เลนส์ปรับแสงคืออะไร? ดีอย่างไร? เลนส์ชนิดนี้ ผสมสารเปลี่ยนสีในเนื้อเลนส์ด้วย ทำให้สามารถเปลี่ยนสีได้ เมื่อโดนรังสียูวี UV ตัวเลนส์จะเปลี่ยนสีเข้มขึ้นโดยอัตโนมัติ หรือที่บางท่านจะเรียกว่าเลนส์ออโต้ หรือเลนส์ปรับแสง หรือโฟโต้โครมิค แล้วแต่จะเรียกกันไป และจะเข้มถึง 50-60% คล้ายแว่นกันแดด ซึ่งนั่นทำให้สบายตาเวลาเจอแสงแดด ไม่ต้องหยีตาสู้แสง เมื่อเข้าในร่ม ในอาคาร ที่ไม่โดนแสงแดด เลนส์จะคืนตัว สีจะกลับมาใสเหมือนเลนส์ปรกติทั่วไป ในเวลาไม่นาน สามารถ ใส่ได้ตลอดเวลา ทั้งวัน สะดวกสะบาย ไม่ต้องถอดเข้าถอดออกเหมือนแว่นกันแดด และยังมีการเคลือบมัลติโค๊ต ในให้เลนส์ใส มองผ่านเป็นธรรมชาติมากขึ้น ลดแสงสะท้อน เงารบกวนบนผิวเลนส์ ลดแสงแฟร์จากหลอดไฟ ไฟท้ายรถ ทำให้สบายตา คมชัดยิ่งขึ้น สามารถตัดใส่กับกรอบแว่นตาได้หลากหลาย กรอบแว่นพลาสติก กรอบแว่นโลหะ กรอบแฟชั่นก็ใส่ได้ สามารถทำได้ ทั้งแบบสายตาปรกติ สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง ทำบนเลนส์ชั้นเดียว เลนส์ย่อบาง เลนส์สองชั้น เลนส์โปรเกรสซีฟ ทำได้ทุกแบบครับ รีวิว ทดสอบการเปลี่ยนสี ของเลนส์ ปรับแสงออโต้ 4 รุ่น By LuckyOptic ข้อดีของเลนส์ปรับแสง - เป็นเลนส์มัลติโค๊ต ลดแสงละท้อน ตัดแสงสะท้อนได้ 99% มองได้ใส เป็นธรรมชาติมากขึ้น ถ่ายรูป ไม่ค่อยมีเงาสะท้อน - มีสารป้องกันยูวีได้ 100% ที่ 400 นาโนเมตร ลดการเป็นต้อกระจกได้มาก - ภาพที่ได้ คมชัดกว่า แสงฟุ้ง แสงกระเจิงน้อยกว่าเลนส์ที่ไม่ได้เคลือบมัลติโค๊ต - สามารถ ใช้หน้าจอคอมได้ดี กันรังสีอินฟาเรด คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จากหน้าจอคอมได้ - เคลือบผิวแข็ง ลดรอยขีดข่วน ยืดอายุการใช้งานของตัวเลนส์ - เคลือบผิวลื่น ทำให้ทำความสะอาดได้ง่าย คราบมัน รอยนิ้วมือ เช็ดออกได้ง่ายกว่า - ใส่ขับรถกลางคืน ลดแสงฟุ้ง แสงแฟร์ ได้ดีกว่า สบายตายิ่งขึ้น - ใส่ได้ทั้งในร่ม และกลางแจ้ง ทั้งกลางวัน และกลางคืน ไม่ต้องสลับระหว่าง แว่นสายตากับแว่นกันแดด - ไม่ต้องหยีตาเวลาเจอแดดจัด เพราะเลนส์ปรับแสงเข้มถึง 50-60% ลดแสงแดดจ้าไปได้กว่าครึ่ง - ออพชั่นนี้เห็นได้ชัดเจน พิสูจน์ง่าย ไม่ต้องกลัวโดนหลอก ข้อเสีย (จะบอกว่าไม่มีข้อเสีย เดี๋ยวก้อจะหาว่าโกหก อะไรจะดีเลิศ ไม่มีข้อเสีย บนโลกนี้ คงไม่มีนะครับ) - ไม่เข้มเท่าแว่นกันแดด เพราะแว่นกันแดด เข้มถึง 80-85% - ราคาแพงกว่า เลนส์มัลติโค๊ตทั่วไป - ไม่เปลี่ยนสีเมื่ออยู่ในรถยนต์ เพราะมีฟิล์มกันยูวีอยู่แล้ว ไม่โดนยูวี ก้อไม่เปลี่ยนสีนะครับ ปล. ข้อเสียเล็กน้อยนี้ เทียบไม่ได้กับข้อดีมากมายของเลนส์ชนิดนี้ ยังไงผมก้อแนะนำให้ใช้เลนสปรับแสงครับ สรุปสั้นๆ คุ้มกว่า ดีกว่า ครับผม ณ ปัจจุบัน เลนส์สต๊อก ของเลนส์ปรับแสง ออโต้เลนส์นี้ มีมากถึง สั้น -8.00 ยาว +4.00 เอียง -4.00 โดยใช้เวลาสั่งเลนส 1-2 วันครับ *สอบถามเพิ่มเติมได้ครับ ค่าสายตาไม่เท่ากัน ตามค่าอินเด๊ก และยี่ห้อของเลนส์ครับ **เครดิตภาพ google.com สอบถาม สั่งซื้อทาง Inbox Page : http://www.facebook.com/messages/luckyoptic หลายๆคนที่มีปัญหาสายตาไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตาเอียงหรือสายตายาวมักจะประสบปัญหากับการเลือกชนิดเลนส์เพราะเลนส์ในท้องตลาดมีหลายชนิดเหลือเกิน หรือหากเราเดินเข้าร้านแว่นเพื่อตัดแว่นสายตาแล้วพนักงานแนะนำเลนส์มาเราไม่อาจรู้เลยว่าเลนส์ที่พนักงานแนะนำเป็นเลนส์ประเภทไหน มีข้อดีอย่างไรบ้าง ตรงกับความต้องการเรามากน้อยแค่ไหน ดังนั้นวันนี้ร้านแว่น Sunglass365 Optical Store จะพาทุกๆท่านไปทำความรู้จักเลนส์สายตาแต่ละแบบให้เข้าใจง่ายๆกัน ก่อนอื่นเราจะแยกเป็น 3 หัวข้อ ได้แก่ ประเภทเลนส์ ออฟชั่นของเลนส์ และความหนาของเลนส์1. ประเภทของเลนส์ 1.1 เลนส์ Single vision คือเลนส์ระยะเดียวหรือเลนส์ที่เรามักพบได้ในแว่นทั่วๆไป มากกว่า 90% จะใช้เลนส์ประเภทนี้ เด็ก วัยรุ่น วัยกลางคน เช่น แว่นสายตาสั้น แว่นสายตาเอียง หรือแว่นสำหรับอ่านหนังสือมักจะเป็นเลนส์ชนิดนี้ 1.2 เลนส์ Multifocal หรือเลนส์โฟกัสหลายระยะ คือเลนส์ที่มีหลายค่าสายตาในเลนส์ชิ้นเดียวส่วนใหญ่จจะสำหรับคนอายุ 38 ปีขึ้นไปที่เริ่มมีปัญหาสายตายาว เช่น เลนส์ Progressive ,Bifocal, Addpower เลนส์พวกนี้คือเลนส์ประเภท Multifocal ด้วยกันทั้งสิ้น โดยส่วนใหญ่มักใช้กับผู้สูงอายุที่มีปัญหาสายตายาวโดยที่ไม่จำเป็นต้องพกแว่นหลายชิ้น ยกตัวอย่างเช่น เลนส์ Progressive สามารถใช้ได้กับผู้ที่มีปัญหามองไกลไม่ชัดและมองใกล้ไม่ชัดโดยที่ไม่ต้องสลับแว่นไปมา 2. ออฟชั่นของเลนส์ หลักจากเราทราบแล้วว่าเราจะใช้เลนส์ประเภทใดเพื่อแก้ปัญหาสายตาของเรา ทีนี้ถึงเวลาที่เราต้องมาเลือกออฟชั่นของเลนส์เพื่อให้ตอบโจทย์ Lifestyle ของแต่ละบุคคล 2.1 เลนส์ Multicoat คือออฟชั่นพื้นฐานของเลนส์ในปัจจุบัน จะนำเลนส์ไปเคลือบสารมัลติเลเยอร์ลดการสะท้อนที่ผิวเลนส์ทำให้ภาพใสคมชัดกว่าเลนส์ทั่วๆไป ข้อดีของเลนส์ Multicoat ไม่ได้มีแค่ภาพใสเคลียร์แต่ยังช่วยป้องกันรังสี UV ได้ที่ 380-400 นาโนเมตร ช่วยลดการเป็นต้อกระจก นอกจากนั้นตัวเลนส์ยังทนต่อรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดีและทำความสะอาดง่าย วิธีสังเกตุเลนส์ Multicoat คือผิวสะท้อนเลนส์จะเป็นสีเขียว 2.2 เลนส์ Blueblock คือเลนส์ที่เคืลอบฟิล์มป้องกันแสงสีฟ้าเข้ามาโดยแสงสีฟ้าเป็นแสงที่อยู่ในช่วงความยาวคลื่น 400-450 นาโนเมตร มีอันตรายไม่แพ้รังสี UV โดยจะส่งผลโดยตรงกับเซลล์ประสาทตานำมาสู่โรคจอประสาทตาเสื่อม หลายคนอาจสงสัยว่าแหล่งกำเนิดแสงสีฟ้ารอบตัวเรามีอะไรบ้าง หลักๆเลยคือแสงจากหน้าจออิเล็กทรอนิคทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นจอ TV โทรศัพย์มือถือ แท็ปเล็ต คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ส่วนวิธีการสังเกตุเลนส์ Blueblock ง่ายๆเลยคือหน้าเลนส์จะสะท้อนเป็นสีฟ้าส่วนใหญ่ แต่จะมีเลนส์รุ่นใหม่บางชนิดไม่ได้ใช้ฟิล์มเคลือบป้องกันสารสีฟ้าแต่จะใช้เป็นสารใส่เข้าไปในเนื้อเลนส์ตั่งแต่ตอนขึ้นรูปแทน พวกนี้หน้าเลนส์จะไม่สะท้อนสีฟ้าแต่จะกันแสงสีฟ้าเหมือนกันและจะติดเหลืองน้อยกว่า 2.3 เลนส์ Auto คือเลนส์ปรับแสงได้ เวลาอยู่ในที่ร่มตัวเลนส์ก็จะใสเหมือนเลนส์ธรรมดาแต่พอเราออกแดดกลางแจ้งเลนส์จะปรับสีเป็นสีเข้มคล้ายๆแว่นกันแดดทำผู้ที่มีปัญหาสายตาสามารถใส่แว่นออกแดดได้โดยไม่จำเป็นต้องใส่แว่นกันแดด แต่ละยี่ห้อก็จะมีเทคโนโลยีและชื่อเรียกต่างกันเช่น Transition ของ Essilor / PhotoFusion ของ Zeiss / Sensity ของ Hoya เป็นต้น 2.4 เลนส์เฉพาะทางต่างๆ จะมีเลนส์ที่ใช้เฉพาะทางต่างๆ เช่น เล่นส์ DriveSafe ของ Zeiss ที่ออกแบบมาให้โดดเด่นด้านการขับรถกลางคืน ลดแสงไฟเวลากลางคืน เหมาะกับผู้ที่ขับรถกลางคืนบ่อยๆหรือแพ้แสงไฟ หรือ Seecoat Bright ของ Nikon ที่ช่วยเพิ่มความสว่างของภาพเหมาะกับคนสูงอายุที่ไม่สามารถมองได้สว่างเหมือนเดิม หรือเลนส์ย้อมสีกันแดด Tint เหมาะกับเป็นแว่นตัวที่สอง ใส่เฉพาะเวลาออกแดดเท่านั้นเป็นแว่นสายตาย้อมสีเข้มตลอดเวลาสำหรับกันแดดโดยเฉพาะ จะเข้มกว่าเลนส์เปลี่ยนสีและมีสีให้เลือกหลากหลายกว่า 3. ความหนาของเลนส์ หรือเรียกอีกอย่างว่า Index โดยจะเริ่มที่ 1.5 ขึ้นไป โดยยิ่งค่ามากเลนส์ก็จะยิ่งบาง 1.5 1.55 1.60 1.67 1.70 1.74 โดยเลนส์ที่บางสุดคือ Index 1.74 และหนาสุดคือ Index 1.5 ปัจจุบันที่นิยมกันมากที่สุดจะเป็น Index 1.60 เพราะราคาไม่สูงจนเกินไปและบางในระดับที่เพียงพอต่อการใช้งาน ที่สำคัญเนื้อเลนส์ยังมีความเหนียว แข็งแรง สามารถเอาไปทำกรอบเจาะหรือเซาะร่องได้ แต่ถ้าหากสายตาเยอะมากก็อาจจะต้องไปใช้ 1.67 หรือ 1.74 บทสรุปในการเลือกเลนส์แว่นตา เวลาเลือกเลนส์ควรพิจารณาว่าใช้เลนส์ประเภทไหนเพื่อแก้ไขปัญหาสายตาของเราสั้น ยาว เอียง ถ้าอายุไม่ถึง 40 ส่วนใหญ่จะเป็นเลนส์ชั้นเดียวแทบจะทั้งหมด 38 ถึง 40 ปีขึ้นไปพิจารณาเป็นเลนส์ 2 ชั้น (Progressive / Multifocal) หรือหากใครสะดวกสลับแว่นเข้าออกก็ใช้เลนส์ชั้นเดียวได้เหมือนกัน ต่อมาเราพิจารณาออฟชั่นของเลนส์เพื่อตอบโจทย์ Lifestyle ของเรา ตัดแสงสีฟ้ามั้ยหรือเปลี่ยนสีเมื่อออกแดเฃด ท้ายที่สุดแล้วเราเลือกความหนาบางเพื่อให้สวยงามและใส่สบายเพราะเลนส์ที่บางกว่าโดยส่วนใหญ่จะมาพร้อมน้ำหนักที่เบากว่า หากลูกค้าสนใจเลนส์สายตาชั้นนำทั้งแบรนด์ญี่ปุ่นและฝั่งยุโรปอย่างฝรั่งเศสและเยอรมัน ร้านเรามีจำหน่าย HOYA NIKON ESSILOR RODENSTOCK SHAMIR และ CARL ZEISS พร้อมบริการตรวจวัดสายตาโดยหมอสายตา(นักทัศนมาตร) ด้วยเครื่องมือและห้องตรวจวัดมาตราฐานสากล รับประกันความพึงพอใจใส่ไม่ได้ไม่สบายตายินดีแก้ไขให้ทันที ที่สำคัญเรามีส่วนลดค่าเลนส์ให้คุณลูกค้าด้วยน้า |