Google Keyword Planner คือ เครื่องมือวางแผนการใช้งานคีย์เวิร์ด หรือใช้สำหรับการทำ Keyword Research เพื่อให้ได้คีย์เวิร์ดสำหรับการยิงโฆษณา Google Ads ที่แม่นยำและตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด และสำหรับนำไปเขียนบทความ SEO เพื่อดันอันดับเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรกของการค้นหาอย่างมีประสิทธิภาพ Show
โดยที่คุณสามารถเข้าไปใช้งาน Google Keyword Planner ได้ฟรี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพียงแค่สมัครบัญชี Google Ads เพื่อลงชื่อเข้าใช้งานเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องมีการทำโฆษณาจริง หรือผูกบัตรเครดิตใด ๆ เลย วิธีสมัคร Google Keyword Planner1. ให้คุณเข้าไปที่ https://ads.google.com และกด “ลงชื่อเข้าใช้” บริเวณมุมขวาบน 2. กดไปที่ “NEW GOOGLE ADS ACCOUNT” 3. คลิกที่ “Create your first campaign” และเลือก “Create an account without a campaign” เพื่อกรอกข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของคุณ แต่ไม่ต้องผูกบัตรเครดิตเพื่อสร้างแคมเปญใด ๆ 4. ตั้งค่าข้อมูลตามภาพ จากนั้นให้กด “Submit” 5. ทุกอย่างพร้อมให้คุณเริ่มใช้งาน Google Keyword Planner แล้ว! วิธีใช้ Google Keyword Plannerเมื่อคุณสมัครบัญชี Google Ads เรียบร้อยแล้ว คุณจะสามารถเข้าถึงเครื่องมือต่าง ๆ ได้ รวมถึง Keyword Planner ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะแบ่งฟีเจอร์ให้ใช้งาน 2 แบบด้วยกัน คือ Discover new keywords และ Get search volume and forecasts ดังภาพประกอบด้านล่างนี้ และสำหรับวิธีใช้ Google Keyword Planner นั้น ไม่ยากอย่างที่คิด เดี๋ยวเราจะมาสอนวิธีใช้งานแบบเข้าใจได้ง่าย ๆ ดูแล้วทำตามได้เลยกัน! วิธีใช้ Discover new keywordsDiscover new keywords คือ ฟีเจอร์ที่จะช่วยให้คุณค้นพบคีย์เวิร์ดใหม่ ๆ ที่คนกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนั้น เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ที่มีความสนใจเกี่ยวกับสินค้าและบริการของธุรกิจคุณได้ ตัวอย่างภาพ วิธีใช้งานฟีเจอร์ Discover new keywords ให้คุณเข้าไปที่ Discover new keywords จะพบกล่องข้อความดังภาพข้างต้น จากนั้นให้ใส่คีย์เวิร์ดที่ต้องการ (สูงสุด 10 คีย์เวิร์ด) หรือใส่ลิงก์เว็บไซต์ที่คุณต้องการดูคีย์เวิร์ด และกด “Get Results” เพื่อแสดงผลลัพธ์ ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดที่คุณได้ทำการค้นหาและคีย์เวิร์ดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (Keyword Ideas) ซึ่งจะประกอบไปด้วยข้อมูลดังต่อไปนี้
วิธีใช้ Get search volume and forecastsเมื่อคุณได้คีย์เวิร์ดจาก Discover new keywords มาแล้วต้องการทำโฆษณา Google Ads ให้เข้ามาที่ฟีเจอร์ Get search volume and forecasts กันต่อเลย ซึ่งฟีเจอร์นี้จะเป็นการเช็ก Search Volume ของคีย์เวิร์ดแต่ละคำ และช่วยให้คุณคาดเดาประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาของคุณได้ล่วงหน้า เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าคีย์เวิร์ดคำไหนควรนำไปทำโฆษณาหรือไม่อย่างไร เมื่อคุณใส่คีย์เวิร์ดเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกที่ “Get started” ได้เลย จากนั้น Google Keyword Planner ก็จะแสดงค่าต่าง ๆ ออกมาให้คุณพิจารณาและประเมินงบประมาณในการยิงโฆษณา โดยประกอบไปด้วยค่าต่าง ๆ ดังนี้
Avg. CPC (Average Cost Per Click) : ราคาเฉลี่ยของการคลิกโฆษณา 1 ครั้ง และหลังจากที่คุณประเมินคีย์เวิร์ดและงบประมาณเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเริ่มแคมเปญโฆษณาได้เลย โดยกดไปที่ปุ่ม “Create campaign” ด้านขวามือดังภาพข้างต้น 3 เทคนิคการใช้ Google Keyword Plannerแองก้าขอแนะนำ 3 เทคนิคเด็ดในการใช้ Google Keyword Planner ให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด และให้ประโยชน์แก่ธุรกิจของคุณแบบจัดเต็ม ดังนี้! 1. ใช้หาไอเดียใหม่ ๆ พร้อมเจาะคีย์เวิร์ดของคู่แข่งเทคนิคการใช้ Google Keyword Planner ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั่นก็คือการค้นหาไอเดียใหม่ ๆ เพื่อนำมาทำคอนเทนต์ต่าง ๆ ซึ่งคุณสามารถนำไอเดียคีย์เวิร์ดที่ได้ไปทำคอนเทนต์ได้ทุกช่องทางบนโลกออนไลน์ ทั้งนำไปทำ Ad Copy, เขียน Caption, เขียนบทความ, ทำกราฟิกดีไซน์ หรือผลิตวิดีโอในเรื่องนั้น ๆ ก็ได้เช่นกัน เข้าไปที่ Discover New Keywords > พิมพ์คีย์เวิร์ดที่ต้องการลงไป > กด Get Result > จากนั้น Google Keyword Planner จะแสดงไอเดียคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องให้ หรือถ้าคุณอยากรู้ว่าคู่แข่งของคุณใช้คีย์เวิร์ดอะไรบ้าง คุณก็สามารถกรอกคีย์เวิร์ด พร้อมระบุเว็บไซต์คู่แข่งลงไปในช่อง “Enter a site to filter unrelated keywords” ได้เลย 2. ค้นหาคีย์เวิร์ดที่แม่นยำยิ่งขึ้นจากการทำ Keyword Research ด้วยคีย์เวิร์ดคำกว้าง ๆ ที่ไม่เฉพาะเจาะจง (Generic Keyword) คุณอาจจะได้ไอเดียใหม่ ๆ ในการทำคอนเทนต์ก็จริง แต่อาจจะไม่ได้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำมากนัก ลองใช้คีย์เวิร์ดที่ยาวขึ้น หรือพวกประโยคคำถามอย่าง “ทำ SEO ที่ไหนดี”, “บริษัทรับทำ SEO ในไทย 2024 ” หรือ “วิธีการทำ On-page SEO อย่างละเอียด” ดู และคุณจะพบว่ามันสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจในเรื่องนั้น ๆ อย่างแท้จริง และพร้อมที่จะจ่ายเงินให้แก่คุณมากขึ้นกว่าคีย์เวิร์ดสั้น ๆ บทความแนะนำ : Keyword คืออะไร? มีกี่ประเภท? 3. เพิ่มประสิทธิภาพให้แก่การทำ Local SEOอย่างที่เราเห็นว่า Search Volume ของคีย์เวิร์ดแต่ละคำที่ปรากฏขึ้นใน Google Keyword Planner ที่เราใช้กันนั้นเป็น “ปริมาณโดยรวมของทั่วประเทศไทย” ไม่ใช่ “ปริมาณที่มีการค้นหาจริงในแต่ละพื้นที่” ดังนั้น เพื่อให้คุณได้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ที่คุณต้องการได้อย่างแม่นยำ และวางแผนในการทำการตลาดได้อย่างเหมาะสม คุณควรรู้ว่าคีย์เวิร์ดแต่ละคำ มีปริมาณการค้นหามากน้อยเพียงใดในแต่ละพื้นที่ เพียงแค่คุณกดเปลี่ยน Location จาก Thailand เป็นพื้นที่ที่คุณต้องการเท่านั้นเอง เรียกได้ว่าเทคนิคนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ทำ Local SEO อย่างมาก! ข้อจำกัดของ Google Keyword Plannerสำหรับบัญชีที่ไม่ได้มีการทำแคมเปญโฆษณาร่วมด้วย หรือบัญชีที่เปิดมาเพื่อทำ Keyword Research ของฝั่ง SEO เท่านั้น (เวอร์ชันฟรี) จะมีข้อจำกัดอยู่ 2 ประการ คือ
บทสรุป วิธีใช้ Google Keyword PlannerGoogle Keyword Planner เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้การทำงานในส่วนของ SEO และ Google Ads ของคุณง่าย สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งการทำ Keyword Planner นี้ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของการทำการตลาดออนไลน์ที่มีความสำคัญไม่แพ้กลยุทธ์อื่น ๆ เลย เพราะถ้าคุณเลือกคีย์เวิร์ดได้ดี ธุรกิจของคุณก็มีชัยเหนือคู่แข่งไปกว่าครึ่งแล้วนั่นเอง! |