ตรวจสอบสิทธิ์เยียวยามาตรา 40 เช็กสิทธิ สถานะผ่านเกณฑ์ เงินเข้าวันไหน สำหรับกลุ่มอาชีพอิระ หรือฟรีแลนซ์ ที่ขึ้นทะเบียนในระบบประกันสังคม สามารถกรอกข้อมูลเลขบัตรประชาชนที่เว็บไซต์ www.sso.go.th Show
จากกรณี ครม. มีมติจ่ายเงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 40 ครอบคลุม 13 จังหวัดในพื้นที่สีแดง จำนวน 5,000 บาท และจะได้เพิ่มอีก 1 เดือน รวมเป็น 2 เดือน ตามมติที่ประชุม ครม. ที่ชงเรื่องเสมอในวันที่ 17 ส.ค. ที่จะถึงนี้ ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 40 ที่ประกาศเพิ่มอีก 16 จังหวัด (นอกเหนือจาก 13 จังหวัดแรก) จะได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท 1 เดือน ได้แก่ กาญจนบุรี, ตาก, นครนายก, นครศรีธรรมราช, ประจวบคีรีขันธ์, ปราจีนบุรี, เพชรบุรี, เพชรบูรณ์, ระยอง, ราชบุรี, ลพบุรี, สิงห์บุรี, สมุทรสงคราม, สระบุรี, สุพรรณบุรี และอ่างทอง พร้อมขยายระยะเวลาจ่ายเงินสมทบรอบแรกไปจนถึงวันที่ 24 สิงหาคม ซึ่งกลุ่มอาชีพอิสระสามารถเข้าไป ตรวจสอบสิทธิ์เยียวยามาตรา 40 เช็กสถานะผ่านเกณฑ์ผ่านเว็บไซต์ประกันสังคม เช็คเงินเยียวยามาตรา 40 ตรวจสอบสถานะเงินเยียวยาผู้ประกันตน ม.40 ในพื้นที่สีแดงเข้ม (พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด) ทั้ง 29 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมของรัฐ ตั้งแต่วันที่ 25-26 สิงหาคม 2564 โดยจะได้รับการช่วยเหลือค่าครองชีพให้คนละ 5,000 บาท ซึ่งเป็นผู้ประกันตน ม.40 จำนวน 5,258,030 คน ที่เว็บไซต์ sso.go.th ของสำนักงานประกันสังคม
ประกันสังคมกำหนดวันจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตน มาตรา 40 คนละ 5,000 บาท ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือ พื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 25-26 สิงหาคม 2564 ทั้งนี้ ผู้ประกันตน ม.40 สามารถตรวจสอบสถานะ เช็คเงินเยียวยามาตรา 40 (เช็คสิทธิการรับเงินเยียวยา 5,000 บาท) ด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th ช่องทาง เช็คเงินเยียวยามาตรา 40 ประกันสังคม
วิธี เช็คเงินเยียวยามาตรา 40
เช็คเงินเยียวยามาตรา 40 แล้วไม่ได้สิทธิ ต้องทำอย่างไรต่อดี?
รอบการการจ่ายเงินเยียวยาประกันสังคม มาตรา 40
ผู้จ่ายเงินสมทบก่อน 3 สิงหาคม 2564 รับโอนเงินเยียวยาตามลำดับเลขหน้าบัตรประชาชน
หมายเหตุ: สำหรับผู้ที่โอนไม่สำเร็จ สำนักงานประกันสังคมจะทำการโอนเงินรอบเก็บตกให้ทุกวันพฤหัสบดี รอบเวลาการโอนเงินเยียวยาของแต่ละธนาคาร
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เงินเยียวยาผู้ประกันตน ม.401. คุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมายที่มีสิทธิได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท
2. ต้องอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 29 จังหวัดผู้ประกันตน มาตรา 39 และ มาตรา 40 ที่จะมีสิทธิรับเงินเยียวยาต้องอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งประกาศเป็นพื้นที่ ‘ล็อกดาวน์’ ได้แก่
หมายเหตุ: การเดินทางเข้า-ออกพื้นที่สีแดงเข้มต้องลงทะเบียนรับ QR Code เดินทางข้ามพื้นที่ covid-19.in.th ‘หยุดเชื้อเพื่อชาติ’ ด้วย 3. จ่าย เงินเยียวยาผู้ประกันตน ผ่านพร้อมเพย์วิธีการจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ประกันตน ม.40 จะใช้วิธีโอนเงินให้ผู้ประกันตนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ (PromptPay) ที่ผูกบัญชีกับเลขประจำตัวประชาชนแล้วเท่านั้น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ครม. ได้มอบให้กระทรวงแรงงานเร่งตรวจสอบยืนยันตัวตนของกลุ่มเป้าหมายเพื่อไม่ให้เกิดการเยียวยาซ้ำซ้อน และเร่งให้โอนเงินเยียวยาผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดใน 10 จังหวัด ก่อนระยะเวลาที่กำหนด ภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ที่สถานการณ์การระบาดของโควิดมีความรุนแรงและได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามข้อกำหนดฯ ของรัฐบาลก่อนพื้นที่อื่นๆ ทั้งนี้ รัฐบาลได้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ผู้ประกันตน ม.40 จำนวน 5,258,030 คน กลุ่มกิจการที่ได้รับเงินเยียวยา 9 ประเภทกิจการ1. ที่พักแรมและบริการด้านอาหารตัวอย่างกิจการ
2. การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้าตัวอย่างกิจการ
3. การขายแข่งและการขายปลีกตัวอย่างกิจการ
4. กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุนตัวอย่างกิจการ
5. กิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการตัวอย่างกิจการ
6. ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารตัวอย่างกิจการ
7. การก่อสร้างตัวอย่างกิจการ
8. กิจกรรมการบริการด้านอื่นๆตัวอย่างกิจการ
9. ศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการตัวอย่างกิจการ
ลดอัตราส่งเงินสมทบให้ผู้ประกันตน ม.40 เหลือ 60% ตั้งแต่ ส.ค. 2564 – ม.ค. 2565พระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2564 ได้ปรับลดอัตราการส่งเงินสมทบของผู้ประกันตน ม.40 ลงเหลือ 60% เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ถึง 31 มกราคม พ.ศ. 2565 ทำให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 ซึ่งเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ ฟรีแลนซ์ ค้าขาย และสนใจประกันตนภาคสมัครใจ จะมีทางเลือกส่งเงินสมทบได้ 3 ทางเลือก
หมายเหตุ: ทางเลือกที่ 1 จะได้รับประโยชน์ทดแทนน้อยที่สุด ในขณะที่ทางเลือกที่ 3 จะได้รับประโยชน์ทดแทนมากที่สุด |