2024 ทำไม เฟสบ คจ ง บล อคไฟล ส ดเวลาเป ดเพลง

พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ขายของบน Facebook ช่วงนี้รู้สึกว่าโพสต์ของคุณลูกค้าเห็นไม่เยอะเหมือนก่อนหรือลดลงเรื่อยๆ นั้นเป็นเพราะ Facebook ปิดกั้นการมองเห็นโพสต์ของคุณอยู่เปล่า หากเกิดเหตุการแบบนี้ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน เพื่อไม่ให้สูญเสียลูกค้าร้านคุณไป Facebook ปิดกั้นการมองเห็นโพสต์ คืออะไร สามารถแก้ไขได้อย่างไร ตามมาดูวิธีแก้ไขตรงนี้ได้เลย

Show

Facbook ปิดกั้นการมองเห็นคืออะไร

Facbook ปิดกั้นการมองเห็น คือ การที่ของผู้ใช้มีจำนวนการกดไลค์ กดแชร์ หรือคอมเมนต์ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยที่จำนวนผู้ติดตามและผู้กดถูกใจเพจยังคงมีจำนวนเท่าเดิม หรือเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเรื่อย ๆ นั้นเอง ซึ่งว่าธีการสังเกตว่า Facbook ปิดกั้นการมองเห็นโพสต์หรือเพจของคุณอยู่รึเปล่านั้น หากเป็นบน Fanpage ให้ดูที่จำนวนยอด Reach ของโพสต์ที่อัปเดตลงในเพจว่ามียอดการมองเห็นและมีส่วนร่วมเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร สำหรับบน Facebook ส่วนตัวนั้นให้ดูที่ยอดการกดถูกใจ คอมเมนต์ และการแชร์โพสต์ได้เลย ว่ามีปริมาณเพิ่มขึ้นหรือลดลงกว่าเดิม การมีปริมาณที่ลดลงนั่นหมายความว่าอาจจะกำลังโดน Facbook ปิดกั้นการมองเห็นเข้าแล้ว

2024 ทำไม เฟสบ คจ ง บล อคไฟล ส ดเวลาเป ดเพลง

3 สาเหตุที่ Facbook ปิดกั้นการมองเห็นโพสต์

โพสต์เนื้อหาที่ผิดกฎ

แน่นอนว่า Facebook เคร่งกับการโพสต์เนื้อคอนเทนต์ที่ผิดกฎลงบนแพลตฟอร์มมาก ๆ ทั้งภาพที่น่ากลัวอย่างอุบัติเหตุ ภาพที่เข้าข่ายโป๊หรืออนาจาร หรือยาเสพติด จะถูก AI ของ Facebook ตรวจจับและแจ้งเตือนและก็จะถูกลดการมองเห็นหรือปิดกั้นการมองเห็นไปเลย

การตั้งค่าโพสต์เป็นแบบเฉพาะกลุ่ม

สำหรับคนที่ใช้ Facebook ส่วนตัวเป็นช่องทางโปรโมทสินค้า แต่ตั้งค่าผู้ที่สามารถมองเห็นโพสต์ให้เป็นแบบเฉพาะเพื่อหรือเฉพาะกลุ่ม ก็จะทำให้มีผู้มองเห็นโพสต์สินค้าน้อยลงได้ จนเข้าใจไปว่าตนเองถูกปิดกั้นการมองเห็นสินค้าได้นั่นเอง

แชร์โพสต์หรือเนื้อหาที่เป็นสแปมมากเกินไป

หากโพสต์คอนเทนต์หรือแชร์โพสต์จากเพจอื่นบ่อยเกินไป จะทำให้ถูกระบบ AI ของ Facebook มองว่าเป็นสแปมได้ด้วย อย่างเช่นการให้ปักหมุดเพื่อดันโพสต์ พิมพ์ข้อความต่าง ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกัยเนื้อหาของเพจ

4 วิธีแก้ Facbook ปิดกั้นการมองเห็นโพสต์

ไม่ลงโพสต์ที่ผิดกฎ Facebook

แอดมินเพจและผู้ทำคอนเทนต์บน Facebook ควรตรวจสอบสอบเนื้อหาของคอนเทนต์และเนื้อหาที่แชร์มายังเพจ ว่ามีเนื้อหาที่เข้าข่ายผิดนโยบายหรือกฎของ Facebook หรือไม่ เช่น สิ่งผิดกฎหมาย ยาเสพติด ภาพอนาจาร และการพนัน เป็นต้น

ปรับปรุงคุณภาพโพสต์ให้ดี

ลองเช็คดูว่าโพสต์และเนื้อหาคอนเทนต์ของคุณโดนใจแฟนเพจหรือผู้ติดตามมากน้อยแค่ไหน นอกจากโพสต์ที่ขายของอย่างเดียวแล้ว ลองเปลี่ยนเป็นทำคอนเทนต์แนว VDO สลับกับภาพนิ่ง และคอนเทนต์แนวให้ความรู้ โดยมีข้อดีของสินค้าแฝงไว้ ก็จะทำให้ลูกเพจรู้สึกว่านอกจากการติดตามเพื่อซื้อสินค้าแล้ว เพจหรือร้านของคุณยังให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์กับเขาอีกด้วย

ผลิตคอนเทนต์ที่ทำให้เกิดการโต้ตอบมากขึ้น

นอกจากคอนเทนต์ที่ให้ประโยชน์และความรู้แล้ว ลองชวนลูกเพจพูดคุยและโต้ตอบบนหน้าเพจผ่านโพสต์กิจกรรมหรือโพสต์ที่ชวนให้อยากเข้ามาคอมเมนต์ตอบ เพราะอัลกอริทึมของ Facebook ชอบโพสต์ที่ก่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ภายในเพจและจะส่งผลให้เพจของคุณมีผู้คนมองเห็นเพิ่มขึ้นนั่นเอง

บูสต์โพสต์หรือยิงโฆษณา

หากมั่นใจว่า Facebook ปิดกั้นการมองเห็นของเพจและการทำให้การเพิ่มการมองเห็นแบบออแกนนิคไม่สามารถได้ตามเป้าหมาย ก็สามารถใช้การบูตส์โพสต์หรือยิงโฆษณาเข้ามาช่วยเพิ่มการมองเห็น ก็จะทำให้ยอด Reach ของคุณเพิ่มขึ้นได้

การโพสต์คอนเทนต์และกิจกรรมบนเพจเป็นสิ่งสำคัญมากที่ส่งผลว่า Facebook จะปิดกั้นการมองเห็นโพสต์ของเพจหรือ Facebook ส่วนตัวของคุณหรือไม่ หากไม่อยากถูกปิดกั้นเจ้าของเพจต้องควบคุมคุณภาพการทำคอนเทนต์ และตรวจสอบจำนวน Reach ยอดไลค์ ยอดแชร์ ของคนเทนต์คุณให้ดี เมื่อเห็นยอดลดลงแบบผิดปกติ ก็จะได้เร่งแก้ไขได้ทันเวลา ทำให้ Facebook รู้ว่าเพจของคุณมีคุณภาพและไม่ปิดกั้นการมองเห็นนั่นเอง

สวัสดีค่ะ พอดีเป็นสมาชิก youtube premium ปกติเวลาฟังเพลงหรือดูวิดิโออะไรอยู่ก็แล้วแต่ ออกแล้วเข้าแอพอื่น มันก็ยังเล่นอยู่ เข้าFacebookก็เล่นปกติ แต่วันนี้ทำไมอยู่เข้าfacebookแล้ว วิดิโอในยูทูปมะนหยุดเล่น แต่เข้าแอพอื่นไม่มีปัญหานะคะ ยังเล่นตลอด ใครเป็นบ้างคะ เป็นเพราะอะไรคะ

แก้ไขข้อความเมื่อ

ทำคลิปHBDให้แฟน แต่พอลองลงแล้วโดนลบไปเนื่องจากติดเรื่องลิขสิทธิ์ เพลงโหลดมาจาก 4shared รูปเป็นของผมเอง ถ้าโหลดเพลงผ่าน iTune จะยังติดอยู่ไม๊ครับ? หรือมีวิธีแก้ไขยังไงครับ

ขอบคุณครับ

ปล.ถ้าแทคผิดขออภัยด้วยครับ ไม่รู้แทคห้องไหนจริงๆ

แก้ไขข้อความเมื่อ

ที่มีอัตราผู้ใช้งานสูงที่สุดในโลก ไม่ว่าใคร ๆ ต่างก็มีแอ็กเคานต์ Facebook เป็นของตัวเองทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ร้านขายของออนไลน์ที่เลือกใช้แพลตฟอร์มนี้เป็นช่องทางในการทำธุรกิจของตนเองเช่นกัน ส่งผลให้ในวันหนึ่ง ๆ Facebook ต้องรองรับคอนเทนต์เป็นจำนวนมากกว่าสิบล้านโพสต์ต่อวัน ดังนั้น Facebook จึงจำเป็นต้องคัดกรองคอนเทนต์ที่อัลกอริทึมมองว่ามีคุณภาพ หรือที่คิดว่าผู้ใช้งานคนนั้น ๆ จะสนใจขึ้นมาปรากฏบนหน้าไทม์ไลน์ ส่วนคอนเทนต์ไหนที่อัลกอริทึมคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานก็จะถูกตัดออกไปจากการมองเห็นโดยปริยาย สิ่งนี้เองที่เรามักเรียกว่าเป็นปัญหา Facebook ปิดกั้นการมองเห็น ที่ใครต่อใครหลายคนต้องเจอในการเล่น Facebook ช่วงหลังมานี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้เลย เพราะบทความในวันนี้เราจะมาบอกถึงสาเหตุที่ทำให้ถูกปิดกั้นการมองเห็น รวมไปถึงการเปิดการมองเห็น Facebook ให้แอ็กเคานต์ของเรากลับมาครึกครื้นเหมือนเดิม!

2024 ทำไม เฟสบ คจ ง บล อคไฟล ส ดเวลาเป ดเพลง

ทำไมถึงถูก Facebook ปิดกั้นการมองเห็น?

ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า Facebook นั้นมีจำนวนผู้ใช้งานมากมายมหาศาลต่อวัน ทำให้ตัวแอปฯ จำเป็นต้องคัดกรองคุณภาพของแต่ละคอนเทนต์ ว่าคอนเทนต์ไหนควรขึ้นที่หน้าฟีดของใครให้เหมาะสมกับลักษณะของผู้ใช้งานแต่ละบุคคล เพราะถ้าหากว่า Facebook แสดงหมดทุกคอนเทนต์ก็คงเป็นไปไม่ได้ หรือหากเป็นไปได้ก็อาจสร้างความรำคาญให้แก่ผู้ใช้งานบางคนที่ไม่ได้ต้องการเห็นบางคอนเทนต์ และจะทำให้ผู้ใช้งานเหล่านั้นหนีไปใช้แพลตฟอร์มอื่นได้ เมื่อนั้น Facebook ก็จะสูญเสียความนิยม อันนำมาซึ่งรายได้จะหายไป

นอกจากนี้ เรายังต้องทำความเข้าใจ “มาตรฐานชุมชนของ Facebook” ด้วย เนื่องจากแต่เดิมแล้ว Facebook ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันเรื่องราวในชีวิตประจำวัน และการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์อย่างเหมาะสม ซึ่งคงจะไม่ดีเท่าไรหากเราเข้า Facebook มาแล้วหวังจะเสพข่าวสารและคอนเทนต์จรรโลงใจต่าง ๆ แต่หน้าฟีดกลับมีแต่คอนเทนต์ขายของ หรือคอนเทนต์ที่เราไม่ต้องการดู ในส่วนนี้เองที่ทำให้ร้านขายของหลาย ๆ ร้านต้องประสบกับปัญหาที่ว่าคนมองเห็นโพสต์ของร้านน้อยลง ไม่ค่อยมีคนกดไลก์ กดแชร์ หรือคอมเมนต์เหมือนแต่ก่อน ก็เพราะว่า Facebook ปิดกั้นการมองเห็นโพสต์ไปนั่นเอง โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ถูกปิดกั้น มีดังนี้

โพสต์เนื้อหาผิดกฎของ Facebook

เป็นที่รู้กันว่า Facebook นั้นเข้มงวดกับการโพสต์เนื้อหาที่ผิดกฎลงบนแพลตฟอร์มเป็นอย่างมาก เช่น ภาพน่ากลัวอย่างอุบัติเหตุ ภาพที่เข้าข่ายอนาจาร หรือสิ่งของผิดกฎหมายอย่างยาเสพติด เป็นต้น ก็จะถูก AI ของ Facebook ตรวจจับและแบนทันที เมื่อเป็นเช่นนั้น เพจก็จะถูกลดการมองเห็น ไปจนถึงปิดกั้นการมองเห็นไปเลย

การตั้งค่าโพสต์เป็นแบบเฉพาะกลุ่ม

กรณีนี้สำหรับคนที่ใช้ Facebook ส่วนตัวขายของ แต่ตั้งค่าให้ผู้ที่สามารถมองเห็นโพสต์ได้เป็นแบบเฉพาะกลุ่ม ก็จะทำให้มีคนเห็นสินค้าของเราน้อยลงได้ จนอาจเข้าใจผิดไปเองว่าถูกปิดกั้นการมองเห็น

แชร์โพสต์หรือเนื้อหาที่เป็นสแปมมากเกินไป

หากโพสต์คอนเทนต์หรือแชร์โพสต์จากเพจอื่นบ่อยเกินไปซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเพจ ก็จะทำให้ Facebook มองว่าเป็นสแปมได้

เปิดการมองเห็น Facebook ทำยังไง?

เมื่อ Facebook พยายามคัดกรองคุณภาพของคอนเทนต์ที่ผ่านการคัดเลือกให้ปรากฏบนหน้าฟีดเช่นนี้ เราก็มีวิธีแก้ที่จะช่วยให้เพจสามารถกลับมาเปิดการมองเห็น Facebook ได้เหมือนเดิม ด้วยทริกต่อไปนี้

ไม่โพสต์ถี่จนเกินไป

เรียกได้ว่าข้อนี้เป็นกับดักของหลาย ๆ คนที่เพิ่งเริ่มทำเพจเลยทีเดียว เพราะเมื่อเราเปิดเพจใหม่แล้วเริ่มมีคนติดตาม บางคนอาจจะเข้าใจว่าเราต้องขยันโพสต์ถี่ ๆ เพื่อให้ลูกเพจเห็นคอนเทนต์ของเราตลอดเวลา แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น ถึงแม้ว่า Facebook จะไม่มีกฎตายตัวว่าควรโพสต์กี่ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ทางที่ดีเราก็ไม่ควรโพสต์เกินวันละหนึ่งครั้ง ยกเว้นว่ามีเนื้อหาที่จำเป็นต้องโพสต์ให้ตรงตามกำหนดเวลา เพราะความจริงที่หลายคนมักเข้าใจผิดก็คือ การไม่โพสต์ไม่ได้ทำให้เราเสียผู้ติดตามมากเท่ากับการโพสต์ถี่ ๆ จนสร้างความรำคาญให้แก่ผู้ที่พบเห็นเราเป็นประจำ โดยยิ่งเราโพสต์ออกไปมากเท่าไร คะแนนการมีส่วนร่วม (Engagement) ที่ Facebook คำนวณก็จะน้อยลงเท่านั้น ซึ่งย่อมส่งผลเสียต่อตัวแบรนด์อย่างแน่นอน

โพสต์เนื้อหาที่กระตุ้นให้คนอยากมีส่วนร่วม

เนื้อหาของโพสต์นั้นเรียกได้ว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดที่จะเป็นตัววัดว่าโพสต์ของเราจะมียอด Engagement มากหรือน้อยเลยทีเดียว โดยถ้าหากเราสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่น่าสนใจและดึงดูดให้คนเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับโพสต์ของเราได้ ยิ่งมากเท่าไรก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการเปิดการมองเห็น Facebook มากเท่านั้น ดังนั้น เราจึงควรหมั่นสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและคำนึงถึงเรื่อง Engagement เสมอ

ใส่ภาพหรือวิดีโอประกอบในเนื้อหา

การโพสต์เนื้อหาที่มีแต่ข้อความอย่างเดียว ไม่มีภาพ หรือวิดีโอประกอบเลยก็อาจจะทำให้ดูน่าเบื่อและไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับคอนเทนต์อื่น ๆ บนหน้าฟีด ซึ่งตรงนี้ก็นับเป็นจุดบอดที่ Facebook นำมาคำนวณเช่นกัน โดยจากสถิติแล้ว โพสต์ที่ใส่หลาย ๆ ภาพ หรือเป็น Photo Album จะได้รับ Engagement เพิ่มขึ้น 180% ส่วนภาพเดี่ยว หรือ Single Image เพิ่มขึ้น 120% และวิดีโอเพิ่มขึ้น 100% เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรหลีกเลี่ยงการใส่เพียงข้อความเปล่า ๆ เพราะถ้าหากคอนเทนต์ของเราไม่มีคนสนใจ Facebook ก็จะมองว่าโพสต์นั้นไม่มีประโยชน์และปิดกั้นการมองเห็นทันที

กำหนดวันและเวลาที่ดีที่สุดในการโพสต์

แม้ Facebook จะไม่ได้ประกาศกฎเกณฑ์ออกมาอย่างเป็นทางการว่าเราควรโพสต์ช่วงเวลาไหนกันแน่ แต่เราก็ควรศึกษาข้อมูลในส่วนนี้ด้วย เพราะการเผยแพร่เนื้อหาให้ตรงกับช่วงเวลาที่กลุ่มเป้าหมายของเราออนไลน์อยู่จะทำให้โพสต์ได้รับการมองเห็นมากขึ้น โดยเราสามารถตรวจสอบ Performance ในระบบหลังบ้านของเพจได้เลย เพื่อดูว่าวันและเวลาใดที่โพสต์ของเราได้ผลลัพธ์ดีที่สุด จากนั้นก็คอยหมั่นโพสต์เนื้อหาในเวลาดังกล่าวเป็นประจำ

คอยหมั่นเตือนให้ลูกเพจกดติดดาว

การกดติดดาว คือการตั้งค่าเพื่อรับการแจ้งเตือนจากเพจ ซึ่งถ้าหากเราโพสต์การอัปเดตที่คอยกระตุ้นให้บรรดาลูกเพจทำเช่นนี้ ก็จะทำให้การมองเห็นโพสต์ของเราเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ใช้ Facebook Stories

หนึ่งในฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมในขณะนี้ก็คือ Facebook Stories นั่นเอง โดยผู้คนมักนิยมใช้ในลักษณะเดียวกันกับ IG Stories คือการแบ่งปันเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่าการเลื่อนดูหน้าฟีดแบบปกติ เนื่องจากฟีเจอร์ Stories จะอยู่ด้านบนสุดของฟีด ทำให้มองเห็นได้ง่ายกว่าโดยไม่ต้องเลื่อนขึ้นเลื่อนลงให้เมื่อยนิ้ว

มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดตามสม่ำเสมอ

เช่น อาจตั้งคำถามพูดคุยกับลูกเพจเกี่ยวกับหัวข้อและประเด็นที่กำลังเป็นเทรนด์ หรือที่คาดว่าคนจะให้ความสนใจเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังสามารถใช้การถ่ายทอดสด หรือไลฟ์ (Live) ในการช่วยกระตุ้น Engagement จากผู้ติดตามได้ โดยอาจเป็นการขายสินค้าลดราคาผ่านไลฟ์เพื่อเรียกให้คนเข้ามาดู ซึ่งวิธีนี้จะช่วยดึงความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย ทั้งยังกระตุ้นการมีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างร้านค้าและผู้บริโภค ตลอดจนสามารถเพิ่มจำนวนผู้ติดตามได้มากขึ้นอีกด้วย

อย่าโพสต์อะไรที่ดูไม่น่าเชื่อถือ

หนึ่งในสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ Facebook ปิดกั้นการมองเห็นก็คือ การเผยแพร่เนื้อหาที่ดูไม่น่าเชื่อถือ สร้างความเข้าใจผิด การสะเทือนอารมณ์ และเป็นสแปม โดยวิธีการหลีกเลี่ยงไม่ให้ Facebook เข้าใจว่าโพสต์ของเรามีเนื้อหาประเภทนั้นคือการตั้งหัวข้อเรื่องให้ชัดเจน ว่าเรากำลังพูดถึงเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ผู้อ่านจะได้รู้อะไรจากการอ่านโพสต์นี้ และห้ามใช้คลิกเบต (Clickbait) ที่เป็นการหลอกล่อให้คนคลิกด้วยการพาดหัวที่เกินจริง หรือใช้ภาพที่ชวนเข้าใจผิดเด็ดขาด

บูสต์โพสต์หรือยิงโฆษณา

หากมั่นใจว่าแอ็กเคานต์หรือเพจของเราถูก Facebook ปิดกั้นการมองเห็นจริง ๆ วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเอาชนะ AI ของ Facebook นั่นก็คือการบูสต์โพสต์หรือการยิงโฆษณา (Facebook Ads) นั่นเอง เพราะการทำเช่นนี้คือการที่เราใช้เงินซื้อพื้นที่โฆษณาบนแพลตฟอร์ม ทำให้เนื้อหาของเราไปปรากฏอยู่บนหน้าฟีดของกลุ่มเป้าหมายได้แบบ 100%

สรุป

แม้การขายของบน Facebook จะไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปจากการที่ Facebook ปิดกั้นการมองเห็น แต่เราก็ยังสามารถแก้ไขคุณภาพของโพสต์ให้ดีขึ้นได้เพื่อลดปัญหาในส่วนนี้ โดยเราควรหมั่นสังเกตและตรวจสอบยอด Engagement ของเพจเป็นประจำ ว่ายอดยังมีความเสมอต้นเสมอปลายอยู่หรือไม่ หากช่วงใดที่รู้สึกว่ายอดกดไลก์ กดเแชร์ คอมเมนต์เริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ ก็ให้สันนิษฐานว่าโดนปิดกั้น และเพื่อไม่ให้เป็นการแก้ปัญหาในยามที่สายเกินไป ก็ให้ใช้เทคนิควิธีข้างต้นนี้เพื่อให้คนเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับเพจดังเดิมทันที เมื่อนั้น Facebook ก็จะได้รู้ว่าเพจของเราเป็นเพจที่มีคุณภาพ และไม่ปิดกั้นการมองเห็นโพสต์นั่นเอง