญาจนี

ขงจ้อื เล่าจอื้ ฟาเฉีย ศาสนาพทุ ธ ................................. ................................. ................................. .................................

551-479 B.C. 571-484 B.C.

ศิลปวัฒนธรรมจีน

จิตรกรรม ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................

ประตมิ ากรรม ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................

สถาปัตยกรรม ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................

วรรณกรรม ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 15

คำชแี้ จง เติมคำในช่องว่ำง แล้วนำหมำยเลข 1-10 มำจัดเรยี งลำดบั เหตุกำรณ์ใหมใ่ หถ้ ูกต้องตำมลำดบั ประวตั ิศำสตร์จีน

1. เม่ือรำชวงศ์โจวได้ข้นึ ครองอำนำจ ไดเ้ กดิ ควำมเชอื่ เรอ่ื ง........................................ซึ่งเป็นแนวคิดที่เชอ่ื วำ่ จกั รพรรดติ อ้ งปกครอง

บำ้ นเมืองใหส้ งบสขุ หำกปกครองไม่ดี สวรรค์จะเพกิ ถอนอำณตั ิ และใหผ้ ทู้ ี่มคี ณุ ธรรมและมคี วำมสำมำรถมำกกว่ำข้ึนปกครองแทน

2. เสน้ ทำงสำยไหม เปน็ เส้นทำงท่เี ช่อื มกำรติดต่อค้ำขำยและกำรแลกเปลย่ี นทำงวฒั นธรรมระหว่ำงจีนกับโลกตะวนั ตก ถกู บกุ เบิกโดย

..............................................ขนุ นำงจนี คนสำคญั ในสมยั รำชวงศ์ฮ่นั

3. ..............................................เป็นวฒั นธรรมทมี่ ีควำมเจรญิ มำกในยคุ แรกของจีน และมีกำรขุดพบหลักฐำนกำรสร้ำงเคร่ืองป้ัน

ดนิ เผำลำยเขยี นสีขน้ึ ด้วย

4. ปลำยสมัยรำชวงศโ์ จว จนี แตกแยกออกเปน็ แวน่ แควน้ และเกิดลัทธิควำมเชอ่ื ข้ึนหลำยลัทธิ เช่น.........................เน้นสอนคณุ ธรรม

และกำรปฏบิ ัตติ นตำมสถำนภำพให้เหมำะสม ..........................เน้นกำรปฏิบตั ติ นตำมวถิ ธี รรมชำติ สนั โดษ และสมถะ

5. ......................................ผู้นำกองทพั ชำวมองโกลทส่ี ำมำรถบกุ เข้ำยดึ ครองแผ่นดนิ จนี และกอ่ ต้ังรำชวงศห์ ยวน 6. ช่วงปลำยรำชวงศ์..........................อำรยธรรมจำกตะวันตกทำงดำ้ นกำรเมอื งกำรปกครองและระบอบประชำธิปไตย มอี ทิ ธิพลทำให้

เกิดกำรปฏิวตั ิลม้ ล้ำงระบอบจกั รพรรดลิ งไปในทส่ี ุด

7. .......................................เปน็ วฒั นธรรมในยคุ โลหะสำรดิ มีกำรอยู่ร่วมกนั เป็นชมุ ชนใหญ่ โดยจะมีกำแพงลอ้ มรอบไว้ทกุ ด้ำน 8. ปลำยสมัยรำชวงศฮ์ ่ัน จีนเกิดกำรแตกแยกภำยในอำณำจักรอย่ำงรนุ แรง กลำยเปน็ ....................................และช่วงแตกแยกนี้เอง

พระพทุ ธศำสนำนกิ ำยมหำยำนท่มี ำจำกอนิ เดยี ก็เจริญรุ่งเรอื งมำกขึ้นในจีน

9. สมยั รำชวงศถ์ งั อำรยธรรมจนี ไดเ้ จรญิ รุ่งเรืองขึ้นเป็นอย่ำงมำกจนถือเปน็ ยคุ ทอง โดยเมอื ง.................................ซ่ึงเป็นนครหลวง

สมยั รำชวงศ์ถงั นั้นไดช้ ื่อวำ่ เปน็ ศูนย์กลำงของโลกยคุ นัน้ เลยทีเดียว

10. สมยั รำชวงศฉ์ นิ ภำยใตอ้ ำนำจเบ็ดเสรจ็ ของ..........................................................เป็นยุคที่มกี ำรสร้ำงกำแพงเมอื งจีนอนั ย่งิ ใหญ่

เพอ่ื เปน็ เสน้ แบง่ ระหว่ำงคนจนี กับชนกลมุ่ นอ้ ยท่ีอยนู่ อกกำแพง

การเรยี งลาดับเหตกุ ารณ์ทางประวัติศาสตร์

คำชแี้ จง จงตอบคำถำมต่อไปน้ใี หถ้ ูกตอ้ ง

1. ถ้ำพดู ถงึ อำรยธรรมจีน นักเรียนนึกถงึ ส่ิงใดมำกทีส่ ดุ เพรำะเหตุใด ตอบ สงิ่ ที่นกึ ถึงมำกที่สุด คือ........................................................

เพรำะ.....................................................................................................................................................................

2. นกั เรียนคิดว่ำ สิ่งใดของอำรยธรรมจีน ทีส่ ่งผลตอ่ อำรยธรรมอ่นื ของโลกมำกท่สี ดุ จงอธบิ ำย ตอบ สิง่ ทคี่ ดิ วำ่ สง่ ผลต่ออำรยธรรมอืน่ ในโลกมำกทสี่ ุด คอื ..............................

เพรำะ.....................................................................................................................................................................

3. สมมตวิ ำ่ โลกน้ีไมม่ หี รือไมเ่ คยมี อำรยธรรมจนี มำก่อนเลย นกั เรยี นคดิ ว่ำโลกจะเปน็ อย่ำงไร จงอธบิ ำย ตอบ ............................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................

เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา ส33102 หน้า 16

ใบงานท่ี หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ 2 รำยวชิ ำ สังคมศกึ ษำ 6 รหสั วชิ ำ ส33102 ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปที ี่ 6

5 อารยธรรมอนิ เดีย

ส4.2 ม.4-6/1

อนิ เดยี เปน็ แหลง่ อำรยธรรมทีเ่ ก่ำแก่แหง่ หน่งึ ของโลก ถกู เรยี กวำ่ ................................................... Indus Civilization และบ่อกำเนิดแนวทำงวัฒนธรรมของชำติตะวนั ออกหลำยชำติ โดยเฉพำะในเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้

สมัยกอ่ นประวัติศาสตร์ พระเวท (ภาษาสันสกฤต) สมยั ประวัติศาสตร์

2500-1500 B.C. 1500-600 B.C. 600 B.C.–600 C.E. 1205-1858 C.E. 1858-1947 C.E. 1947 C.E. ถงึ ปจั จบุ นั

ยคุ อารยธรรมลุ่มน้าสนิ ธุ ยคุ พระเวท ยุคจักรวรรดิ ยุคมุสลมิ ยคุ อาณานคิ ม ยคุ เอกราช

โมเฮนโจดาโร ยุคอารยธรรมล่มุ นา้ สินธุ ฮารปั ปา

อำรยธรรมลมุ่ แมน่ ำ้ สนิ ธเุ ป็นอำรยธรรมแรกของอนิ เดยี เป็นอำรยธรรมสำรดิ รุง่ เรอื งเมื่อประมำณ 2600-1900 ปกี อ่ น คริสตศ์ ักรำช มกี ำรขดุ คน้ พบแหลง่ อำรยธรรมสนิ ธขุ นำดใหญท่ ีเ่ มอื งโมเฮนโจดำโรและเมอื งฮำรัปปำ ซ่งึ มพี ัฒนำกำรควำมเจริญ ดังนี้ .........................................................................................................................................................................................

ยุคพระเวท

\>> เปน็ อำรยธรรมของชนเผ่ำ....................................................... \>> เพ่อื ป้องกนั กำรถูกกลืนเช้อื ชำติ จึงมีกำรนำ.....................................................................................................มำใช้ \>> หลกั ฐำนทีท่ ำใหท้ รำบเรอื่ งรำวของยุคสมัยน้ี คอื ...................................................... \>> บำงครัง้ เรยี กว่ำยคุ ................................... เพรำะมบี ทประพนั ธย์ ่ิงใหญ่ 2 เรอ่ื ง คือ............................................................... \>> เกดิ วิทยำกำรมำกมำย อำทิ...............................................................................................................................................

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 17

ยุคจกั รวรรดิ

\>> เกิดแวน่ แคว้นตำ่ ง ๆ รวม 16 แคว้น ตำมลุม่ แมน่ ำ้ คงคำ-สินธุ แตล่ ะแคว้นเรียกวำ่ ................................................ \>> ชนช้ันสูงใช้ภำษำ.................................(เพรำะนับถอื ศำสนำพรำหมณ์-ฮนิ ด)ู สว่ นชนช้ันล่ำงใชภ้ ำษำ......................... \>> กำเนิดศำสนำ........................โดยเจ้ำชำยสิทธัตถะแห่งแคว้นสกั กะ และกำเนดิ ศำสนำ.................โดยมหำวีระ

สมัยก่อนราชวงศ์เมารยะ / สมยั พุทธกาล (600-300 B.C.) เปน็ ช่วงทอ่ี ินเดยี ถอื กำเนดิ ศำสนำท่ีสำคญั 2 ศำสนำ คอื ...............................................

สมยั ราชวงศ์เมารยะ (321-184 B.C.) ศาสนาเชน

\>> รำชวงศ์เมำรยะได้รวบรวมแคว้นในชมพูทวีปใหเ้ ปน็ ปึกแผน่ โดยกำรนำของ...............................................................

\>> พระพุทธศำสนำเจรญิ รุ่งเรืองมำก โดยเฉพำะในสมัยของ.........................................................................................

ซึ่งได้สง่ คณะสงฆไ์ ปเผยแผพ่ ระพุทธศำสนำยังดนิ แดนต่ำง ๆ

สมัยราชวงศ์กษุ าณะ (200 B.C. – 320 C.E.)

\>> เปน็ ชนตำ่ งชำติที่เข้ำมำยึดครองอนิ เดยี ทำงตอนเหนือ มกี ษัตรยิ ท์ ี่ยงิ่ ใหญ่ คือ............................................................. \>> ถกู เปอร์เซียและกรกี รกุ รำน จึงไดร้ ับกำรแลกเปลี่ยนอำรยธรรมกบั กรีก จนเกิดประตมิ ำกรรม...........................ครง้ั แรก \>> มีกำรเผยแผ่พระพุทธศำสนำนิกำยมหำยำนไปยงั จนี ญี่ปนุ่ ทิเบต จนเกดิ ศลิ ปะทีม่ ีชอ่ื เสยี ง เรียกว่ำ...............................

สมยั ราชวงศ์คุปตะ (320-1206 C.E.)

\>> ได้ช่อื ว่ำเป็น “ยคุ ทองของอนิ เดยี ” และมกี ำรฟ้ืนฟูศำสนำพรำหมณ-์ ฮนิ ดู จนถอื ว่ำเป็น “ยุคทองของอำรยธรรมฮนิ ดู” \>> มคี วำมเจริญในทกุ ด้ำน อำทิ วรรณกรรม ศิลปวัฒนธรรม กำรค้ำขำย วิทยำศำสตร์ กำรแพทย์ กำรศกึ ษำ เป็นต้น \>> กวชี ่อื ดงั กำลิทำส เขียนเรอ่ื ง............................................ \>> ตง้ั มหำวิทยำลัยแห่งแรกของโลก คือ.................................................... \>> รวู้ ธิ ีกำรทำสบแู่ ละปูนซีเมนต์ กอ่ นทีจ่ ะนำไปเผยแพรใ่ นยุโรป \>> หลวงจีน..............................เดนิ ทำงมำอัญเชญิ พระไตรปิฎกไปยังจนี \>> พระพุทธศำสนำนิกำยเถรวำทยำ้ ยศนู ย์กลำงไปอยู่ที่.......................... \>> ปลำยยคุ จกั รวรรดิ เกดิ กำรแตกแยกเป็นแควน้ ๆ และถูกกองทพั ........................................เข้ำยึดครองในท่ีสดุ

ยุคมุสลิม

สมัยสุลตา่ นแห่งเดลลี (1206–1526 C.E.) สมัยจกั รวรรดิโมกุล (1526-1858 C.E.)

\>> เป็นยคุ แรกที่มุสลิมเขำ้ มำปกครองอนิ เดยี \>> มกี ำรเก็บ “ภำษจี ซิ ยำ” คอื ........................................... >> อินเดยี เจรญิ มำกในสมยั .............................................. \>> ปี 1498 .........................ชำวโปรตเุ กส คนแรกที่ค้นพบ ทรงยกเลิกภำษีจซิ ยำ แตง่ งำนกับชำวอนิ เดยี ใหเ้ สรภี ำพศำสนำ เส้นทำงเดินเรือจำกยุโรปมำเอเชีย ได้ขนึ้ ฝงั่ มำลำบำรข์ องอินเดยี สรำ้ งควำมเท่ำเทยี มของชนช้นั มสุ ลิม ฮินดู พุทธ \>> สมยั .................................ทรงเป็นมุสลิมท่ีเคร่งครดั มำก

มุ่งใหศ้ ำสนำ.......................เป็นศำสนำประจำชำติ อีกท้ังยงั ทรง

สร้ำงอนสุ รณ์แหง่ ควำมรัก คือ.................................อกี ดว้ ย

\>> สมัย................................... รำชวงศ์โมกลุ ออ่ นแอมำก

จนตกเปน็ อำณำนิคมของ..............................ปี ค.ศ. 1858

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 18

ยุคอาณานิคม

องั กฤษเขำ้ ครอบครองอนิ เดยี (1858-1947 C.E.)

\>> องั กฤษเขำ้ ยดึ ครองอนิ เดยี ด้วยหลกั กำร..........................................................................

\>> อังกฤษตอ้ งกำรสนิ ค้ำสำคญั คอื .....................................................................................

\>> อินเดยี ตกอยู่ในสถำนะถกู ดูดทรพั ยำกร ถูกเปลีย่ นแปลงวฒั นธรรม ถกู บังคับใหใ้ ช้ภำษำองั กฤษ

จนในทีส่ ดุ อินเดียได้ตง้ั “สภำแหง่ ชำตอิ นิ เดยี ” ขึ้นมำเพ่อื ....................................................................

นโยบำยสตั ยำเครำะห์ คือ............................................................................................. มหาตมะ คานธี หลักอหงิ สำ คือ............................................................................................................

\>> ปี 1922 มหำตมะ คำนธี ทำกิจกรรมทเ่ี รียกวำ่ “สัตยำเครำะหเ์ กลอื ” คือ..............................................................................

\>> ปี 1945 อังกฤษประกำศอิสรภำพแกอ่ ินเดีย แต่อินเดียตกลงกันไม่ไดว้ ่ำจะให้พรรคใดเปน็ รฐั บำล ระหว่ำงพรรคคองเกส (ฮนิ ดู)

หรือพรรคสนั นบิ ำต (มสุ ลมิ ) จนถงึ ขนำดเกิดกำรปะทะอยำ่ งรุนแรง ทำใหม้ หำตมะ คำนธีต้องออกมำเตอื นสตใิ ห้สำมัคคกี นั

\>> ปี 1947 อนิ เดียไดร้ ับเอกรำชอย่ำงสมบรู ณ์ คนฮินดอู ำศัยอยใู่ นประเทศอนิ เดีย ส่วนคนมสุ ลมิ แยกตวั ไปเปน็ ประเทศปำกสี ถำน

ยุคเอกราช

ปัจจุบนั ประเทศอนิ เดียมปี ระชำกรมำกทีส่ ุดเปน็ อันดบั ...........ของโลก มีวิทยำกำรเจริญก้ำวหนำ้ แตก่ ม็ ีคนจนจำนวนมำก \>> ภำยหลังไดร้ ับอสิ รภำพจำกองั กฤษ อินเดยี และประเทศโดยรอบก็เกิดปญั หำขัดแย้งกนั อำทิ ประเทศปำกสี ถำน แยกจำกประเทศอินเดยี ด้วยปญั หำ................................................................................................. ประเทศบังกลำเทศ แยกจำกประเทศอนิ เดยี ด้วยปัญหำ.................................................................................................

วิทยำกำรทสี่ ำคญั >> ...................................................................................................................................... ศิลปกรรมทส่ี ำคญั >> ...................................................................................................................................... ประตมิ ำกรรม >> ........................................................................................................................................... วรรณกรรม >> โดยมำกจะเปน็ คัมภรี ์ทำงศำสนำ ได้แก่

คมั ภรี พ์ ระเวท, คัมภรี ป์ รุ ำณ >> ........................................................................................... คมั ภรี อ์ รรถศำสตร์ >> ......................................................................................................... คัมภรี พ์ ระธรรมศำสตร์ >> ................................................................................................... คมั ภรี ภ์ ควคั คตี ำ >> ............................................................................................................. คมั ภรี โ์ ยตมิ >> ...................................................................................................................

พระพุทธรู ปศิ ลปะคันธาระ สถปู สาญจี ถา้อชนั ตะ เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา ส33102 หน้า 19

คำชแี้ จง อ่ำนขอ้ ควำม นำตวั อักษร A – J มำเตมิ ลงในชอ่ งว่ำงให้สมั พนั ธ์กัน แลว้ เรียงลำดบั เหตุกำรณต์ ำมประวตั ศิ ำสตรอ์ นิ เดยี

A เมือ่ รัฐบำลอังกฤษเขำ้ ปกครองอนิ เดีย ไดม้ กี ำรยกเลกิ F เม่ือชำวอำรยนั เข้ำยึดครองอนิ เดยี แลว้ ได้กดชน ประเพณีท่ีลำ้ หลงั รวมถึงมีกำรสรำ้ งทำงรถไฟ พน้ื เมืองลงเปน็ ทำส และทำใหเ้ กิดระบบวรรณะขนึ้

B อำรยธรรมในยคุ โลหะดัง้ เดิมถกู สร้ำงขน้ึ โดยชนเผำ่ G ชนพ้นื เมืองในลมุ่ นำ้ สนิ ธุมีลักษณะผวิ ดำเขม้ รปู ร่ำง ดรำวเิ ดียน ซึ่งอยมู่ ำกอ่ นชนผิวขำว (อำรยัน) สันทัด เป็นผู้สร้ำงเมอื งโมเฮนโจดำโร และฮำรปั ปำ

C พระเจำ้ อกั บำร์มหำรำช เปน็ ผู้ทีท่ รงขนั ตธิ รรมและให้ H มหำภำรตะ กลำ่ วถึงมหำสงครำมที่ทุ่งกรุ ุเกษตร สว่ น ควำมเทำ่ เทยี มกันในกำรนับถือศำสนำ รำมำยณะ กล่ำวถงึ สงครำมระหว่ำงฝ่ำยลงิ กบั ยกั ษ์

D พระเจ้ำจนั ทรคปุ ตไ์ ดก้ ่อตั้งรำชวงศ์แรกของอินเดยี ซึ่ง I รำชวงศโ์ มกุลเป็นรำชวงศ์อสิ ลำมท่ไี ดป้ กครองอนิ เดีย มจี ักรพรรดิองคส์ ำคญั คือ พระเจำ้ อโศกมหำรำช มผี ลงำนสำคญั คอื ทัชมำฮัล

E พระเวทเป็นคมั ภีรข์ องชำวอำรยนั ประกอบด้วย J ภำยหลังรำชวงศโ์ มกลุ หมดอำนำจลง รัฐบำลอังกฤษ ฤคเวท ยชรุ เวท สำมเวท และอถรรพเวท ไดแ้ ต่งตั้งอปุ รำชจำกอังกฤษมำปกครองอินเดยี

สมยั อำรยธรรมลมุ่ แมน่ ำ้ สนิ ธุ......................................... สมัยทช่ี ำวมสุ ลมิ เขำ้ ปกครอง............................................ สมยั พระเวท/มหำกำพย์................................................ สมยั ทจ่ี กั รวรรดิองั กฤษเขำ้ ปกครอง................................. สมัยรำชวงศเ์ มำรยะ......................................................

การเรยี งลาดับเหตกุ ารณ์ทางประวัตศิ าสตร์

คำชแ้ี จง จงตอบคำถำมตอ่ ไปนี้ใหถ้ กู ตอ้ ง

1. ถ้ำพดู ถึงอำรยธรรมอนิ เดีย นักเรียนนึกถึงสงิ่ ใดมำกที่สดุ เพรำะเหตุใด ตอบ สิ่งที่นึกถงึ มำกทีส่ ดุ คือ........................................................

เพรำะ.....................................................................................................................................................................

2. นกั เรียนคิดว่ำ สิง่ ใดของอำรยธรรมอนิ เดยี ทีส่ ง่ ผลต่ออำรยธรรมอื่นของโลกมำกทส่ี ุด จงอธิบำย ตอบ สิง่ ทคี่ ดิ วำ่ สง่ ผลตอ่ อำรยธรรมอนื่ ในโลกมำกท่สี ุด คอื ..............................

เพรำะ.....................................................................................................................................................................

3. สมมตวิ ่ำโลกน้ีไมม่ หี รอื ไมเ่ คยมี อำรยธรรมอนิ เดยี มำก่อนเลย นกั เรยี นคดิ ว่ำโลกจะเป็นอย่ำงไร จงอธิบำย ตอบ ............................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 20

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3

อารยธรรมของโลก ยุคโบราณ (ตะวันตก)

เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา ส33102 หน้า 21

แบบทดสอบก่อนเรยี น

หนว่ ยที่ 3 อารยธรรมของโลกยคุ โบราณ (ตะวนั ตก)

ส4.2 ม.4-6/1 วเิ คราะห์อทิ ธิพลของอารยธรรมโบราณ และการติดตอ่ ระหว่างโลกตะวันออกกับโลกตะวันตกที่มผี ลต่อพฒั นาการและการเปลี่ยนแปลงของโลก

คาชแ้ี จง ให้นักเรียนเลือกคาตอบที่ถกู ตอ้ งที่สุดเพยี งคาตอบเดียว 6. เหตุการณใ์ นขอ้ ใดไม่มสี ่วนเกีย่ วข้องกับอารยธรรมโรมัน ก. เคยมชี ว่ งเวลาทีป่ กครองโดยเหล่าสมาชิกสภา 1. ข้อใดกลา่ วถงึ อารยธรรมในยคุ โบราณผิดไปจากความเป็นจริง ข. เคยมชี ว่ งเวลาทปี่ กครองโดยองค์จกั รพรรดิ ก. อารยธรรมกรีกจะบูชาเทพเจ้าและเทวหี ลายองค์ ค. ในช่วงแรกมีการบชู าเทพเจา้ ของศาสนากรกี ข. อารยธรรมเมโสโปเตเมียมอี กั ษรลิ่ม หรอื อกั ษรคนู ฟิ อรม์ ง. ในช่วงหลงั ประชาชนหันมานบั ถือศาสนาอิสลามมากข้ึน ค. อารยธรรมอียิปต์มกี ารสรา้ งพรี ะมิดไว้เก็บพระศพของฟาโรห์ ง. อารยธรรมโรมนั สรา้ งโคลอสเซียม เพือ่ ไวบ้ ชู าเทพเจา้

2. ข้อใดไมเ่ กยี่ วกบั อารยธรรมเมโสโปเตเมยี 7. ขอ้ ใดมีความสมั พันธก์ ัน ก. มกี ารเขยี นอักษรล่ิมบนแผ่นดินเหนยี ว ก. นครนิเนเวห์ = สเุ มเรีย ข. มเี ทพเจา้ อนบู สิ เป็นยมทตู ผนู้ าทางวิญญาณ ข. คาลเดีย = บาบโิ ลนใหม่ ค. มีการสรา้ งวิหารซกิ กูแรตไว้สาหรบั บชู าเทพเจ้า ค. ซกิ กแู รต = สถานทฝี่ ังพระศพ ง. มีสวนลอยแห่งบาบิโลน ซงึ่ เปน็ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรยข์ องโลก ง. พระเจ้าเนบคู ดั เนซซาร์ = บาบิโลนเกา่

3. อารยธรรมอยี ปิ ตม์ ีจดุ เด่นในขอ้ ใด 8. สิ่งใดในอารยธรรมอียปิ ตท์ ีแ่ สดงใหเ้ ห็นถงึ ความสามารถทาง ก. มีการนาต้นกกปาปิรสุ มาทาเปน็ กระดาษ สถาปัตยกรรมท่เี ก่าแกท่ ีส่ ุด ข. มีการแผข่ ยายอิทธิพลของกองทัพไปจนถึงอนิ เดีย ค. มกี ารบูชาเทพเจ้าท่ีมพี ระวรกายเหมอื นมนษุ ย์ท้งั หมด ก. มหาวหิ ารคาร์นกั ง. มีการเขยี นอกั ษรรูปภาพลงบนแผน่ ดินเหนียวเผา ข. มหาวหิ ารอาบูซมิ เบล ค. มหาพรี ะมิดแหง่ เมอื งกิเซห์ 4. ตานาน หรือประวัติศาสตรข์ องอารยธรรมกรีกขอ้ ใดมีความ ง. มหาวหิ ารกลางทะเลทรายของราชนิ ีฮัตเซบสุต เกีย่ วข้องกับยุคท่ีมีความเจริญรงุ่ เรืองบนเกาะครีต 9. เหตุการณ์ใดในอารยธรรมโรมนั เรยี กวา่ เปน็ “ยุคสนั ตภิ าพแห่งโรม” ก. ตานานกรุงทรอย ซ่ึงมเี ทพเจ้าเขา้ ร่วม ก. โรมลู สั ก่อตง้ั กรงุ โรม ข. ตานานมิโนทอร์ ทถี่ ูกขงั อยใู่ นเขาวงกตใต้พระราชวัง ข. สมยั จักรพรรดทิ ดี่ ี 5 พระองค์ ค. ประวตั ิศาสตร์สมัยนครรัฐ ซง่ึ มีนครรฐั กรีกอยมู่ ากมาย ค. สมยั การปกครองแบบสาธารณรฐั ง. ประวตั ศิ าสตร์สมยั พระเจ้าอเลก็ ซานเดอรม์ หาราชขยาย ง. ออกสั ตัส ซซี าร์ ขน้ึ เป็นจักรพรรดิพระองค์แรก อานาจ 10. สถานทแ่ี ห่งใดในอารยธรรมโบราณทถ่ี ูกสร้างข้ึน เพอื่ ใช้ตอบสนอง 5. ขอ้ ใดไมส่ มั พนั ธก์ นั การใชง้ านของสาธารณชน ก. สงครามกรงุ ทรอย = กลอบุ ายมา้ โทรจัน ข. เทพเจ้าซสุ = เทพเจา้ แห่งทอ้ งทะเลและการประมง ก. ซิกกูแรตแหง่ เมืองอูร์ ค. นครรัฐเอเธนส์ = ปกครองด้วยระบอบประชาธปิ ไตย ข. โคสอสเซียมแห่งกรุงโรม ง. พที าโกรัส = ไดร้ ับการยกย่องให้เป็นบดิ าแห่งตวั เลข ค. สวนลอยแหง่ กรุงบาบโิ ลน ง. โรงละครกลางแจ้งของกรีก

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 22

ใบงานที่ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 รายวชิ า สังคมศกึ ษา 6 รหสั วชิ า ส33102 ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6

6 อารยธรรมเมโสโปเตเมยี

ส4.2 ม.4-6/1

อารยธรรมเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) ถอื ว่าเปน็ “แหล่งอารยธรรมแรกของโลก” ในช่วงปี 3,200-539 B.C. โดยตั้งอยู่บริเวณลมุ่ แม่นา้ ........................................................ ซึ่งปัจจบุ ันคอื ประเทศ........................

อารยธรรมเมโสโปเตเมยี บางครัง้ ถูกเรียกว่า “ดนิ แดนพระจนั ทรเ์ สย้ี ว” เนอื่ งจากบรเิ วณอาณาเขตท่คี ล้ายรูปจันทรเ์ สี้ยว และยังเปน็ ดินแดนที่มีอาณาจักรต่าง ๆ ผลัดกันขนึ้ มาอทิ ธพิ ล ดังน้ี

3500 B.C.

สุเมเรยี น Sumerian ซกิ กูแรต

คูนิ ฟอรม์

ผลงานสาคญั >> ........................................................................................................................................................... สภาพสงั คม >> ............................................................................................................................................................. สถาปตั ยกรรม >> ......................................................................................................................................................... วรรณกรรม >> ............................................................................................................................................................ การชลประทาน >> ...................................................................................................................................................... ดา้ นคณติ ศาสตร์ >> ..................................................................................................................................................... ส่ิงประดษิ ฐ์ >> ............................................................................................................................................................

เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา ส33102 หน้า 23

2000 B.C.

บาบโิ ลเนีย Babylonia

ก่อต้ังโดยพวก...................... ชนเผ่าเรร่ ่อนจากซเี รีย ซึง่ เขา้ มายึดครองดินแดนของชาวสเุ มเรียนได้ ผลงานสาคญั >> .............................................................................................................................................................. ลักษณะการปกครอง >> .................................................................................................................................................... เสื่อมอานาจ >> ................................................................................................................................................................

800 B.C.

อสั ซีเรยี Assyria

มเี มืองหลวงอย่ทู ่ี................................... เปน็ ชนเผา่ นักรบกลมุ่ แรกทใี่ ชเ้ หล็กผลติ อาวุธ ทาใหข้ ยายอาณาเขตไดก้ ว้างใหญ่ ความเชอื่ เรอ่ื งกษตั รยิ ์ >> .................................................................................................................................................. งานศลิ ปกรรม >> ............................................................................................................................................................

คาลเดีย Chaldia

มีศนู ยก์ ลางการปกครองอยทู่ เ่ี มอื งบาบโิ ลน ทาให้สมัยนีม้ กั ถูกเรยี กว่า...................................... ผลงานสาคญั >> ............................................................................................................................................................... ดาราศาสตร์ >> ................................................................................................................................................................ การสน้ิ สดุ อารยธรรมเมโสโปเตเมยี >> .................................................................................................................................

คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นนาคาในกรอบไปเตมิ ลงในช่องว่าง

Ziggurat Cuneiform Epic of Gilgamesh Babylonia Devaraja The Hanging Gardens of Babylon Ashurbanipal Nineveh Base relief The Code of Hammurabi Tigris River-Euphrates River Cyrus the Great

1. อารยธรรมเมโสโปเตเมียเกดิ ขึน้ ในลมุ่ นา้ ................................................................................................................................

2. ชาวสุเมเรียนนยิ มสร้าง........................................ซึง่ เปน็ สถาปัตยกรรมขนาดใหญค่ ลา้ ยพรี ะมดิ ขน้ั บนั ได ทาจากอฐิ เพอื่ บชู าเทพเจ้า

3. ..................................................เปน็ ตวั อกั ษรที่ชาวสุเมเรียนประดษิ ฐ์ขนึ้

4. พวกอะมอไรต์ได้ต้งั อาณาจักร...................................................................ซงึ่ มกี ารปกครองแบบรวมศนู ย์

5. .........................................................................เปน็ กฎหมายของอาณาจกั รบาบโิ ลเนยี ยดึ หลักตาต่อตา ฟนั ต่อฟันในการลงโทษ

6. พวกอัสซีเรียนเชอ่ื ว่ากษตั รยิ ์ของตนเป็น..........................................................ซง่ึ มีเกยี รติและศักดิ์ศรีสงู กว่ากษัตรยิ ์สุเมเรยี น

7. ศิลปวฒั นธรรมของอัสซีเรยี นเจรญิ สงู สุดในสมัย................................................................................

8. สมยั อาณาจักรคาลเดยี มีการสร้าง..........................................................................................................................................

9. ประวัติศาสตรด์ ินแดนเมโสโปเตเมียสิ้สดุ ลงเมอื่ กองทัพเปอรเ์ ซียซึง่ นาโดย....................................................................เขา้ ยดึ ครอง

10. .........................................................แสดงภาพเกย่ี วกบั ชีวติ ประจาวนั และถือเป็นมรดกทางศลิ ปกรรมที่สาคัญของพวกอสั ซีเรยี น

11. นักประวัตศิ าสตรส์ ันนิษฐานว่าเรือ่ งน้าทว่ มโลกท่ปี รากฏในพระคมั ภรี ์ไบเบลิ อาจไดร้ บั อิทธมิ าจาก.................................................

12.อาณาจักรอัสซเี รยี มีหอ้ งสมดุ ทีเ่ กบ็ แผน่ จารึก 22,000 แผ่น อยทู่ ี่.............................................................................................

เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา ส33102 หน้า 24

ใบงานที่ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 รายวชิ า สงั คมศกึ ษา 6 รหสั วชิ า ส33102 ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6

7 อารยธรรมเอเชยี ไมเนอร์

ส4.2 ม.4-6/1

เอเชยี ไมเนอร์ (Asia Minor) หมายถงึ ............................................................................................... ประกอบดว้ ย

ฟิ นีเชียน Phoennician

เปน็ กลมุ่ ชาติพันธุ์เซมติ กิ อาศยั อยู่บรเิ วณชายฝัง่ ทะเลเมดิเตอร์เรเนยี น (ปจั จุบันคอื ประเทศ..............................) ความสาคญั : เปน็ ผูน้ าอารยธรรม............................และ............................ ไปเผยแพร่ยังดนิ แดนในทวีปยุโรป ความเชย่ี วชาญ : ชาวฟินิเชียนมีความชานาญด้าน............................................................................................................. เมืองสาคญั : เป็นศนู ยก์ ลางของชาวฟินิเชยี น ได้แก่.............................................................................................................

ฮบิ รู Hebrew

ฮิบรู หรือชนชาติ............... เป็นกลุ่มชาตพิ นั ธุ์เซมิติก มเี ร่อื งราวปรากฏในพระคมั ภีรข์ องศาสนาคริสต์คอื ....................... ศาสนา : ศาสนาของชาวฮบิ รูคือ ศาสนา.................... ซึง่ มีอทิ ธิพลตอ่ ศาสนาสาคัญของโลก 2 ศาสนา คือ.................................... วรรณกรรม : พระคมั ภีรเ์ กา่ หรือทเ่ี รียกว่า................................. กล่าวถึงประวตั ศิ าสตรข์ องชาวฮิบรแู ละเหตุการณใ์ นสมัยโบราณ

เปอรเ์ ซีย Persian

ชาวเปอรเ์ ซยี เปน็ บรรพบรุ ุษของชนชาติ............................... เปน็ จักรวรรดใิ หญแ่ หง่ แรกหลงั การลม่ สลายของยุคโบราณ บคุ คลสาคญั : ผู้สถาปนาจักรวรรดิเปอร์เซยี คือ....................................................................................................................

จกั รวรรดเิ ปอร์เซียเจรญิ รุ่งเรืองทสี่ ุดในสมยั ของ................................................................................................ ศาสนา : ศาสนาประจาชาตคิ อื ................................................. บางคร้ังถูกเรยี กวา่ “ลัทธิบชู าไฟ” ซึ่งมีศาสดาเป็นชาวเปอร์เซยี

ฟินีเชยี น: เช่ียวชาญการเดินเรือ ฮิบรู: โมเสสอพยพชาวยิว เปอรเ์ ซยี : ศาสนาโซโรอัสเตอร์ เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา ส33102 หน้า 25

ใบงานท่ี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 รายวชิ า สังคมศกึ ษา 6 รหสั วชิ า ส33102 ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6

8 อารยธรรมอยี ิปต์โบราณ

ส4.2 ม.4-6/1 อารยธรรมอยี ปิ ต์ (3,100-525 B.C.) เป็นต้นกาเนิดของอารยธรรมตะวันตกเช่นเดียวกับอารยธรรม

เมโสโปเตเมียซง่ึ เกดิ ในเวลาไลเ่ ล่ียกัน ต่อมาได้ถ่ายทอดความเจริญไป ยังกรีกและโรมัน

ทต่ี ง้ั : อยบู่ ริเวณลุ่มแมน่ า้ ........................................................... การปกครอง: ผปู้ กครอง ถกู เรียกวา่ .............................................

มีสถานะเป็นเหมอื น............................................... ศาสนา: เชื่อโลกหลังความตาย จึงทาให้มีการสรา้ ง......................... นบั ถอื เทพเจ้าหลายองค์ แต่มีเทพเจา้ สงู สดุ องค์เดยี ว คอื .................. วรรณกรรม: คู่มือการปฏิบัติตนหลงั ความตาย

หรอื ...................................................................... สถาปตั ยกรรม: มกี ารสรา้ งพรี ะมิดขนาดใหญ่มากมาย

ไว้สาหรบั ............................................................ วิทยาการ: ปฏิทนิ .....................................................................

คณติ ศาสตร์............................................................. อักษร..................................................................... กระดาษ.................................................................

1 8 แนวนอน Book of Dead-บนั ทกึ ของผู้วายชนม์ 9 2 1. ตัวอักษรอียปิ ตโ์ บราณ 6 3 2. สสุ านขนาดใหญท่ ่ีสรา้ งข้ึนเพอื่ เกบ็ พระศพของฟาโรห์ 7 10 4 3. การรักษาสภาพศพเพ่ือรอการกลับคนื รา่ งของวิญญาณผู้ตาย 5 เมธี ตัง้ สิรพิ ัฒนา 4. จารึกหินสีดาเขยี นด้วยอกั ษรไฮโรกลฟิ กิ เดโมติก และคอบติก

5. รปู แกะสลกั หินขนาดใหญ่มลี าตวั เปน็ สงิ โตและหัวเปน็ มนุษย์ แนวตงั้

6. ผ้ปู กครองสงู สุดของอียิปต์

7. เมอื งอันเปน็ ทีต่ ั้งของมหาพีระมดิ ตัง้ อย่ใู กลก้ รงุ ไคโร

8. กระดาท่ีถกู ผลิตและคดิ ค้นโดยชาวอยี ิปตโ์ บราณ

9. คู่มือปฏิบตั ิตนหลงั จากเสยี ชวี ติ และเปน็ วรรณกรรมสาคญั

10. สุรยิ เทพท่ถี ือวา่ เป็นเทพสงู สดุ ของเทพอยี ิปต์

ส33102 หน้า 26

ใบงานที่ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 รายวชิ า สังคมศกึ ษา 6 รหสั วชิ า ส33102 ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6

9 อารยธรรมกรกี

ส4.2 ม.4-6/1

การแบง่ ยคุ สมยั อารยธรรมกรกี

กรีกโบราณ อารยธรรมไมนวน อารยธรรมไมซเิ น

กรกี แท้ / เฮเลน เฮเลนสิ ตกิ

สมัยกรกี โบราณ

อารยธรรมไมนวน (Minoan) > เกดิ ข้ึนบนเกาะ................ นยิ มประกอบอาชพี คา้ ขาย ปจั จุบันหลงเหลอื พระราชวัง....................... อารยธรรมไมซเิ น (Mycenae) > โฮเมอร์พดู ถงึ เมอื งนี้วา่ เป็นเมืองของอะกาเมมนอน ชาวกรกี พูดนาทัพอาเคียนไปสู้รบที่กรุงทรอย

สมยั กรกี แท้ / เฮเลน

ตง้ั แต่ 800 B.C. กรกี ไดส้ ร้างสรรคอ์ ารยธรรมของตนใหม่ เรียกวา่ อารยธรรม........................ ลักษณะภมู ปิ ระเทศ: พ้ืนท่สี ่วนใหญ่เปน็ .................... ทาใหม้ กี ารปกครองแบบ.........................ทไี่ มข่ น้ึ ต่อกัน เช่น

\> นครรฐั เอเธนส์ Athens ตน้ แบบของการปกครองแบบ..................................................................... \> นครรฐั สปารต์ า Sparta ตน้ แบบของการปกครองแบบ...................................................................... ศาสนา: ชาวกรกี นับถือเทพเจา้ หลายองค์ เชน่ ..................................................................................................................... สงคราม: ในยคุ กรีกเกิดสงครามยง่ิ ใหญ่ 2 ครัง้ ได้แก่ สงครามเปอรเ์ ซยี คือ....................................................................................................................................... สงครามเพโลพอนเนเชยี น คอื ...........................................................................................................................

สมยั เฮเลนิสติก

สมัยเฮเลนิสติก (Hellenistic Age) มีกษตั รยิ ค์ นสาคญั คอื ..................................................................................... พระมหากษัตรยิ แ์ หง่ อาณาจักร................................รัฐอิสระทางตอนเหนือ มหาราชผู้ยิง่ ใหญโ่ ดยสามารถขยายดินแดนครอบคลมุ เอเชียไมเนอร์ เปอรเ์ ซีย อียปิ ต์ ไปถึงตอนเหนอื ของอนิ เดยี (ถ้าทหารไมง่ อแงอยากกลบั บ้าน ก็อาจจะมาถึงไทยได้)

สมัยนี้เกิดเมอื งสาคัญที่เป็นศนู ยก์ ลางทางการคา้ และวฒั นธรรมกรกี คอื .....................................................................

เมธี ตัง้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 27

ศิลปวัฒนธรรมของอารยธรรมกรกี

เสา................ เสา................ เสา................

สถาปตั ยกรรม: ชาวกรกี นยิ มสรา้ งวหิ ารเพ่อื บูชา..................................... หัวเสาแบบดอรกิ มีลักษณะ.................................................. หัวเสาแบบไอโอนกิ มลี ักษณะ.............................................. หัวเสาแบบคอรนิ เธยี น มลี กั ษณะ..........................................

ประตมิ ากรรม: ในสมัยคลาสสคิ เป็นแบบ “มนษุ ยนิยม (Humanism)” มีลกั ษณะ.................................................................... สมัยเฮเลนิสตกิ มลี ักษณะ............................................................................................................................

โมเสก (mosaic) คือ......................................................................................................................

นาฏกรรม: ทกุ ฤดูใบไม้ผลิ ชาวกรีกนบั พันจะมาชมุ นมุ เพือ่ ชมละครที่แสดงถวายแก่เทพ................................................................... มหากาพย:์ กวีโฮเมอร์ แตง่ มหากาพย์ 2 เรือ่ ง ได้แก่........................................................................................................... ด้านปรชั ญา: เกดิ นกั คิดทางสงั คมมากมาย เชน่

อรสิ โตเตลิ คือ................................................................................................................................................ เพลโต คอื ...................................................................................................................................................... เฮโรโดตสั คอื ................................................................................................................................................. ดา้ นวทิ ยาศาสตร:์ ยูคลดิ ค้นพบ........................... / พีทากอรสั คิดค้น............................ / อารค์ มี ดิ สิ พบ........................... ดา้ นการแพทย:์ ฮปิ โปกราตสิ บิดาการแพทย์ ค้นพบวา่ .......................................................................................................

วิหารพาร์เธนอน เทพเจ้ากรีก

คาชแี้ จง ให้นกั เรียนบอกความสาคัญของบุคคลในภาพทม่ี อี ทิ ธิพลในยคุ ตอ่ หลัง

Herodotus >>........................................................................................... Aristophanes >>..................................................................................... Sophocles >>........................................................................................... Socrates >>............................................................................................. Plato >>.................................................................................................... Euripides >>............................................................................................. Aeschylos >>...........................................................................................

เมธี ตัง้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 28

ใบงานที่ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 รายวชิ า สงั คมศกึ ษา 6 รหสั วชิ า ส33102 ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6

10 อารยธรรมโรมนั

ส4.2 ม.4-6/1

การแบง่ ยคุ สมยั อารยธรรมโรมนั สมยั จกั รวรรดิ

K สมัยสาธารณรฐั แบ่งเปน็ 2 จักรวรรดิ ตะวันตก/ตะวนั ออก จเู ลียสซซี าร์ โดนลอบฆา่

สมัยสาธารณรฐั

ระยะแรกโรมปกครองระบอบกษัตรยิ ์ จนกระทง่ั ปี 509 B.C. พวกชนชนั้ สงู ได้ขบั ไลก่ ษัตรยิ ์อีทรัสกันออกจากบลั ลังก์ แล้ว เปลย่ี นการปกครองโรมให้เปน็ แบบ.............................................................. ชนชนั้ ในสงั คม: มี 2 กลมุ่ ได้แก่ ชนชนั้ สงู หรือเรยี กวา่ ..................................... กับสามัญชนหรอื เรียกวา่ ...................................... กฎหมาย: ปี 450 B.C. มีการออกกฎหมาย........................................... ทาให้ทุกชนชั้นอยภู่ ายใตก้ ฎหมายเดียวกัน สงคราม: กองทัพโรมนั ได้รับชัยชนะในสงครามพวิ นกิ กับพวกคารเ์ ทจ สง่ ผลให้.............................................................................

สมยั จักรวรรดิ

ระหว่างปี 133-30 B.C. เป็นช่วงทเี่ กิดการแย่งชงิ อานาจระหว่าง.......................................กบั .................................... ปี 31 B.C. >> ออคตาเวยี นบุตรบุญธรรมของจูเลยี ส ซซี าร์ อดีตแม่ทัพผู้กมุ อานาจสูงสดุ ของโรม ได้กาจดั ค่แู ข่งทางการเมืองและได้กลาย

เปน็ ผมู้ ีอานาจสูงสุดในโรม ทาให้สภาโรมนั ได้ยกใหเ้ ปน็ จกั รพรรดอิ งคแ์ รกของจกั รวรรดโิ รมัน นามว่า......................... โรมันเจริญสูงสดุ มีดนิ แดนกว้างใหญ่ครอบครองพน้ื ที่บริเวณทะเล.............................................ทั้งหมด ปี 69-180 C.E. >> เป็นยุคแหง่ ความเจรญิ รุ่งเรอื งและสนั ติภาพ เรียกวา่ ..............................................ปกครองโดย 5 จกั รพรรดทิ ่ีดี

พลเมืองโรมันพดู ภาษาเดียวกนั คือ.......................... ซ่ึงมีอิทธิพลต่อหลายภาษาของยุโรปในสมยั ตอ่ มา ปี 312 C.E. >> จกั รพรรดิ...................................................ทรงยอมรบั ศาสนา.......................เป็นศาสนาประจาชาตขิ องจักรวรรดิ

มีการสร้างกรุงคอนสแตนตโิ นเปลิ (ปจั จุบนั คอื เมอื ง...........................) เป็นเมืองหลวงทางตะวันออก ตอ่ มาถูกเรยี กว่า จักรวรรดโิ รมนั ตะวันออก หรอื จักรวรรดิ................................................... ปี 476 C.E. >> กรุงโรมถกู พวกชนเผ่า..............................เข้ายดึ ครอง ถอื เป็นการส้ินสดุ ของจกั รวรรดโิ รมนั ตะวนั ตกและสมยั โบราณ ปี 1453 C.E. >> กรงุ คอนสแตนตินโนเปลิ ถูกพวก.............................เขา้ ยดึ ครอง แลว้ รวมเป็นสว่ นหนึง่ ของจักรวรรดิ.....................

กรุ งโรม, ส33102 กรุงคอนสแตนตโิ นเปิล, อิตาลี ตุรกี

เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา หน้า 29

ศิลปวฒั นธรรมของอารยธรรมโรมนั

สถาปตั ยกรรม: งานกอ่ สรา้ งของชาวโรมนั เน้น.............................................. เช่น................................................................................. โรมันไดพ้ ฒั นาการออกแบบประตูเปน็ แบบ........................... และเปลย่ี นหลังคาหนา้ จว่ั เป็นแบบ.......................................

โคลอสเซยี ม

ประตมิ ากรรม: จะมีลักษณะ............................................................................................... ชาวโรมนั เชอ่ื ว่าการแกะสลักรปู ให้เหมอื นจริงทีส่ ุด จะช่วย...................................

วรรณกรรม: งานของโรมนั แท้ ๆ จะมีลกั ษณะ...................................................................................................... แพนธอี อน เชน่ ..............................................................................................................................................

ปฏิทนิ : จูเลยี ส ซีซาร์ ให้ใชป้ ฏทิ นิ แบบ...................................................... (1 ปี มี 12 เดอื น และมี 365 วนั ) กฎหมาย: นอกจากกฎหมาย 12 โตะ๊ แลว้ ในสมยั จกั รพรรดจื ัสตเิ นียน ได้รวบรวมจดั ใหม่ เรียกวา่ ......................................................

เหตกุ ารณส์ าคัญของอารยธรรมโรมนั

สมัยจกั รวรรดิโรมนั สงครามพิวนิก ออกสั ตัส ซซี าร์ สปารต์ าคัสกอ่ จลาจล จูเลียส ซซี าร์โดนลอบฆา่ ศาสนาคริสตก์ ลายเป็นศาสนาประจาอาณาจักร ฮันนิบาลรกุ ราน (สงครามพวิ นกิ ) แยกอาณาจักรเป็นโรมันตะวนั ตกและโรมันตะวนั ออก สมยั สาธารณรฐั โรมนั

สรา้ งโคลอสเซียม พวกวซิ ิกอธเขา้ ยึดครองกรงุ โรม

กอ่ ตั้งกรุงโรม จเู ลียส ซีซาร์โดนลอบฆา่ พวกเติรก์ เขา้ ยดึ ครองกรงุ คอนสแตนตโิ นเบิล

คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นเรยี งลาดับเหตกุ ารณท์ ีเ่ กดิ ก่อน-หลัง สะพานส่งนา้ จักรพรรดจิ ัสตเิ นียน

753 B.C. >>................................................................... สปารต์ าคสั ฮันนิบาล 509 B.C. >>................................................................... 218 B.C. >>................................................................... 73 B.C. >>................................................................... 44 B.C. >>................................................................... 27 B.C. >>................................................................... 80 C.E. >>................................................................... 380 C.E. >>................................................................... 395 C.E. >>................................................................... 476 C.E. >>................................................................... 1453 C.E. >>...................................................................

เมธี ตัง้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 30

ใบงานท่ี หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 รายวชิ า สังคมศกึ ษา 6 รหสั วชิ า ส33102 ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6

11 การติดต่อระหวา่ งโลกตะวันตกกับ โลกตะวันออก และอทิ ธพิ ลที่มีต่อกัน ส4.2 ม.4-6/1

วาสโก ดา กามา เจ้ิงเหอ

มารโ์ คโปโล พระเสวยี นจ้าง

◼ เส้นทางสายไหม ◼ เส้นทางเครือ่ งเทศ

ระหวา่ งประมาณปี 500-1500 C.E. โลกตะวนั ออกมีความเจรญิ รุ่งเรืองมากกวา่ โลกตะวันตก แต่หลงั จากที่โลกตะวนั ตก เข้าสกู่ ารฟื้นฟูศิลปะวทิ ยาการ การปฏิวตั ทิ างวทิ ยาศาสตร์ การปฏิวตั ิอุตสาหกรรม ฯลฯ จงึ ทาให้อารยธรรมยุโรปเจริญรดุ หนา้ มาก ในขณะท่โี ลกตะวนั ออกยงั ไม่มกี ารเปลยี่ นแปลงทีส่ าคญั โลกตะวนั ออกจงึ ดอ้ ยอารยธรรมและเป็นผู้รบั อารยธรรมของโลกตะวนั ตก มาใชใ้ นการดาเนนิ ชวี ติ จนถงึ ทุกวันนี้

สาเหตุและรูปแบบการติดต่อ

พระเจ้าอเล็กซานเดอรม์ หาราช เจงกสิ ข่าน

การขยายอานาจ >> เช่น..................................................................................................................................................... การแสวงหาพันธมติ ร >> เชน่ ............................................................................................................................................... การเผยแผศ่ าสนา >> เชน่ .................................................................................................................................................... การคา้ ขาย >> เชน่ .............................................................................................................................................................. การผจญภยั >> เชน่ ............................................................................................................................................................

ตัวอย่างการแลกเปลี่ยนอารยธรรม

ความตอ้ งการสนิ คา้ จากโลกตะวนั ออก >> เช่น........................................................................................................................ เลขอารบกิ และการคานวณ >> เช่น....................................................................................................................................... เขม็ ทศิ >> เช่น....................................................................................................................................................................

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 31

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4

เหตกุ ารณ์สาคัญทางประวัติ- ศาสตรท์ ี่มีผลต่อโลกปัจจุบนั

เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา ส33102 หน้า 32

แบบทดสอบก่อนเรยี น

หนว่ ยท่ี 4 เหตกุ ารณส์ าคญั ทางประวตั ศิ าสตรท์ มี่ ผี ลตอ่ โลกปจั จบุ นั

ส4.2 ม.4-6/2 วิเคราะห์เหตุการณส์ าคญั ตา่ ง ๆ ท่ีส่งผลตอ่ การเปลยี่ นแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมอื ง เข้าสู่โลกสมัยปจั จุบัน ส4.2 ม.4-6/3 วิเคราะห์ผลกระทบของการขยายอทิ ธิพลของประเทศในยโุ รป ไปยงั ทวีปอเมรกิ า แอฟรกิ า และเอเชยี

คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเลอื กคาตอบท่ีถกู ต้องทีส่ ุดเพยี งคาตอบเดยี ว

1. สงครามครเู สดมผี ลตอ่ การปกครองในยโุ รปอยา่ งไร 6. การอ้าง “ภาระหนา้ ทข่ี องคนขาว” ไดร้ ับอทิ ธพิ ลมาจากแนวคดิ ใด ก. ขนุ นางมอี านาจมากขึ้น ก. แนวคิดชาตนิ ิยม ข. นกั บวชมอี านาจในการปกครอง ข. แนวคิดสัจสงั คมนยิ ม ค. สถาบันพระมหากษัตริย์มคี วามเขม้ แขง็ มากขนึ้ ค. แนวคดิ สังคมนิยมแบบยโู ทเปีย ง. เกดิ สงครามในดินแดนตา่ ง ๆ ของยโุ รปมากข้ึน ง. แนวคิดสังคมแบบดาร์วนิ

2. ข้อใดคอื ปจั จยั สาคญั ทส่ี นบั สนนุ การฟนื้ ฟศู ลิ ปวทิ ยาการ 7. การปฏวิ ตั ฝิ รง่ั เศส ค.ศ. 1789 สง่ ผลตอ่ การเมอื งยโุ รปอยา่ งไร ก. การผลติ เคร่อื งพมิ พ์ ก. ลทั ธคิ อมมิวนิสตเ์ ขา้ มามอี ิทธพิ ลในยุโรป ข. ความร่ารวยของชาวยุโรป ข. ระบอบเผดจ็ การทหารเขา้ มามีบทบาทในสังคมยโุ รป ค. การนับถือพระเจ้าองค์เดยี วกัน ค. ประชาชนทุกชนช้นั สามารถเข้ามามสี ่วนรว่ มในการปกครอง ง. มกี ารสร้างถนนทาให้การเดินทางสะดวก ง. เปน็ แบบอยา่ งในการปฏิวตั ลิ ้มลา้ งการปกครองระบอบเก่า

3. สาเหตสุ าคญั ทส่ี ดุ ทท่ี าใหช้ าวยโุ รปออกสารวจทางทะเลคอื ขอ้ ใด 8. ขอ้ ใดคอื ประโยชนท์ ด่ี นิ แดนอาณานคิ มไดร้ บั จากลทั ธิจกั รวรรดนิ ยิ ม ก. แสวงหาอาณานิคม ก. ประชาชนใช้ภาษาเดยี วกนั ข. แสวงหาสินค้าจากโลกตะวนั ออก ข. เกดิ กระแสชาตินยิ มและความสามัคคี ค. เผยแผ่ครสิ ต์ศาสนาใหเ้ ปน็ ทน่ี บั ถือของคนท่ัวโลก ค. ได้รับความชว่ ยเหลอื ตา่ ง ๆ จากเมืองแม่ ง. หาดินแดนมารองรบั การขยายตวั ของเมอื ง ง. ได้รับวทิ ยาการที่เจรญิ กา้ วหน้ามาพฒั นาประเทศ

4. การวพิ ากษว์ จิ ารณแ์ ละการแสดงออกของมารต์ นิ ลูเทอร์ 9. “...ประชาชนเปน็ ทมี่ าของอานาจทางการเมอื ง...” ส่งผลกระทบสาคญั ตอ่ สงั คมยโุ รปอยา่ งไร ข้อความขา้ งตน้ เปน็ แนวคดิ ของใคร

ก. ครสิ ตจักรถกู ทา้ ทายอานาจ ก. รสุ โซ ข. ขนุ นางลดการใช้ชีวติ ที่หรหู ราลง ข. วอลแตร์ ค. พระมหากษตั รยิ ์มีพระราชอานาจมนั่ คงขึ้น ค. จอห์น ล๊อค ง. เป็นจดุ เร่มิ ตน้ ของการปฏวิ ตั ติ ่าง ๆ ท่วั ยโุ รป ง. มงเตสกิเออ

5. เหตุการณส์ าคญั ในขอ้ ใดนบั เปน็ จดุ เรมิ่ ตน้ การปฏิวตั ทิ าง 10. สงครามเกาหลี สงครามเวยี ดนาม มีความสมั พนั ธก์ บั เหตกุ ารณใ์ ด วทิ ยาศาสตรข์ องชาวตะวนั ตก ก. สงครามเยน็ ข. สงครามโลกครั้งที่ 1 ก. การคน้ พบทฤษฎวี ิวัฒนาการของดาร์วนิ ค. สงครามโลกครงั้ ที่ 2 ข. การประดิษฐ์กลอ้ งโทรทรรศน์ของกาลิเลโอ ง. สงครามไครเมีย ค. การคน้ พบกฎแรงดงึ ดดู และกฎแรงโนม้ ถ่วงของนวิ ตัน ง. การคน้ พบทฤษฎรี ะบบสรุ ยิ จักรวาลของโคเปอร์นคิ ัส

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 33

ใบงานที่ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 รายวชิ า สังคมศกึ ษา 6 รหัสวชิ า ส33102 ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6

12 เหตุการณ์สาคัญในสมัยกลาง

ส4.2 ม.4-6/2

เร่ิมตั้งแต่การส้ินสดุ ของจักรวรรดโิ รมันตะวนั ตก เมอ่ื พวกวซิ ิกอทเขา้ โจมตี เป็นช่วงท่ีศาสนาคริสต์มีอิทธิพลอย่างมากต่อสงั คมยุโรป เนื่องจากคนกลัวภยั สงครามและการถูกฆา่ รวมท้งั ความหวาดกลัวจากการล่มสลายของอาณาจักรโรมนั ตะวนั ตก ทาให้ศาสนากลายเป็น เครื่องยดึ เหนี่ยวจติ ใจ การคิดนอกเหนือจากศาสนาคริสตถ์ ือเปน็ เรอื่ งผดิ พระสนั ตะปาปาและคริสตจกั รมอี านาจสูงสุด ใครตอ่ ต้านหรือมคี วาม เห็นขดั แย้งจะโดนขับไล่ออกจากศาสนา หรือทเี่ รียกวา่ บัพพาชนยี กรรม จงึ เรยี กยคุ น้วี ่า “ยคุ มดื ”

อทิ ธพิ ลของครสิ ต์ศาสนา

คริสต์ศาสนา ถือกาเนดิ ขึน้ ในสมยั ............................................................. มีศาสดา คอื ...........................................................................................

1. คริสตจกั รมีอานาจเหนอื อาณาจกั ร เช่น............................................................................................................. 2. ครสิ ตจักรมี................................ทก่ี รุงโรมเป็นประมขุ ทางศาสนา ซงึ่ เป็นศนู ยร์ วมจิตใจความศรัทธาต่อคริสตศ์ าสนา 3. คมั ภีร์............................เป็นสง่ิ ศักดสิ์ ิทธ์ิทีข่ ดั แย้งไมไ่ ด้ ผ้ใู ดท่มี คี วามคดิ แยง้ กับคัมภรี ์จะตอ้ งถูกลงโทษ เช่น................. 4. มีการใช้ภาษาเดียวกนั ทว่ั ศาสนจกั ร คือภาษา...................................

บทลงโทษของครสิ ตจกั ร มี 2 ระดับ ไดแ้ ก่

(1) บพั พาชนยี กรรม คือ......................................................................................................................................... (2) การตดั ขาดจากศาสนาทงั้ ชมุ ชน คือ.....................................................................................................................

ระบบฟิ วดัล Feudalism

เป็นยคุ ที่ยโุ รปทาสงครามชงิ อานาจระหวา่ งเผ่าตา่ ง ๆ โดยมกี ษตั ริยเ์ ป็นผูน้ าในการรบ พระ/นั กบวช เมือ่ ไดร้ ับชยั ชนะกจ็ ะพระราชทานท่ีดนิ แกแ่ ม่ทพั นายกองเป็นรางวัล ซึ่งแม่ทัพนายกองเหลา่ น้กี ็จะ กลายมาเป็น........................................................................... ชนช้ันปกครอง

ส่วนประชาชนท่ีอาศยั ทดี่ ินนัน้ ก็จะกลายเป็น.....................................ของขุนนางน้นั สามัญชน โดยมศี นู ยก์ ลางอย่ทู ่ีปราสาท หน้า 34

ชนชัน้ ในสงั คมฟวิ ดลั แบง่ ได้ 3 ชนชน้ั ได้แก่

(1) ชนชน้ั ปกครอง ไดแ้ ก่........................................................................................ (2) สามญั ชน ไดแ้ ก.่ ............................................................................................. (3) พระและนกั บวช

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102

เศรษฐกิจแบบแมเนอร์ Manor

King ให.้ ..............................................แก่ Lords Lords ให้ ..............................................แก่ King

Lords ให้ ..............................................แก่ Knights Knights ให้ ..............................................แก่ Lords

Knights ให้ ...............................................แก่ Peasants Peasants ให้ ..............................................แก่ Knights

ระบบฟวิ ดลั ทาให้เกดิ เศรษฐกจิ แบบแมนเนอร์

Feudalism >> Manor

การศึกษาสมัยกลาง

1. เน้นเทววิทยาตามสถานศึกษาท่ัวไป มคี วามเชอ่ื ว่าโลก.................... โดยมีศนู ยก์ ลางโลกอย่ทู ี่................................... 2. มกี ารจัดตัง้ มหาวทิ ยาลัยเปน็ ครงั้ แรกของโลก คือ................................................................................................. ซ่งึ มีการกาหนดหลกั สตู รที่แนน่ อน การสอบวดั ผล การมอบปริญญา เช่น ม.ปารสี ม.ออกฟอร์ด ม.เคมบรดิ จ์ เปน็ ต้น 3. เปน็ ยคุ ท่ียุโรปชะงกั งนั ในดา้ นการสรา้ งสรรค์ศลิ ปะ ในขณะที่ชาวอาหรบั ไดม้ กี ารศึกษาค้นควา้ วิทยาการกรีก เปอร์เซีย และชาวฮินดู จนมีความก้าวหน้ามากกว่าในยุโรปสมยั เดียวกนั

ศิลปวฒั นธรรมสมัยกลาง มหาวิทยาลยั โบโลญญา

สร้างสรรค์เพื่อรับใช้ศาสนา ถือว่าเปน็ “ออู่ ารยธรรมของยโุ รป” ไดแ้ ก่ ศลิ ปะแบบโกธคิ มลี ักษณะ................................................................................................................................... ศลิ ปะโรมาเนสก์ มลี กั ษณะ................................................................................................................................... ศิลปะไบแซนไทน์ มลี กั ษณะ...................................................................................................................................

วหิ ารโนตรดาม หอเอนปิซา่ วิหารเซนต์โซเฟีย งานประดับหินโมเสก เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา ส33102 หน้า 35

สงครามครูเสด Crusade War

สงครามครเู สด คอื สงครามระหว่าง..............................รบกบั (VS) .............................. ทาสงครามกันเพือ่ ..............................................................................................................................................................

สาเหตดุ า้ นการเมอื ง สาเหตดุ า้ นศาสนา

................................................................................... ................................................................................... ................................................................................... ...................................................................................

สถานการณข์ องสงครามครเู สด

สงครามครเู สด ครง้ั ท่ี 1 (ค.ศ. 1096-1099) ชาวคริสตไ์ ปรบด้วยใจศรทั ธาต่อศาสนา และไดร้ บั ชยั ชนะสามารถยึดครองนครเยรซู าเลม็ ได้นานถงึ 14 ปี สงครามครเู สด ครัง้ ที่ 2 เปน็ ตน้ มา ชาวยโุ รปทไี่ ปรบไม่ได้มใี จศรทั ธาตอ่ ศาสนา แตม่ ่งุ หวัง ผลประโยชนท์ างการเมือง และเศรษฐกิจ มกี ารปลน้ ฆ่าชาวคริสต์ด้วยกนั เอง สงครามครเู สดยตุ ิ เม่อื กองทพั ยโุ รปพา่ ยแพต้ ่อกองทพั อียิปต์

ผลกระทบจากสงครามครเู สด

(1) ............................................................................................................................................................................. (2)............................................................................................................................................................................. (3)............................................................................................................................................................................. (4)............................................................................................................................................................................. (5).............................................................................................................................................................................

สงครามรอ้ ยปี Hundred Years’ War

สงครามรอ้ ยปี สงครามระหวา่ ง..............................รบกับ (VS) ..............................

Edward III (ENG) สาเหตขุ องสงคราม Philip VI (FRA)

................................................................................................................... ................................................................................................................... ................................................................................................................... ...................................................................................................................

สถานการณข์ องสงครามรอ้ ยปี Jon of Arc ผลกระทบจากสงครามรอ้ ยปี

สงครามครงั้ แรก องั กฤษเปน็ ฝา่ ยชนะ ตอ่ องั กฤษ : ............................................................. ยดึ ครองดนิ แดนฝรงั่ เศสได้หลายแห่ง .............................................................................. สมยั พระเจา้ ชารล์ ที่ 7 แหง่ ฝรง่ั เศส สามารถขบั ไล่ องั กฤษออกจากดินแดนฝร่งั เศส โดยได้รบั ความ ต่อฝรง่ั เศส : ............................................................ ช่วยเหลอื จากวรี สตรชี ือ่ “โจน ออฟ อารก์ ” ..............................................................................

เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา ส33102 หน้า 36

การฟื้ นฟูศิลปวทิ ยาการ Renaissance

เป็นยุคท่ีเช่ือมตอ่ ระหวา่ งสมยั กลางและสมัยใหม่ เกดิ จากการทีอ่ าณาจักรไบแซนไทนล์ ่มสลายลง ผูค้ นจงึ อพยพมาท่ีอิตาลี ซ่งึ มีศนู ย์กลางอยทู่ เ่ี มืองฟอเรนซ์ และมีการนาวิทยาการความรู้ของกรกี โรมนั มาดว้ ย จึงเกดิ การฟ้ืนฟูอกี ครั้ง

การฟนื้ ฟศู ลิ ปะวทิ ยาการ คอื ................................................................................................................................

สาเหตขุ องการฟนื้ ฟศู ลิ ปวทิ ยาการ 1. ............................................................................................................................ 2. ............................................................................................................................. 3. ............................................................................................................................. 4. .............................................................................................................................

ศลิ ปะ : ....................................................................................................................................... ฟรนั เชสโก เปตรากา วทิ ยาการ : .................................................................................................................................. สถาปตั ยกรรม : ............................................................................................................................ (บิดาแหง่ มนษุ ยนิ ยม) ศิลปินทมี่ ชี อื่ เสยี ง :

ลีโอนาโด ดาวนิ ชี >> ....................................................................................................... ไมเคิล แองเจโล >> .......................................................................................................... วรรณกรรมทโ่ี ดง่ ดงั : วิลเลียม เชคสเปยี ร์ >> ..................................................................................................... มาคิอาเวลลี >> ............................................................................................................... โทมัส มอร์ >> ................................................................................................................

The Last Supper โดย ดาวนิ ชี

วหิ ารเซนตป์ เี ตอร์

ปิเอต้า โดย แองเจโล

เดวดิ โดย แองเจโล โมนาลิซา่ โดย ดาวินชี วหิ ารเซนต์ปอล

เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา ส33102 หน้า 37

ใบงานท่ี หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 รายวชิ า สงั คมศกึ ษา 6 รหสั วชิ า ส33102 ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6

13 เหตุการณ์สาคัญในสมยั ใหม่

ส4.2 ม.4-6/2

สมยั ใหมเ่ ริม่ ตน้ เมือ่ ...............................................................คน้ พบทวปี อเมรกิ า (เขาเขา้ ใจว่าคืออนิ เดยี ตลอดชีวิต) สมัยใหมเ่ ป็นสมัยทยี่ โุ รปเกิดการเปลยี่ นแปลงอย่างรวดเรว็ จนทาให้กลายเป็นศูนยก์ ลางของความเจริญทส่ี ดุ ในโลกในสมยั นน้ั อาทิ การสารวจทางทะเล กาเนิดรฐั ชาติสมยั ใหม่ การปฏิรปู ศาสนา การปฏวิ ัติวทิ ยาศาสตร์ การปฏิวตั ิเกษตรกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรม การปฏวิ ตั ิทางภูมิปัญญา การปฏิวตั ิที่สาคญั ในประเทศตา่ ง ๆ และสงครามโลกคร้ังท่ี 1 และคร้งั ที่ 2

การสารวจทางทะเล โคลมั บสั คน้ พบอเมริกา

สาเหตขุ องการสารวจทางทะเล .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... ..........................................................................................

เส้นทางสารวจ โปรตเุ กส >> ..................................................................................................................................................... สเปน >> .....................................................................................................................................................

สนธสิ ญั ญาตอรเ์ ดซญิ าส เป็นสนธสิ ญั ญาเพื่อแบง่ เขตสารวจระหวา่ งโปรตเุ กสและสเปน โปรตเุ กส > แอฟรกิ า เอเชยี และอเมริกาใต้ (บราซลิ ) สเปน > ทวปี อเมริกา พบเผา่ แอสแทค็ (เม็กซโิ ก) เผ่าอินคา (เปรู)

เผ่ามายา (อเมริกากลาง)

นกั เดนิ เรอื ทส่ี าคญั บาโธโลมิว ดิแอส >> ......................................................................................................................................................... วาสโก ดา กามา >> .......................................................................................................................................................... ครสิ โตเฟอร์ โคลมั บสั >> ................................................................................................................................................... เฟอร์ดินันด์ แมกเจลแลน >> ............................................................................................................................................. เจมส์ คุก >> .................................................................................................................................................................... อเมรโิ ก เวสปชุ โช >> ........................................................................................................................................................

เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา ส33102 หน้า 38

กาเนิดรฐั ชาติใหม่

รัฐชาติ (Nation state) คอื .....................................................................................................................................................

ปจั จัยทท่ี าใหเ้ กดิ รฐั ชาติ

\>> .......................................................................................... \>> .......................................................................................... \>> .......................................................................................... \>> ..........................................................................................

สเปน ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... .........................................................................................................................................

โปรตเุ กส ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... .........................................................................................................................................

ฝรัง่ เศส ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... .........................................................................................................................................

สหราชอาณาจกั ร .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. ..................................................................................................................................

เยอรมนั (จกั รวรรดโิ รมนั อนั ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ และรฐั ตา่ ง ๆ บริเวณเยอรมนี) ...................................................................................................................................... ...................................................................................................................................... ......................................................................................................................................

อติ าลี ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... .........................................................................................................................................

เมธี ตงั้ สิรพิ ัฒนา ส33102 หน้า 39

การปฏิรูปศาสนา

คริสต์ศตวรรษที่ 15-16 ครสิ ตศ์ าสนาได้ แตกแยกออกเปน็ นิกายต่าง ๆ โดยแตล่ ะ นกิ ายมีลักษณะเป็นศาสนาประจาชาติ

มารต์ นิ ลูเธอร์

สาเหตขุ องการปฏิรปู ศาสนา

............................................................................................................................... ............................................................................................................................... ............................................................................................................................... ...............................................................................................................................

มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์

สถานการณก์ ารปฏิรปู ศาสนา

\>> มาร์ติน ลเู ธอร์ นกั บวชชาวเยอรมันทาการประทว้ งการขายใบไถ่บาป ดว้ ยการติดประกาศคาประท้วง 95 ข้อ \>> จกั รวรรดโิ รมนั อันศักดิส์ ิทธ์ิ กล่าวหามารต์ นิ ลเู ธอรว์ ่าเป็นปฏปิ ักษต์ ่อคริสต์ศาสนา และใหถ้ อื เปน็ บุคคลนอกศาสนา \>> เจ้าผคู้ รองแควน้ แซกโซนีไดอ้ ุปถัมภม์ ารต์ นิ ลูเธอร์ และสนับสนุนให้เขาแปลคัมภีร์ไบเบลิ เป็นภาษาเยอรมนั \>> พวกเจา้ นายในเยอรมันแตกออกเปน็ 2 พวก คอื ทางเหนือสนับสนนุ มาร์ตนิ ลูเธอร์ ทางใต้สนบั สนุนคริสตจกั รโรม \>> ค.ศ. 1555 สนธสิ ญั ญาสันตภิ าพแหง่ เอากส์บรู ์ก กาหนดใหม้ นี กิ ายโรมันคาทอลกิ และนกิ ายลูเธอร์

การประท้วง = protest Protestants = ผู้ประท้วง

เกิดเป็นนกิ ายโปรเตสแตนท์ (นกิ ายของผู้ประทว้ ง) ซึ่งมี 3 นกิ ายทส่ี าคัญ ได้แก่ 1. นิกายลูเธอร์ >> แพร่หลายใน................................................................................................................. 2. นกิ ายคาลวนิ >> แพร่หลายใน............................................................................................................... 3. นิกายแองกลคิ นั >> แพร่หลายใน...........................................................................................................

ผลของการปฏริ ูปศาสนา

.............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... ...............................................................................................................................................

ปัจจุบนั ศาสนาคริสต์ มี 3 นกิ ายสาคัญ ใหน้ ักเรยี นบอกลกั ษณะสาคญั ของแต่ละนกิ าย

โรมันคาทอลิก กรกี ออเทอดอกซ์ โปรเตสแตนท์

.................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. .................................................. ..................................................

.................................................. ..................................................

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 40

การปฏิวตั ิวิทยาศาสตร์

เริ่มตน้ ทีส่ าขาดาราศาสตร์ โดย................................... พบวา่ โลกไมใ่ ชศ่ ูนยก์ ลางของระบบสุริยะจักรวาล แต่ศนู ยก์ ลางคือดวงอาทติ ย์ และโลกหมนุ รอบดวงอาทติ ย์

โยฮันเนิส กูเทินแบรค์

ผลติ แทน่ พมิ พ์คนแรก

สาเหตทุ ท่ี าให้เกดิ การปฏิวตั วิ ทิ ยาศาสตร์

1. .............................................................................................................................................. 2. .............................................................................................................................................. 3. ..............................................................................................................................................

นกั วิทยาศาสตรท์ สี่ าคญั ในชว่ งตน้ ของการปฏวิ ตั ิ (ศตวรรษที่ 16-18) นโิ คลสั โคเปอรน์ คิ สั ผลงาน.............................................................................................. กาลิเลโอ กาลเิ ลอี ผลงาน.............................................................................................. โยฮนั เนส เคปเลอร์ ผลงาน.............................................................................................. เซอร์ไอแซค นวิ ตนั ผลงาน.............................................................................................. เซอร์ฟรานซสิ เบคอน ผลงาน..............................................................................................

นักวทิ ยาศาสตรท์ สี่ าคญั ในชว่ งปลายของการปฏวิ ตั ิ (ศตวรรษท่ี 19-20)

ชาลส์ ดารว์ นิ ผลงาน..............................................................................................

อัลเบิรต์ ไอนส์ ไตน์ ผลงาน..............................................................................................

หลุยส์ ปาสเตอร์ ผลงาน..............................................................................................

เกรเกอร์ เมนเดล ผลงาน..............................................................................................

เจมส์ วัตต์ ผลงาน..............................................................................................

ผลของการปฏวิ ตั วิ ทิ ยาศาสตร์

..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... .....................................................................................................................................................................

เมธี ตงั้ สิรพิ ฒั นา ส33102 หน้า 41

การปฏิวัติอุตสาหกรรม

- การปฏิวตั อิ ตุ สาหกรรม คือ............................................................................................................................... - เกดิ ระบบโรงงาน เร่มิ ตน้ ท่อี ตุ สาหกรรม........................ ในประเทศ........................... (ศตวรรษท่ี 18)

การปฏวิ ตั ริ ะยะที่ 1 ยุคพลงั งานไอนา้ >> ไอน้าและถ่านหนิ การปฏวิ ตั ริ ะยะท่ี 2 ยุคเหลก็ กลา้ >> น้ามนั และแก๊สธรรมชาติ

................................................................................... ...................................................................................... ................................................................................... ...................................................................................... ................................................................................... ...................................................................................... ................................................................................... ......................................................................................

สง่ิ ประดษิ ฐใ์ นชว่ งปฏิวตั อิ ตุ สาหกรรม แซมมวล ครอมปต์ ัน >>................................................