Twitter คนอ นเข ามาด ได ม ยว าเรา follow ใคร

ทวิตเตอร์ (Twitter) เป็นบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์จำพวกไมโครบล็อก (Micro Blogging) โดยผู้ใช้สามารถส่งข้อความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษร ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่หรือ Re-tweet ข่าวสารที่น่าสนใจของคนอื่น และข้อความที่ส่งถึงกันมีศัพท์เรียกว่า "Tweets" ซึ่งเปรียบเหมือนเสียงนกร้องอยู่ตลอดเวลา ข้อความที่จะส่งนั้นต้อง เป็น Plain text เท่านั้นจะแทรกคำสั่งโปรแกรมอะไรไม่ได้ ยกเว้นแต่ Hyperlink

ทวิตเตอร์ก่อตั้งโดยบริษัท Obvious Corp เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2006 ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา

ข้อความอัปเดตที่ส่งเข้าไปยังทวิตเตอร์จะแสดงอยู่บนเว็บเพจของผู้ใช้คนนั้นบนเว็บไซต์ และผู้ใช้คนอื่นสามารถเลือกรับข้อความเหล่านี้ทางเว็บไซต์ทวิตเตอร์, อีเมล, เอสเอ็มเอส, เมสเซนเจอร์ (IM), RSS, หรือผ่านโปรแกรมเฉพาะอย่าง Twitterific Twhirl ปัจจุบันทวิตเตอร์มีหมายเลขโทรศัพท์สำหรับส่งเอสเอ็มเอสในสามประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหราชอาณาจักร

ตัวอย่างหน้าทวิตเตอร์ของผู้ใช้รายหนึ่ง

การเล่น Twitter คือ การติดตามผู้คนที่สนใจในเรื่องเดียวกับเรา เช่น ท่องเที่ยว, อาหาร เทคโนโลยี, ธรรมะ ฯลฯ หรืออาจเป็นการติดตามบุคคลที่เราสนใจ หลังจากที่เราติดตาม (follow) ใครสักคน ข้อความ Tweets ของคนๆ นั้นก็จะปรากฏบนหน้าต่าง Twitter ของเรา (แน่นอน ด้วยข้อความที่ไม่เกิน 140 ตัวอักษร) หากคนที่คุณ follow สนใจในคุณเช่นกัน พวกเขาก็สามารถติดตามคุณได้เช่นกัน (เราเรียกคนที่ติดตามเราว่า followers) เมื่อการติดตามเกิดขึ้นเครือข่ายของคุณก็เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน

ตัวระบบซอฟต์แวร์ของทวิตเตอร์ เดิมพัฒนาด้วย Ruby on Rails จนเมื่อราวสิ้นปี ค.ศ. 2008 จึงได้เปลี่ยนมาใช้ภาษา Scala บนแพลตฟอร์มจาวา

ค.ศ. 2009 ทวิตเตอร์ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างมาก จนนิตยสารไทม์ ฉบับวันที่ 15 มิ.ย. 2009 ได้นำเอาทวิตเตอร์ขึ้นปก เป็นเรื่องเด่นประจำฉบับ และบทบรรณาธิการกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงการนำเสนอข่าว ที่มีที่มาจากเทคโนโลยีใหม่อย่างทวิตเตอร์

ทวิตเตอร์เป็นเว็บไซต์ที่ก่อตั้งขึ้นโดย แจ็ก คอร์ซีย์ ,บิซ สโตน และ อีวาน วิลเลียมส์ เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2006

ประโยชน์ของทวิตเตอร์ (Twitter) :

1. เพื่อนฝูงรู้ Status คุณและไม่ขาดการติดต่อกับเพื่อนฝูง ในทวิตเตอร์ คุณสามารถเขียนข้อความเกี่ยวกับตัวคุณในปัจจุบันว่ากำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน เพื่อนๆ ที่ติดตามคุณ (Followers) ก็จะรู้ได้ และในขณะเดียวกันคนอื่นที่คุณติดตามอยู่ (Following) คุณก็สามารถรู้ Status ของเขาได้ด้วยเช่นกัน
2. ได้ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น จากบุคคลที่เรา Following เช่น ถ้าบุคคลที่เราติดตามมีการอับเดทข้อความที่เป็นสาระความรู้ และหากมีลิ้งค์ไปยังแหล่งข้อมูลนั้นด้วย คุณก็สามารถคลิกไปดูแหล่งข้อมูลความรู้นั้นได้เลย
3. ติดตามข่าว คุณสามารถอ่านรายงานสดจากยูสเซอร์ของทวิตเตอร์คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์หรือสถานที่เกิดเหตุ และยังสามารถติดตามอ่านข่าวจาก CNN (www.twitter.com/cnn หรือเรียกย่อๆ ว่า @CNN) ติดตามอ่านข่าวจาก@NYTimes, @BreakingNewsOn, @nprnews, @weirdnews, @MarsPhoenix, @Astronautics ฯลฯ
4. เป็นช่องทางติดต่อกับบริษัทผู้ผลิต บริษัทมากมายล้วนแล้วแต่มีแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์ให้คุณใช้ในการติดต่อ คุณสามารถใช้ทวิตเตอร์เป็นช่องทางในการร้องเรียนได้หรือสอบถามได้ บริษัทใหญ่ที่มีแอ็กเคานต์ของทวิตเตอร์ เช่น Zappos, Starbucks, Whole Foods, JetBlue และอื่นๆ อีกมาก
5. ขอความช่วยเหลือ ล้กษณะเดียวกับบล็อกหรือฟอรัม ทวิตเตอร์คือสถานที่ที่เหมาะอีกแห่งหนึ่ง สำหรับการตั้งคำถาม ที่คุณไม่อยากจะไปค้นหาคำตอบ ด้วยตัวเอง รวมไปถึงการขอความช่วยเหลือ โอเว่น ริ้งเคิ้ล ผู้พัฒนาทวิตเตอร์บอกกับเราว่า ปัญหาที่คุณเคยใช้เวลาคิด 5 นาที อาจได้คำตอบออกมาภายในเวลา 10 วินาทีบนทวิตเตอร์ แต่นี่หมายถึงอย่างน้อยคุณต้องมีเพื่อนๆ ในชีวิตจริงตามดู (follow) ทวิตเตอร์ของคุณอยู่ และแน่นอนว่าถ้าจะให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุณก็ควรตามดูทวิตเตอร์ของเพื่อนด้วย เพื่อเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
6. โปรโมตผลงาน/เวบไซต์ของคุณหรือของบริษัทคุณ หรือแนะนำเวบไซต์อื่นๆ ที่น่าสนใจ ทวิตเตอร์เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการโปรโมตผลงาน, ประชาสัมพันธ์ หรือแนะนำเวบไซต์ และพยายามให้มีลิงก์โปรโมตแต่พอควร ไม่ควรให้มีมากเกินเพราะจะทำให้คนอื่นรำคาญ และไม่ติดตามคุณอีก
7. ได้รู้จักทั้งคนดังและหรือไม่ดัง และคนที่คุณอยากรู้จัก และสามารถหา Search ด้วยตัวคุณเองในช่อง Search

ไปยังหน้าเวบของ Twitter.com

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก :

//th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C

ถึง Twitter จะโลดแล่นเป็นหนึ่งใน Top Platform โซเชียลมีเดียมาได้สักพัก แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีแบรนด์ในไทยน้อยมากๆ ที่ใช้ช่องทางนี้อย่างจริงจังและประสบความเร็จกับมัน ตรงนี้เพลินขอไม่นับรวมเหล่าร้านพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทั่วไป ที่ขายของกันเก่งจนไว้คราหน้าเพลินจะรวมเทคนิคแพรวพราวของเหล่าแม่ค้ามาแชร์ให้ฟังกันบ้าง แต่ตอนนี้สำหรับแบรนด์ที่ใช้ทวิตเตอร์อยู่แล้วกำลังอยาก เพิ่ม Followers บน Twitter ลองมาดู 7 Actions นี้ที่แบรนด์หรือนักการตลาดไม่ควรทำค่ะ

แน่นอนว่าการเพิ่ม Followers บน Twitter นั้นหลักๆ ต้องอาศัย ‘Purpose’ หรือการตอบลูกค้าให้ได้ก่อนว่า ลูกค้าควรติดตามช่องทางทวิตเตอร์ของแบรนด์คุณไปเพื่ออะไร? เพื่อรับรู้ข่าวสารของแบรนด์งั้นหรอ? เราอาจจะลองถามตัวเองก็ได้ค่ะว่า เราเคยติดตามแบรนด์ไหนในทวิตเตอร์เพียงเพื่อต้องการรับรู้ข่าวสารของแบรนด์บ้าง? ถ้าตรงนี้มีคนไหนบอกว่า ‘เคย’ หรือ ‘มีสิ กำลังตามอยู่’ ก็ต้องลองถามต่อไปอีกว่า ‘แล้วคุณตามเพื่อเนื้อหาเชิงไหนของแบรนด์กันแน่?’

จุดนี้เพลินเคยลองถามเล่นๆ มาครั้งนึง คำตอบที่ได้ค่อนข้างกระจัดกระจาย ตั้งแต่ตามเพราะ Promotion ตามเพราะแบรนด์นี้ใช้ดาราที่ตัวเองชอบเป็น Presenter จนไปถึงการที่คนๆ นั้นชื่นชอบแบรนด์เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ดังนั้นเราจะเห็นได้เลยว่า จุด Common เรื่องนึงที่ทำให้คนเลือกติดตามหรือ Follow แบรนด์คือการที่แบรนด์ Share ความสนใจหรือ Interest บางอย่างรวมกันกับเค้า และนี่แหละค่ะคือสิ่งที่แบรนด์ต้องตอบให้ได้ว่า แบรนด์มีแต่ละช่องทางไปเพื่ออะไร หรือมีทวิตเตอร์ไปทำไม? Serve คนประเภทไหน กลุ่มไหน เป็นต้น

มาถึงตรงนี้เรามาดูกันว่า หากคนสามารถกด Follow แบรนด์ได้แล้ว วันนึงเค้าจะกด Unfollow แบรนด์ด้วยเหตุผลอะไรกันบ้าง?

1. คุณทวีตน้อยเกินไป

อย่างนึงที่นักการตลาดต้องเข้าใจสำหรับแพลตฟอร์มอย่างทวิตเตอร์ก็คือ ทวิตเตอร์เป็นช่องทางที่มาไวไปไวมาก ดังนั้นหาคุณจะมาหงิมๆ แล้วทวีตแค่วันละครั้งนั้น คุณก็จะจมหายไปกับกองโพสต์อื่นๆ ไม่มีวันได้เกิดเลย เพราะบนทวิตเตอร์คนเน้นติดตามอะไรที่ตัวเองสนใจเป็นหลัก ตั้งแต่ดารา ศิลปิน ไอดอล การเมือง ไหนจะกลุ่ม Account จำพวก Quotes หรือรีวิว โปรโมชั่น ข่าว คุณหมอ จส.100 ยังตามเลย ดังนั้นทางที่ดีทวีตไปเถอะ อย่างน้อยก็ประมาณ 10 ทวีตตลอดทั้งวันแบบกระจายๆ ไป

2. คุณทวีตถี่เกินไป

หากจะคิดว่าเพลินเขียนข้อนี้ขึ้นมากวนประสาทละก็ บอกเลยว่าเปล่าจริงๆ ค่ะ เพราะการที่คุณทวีตมากเกินไปก็ทำให้คนระอาใจได้ น้อยเกินไปก็หายไปกับกองทวีตร้อยๆ พันๆ โพสต์ของคนอื่น ดังนั้นศึกษาเรื่องของ Algorithm Twitter ที่เพลินเคยเขียนก่อนหน้านี้ดูได้ แล้วลองแบ่งจำนวนทวีตให้อยู่ที่ประมาณ 10 ทวีตต่อวัน แล้วกระจายไปให้ทั่วอย่างที่เพลินบอกในข้อแรก เพราะหากคุณทวีตถี่มากจนหน้า Timeline มีแต่ชื่อบัญชีของแบรนด์คุณละก็ ใครจะไม่อยาก Unfollow คุณจริงไหมคะ ดังนั้นการหาจุดสมดุลเป็นเรื่องที่จำเป็นมากค่ะ

3. คุณเอาแต่ขายของอย่างเดียวเลย

อย่างที่เพลินบอกไปว่า การหา Purpose ให้กับแต่ละช่องทางหรือ Social Media แพลตฟอร์มนั้นเป็นเรื่องจำเป็น แต่การเข้าใจ Nature ของคนที่ใช้งานแพลตฟอร์มก็เป็นเรื่องจำเป็นเช่นเดียวกัน คนส่วนใหญ่ใช้งาน Twitter เพราะต้องการข่าวสารต่างๆ ที่ว่องไว และไม่ได้ใช้ทวิตเตอร์เพื่อ Shopping ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่ต้องการให้แบรนด์เอาแต่ขายของใน Timeline ของเค้าค่ะ เอาจริงๆ จุดนี้ต้องบอกว่า Social Media คือพื้นที่สังคมอะเนอะ ไม่ว่าจะช่องทางไหนๆ คนเค้าก็อยากเห็นโฆษณาให้น้อยที่สุดอยู่ดี ทวิตเตอร์เองก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นแบรนด์ไม่สมควรทำให้คนใน Twitter รู้สึกว่าคุณเข้ามาใช้ Twitter เพียงเพื่อต้องการหาประโยชน์หรือขายของเท่านั้น แต่เพราะแบรนด์ต้องการเป็นส่วนนึงในสังคม ชีวิตประจำวันของพวกเค้ามากกว่าค่ะ

4. คุณไม่เคยตอบ

เวลาเราคุยกับใครแล้วคนนั้นไม่ตอบ เราก็มักจะเงียบแล้วเลิกคุยกับคนนั้นใช่ไหมคะ? ข้อนี้ก็เหมือนกันเลยค่ะ ในเมื่อ Social Media อย่าง Twitter เป็นเหมือนช่องทางแบบ 2-Ways-Communication แบรนด์ Admin ที่ดูแลช่องทางนี้ก็ควรที่จะตอบเวลามีคน Tweets ถึงหรือ Replies หาแบรนด์บ้าง อาจจะไม่ได้เป็นการไล่ตอบทุกคนแบบ Bot แต่อย่างน้อยๆ การที่แบรนด์เลือกตอบไปเรื่อยๆ ไม่ปล่อยให้มีแต่ลูกค้ามา Replies แล้วหายไป ก็เป็นเรื่องการันตีได้ว่า แบรนด์มีตัวตน และรับรู้ในสิ่งที่คน Tweets หา ไม่ได้เพียงมาบอกข่าวสารของแบรนด์แล้วหนีหายไปแบบ 1-way-communication ค่ะ

5. คุณน่าเบื่อเกินไป

ต่อให้คุณทวีตข้อความในปริมาณพอเหมาะ หรือว่าคุณจะมีการตอบโต้กับ Followers อย่างสม่ำเสมอมากแค่ไหน แต่ถ้าสิ่งที่คุณโพสต์หรือทวีตลงใน Twitter มันไม่ตรงความสนใจของผู้ติดตาม ยังไงซะคุณก็น่าเบื่อ แลเหมือนแบรนด์ที่วันๆ เอาแต่ขายของยังไงยังงั้นเลย ดังนั้นหากคุณอยาก เพิ่ม Followers บน Twitter แล้วรักษาพวกเค้าไว้ให้ได้ คุณก็ต้องเรียนรู้ว่า คนที่เค้าชอบแบรนด์ของคุณเค้าชอบอะไรอื่นๆ อีกบ้าง? ทั้งนี้ก็เพื่อเข้าไปอยู่ในสังคมเดียวกันกับเค้า พูดในสิ่งที่พวกเค้าสนใจได้ ไม่แปลกแยก จนเป็นเหมือนเพื่อนก๊วนเดียวกันนั่นเอง

6. มีคนอื่นทำสิ่งเดียวกับคุณ แล้วเค้าทำได้ดีกว่า

เรื่องนี้ขึ้นตรงกับการตรวจตราดูคู่แข่งของเราอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแน่นอนว่าคู่แข่งของธนาคารไม่จำเป็นต้องเป็นธนาคารด้วยกันเองเท่านั้น แต่มันรวมไปถึงเพจลงทุน หรือเพจการออมอะไรต่างๆ อีกมากมาย ที่พูดถึงเรื่องการเงินเหมือนๆ กับธนาคาร ดังนั้นหากคุณวาง Content Strategy ที่เหมือนกับเพจ Unbrand แต่ไม่สามารถทำได้ดีกว่าได้ ให้คุณตัดใจซะ แล้วมุ่งเน้นหาเรื่องอื่นๆ ที่เป็นขุดแข็งของคุณ แล้วทำ Content ออกมาในจุดที่คนอื่นๆ ไม่สามารถลอกได้ หรือลอกได้ แต่ทำให้ดีกว่ายากค่ะ ซึ่งเรื่องพวกนี้ล้วนห้ามกันได้ยาก ดังนั้น Monitor คู่แข่งให้ดี เพื่อประเมิณสถานการณ์อยู่ตลอดว่าเราควรปรับ Content ของเราอย่างไร เพราะสำหรับ Followers แล้ว มันไม่มีเหตุผลอันไหนเลยที่ต้องติดตาม Account ที่ให้ข้อมูลเหมือนๆ กันหลายๆ บัญชีหรือหลายๆ แบรนด์ค่ะ

7. คุณไม่น่าสนใจเหมือนก่อนแล้ว

เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าตอนที่คุณอยาก เพิ่ม Followers บน Twitter คุณทำคอนเทนต์น่าสนใจดีๆ ออกมาเพียบ แต่พอนานวันเข้า คุณก็เริ่มหมดไอเดีย ไม่รู้จะพูดหรือทวีตเกี่ยวกับอะไรอีกแล้ว นั่นจึงเริ่มเป็นจุดที่ทวีตของคุณเริ่มน่าเบื่อไม่สนุกเหมือนก่อน ดังนั้นทางที่ดีตรงนี้ สิ่งที่แบรนด์ควรทำก็คือเกาะกลุ่มลูกค้าไปแบบ Customer-Centric ว่าตอนนี้ลูกค้าของคุณสนใจอะไร ก็พูดเรื่องนั้น และเมื่อคุณเดินตามทางของลูกค้ายังไงคุณก็จะไม่น่าเบื่อ และไม่มีวันหมดไอเดียลงด้วย

อย่างไรก็ตาม การทำ Content ก็ควรต้องมีการติดตามผล วิเคราะห์อย่างต่อเนื่องว่าอะไร Work อะไรไม่ เพื่อจะได้มีไอเดียในการขยี้อะไรที่มันดีๆ ส่วนอันไหนที่ไม่ดีก็จะได้ลองหา Approach ด้านใหม่ๆ เพื่อพูดถึงมันอีกครั้ง จนสุดท้ายถ้าไม่เวิร์คเลย เราก็จะได้รู้ว่า ทำแบบนี้แล้วคน Unfollow มากกว่าก่อนเท่าไร

ทั้งหมดนี้ก็คือ 7 เหตุผลว่าทำไมคนถึงอยาก Unfollow แบรนด์ของคุณบนทวิตเตอร์ ดังนั้นหากคุณอยาก เพิ่ม Followers บน Twitter ก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยง 7 ข้อนี้ให้ดี มองหาจุดประสงค์หรือ Purpose เป้าหมายของการมีอยู่ของแบรนด์บนช่องทางนี้ให้ดี ว่าคนจะตามเราทางนี้ไปเพื่ออะไร ต่างจากการตามแบรนด์บน Instagram หรือ Facebook อย่างไร? เพราะคนคงไม่อยากตามทุกช่องทางของแบรนด์เพื่อได้รับข่าวสารเดียวกันตลอดทั้งวันหรอกจริงไหมคะ?

ส่วนใครที่อยากศึกษาเกี่ยวกับการทำ Twitter Marketing เพิ่มเติมสามารถหาอ่านได้จากบทความก่อนหน้าที่การตลาดวันละตอนมีเขียนสรุปไว้ตรงนี้ได้เลยค่ะ ส่วนแบรนด์ไหนที่ยังไม่ได้เปิดบัญชีทวิตเตอร์เลย รีบไปเริ่มได้แล้วน้า