12 ม.ค.47 หลวงพ อทอง ร นวางศ ลาฤกษ ว ดตาลนาแชง

12 ม.ค.47 หลวงพ อทอง ร นวางศ ลาฤกษ ว ดตาลนาแชง

ปาริฉัตร เมืองประแก้ว Download

  • Publications :0
  • Followers :0

หนังสือภูมิปัญญาท้องถิ่น จอมทอง

หนังสือภูมิปัญญาท้องถิ่น จอมทอง

Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!

Create your own flipbook

View Text Version Likes : 0 Category : All Report

  • Follow
  • Upload
  • 0
  • Embed
  • Share

หนังสือภูมิปัญญาท้องถิ่น จอมทอง

เผยแพร่: 7 ต.ค. 2551 19:41 โดย: MGR Online

พบผู้เสียชีวิตจากเหตุตำรวจทำร้าย ปชช.แล้ว เป็นหญิงอายุ 20 ปีเศษ มีบาดแผลขนาดใหญ่บริเวณหน้าอกด้านซ้าย เสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล เมื่อมาถึงแพทย์ก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว ขณะนี้รอผลพิสูจน์จากนิติเวช ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเป็น 72 ราย อาการหนักเข้าผ่าตัด 4 ราย ด้านสธ.สรุปยอดคนเจ็บจากเหตุชุมนุมล่าสุดเวลา 18.00 น. มีทั้งหมด 208 ราย ตาย 1 ราย

สำหรับรายชื่อผู้ที่เข้ารักษาตัวยัง รพ.รามาฯ ในช่วงเวลา 19.30 น. มีดังนี้

ไพโรจน์ วัฒนากิจรุ่งเรื่อง อดิศร รักสนิท ฐานิต ลิ้มสุวัฒน์ เดชา บุญธรรม ศุขสันต์ เจริญกิจตระกูล ลักขณา ตรงบรรเจิด มนัส ศิริ นภาพร เจริญกิจชัยกุล สุวรรณ ตางรัก ปรียา แสงวิจิตร บุญส่ง พานวนิช จริยา บาแกรี วันดี เจริญกิจชัยกุล นาตยา เปลื้องสันเทียะ สุวรรณ ตาลลักษณ์ เกรียงศักดิ์ กาญจนสกุล ตี๋ แซ่เตียว สุกัญา เมฆกุลวิโรจน์ ชายไม่ทราบชื่อ 1 ราย หญิงไม่ทราบชื่อ 1 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในเวลา 19.53 น. รศ.ธันย์ สุภัทรพันธ์ ผอ.รพ.รามาธิบดี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวโดยเปิดเผยว่า ที่รพ.รามาฯ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ มารักษาเพิ่มมากขึ้น และมีอาการรุนแรงมากขึ้น โดยขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว เป็นหญิง 1 ราย คือนางสาวอังคณา ระดับปัญญาวุฒิ อายุ 28 ปี มีบาดแผลขนาดใหญ่บริเวณหน้าอกซ้าย เสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล

นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 4 ราย ที่เข้ารับการผ่าตัด ซึ่งส่วนใหญ่ มีปัญหาในเรื่องของกระดูกหัก ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกส่งเข้ามายังรพ.รามาฯ เพิ่มเติมเป็น 72 ราย จากที่ช่วงเช้า กว่า 20 ราย

อย่างไรก็ตาม ทาง รพ.รามาฯ ได้เตรียมความพร้อมตลอดเวลา โดยมีทีมแพทย์เฉพาะทางประจำอยู่ตลอดเวลา แต่เนื่องจากผู้ได้รับบาดเจ็บอาการหนักต้องรับการผ่าตัดจำนวนมาก อาจทำให้ห้องผ่าตัดไม่เพียงพอ จึงได้ประสานงานกับรพ.เครือข่าย สำหรับเตรียมการรองรับแล้ว

สำหรับบาดแผลที่เกิดขึ้น ของผู้บาดเจ็บในช่วงค่ำนั้นหนักกว่าในช่วงเช้า โดยผู้บาดเจ็บที่ขาขาด ขณะนี้อยู่ระหว่างการตกแต่งบาดแผล โดยคาดว่าบาดแผลเกิดขึ้นจากการกระแทกอย่างรุนแรง ที่เกิดจากการยิง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นระเบิดหรือไม่

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภา ลานพระบรมรูปทรงม้า บริเวณหน้ากองบบัญชาการตำรวจนครบาล แยกการเรือน แยกขัตติยานี ทางเข้าพระที่นั่งวิมานเมฆ ถนนราชวิถี ว่า ล่าสุดเวลา 18.00 น.ศูนย์นเรนทร ได้รายงานมีผู้ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลต่างๆทั้งหมด 208 ราย เสียชีวิต 1 รายเป็นชายติดอยู่ในรถจากเหตุเพลิงไหม้รถจี๊ปสีขาวบริเวณใกล้แยกพิชัย โดยได้นำส่งผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 8 แห่ง ดังนี้ วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานคร และวชิรพยาบาล 95 ราย โรงพยาบาลกลาง 8 ราย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 9 ราย โรงพยาบาลศิริราช 22 ราย โรงพยาบาลราชวิถี 5 ราย โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 9 ราย โรงพยาบาลรามาธิบดี 47 ราย โรงพยาบาลตำรวจ 10 ราย และให้การปฐมพยาบาลในที่เกิดเหตุ 3 รายไม่ต้องนำส่งโรงพยาบาล

โรงพยาบาลที่รับผู้บาดเจ็บเข้ารักษารวม 26 ราย ไดแก่ วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานคร และวชิรพยาบาลนอนรักษา 9 ราย โรงพยาบาลกลาง 3 ราย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 2 ราย โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 2 ราย โรงพยาบาลรามาธิบดี 9 ราย โรงพยาบาลตำรวจ 1 ราย

นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้ศูนย์นเรนทร เป็นแกนกลางประสานงานจัดทีมแพทย์ฉุกเฉินพร้อมรถพยาบาลเครื่องมือการแพทย์ครบครันร่วมกับศูนย์เอราวัณ กทม. สำนักการแพทย์กทม.ล่าสุดนี้ได้กระจายทีมแพทย์ฉุกเฉินทุกระดับจำนวน 41 ทีม จอดที่บริเวณหน้าสำนักพระราชวัง ลานพระราชวังดุสิต รอบๆบริเวณรัฐสภา ประกอบด้วยทีมแพทย์ฉุกเฉินระดับสูง 28 ทีม จาก รพ.เลิศสิน วิทยาลัยแพทยศาสตร์กทม. รพ.ราชวิถี และวชิรพยาบาล รพ.นพรัตนราชธานี รพ.ตำรวจ รพ.จุฬาลงกรณ์ รพ.ตากสิน รพ.กลาง

รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ และมาจากจังหวัดข้างเคียงอีก 5 จังหวัด ได้แก่ รพ.ฉะเชิงเทรา รพ.นครปฐม รพ.พระนั่งเกล้า รพ.ชลประทาน รพ.ปทุมธานี รพ.สมุทรปราการ รพ.พระสมุทรเจดีย์ รพ.บางจาก รพ.บางบ่อ รพ.บางน้ำเปรี้ยว ส่วนที่เหลืออีก 13 ทีม มาจากศูนย์เอราวัณ 7 ทีม มูลนิธิร่วมกตัญญู 4 ทีม มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง 2 ทีม พร้อมเข้าไปให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและนำส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อเวลา 20.45 น. รศ.ธันย์ ได้กล่าวสรุปสถานการณ์ผู้เข้ารับการรักษาที่รพ.รามาฯ โดยตั้งแต่ เวลา 16.00 น. ถึงขณะนี้มีผู้เข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้นเป็น 74 ราย โดย 4 รายเข้ารับการผ่าตัด ในจำนวนนี้ 3 ราย กระดูกขาหัก และ 1 รายมีบาดแผลที่คอ ในรายของผู้เสียชีวิตพบมีบาดแผลหน้าอกด้านซ้าย เกิดจากการกระแทกจากสิ่งที่มีความเร็วสูง

สำหรับผู้ที่ถูกสะเก็ดหรือแก๊สน้ำตา เบื้องต้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดจำนวนมาก เปลี่ยนเสื้อผ้าเนื่องจากจะมีละอองสารเคมีติดมากับเสื้อผ้าด้วย ถือเป็นการปฏิบัติตนเบื้องต้นเมื่อเกิดเหตุดังกล่าว