ใบงานทักษะการเรียนรู้ ม.ต้น กศน

แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ วชิ า ทักษะการเรยี นรู้ (รหัสวชิ า ทร21001) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 สถาบันพัฒนาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ภาคตะวันออก สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย สานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ

คานา แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาทักษะการเรียนรู้ (ทร21001) 5 หน่วยกิต ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2555) เล่มน้ี จัดทาข้ึนเพ่ือเป็นแนวทางในการออกแบบออกแบบการเรียนรู้ และจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคโนโลยีและ กจิ กรรมนนั ทนาการ ประกอบดว้ ยเน้อื หารายวชิ าทักษะการเรยี นรู้ (ทร21001) จานวน 6 เรอ่ื ง ได้แก่ 1. การเรียนรู้ด้วยตนเอง 2. การใชแ้ หล่งเรียนรู้ 3. การจัดการความรู้ 4. การคิดเปน็ 5. การวิจยั อย่างงา่ ย 6. ทักษะการเรยี นรแู้ ละศกั ยภาพหลักของพ้ืนท่ใี นการพฒั นาอาชีพ แผนการจดั การเรยี นรู้รายวชิ าทกั ษะการเรียนรู้มีการบูรณาการทกั ษะการเรียนรู้ด้านต่างๆ และเทคโนโลยี สารสนเทศเข้ากบั สภาพสังคมของผูเ้ รยี นในปจั จบุ นั สามารถนาความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจาวันได้ ซึ่งเป็นไปตาม มาตรฐานและสาระการเรียนรู้ ตลอดจนมีความสอดคล้องกับนโยบายและจุดเน้นของสานักงาน กศน. รวมท้ังมี การรวบรวมองคค์ วามรู้ ทกั ษะการแก้ปัญหาการจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีผ่านมา เพื่อนามาปรับปรุงและพัฒนาเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้น มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามเนื้อหา และตัวช้ีวัดของผังข้อสอบ (Test Blueprint) เพื่อมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ตามหลักสูตร การศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ปรับปรุง พ.ศ.2555) ของสถานศกึ ษา ในการนี้ขอขอบคุณผมู้ สี ่วนเกย่ี วข้องทุกท่าน ท่ีใหค้ วามรู้ คาแนะนา และแนวทางที่เป็นประโยชน์ในการ จดั ทาแผนการจดั การเรียนรูร้ ายวิชาทักษะการเรยี นร้เู ล่มน้ีจนสาเร็จเป็นรูปเล่มสมบูรณ์ คณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่าง ยิง่ วา่ เอกสารเลม่ น้ี จะเป็นประโยชน์สาหรับครู ผู้บริหาร และผู้เกี่ยวข้องนาไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในการจัดทา แผนการจดั การเรยี นรูใ้ นรายวิชาอน่ื เพ่ือนาไปสู่การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนท่ีมปี ระสิทธิภาพตอ่ ไป คณะผ้จู ัดทา เมษายน 2562

สารบญั หนา้ คาแนะนาการใชแ้ ผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1 โครงสรา้ งรายวชิ า 2 แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ วิชา ทักษะการเรยี นรู้ (ทร 21001) 3 แผนที่ 1 เร่อื ง การเรียนรู้ด้วยตวั เอง 9 - ใบความรู้ 10 - ใบงาน 11 - แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรียน 13 - เฉลย 14 - บันทึกหลงั การจดั การเรยี นรู้ 15 18 แผนท่ี 2 เรือ่ ง การใช้แหล่งเรยี นรู้ 19 - ใบความรู้ 21 - ใบงาน 23 - แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรียน 24 - เฉลย 25 - บันทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ 29 31 แผนที่ 3 เร่ือง การจดั การความรแู้ ละการคิดเปน็ 34 - ใบความรู้ 36 - ใบงาน 37 - แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรยี น 38 - เฉลย 43 - บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 47 52 แผนที่ 4 เรอื่ ง การวิจัยอยา่ งง่าย 54 - ใบความรู้ 55 - ใบงาน - แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรยี น - เฉลย - บนั ทกึ หลังการจัดการเรียนรู้

2 หนา้ แผนท่ี 5 เรอ่ื ง ทักษะการเรียนรแู้ ละศักยภาพหลกั ของพน้ื ทใี่ นการพฒั นาอาชพี 56 - ใบความรู้ 60 - ใบงาน 61 - แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรียน 64 - เฉลย 66 - บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้ 67 ภาคผนวก 69 แบบสรุปผลการทดสอบก่อนเรียน/หลังเรยี น 70 ผงั การออกขอ้ สอบ

1 คาแนะนาการใช้แผนการจัดการเรียนรู้รายวชิ าทักษะการเรียนรู้ (ทร21001) แผนการจัดการเรยี นรูร้ ายวชิ าทักษะการเรยี นรู้ (ทร21001) ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ หลักสูตร การศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.2555) เล่มนี้ เป็นการ ออกแบบการเรียนรกู้ ารเรยี นร้โู ดยใชเ้ ทคโนโลยีและกิจกรรมนันทนาการ เพือ่ ใหค้ รูไดศ้ ึกษาและนาไปประยกุ ตใ์ ช้ใน การจัดการเรียนการเรยี นรูใ้ ห้มีประสทิ ธิภาพมากข้ึน ในการศึกษาแผนการจัดการเรยี นรูร้ ายวิชาทกั ษะการเรยี นรู้ (ทร21001) ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ มขี ้อควรปฏิบตั ดิ งั นี้ 1. ขั้นเตรยี มการ 1.1.ศกึ ษาโครงสรา้ งหลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.2555) 1.2.ศึกษารายละเอยี ดวชิ าทักษะการเรียนรู้ (ทร21001) 1.3.ศึกษาเนื้อหารายวิชา และผงั ข้อสอบ (Test Buleprint) 1.4.ศึกษาการออกแบบการเรียนรู้โดยใช้เทคโนโลยแี ละกิจกรรมนันทนาการ 1.5.ศึกษาแผนการจัดการเรียนรู้ 3 ขั้นตอน ได้แก่ ขนั้ นา ข้ันสอน และขน้ั สรปุ 1.6.ศกึ ษาการใช้สอ่ื ประกอบการจดั การเรยี นการสอน 2. ขัน้ ดาเนนิ การ ในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ ใหน้ กั ศกึ ษาทาแบบทดสอบก่อนเรียน จากนั้นเรียนรูต้ ามแผน และทาแบบทดสอบหลงั เรยี นในแตล่ ะแผน เพื่อเปรียบเทียบความรู้ก่อน และหลงั แผนการจัดการเรียนรู้ 3. ขนั้ สรุป 3.1.วิเคราะห์คะแนนร่วมกับผู้เรยี น เพ่ือให้ผเู้ รยี นและครรู ่วมกันจดั การเรยี นรู้เพ่มิ เตมิ ในเนอ้ื หา ทผ่ี ู้เรียนยงั ไม่เข้าใจและยังไม่ผา่ นเกณฑ์ 3.2.การเรียนรเู้ พิ่มเติม อาจใชว้ ิธีการติว การสอนเสริม สอื่ เทคโนโลยี (Google Classroom) ฯลฯ และทาแบบทดสอบหลายๆ ครง้ั เพื่อให้เข้าใจในเนื้อหามากข้นึ 3.3.ศกึ ษาเคร่ืองมอื การวดั และประเมินผล ตลอดจนการประเมินตามสภาพจรงิ

2 โครงสรา้ งรายวิชา ท่ี หัวเรอ่ื ง ตวั ช้ีวัด เนอ้ื หา จานวน (ชั่วโมง) 1 การเรยี นรดู้ ว้ ย 1. บอกความหมาย ตระหนักและ 1. ความหมาย ความสาคัญ ของการ ตนเอง 3 เหน็ ความสาคัญของการเรยี นรู้ด้วย เรียนรดู้ ้วยตนเอง 3 ตนเอง 2. การกาหนดเปา้ หมายและการวาง 3 2. มีทกั ษะพน้ื ฐานทางการศึกษาหา แผนการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง 4 6 ความรู้ ทกั ษะการแก้ปัญหา และ 3. ทักษะพืน้ ฐานทางการศึกษาหา 15 เทคนิคในการเรยี นรูด้ ้วยตนเอง ความรู้ ทกั ษะการแก้ปัญหา และ 3. อธบิ ายปัจจยั ท่ีทาให้การเรียนรู้ เทคนคิ ในการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง ดว้ ยตนเองประสบความสาเร็จ 4. ปัจจยั ท่ที าใหก้ ารเรียนรู้ด้วย 4. สามารถวางแผนการเรยี นรู้และ ตนเองประสบความสาเร็จ การประเมินผลการเรียนรดู้ ว้ ย 5. การวางแผนการเรียนรู้ และ การ ตนเองได้ ประเมินผลการเรยี นรู้ด้วยตนเอง 6. การฝึกทักษะวางแผนการเรยี นรู้ และการประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้วย ตนเอง การวิจารณ์ 2 การใช้แหล่ง 1. อธิบายความหมาย ความสาคัญ 1. ความหมาย ความสาคัญ ของการ 3 เรียนรู้ 3 ของการใช้ห้องสมุดอาเภอ ใช้ห้องสมุดอาเภอ 14 2. อธิบายการเขา้ ถงึ สารสนเทศ 2. การเขา้ ถงึ สารสนเทศของ 14 ของห้องสมุดประชาชน หอ้ งสมุดประชาชน 3. อธบิ ายแหลง่ เรียนรู้ หอสมุด 3. แหลง่ เรียนรู้ หอสมุดแห่งชาติ แหง่ ชาติ หอสมดุ วทิ ยาลยั / หอสมดุ วทิ ยาลัย/มหาวทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั ห้องสมดุ เฉพาะ ห้องสมุดเฉพาะ หอ้ งสมุดโรงเรียน หอ้ งสมุดโรงเรียน พิพิธภณั ฑ์ พิพธิ ภณั ฑ์ อทุ ยานแหง่ ชาติ แหลง่ อุทยานแห่งชาติ แหล่งเรียนรสู้ าคญั เรยี นรู้สาคญั อืน่ ๆ ในประเทศ อน่ื ๆ ในประเทศ 4. การใช้อินเทอร์เน็ต การเข้าถึง 4. อธิบายและปฏบิ ัตกิ ารใช้ ขอ้ มูลสารสนเทศทตี่ ้องการและสนใจ อนิ เทอร์เน็ต และการเขา้ ถงึ ข้อมูล สารสนเทศทตี่ ้องการและสนใจ

3 ท่ี หัวเรอ่ื ง ตวั ชว้ี ดั เน้ือหา จานวน 3 การจัดการ (ชวั่ โมง) 1. อธิบายความหมาย ความสาคัญ 1. ความหมาย ความสาคัญ หลักการ ความรู้ 6 หลักการ กระบวนการจดั การ กระบวนการจัดการความรู้ 4 การคดิ เปน็ 18 ความรู้ การรวมกลุ่มเพอ่ื ต่อยอด การรวมกลมุ่ เพ่อื ต่อยอดความรู้ 10 3 ความรู้ การพฒั นาขอบข่ายความรู้ การพัฒนาขอบขา่ ยความรู้ของกลมุ่ 3 ของกลุ่ม และการจัดทาสารสนเทศ และการจดั ทาสารสนเทศเผยแพร่ 10 เผยแพร่ความรู้ ความรู้ 9 2. ปฏบิ ัติการจดั การความรู้ใน 2. การฝกึ ทักษะกระบวนการจดั การ เนือ้ หาทสี่ อดคล้องกับความ ความรูด้ ว้ ยตนเอง และ กระบวนการ ต้องการของชุมชน จดั การความรดู้ ว้ ยการรวมกลุ่ม 3. จัดทาสารสนเทศและเผยแพร่ ปฏิบตั ิการ ความรู้ 3. สรปุ องคค์ วามรู้ของกล่มุ จัดทา สารสนเทศองคค์ วามร้ใู นการพฒั นา ตนเอง ครอบครัว 1. อธบิ ายได้ถงึ ความเชือ่ พ้นื ฐาน 1. ความเชื่อพ้นื ฐานทางการศึกษา ทางการศึกษาผู้ใหญ/่ กศน.และ ผ้ใู หญ่/การศึกษานอกระบบ 5 เชอ่ื มโยงมาสกู่ ระบวนการคิดเปน็ ประการโดยสรปุ และระบบคิดการแกป้ ัญหา 2. ปรชั ญาคดิ เปน็ 2. อธบิ ายลกั ษณะของข้อมลู 2.1 ความหมาย ความสาคญั วชิ าการวชิ าการ ตนเองและสงั คม 2.2 ศัพทเ์ ฉพาะ สิง่ แวดลอ้ ม รวมทั้งการ 2.3 การเชอ่ื มโยงความเชือ่ พ้ืนฐาน เปรียบเทียบเพ่ือใหเ้ ห็นความ ทางการศึกษาผใู้ หญ่/กศน.ส่ปู รชั ญา แตกต่างของข้อมลู ท้งั 3 ประการ คิดเปน็ 3. อธบิ ายถึงการฝึกปฏบิ ัติการคดิ 3. ลักษณะข้อมูล 3 ดา้ นทจี่ ะนาไปใช้ เปน็ จากกรณีตวั อยา่ งถึง ประกอบความคิดในการตัดสินใจ คอื กระบวนการคิดการแกป้ ัญหาอย่าง ขอ้ มลู ทางวชิ าการ ตนเองและสงั คม คนคิดเป็น สงิ่ แวดล้อม รวมทัง้ การเปรียบเทียบ เพื่อใหเ้ ห็นความแตกตา่ งของข้อมลู ท้งั 3 ประการ 4. กระบวนการคิดการแกป้ ญั หา อย่างคนคดิ เป็นในรายละเอยี ดพร้อม ตัวอย่างการนาไปใช้ในวิถีการดาเนนิ ชวี ิตจรงิ

4 ท่ี หัวเรอื่ ง ตวั ชีว้ ัด เนือ้ หา จานวน (ชั่วโมง) 5. กรณีตัวอย่างที่หลากหลายเพื่อ 9 การฝึกทักษะการปฏิบตั ิ 8 5 การวจิ ยั 1. อธบิ ายความหมาย ความสาคญั 1. ความหมาย ความสาคญั การวิจยั 8 18 อยา่ งงา่ ย การวจิ ยั อยา่ งงา่ ย กระบวนการและ อย่างง่าย กระบวนการและข้ันตอน 2 ขน้ั ตอนของการดาเนนิ งานได้ ของการดาเนินงาน 3 2. มีทกั ษะในการใชส้ ถิติ ง่าย ๆ 2. ฝกึ ทกั ษะ สถิตงิ า่ ย ๆ เพื่อการ 10 เพ่ือการวิจยั และจัดทาเครื่องมอื ใน วจิ ยั เคร่อื งมือการวิจัย 15 การเก็บรวบรวมข้อมูล 3. ฝกึ ทกั ษะในการเขียน 3. มที กั ษะในการเขยี น โครงการวิจยั อยา่ งง่าย ๆ โครงการวจิ ยั อยา่ งง่าย ๆ 6 ทกั ษะการ 1. บอกความหมาย ตระหนัก และ 1. ความหมาย ความสาคัญ ของการ เรียนรู้และ ความสาคญั ของการเรยี นรู้และ เรยี นร้แู ละศกั ยภาพของพ้นื ท่ี ศักยภาพหลัก ศักยภาพหลกั ของพน้ื ท่ี 2. ทกั ษะการเรยี นรู้พนื้ ฐาน และ ของพนื้ ทีใ่ นการ 2. มที ักษะการเรียนรู้พน้ื ฐานและ เทคนคิ วถิ ีทางศึกษาหาความรู้ พฒั นาอาชีพ เทคนคิ วิธใี นการแสวงหาความรู้ 3. การเข้าถึงและการเลือกใช้ ศักยภาพหลักของพ้นื ท่ี 3. สามารถบอกอาชีพในกลุ่มอาชีพ 4. ตวั อยา่ งอาชีพในกล่มุ อาชีพด้าน ใหม่ ได้แก่ กลุม่ อาชีพด้าน การเกษตรกรรม อตุ สาหกรรม เกษตรกรรม พาณชิ ยกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม ความคดิ สรา้ งสรรค์ บริหารจัดการ ความคิดสร้างสรรค์ การบรหิ าร และการบริการท่สี อดคลอ้ งกับ จัดการและการบรกิ าร ศักยภาพหลักของพืน้ ทใี่ นการพฒั นา อาชพี 4. สามารถบอกและยกตัวอย่าง ทักษะการเรียนรู้เพื่อพัฒนา ศักยภาพ 5 กลุม่ อาชพี ใหม่

5 แผนการจดั การเรียนรู้ ภาคเรยี นท…ี่ …/………. ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ กศน.อาเภอ..................................................จังหวดั ............................................. สปั ดาห์ท.่ี .....................วันที่..................เดอื น.......................................พ.ศ.......................เวลา.....6..ชว่ั โมง วิชา..............ทกั ษะการเรียนร.ู้ ...........รหสั วชิ า....................ทร21001………………จานวน.........5.......หน่วยกิต มาตรฐานท่ี 1.1 มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคติท่ีดตี ่อการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง หนว่ ยการเรยี นรู้ เรอื่ ง การเรียนรู้ด้วยตนเอง 1. สาระสาคญั การเรียนรดู้ ้วยตนเองเป็นกระบวนการเรยี นรู้ทผี่ ู้เรยี นริเร่ิมการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง ตามความสนใจ ความ ต้องการ และความถนดั มีเป้าหมาย รจู้ กั แสวงหาแหล่งทรัพยากรของการเรียนรู้ เลือกวิธีการเรียนรู้ จนถึงการ ประเมนิ ความกา้ วหน้าของการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง โดยจะดาเนนิ การดว้ ยตนเองหรือรว่ มมือชว่ ยเหลอื กบั ผอู้ ื่น หรือไม่กไ็ ด้ ซึง่ การแสวงหาการศึกษาระดบั ทีส่ ูงขึน้ จาเป็นต้องร้วู ิธีวนิ ิจฉัยความต้องการในการเรียนของตนเอง สามารถกาหนดเปา้ หมายในการเรียนรขู้ องตนเอง สามารถระบคุ วามรู้ที่ตอ้ งการ และวางแผนการใช้ยทุ ธวธิ ี สื่อ การเรียน และแหลง่ เรยี นรู้เหลา่ นั้น หรือแมแ้ ตป่ ระเมนิ และตรวจสอบความถกู ต้องของผลการเรยี นรู้ของตนเอง มาตรฐานการเรยี นรูส้ ามารถวิเคราะห์เห็นความสาคัญ และปฏิบัตกิ ารแสวงหาความรจู้ ากการอ่าน ฟัง และสรปุ ไดถ้ ูกตอ้ งตามหลักวิชาการ 2. เนื้อหา 2.1 ความหมาย ความสาคัญ ของการเรียนรดู้ ้วยตนเอง 2.2 การกาหนดเป้าหมาย และการวางแผนการเรยี นร้ดู ้วยตนเอง 2.3 ทักษะพ้นื ฐานทางการศึกษาหาความรู้ ทักษะการแก้ปัญหา และเทคนิคการเรียนรดู้ ้วยตนเอง 2.4 ปจั จัย ทท่ี าให้การเรยี นรู้ดว้ ยตนเองประสบความสาเร็จ 3. ตัวช้ีวดั 3.1 สามารถวิเคราะหค์ วามรู้จาการอา่ น การฟัง การสังเกตและสรุปได้ถกู ต้อง 1) บอกความหมาย ความสาคัญของการเรยี นรู้ด้วยตนเองได้ 2) บอกลักษณะการเรยี นรู้ด้วยเอง 3.2 สามารถจัดระบบการแสวงหาความรู้ใหก้ บั ตนเอง 1) มีทักษะพ้นื ฐานทางการศกึ ษาหาความรู้ ทักษะการแก้ปัญหาและการเรยี นร้ดู ้วยตนเอง 2) อธบิ ายกระบวนการเรียนร้ดู ว้ ยตนเองตามหลักสตู ร กศน.2551 ได้ 3) อธิบายลกั ษณะสาคัญของการเรียนรูด้ ้วยตนเองได้ 4) อธิบายการจัดทาแผนการเรียนรู้ขอตนเองได้ 5) อธบิ ายปัจจัยท่ีทาเกดิ การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองให้ประสบความสาเรจ็

6 6) บอกแหลง่ ในการศึกษาหาความรดู้ ว้ ยตนเองในการเรียนใหป้ ระสบผลสาเร็จได้ 7) บอกวธิ ีการเรียนร้ดู ว้ ยตนเองท่เี หมาะสมกับความสามารถของตนเองได้ 8) มีความชานาญในทักษะการอ่าน ทกั ษะการฟัง และทกั ษะการจดบนั ทกึ อยา่ งคล่องแคลว่ รวดเร็ว 9) สามารถยกตัวอย่างการใช้ทกั ษะการอา่ น การฟังและการบันทึก เชน่ บันทกึ รายรับรายจ่าย ของ ครอบครัว ตนเอง และสรุปผล 10) อ่านและสรปุ ความจากบทความได้ 11) ฟังและสรุปเร่ืองท่ีฟงั ได้ 12) อ่านและสรปุ ความจากการอา่ นสารคดี หรือเร่ืองท่ีกาหนดได้อยา่ งถูกตอ้ ง 13) ฟังขา่ วสารและประมวลนาไปการวพิ ากษ์ได้ 14) นาความรู้จากการเรียนรตู้ นเองมาพดู ให้ผู้อน่ื เขา้ ใจได้ 15) สรปุ ความรู้ในการแสวงหาความร้ดู ้วยตนเองและนาไปถา่ ยทอดได้ 4. กระบวนการจัดการเรียนรแู้ ละกจิ กรรม 4.1 ขนั้ นา 1) ชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ การนาเข้าส่บู ทเรียนดว้ ยวธิ ีการ ทกั ทายผู้เรยี น และชี้แจงเรื่องวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเอง 2) ครูให้ผ้เู รยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียนเรื่องวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเอง 3) ครจู ดั กิจกรรมนันทนาการ เรอ่ื งสวนสตั วพ์ าเพลิน ให้ผเู้ รียนทุกคนจับฉลาก ใครไดส้ ัตวป์ ระเภทใดให้ ทาเสยี งและทา่ ทางของสตั ว์นนั้ - กาหนดเวลาใหร้ วมกลุ่มประเภทเดียวกัน ครูส่งสัญญาณหมดเวลา ใหร้ วมกลมุ่ สตั ว์ประเภท เดียวกันกลมุ่ ไหนครบนงั่ ลงเพื่อทาความรจู้ ักกนั - กลุ่มท่รี วมกนั ได้ช้า หรือรวมกลมุ่ กันได้เรว็ ทส่ี ดุ แสดงท่าทาง พร้อมทาเสยี งสัตวท์ ่ีได้รับให้กลุม่ อ่ืนดูอีกครง้ั - ผนู้ ากิจกรรมสุม่ ถามเพ่ือนในกลุ่ม มีใครบ้างมาจากไหน - ผนู้ ากิจกรรม และสมาชิกรว่ มกนั สรุปข้อคดิ จากกจิ กรรมจากสวนสัตว์พาเพลิน 4.2 ข้ันสอน 1) ครูอธิบายความหมาย ความสาคญั ของการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง บอกลักษณะการเรียนรู้ด้วยเอง และเปิดโอกาสให้ผ้เู รยี นซักถาม 2) ครใู ห้ผเู้ รียนสแกน QR Code ใบความรู้เรื่องการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง https://docs.google.com/document/d/1lgUMKclYce2rn3gw5Xd3hhc5WzlXqJzJM5ZGuev7S_Q/edi t?usp=sharing

7 3) ให้ผ้เู รยี นจบั ฉลาก เพื่อจับค่ใู นการทากจิ กรรม “บณั ฑิตสงู วยั ” ซง่ึ มีวตั ถุประสงค์ เพือ่ ใหผ้ ้เู รยี นทราบ และเข้าใจในแนวคดิ การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง และความพร้อมในการ เรียนรดู้ ว้ ยตนเองและเพ่ือนาไปสู่ลักษณะการ เรียนรูด้ ว้ ยตนเองท่ใี ฝเ่ รียนรู้ เหน็ คุณค่าของการเรียนรู้ ความสามารถทจ่ี ะเรียนรดู้ ้วยตนเองมีความรับผิดชอบใน การเรยี นรู้ การมองอนาคตในแงด่ ี รวมทงั้ เหน็ ความสาคัญ และตระหนักในความพร้อมในการเรียนร้ดู ้วยตนเอง 4) ครสู ่มุ ผู้เรยี นให้นาเสนอผลจาการทากจิ กรรม “บัณฑติ สูงวัย” หน้าช้นั เรยี น และฟังการนาเสนอผลงาน ของทุกกลุ่ม พร้อมทาการสรุปเนื้อหาสาระที่ไดน้ าเสนอ 5) แบบทดสอบหลงั เรียนเร่อื งวิธกี ารเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง 4.3 ข้ันสรปุ 1) ครูและผู้เรยี นรว่ มกันสรุปหลงั จากทกุ กลมุ่ นาเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรยี น 2) ครใู หค้ วามรู้เพ่ิมเตมิ ในส่วนทีย่ งั ไมส่ มบูรณ์ 3) ครูเชื่อมโยงกจิ กรรมที่ผู้เรยี นได้ปฏิบตั กิ ับเน้ือหาในเรื่องของปจั จัยทที่ าให้การเรียนรดู้ ว้ ยตนเองประสบ ความสาเรจ็ 5.ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ 5.1หนังสือแบบเรยี น 5.2 แหล่งเรยี นรู้ 5.3 QR Code ใบความรู้ 6. การวัดและประเมินผล 6.1 ประเมินจากงานกลมุ่ 6.2 สงั เกตจากการนาเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น 6.3 แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรยี น 7. เกณฑก์ ารวดั ผล เครื่องมอื การวัดผล เกณฑ์การประเมิน การวัดตามจุดประสงค์ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น และ มีความรู้ ความเขา้ ใจในการเรียนรู้ ความรู้ (Knowledge) 1 สามารถวิเคราะห์ความรู้จาการอา่ น หลังเรียน รอ้ ยละ 50 ขึน้ ไป การฟัง การสงั เกตและสรปุ ได้ถูกต้อง 2. สามารถจดั ระบบการแสวงหาความรู้ ใหก้ บั ตนเอง 3. สามารถยกตัวอย่างการใช้ทักษะการ อา่ น การฟงั และการบันทึก เชน่ บนั ทึก รายรับรายจา่ ย ของครอบครัว/ตนเอง และสรุปผล

8 การวดั ตามจุดประสงค์ เคร่อื งมือการวัดผล เกณฑ์การประเมิน สามารถเขา้ ใจเนือ้ หา และตอบ ทักษะ ( Skill) แบบฝึกหัด และ อน่ื ๆ คาถาม ทาใบงาน ร้อยละ 50 ขึน้ ไป 1.อา่ นและสรปุ ความจากบทความได้ ผเู้ รียน ร้อยละ 50 ขึ้นไป มีส่วน 2.ฟังและสรุปเรื่องท่ีฟังได้ รว่ มในการอภปิ รายและเปลยี่ น ความคิดเหน็ 3.ฟังข่าวสารและประมวลนาไปการ วพิ ากษ์ได้ 4.นาความรูจ้ ากการเรยี นรตู้ นเองมาพดู ให้ ผอู้ น่ื เขา้ ใจได้ 5.สรปุ ความร้ใู นการแสวงหาความรู้ดว้ ย ตนเองและนาไปถา่ ยทอดได้ เจตคติ (Attitude) การมีส่วนรว่ มในการ 1.เจตคตทิ ี่ดตี ่อวิชาทักษะการเรยี นรู้ อภปิ รายแลกเปลย่ี น ความคิด ลงชอ่ื ............................................................. (………………………...………………………) ตาแหน่ง……………………….…………………….. วันที่ ......เดอื น…………….......พ.ศ…………….... ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผ้บู รหิ าร ......................................................................................................................... ........................................................ ลงช่ือ.......................................................... (…………………………….………………………) ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอ………………………… วันท่ี ........เดอื น……………......พ.ศ……………....

9 ใบความรู้ เรื่องที่ ความหมาย และความสาคัญ ของการเรียนรูด้ ้วยตนเอง

10 ใบงาน กิจกรรม “บัณฑิตสูงวยั ” วัตถปุ ระสงค 1. เพ่ือใหผูเรียนทราบและเขาใจในแนวคดิ การเรียนรูดวยตนเอง และความพรอมในการเรียนรูดวยตนเอง 2. เพือ่ นาไปสูลักษณะการเรยี นรูดวยตนเองทีใ่ ฝเรยี นรู เหน็ คุณคาของการเรยี นรู ความสามารถทจ่ี ะเรยี น รดู วยตนเองความรบั ผิดชอบในการเรยี นรู การมองอนาคตในแงดี ของสมาชิก รวมทัง้ สมาชิกเหน็ ความสาคญั และ ตระหนักในความพรอมในการเรียนรูดวยตนเอง แนวคดิ คุณลักษณะพิเศษในการท่จี ะเรียนรูและพฒั นาตนเองอยางตอเนอ่ื งโดยมจิ าเปนตองรอคอยจากการศึกษา หรือการเรียนรูอยางเปนทางการเพียงอยางเดยี ว คณุ ลักษณะพิเศษ ดงั กลาวคอื “ความพรอมในการเรียนรูโดยการ ชน้ี าตนเอง” ซ่ึงเปนความคิดเหน็ วา ตนเองมเี จตคติ ความรู ความสามารถท่ีจะเรียนรูโดยมิตองใหคนอื่นกาหนด หรอื สงั่ การ พรอมทจี่ ะเรียนรูวิธกี ารเรียนรูและประเมนิ การเรยี นรู ทง้ั อาจดวยความชวยเหลอื จากผูอน่ื หรือไมกต็ าม การท่ีบคุ คลสามารถช้นี าตนเองท่จี ะเรยี นรู ยอมเปนโอกาสทีบ่ คุ คลจะเรียนรูทีจ่ ะพฒั นาตนเองอยางตอเนื่องและ เรียนรูตลอดชีวิต การพัฒนาการเรยี นรูโดยการชน้ี าตนเอง ยอมเปนหนทางทที่ าใหบุคคลเรียนรูอยางไมส้นิ สุด คาชแ้ี จง ใหผูเรยี นศกึ ษาภาพขาว การสาเร็จการศึกษาจากภาพ ของ “บัณฑติ สูงวัย” พรอมอธบิ ายในประเด็น (1) “ความรูสึกของทานตอภาพทไ่ี ดเห็น” ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (2) “ทาไมบคุ คลในภาพ ถึงประสบความสาเร็จในการเรยี นรู” ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11 แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรียน 1. ข้อใดไมใ่ ช่ความสาคัญของการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง ก. มรี ะเบยี บวินยั ในตนเองสูง ข. มีเหตุผลและทางานรว่ มกับผูอ้ ื่นได้ ค. ทาใหเ้ ป็นคนมีความคดิ รเิ รม่ิ สร้างสรรค์ ง. ทาใหผ้ ู้เรยี นมีความตั้งใจและมีแรงใจสงู 2.อนั ดับแรกสุดของการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง คือข้อใด ก. การออกแบบแผนการเรยี น ข. การแสวงหาแหล่งวิทยาการ ค. การกาหนดจุดมุ่งหมายในการเรียน ง. การวเิ คราะหค์ วามตอ้ งการในการเรยี น 3. “ นวัตกรรมใหม่ของการผลติ หลอดไฟฟ้า LED นอกจากจะให้ความสว่างเทียบเทา่ กับหลอดไฟแบบนีออนแลว้ ยังกินกระแสไฟฟ้าตา่ กวา่ เดิม 20 เปอร์เซน็ อกี ทั้งราคาจาหนา่ ยยงั ถูกกวา่ ด้วย”จากข้อความขา้ งต้น นักศึกษาจะ นาไปประยุกต์ใชก้ บั ชวี ิตประจาวนั ได้อยา่ งไร ก. เปลี่ยนมาใชห้ ลอดไฟฟ้า LED แทนหลอดนีออน ข. รณรงคใ์ ห้ทุกคนใชห้ ลอดไฟฟา้ LED ค. ขอเปน็ ตัวแทนจาหน่ายหลอดไฟฟ้า LED ง. วจิ ยั หาคาตอบว่าหลอดไฟฟา้ LED ลดกระแสไฟฟ้าไดจ้ รงิ หรือไม่ 4.”นายอนกุ ูล อาศัยในชุมชนแหง่ หน่ึง ซง่ึ ชมุ ชนแห่งน้ีมปี ัญหายาเสพติด” ถ้านกั เรียนเป็นนายอนกุ ูลมวี ธิ กี ารแก้ไข ปญั หาอย่างไรเหมาะสม ก. แจง้ เบาะแสทางการ ข. ต่างคนต่างอยู่ ไมย่ ุ่งเกี่ยว ค. ยา้ ยทอ่ี ยอู่ าศัยเพอื่ ความปลอดภยั ง. ให้ความรว่ มมือกับชมุ ชนในการให้ความรแู้ ละหาแนวทางป้องกันปญั หา 5.ปัจจัยภายนอกในข้อใดทีช่ ่วยใหเ้ ด็ก ๆ ท่ีอาศัยอยู่บ้านริมคลองว่ายน้าเปน็ ก. พ่อแม่บังคับ ข. เล่นน้าตามอย่างเดก็ โต ค. ต้องเดินทางไปโรงเรียนทุกวัน ง. เปน็ ข้อบังคับของผ้อู าศยั บ้านริมคลอง 6. ถา้ หากว่า แดง ต้องการเรียนรูเ้ รอื่ งดนิ แดงจะเร่ิมวางแผนเรยี นรู้ดว้ ยตนเองอย่างไร ก. กาหนดจุดมงุ่ หมาย ข. เลอื กแหลง่ เรียนรู้ ค. วิเคราะหเ์ น้ือหา ง. กาหนดบทบาทตวั ผูช้ ่วย

12 7. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดว้ ยตนเองหลังส้นิ สุดการเรียนรู้ มีวตั ถุประสงค์ใด ก. เพ่ือแกไ้ ขปญั หาการเรียน ข. เพ่ือทราบความกา้ วหนา้ ของการเรียน ค. เพื่อจดั ทาผลการเรยี นรู้สง่ ใหค้ รไู ดท้ นั ตามกาหนด ง. เพื่อใหท้ ราบวา่ การเรียนรู้บรรลุวัตถุประสงค์หรอื ไม่ 8. นักศึกษาอ่านคมู่ ือการเรียนทางไกล แล้วไม่เข้าใจ จึงโทรสอบถามครผู ู้สอน ซง่ึ ได้แนะนาความรู้ โดยใหอ้ ่าน ทบทวนอีก 2 รอบ แลว้ จดบันทกึ ไว้ เป็นการจดั ทาแผนการเรียนรดู้ ้วยตนเอง ด้วยเทคนิคใด โดยเรยี งตามลาดบั ก. อา่ น - พูด - ฟงั - เขยี น ข. อ่าน – ฟงั - พดู - เขยี น ค.อ่าน - เขียน - พูด - ฟงั ง.อ่าน - พูด - เขียน - ฟัง 9. บคุ คลใดเรยี นร้ดู ว้ ยตนเองจนประสบความสาเรจ็ ในการประกอบอาชีพ ก. กรกช ศกึ ษาการทาขนมไทยจากยทู ูปแลว้ นามาผลิตสนิ ค้าขายทางออนไลน์ ข. กรวรรณ ศกึ ษาการทาขนมเค้กจากรา้ ยขายขนม แลว้ ฝึกปฏิบัตอิ ยา่ งคล่องแคล่ว ค. กมลทิพย์ ศกึ ษาการทาขนมไขจ่ ากยูทูป แลว้ นาไปเสนอหน้าชั้นเรียน ง. กมลกานต์ ศึกษาการทาขนมครกจากคณุ ยายข้างบ้าน 10. สง่ิ หนึ่งทนี่ าไปใชใ้ นการประเมนิ ผลการเรยี นแบบการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง คือข้อใด ก. การสังเกต ข. การมสี ่วนรว่ ม ค. แฟม้ สะสมงาน ง. พฤตกิ รรมกลมุ่

13 เฉลย 1. ก 2. ค 3.ก 4.ง 5.ง 6.ก 7.ง 8.ค 9.ก 10.ค

14 บนั ทกึ หลังการจัดการเรยี นรู้ กศน.ตาบล..............................................กศน.อาเภอ................................................จงั หวัด............................ สัปดาห์ที่...................วันท.ี่ ...........เดือน.........................................พ.ศ...................ครผู สู้ อน............................ ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ สาระ....................................รายวชิ า..................................รหสั วิชา....................... 1. ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จานวนผู้เรยี นทเ่ี ข้าเรียน........................................ ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... 2. เนอื้ หา / สาระท่ีสอน ............................................................................................................................... ..................................................... .............................................................................. ......................................................................................... ............. 3. กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ....................................................... ....................................................................................................................................................................... ............. 4. ปญั หาอปุ สรรคในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ................................................................................... ..................................................................................... ............ ............................................................................................................................. ....................................................... 5. แนวทางการปัญหา ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................. ................................................................................................ ....................... ลงช่อื .............................................................. (...............................................................) ครู กศน.ตาบล.................................................. ................../..................../.................. ความคิดเหน็ / ข้อเสนอแนะของผู้บริหาร ................................................................................................. ....................................................................... ............ ............................................................................................................................. ....................................................... ลงช่ือ................................................ (......................................................) ผูอ้ านวยการ กศน.อาเภอ.................................. ................../..................../..................

15 แผนการจัดการเรยี นรู้ ภาคเรียนท…่ี …/………. ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น กศน.อาเภอ..................................................จงั หวดั ............................................. สปั ดาหท์ ี่.........วันท่.ี ........เดือน..............................พ.ศ.....................เวลา................จานวน......6........ช่วั โมง วิชา..............ทกั ษะการเรียนรู.้ ...........รหสั วชิ า....................ทร21001………………จานวน.........5.......หน่วยกิต มาตรฐานท่ี 1.2 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคติท่ีดตี อ่ การใชแ้ หลง่ เรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ เรอ่ื ง การใชแ้ หลง่ เรียนรู้ 1. สาระสาคญั แหล่งเรยี นรู้มคี วามสาคัญในการพฒั นาความรู้ของมนุษยใ์ ห้สมบรู ณม์ ากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการเรียนรู้ ในชนั้ เรยี น และเป็นแหล่งท่ีอยใู่ หส้ ังคมชมุ ชนล้อมรอบตัวผู้เรยี น สามารถเขา้ ไปศึกษาค้นควา้ เพอ่ื การเรยี นรู้ได้ ตลอดชวี ิต 2. เนื้อหา 2.1 ความหมาย ความสาคญั ของการใชห้ อ้ งสมดุ ประชาชน 2.2 การเข้าถึงสารสนเทศของห้องสมดุ ประชาชน 2.3 แหลง่ เรียนรู้ หอสมุดแห่งชาติ หอสมุดวทิ ยาลัย/มหาวิทยาลัย ห้องสมุดเฉพาะ ห้องสมุดโรงเรยี น พพิ ิธภณั ฑ์ อุทยานแหง่ ชาติ แหล่งเรียนรู้สาคญั อ่นื ๆ ในประเทศ 2.4การใชอ้ ินเทอรเ์ น็ต การเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศทีต่ อ้ งการและสนใจ 3. ตวั ชี้วดั 3.1 อธบิ ายความหมาย ความสาคัญของการใช้ 3.2 อธิบายการเข้าถึงสารสนเทศของห้องสมดุ ประชาชน 3.3 อธิบายแหล่งเรียนรู้ หอสมุดแห่งชาติ หอสมดุ วทิ ยาลยั /มหาวทิ ยาลัย หอ้ งสมุดเฉพาะ ห้องสมุด โรงเรียน พิพิธภณั ฑ์ อุทยานแหง่ ชาติ แหลง่ เรยี นรู้สาคัญอ่ืนๆ ในประเทศ และการเลือกใชแ้ หล่งเรยี นรูต้ ามความ ต้องการของอาชีพของพื้นทีท่ ่ีตนอาศัยอยู่ 3.4 อธบิ ายและปฏิบัตกิ ารใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ และการเขา้ ถึงข้อมูลสารสนเทศท่ตี ้องการและสนใจได้ 4. กระบวนการจัดการเรยี นรู้และกิจกรรม 4.1 ขั้นนา 1) ครทู ักทาย/สวสั ดี 2) ครูบอกวตั ถุประสงค์การเรียนรู้ 3) ครูใหผ้ เู้ รียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น 4) ครูใหผ้ ู้เรียน เลน่ เกม \"รถไฟฟา้ มาหานะเธอ\"

16 - ครูอธบิ ายว่ารถไฟ 1 ขบวน ประกอบดว้ ยหลายโบกี้ ให้ผู้เข้ารว่ มหนงึ่ คนแทนด้วย 1 โบก้ี - เม่อื ครนู ากิจกรรมบอกให้ตอ่ กันเป็น 4 โบกี้ ผู้เข้ารว่ มก็ตอ้ งต่อแถวกัน 4 คน โดยผูน้ า กิจกรรมต้องกาหนดเพิ่มเตมิ วา่ หวั ขบวนตอ้ งเป็นคนลกั ษณะใด โดยเปรียบเทียบกบั คนในขบวนของตนเอง เช่น คนที่สงู ที่สุด ผมยาวท่ีสุด ต้องเป็นผ้หู ญงิ หรือน่ารักท่ีสดุ เป็นตน้ ซึ่งต้องกาหนดเวลาด้วยอาจจะรอบละ 30 วนิ าที เมอื่ หมดเวลากป็ ิดเพลง และขบวนใดท่ชี า้ หรอื ทาไม่ถกู กติกา ก็อาจจะมีการคัดออกเพ่ือหาผชู้ นะต่อไป - ผ้เู รียนเล่นในลักษณะเช่นนี้ไปเร่ือย ๆ โดยเปลี่ยนคาสง่ั เป็น 5 โบกี้ หรอื 6 โบก้ี รวมทง้ั ต้อง บอกถงึ ลักษณะพเิ ศษของคนท่จี ะเปน็ หวั ขบวนดว้ ยจนกว่า ครูเห็นสมควรจึงยตุ ิการเล่น 4.2 ข้ันสอน 1) ให้ตัวแทนผูเ้ รียนออกมาเล่าถงึ ประสบการณใ์ นการใช้แหล่งเรียนรูท้ ผ่ี เู้ รียนเคยใชบ้ ริการ (โดยใชว้ ิธกี าร เช่น การสุม่ จากเลข 2 ตวั ท้ายของรหสั ผเู้ รียน) 2) ครใู ห้ผู้เรยี นศึกษาใบความรูจ้ าก QR Code ใบความรู้ https://docs.google.com/document/d/19QkAPoS23bIOkkUQ9AETA0Z_GKcJZZdJmnWKWX cyzI/edit?usp=sharing 3) ครใู ห้ผูเ้ รยี นแบ่งกลุ่มๆ ละ 3-5 คน โดยครเู ตรยี มลกู อมมา 3 สีๆละ 3-5 เม็ด และให้ผู้เรียนออกมา หยบิ ลกู อมไปคนละ 1 เมด็ ใครไดล้ กู อมสเี ดยี วกนั กอ็ ยู่กลุ่มเดยี วกัน - ใหผ้ ู้เรียนหาข้อมูลของแหล่งสืบคน้ ในหวั ขอ้ ทไ่ี ดร้ ับมอบหมายในเรอื่ งต่อไปนี้ กลุม่ ท่ี 1 หอ้ งสมดุ กลุ่มท่ี 2 พิพธิ ภัณฑ์ กลุ่มที่ 3 อินเทอร์เน็ต 4) ครใู ห้แตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรียนและฟงั ผลงานของทกุ กลมุ่ พร้อมทาการสรุปเนอ้ื หาสาระท่ี ได้นาเสนอ 5) ครูให้ผเู้ รียนทาแบบทดสอบหลังเรียน 6) ครูเฉลยแบบทดสอบหลังเรียน 4.3 ขัน้ สรุป 1) ครแู ละผเู้ รียนรว่ มกนั สรปุ หลังจากทกุ กลุ่มนาเสนอผลงานกลุม่ 2) ครูใหค้ วามรเู้ พม่ิ เติมในส่วนทย่ี ังไมส่ มบรู ณ์ 3) ครเู ชอ่ื มโยงสงิ่ ท่ีผู้เรยี นนาเสนอกบั เน้ือหาในเร่ืองของการใช้แหลง่ เรียนรู้

17 4) ครแู จกใบงานเร่ือง ความหมาย ความสาคัญ ประเภทแหล่งเรยี นรู้ ให้ผู้เรยี นศกึ ษาค้นควา้ และนามาสง่ ในสปั ดาห์หนา้ 5. ส่อื /แหล่งเรียนรู้ 5.1 หนังสือแบบเรียน 5.2 แหลง่ เรียนรู้ 5.3 เพลง จากยูทปู 5.4 QR Code ใบความรู้ 6. การวัดและประเมนิ ผล 6.1 ประเมินจากงานกลมุ่ 6.2 สังเกตจากการนาเสนอหน้าช้นั เรียน 6.3 แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 7. เกณฑ์การวัดผล การวัดตามจุดประสงค์ เครื่องมือการวดั ผล เกณฑ์การประเมิน ความรู้ (Knowledge) แบบทดสอบกอ่ นเรียน - หลงั มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในการเรียนรู้ ร้อย 1. อธิบายความหมาย ความสาคญั ของการ เรียน ละ 50 ขึน้ ไป ใช้แหล่งเรยี นรู้ การเข้าถึงสารสนเทศของ ห้องสมุดประชาชน หอสมดุ แหง่ ชาติ ทกั ษะ ( Skill) อธิบายและปฏิบตั กิ ารใช้ ใบงาน และ อน่ื ๆ สามารถเขา้ ใจเน้ือหา และตอบคาถาม อินเทอร์เน็ตและการเข้าถงึ ข้อมลู สารสนเทศ ทาใบงาน ร้อยละ 50 ขึ้นไป ทีต่ อ้ งการและสนใจได้ เจตคติ (Attitude) เพ่ือใหผ้ ้เู รียนมีความรู้สกึ การมสี ว่ นร่วมในการอภิปราย ผูเ้ รยี น ร้อยละ 50 ขึน้ ไป มสี ่วนร่วมใน เจตคตติ อ่ วิชาทักษะการเรียนรู้ แลกเปล่ยี นความคิด การอภปิ รายและเปล่ยี นความคิดเห็น ลงชอ่ื ............................................................. (………………………...………………………) ตาแหน่ง……………………….…………………….. วันท่ี ......เดอื น…………….......พ.ศ…………….... ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผูบ้ รหิ าร ............................................................................................................................. ...................................................... ลงชอ่ื .......................................................... (…………………………….………………………) ผู้อานวยการ กศน.อาเภอ………………………… วนั ที่ ........เดอื น……………......พ.ศ……………....

18 ใบความรู้ เรอ่ื ง ความหมาย ความสาคัญ ประเภทของแหล่งเรยี นรู้ QR Code ใบความรู้ https://docs.google.com/document/d/19QkAPoS23bIOkkUQ9AETA0Z_GKcJZZdJmnWKWX cyzI/edit?usp=sharing

19 ใบงาน เรอ่ื ง ความหมาย ความสาคญั ประเภทแหลง่ เรียนรู้ ให้ผเู้ รียนศกึ ษาขอ้ มูลเก่ียวกับการใชแ้ หล่งเรยี นรแู้ ละตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. แหลง่ เรยี นรู้ หมายถึง ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................. .................................. 2. แหลง่ เรียนรู้มคี วามสาคัญอย่างไร ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................................................. ....................... ................................................................................................................... ................................................................. 3. แหลง่ เรยี นรแู้ บง่ ตามลักษณะได้ 6 ประเภท ได้แก่ แหล่งเรยี นรู้ประเภทบุคคล/ธรรมชาต/ิ วสั ดุ และ สถานที่/สอ่ื /เทคนิค และกจิ กรรม ใหท้ ่านบอกแหล่งเรียนรู้ท่ที ่านร้จู ักมา 2 แหล่ง ..................................................................................... ................................................................................... ............ ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... 4. หากท่านต้องการใช้บริการห้องสมดุ ทา่ นจะต้องปฏิบัตติ นอยา่ งไรบา้ ง ............................................................................................................................. ....................................................... ....................................................................................................................................... ............................................. .................................................................................................................................................................................... 5. ใหท้ ่านอธิบายการใชแ้ หล่งสารสนเทศทีไ่ มใ่ ช่ห้องสมุดมา 1 แห่ง ............................................................................................................................. ....................................................... .......................................................................................................................................... .......................................... .................................................................................................................................................................................... 6. ใหท้ า่ นอธบิ ายวิธกี ารคน้ หาข้อมลู ทาง Internet พรอ้ มเสนอตัวอยา่ งท่ีได้จาการคน้ หาขอ้ มูลจาก Internet มา 1 ตัวอยา่ ง ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................................................. ....................... ................................................................................................................ ........................................................ ............ ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................... ................................................

20 ใบงาน เรือ่ ง แหล่งเรียนร้ใู นชุมชน คาส่งั ให้ผู้เรยี นทาการสารวจแหลง่ เรยี นรู้ในชมุ ชนของผู้เรียนว่ามีแหลง่ เรียนร้อู ะไรบ้าง และแตล่ ะแหลง่ เรยี นรู้ มคี วามสาคัญอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

21 แบบทดสอบก่อนหลงั เรยี น 1.หอ้ งสมดุ ประชานมีความสาคัญกับนักศกึ ษาในข้อใดมากท่ีสดุ ก. การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ข. สร้างเสริมประสบการณภ์ าคปฏบิ ตั ิ ค. แหล่งสง่ เสริมความรู้ ความคดิ วทิ ยาการ ง. แหลง่ ปลกู ฝงั รักการอา่ น การศกึ ษาค้นควา้ แสวงหาความรดู้ ้วยตนเอง 2. หลังจากศกึ ษาเลา่ เรยี นแล้ว ถ้าต้องการเขา้ ถึงสารสนเทศของหอ้ งสมุดประชาชนเพ่ือคน้ คว้า ควรใชว้ ิธใี ด ก. ถามเพ่ือน ข. ศึกษาจากผปู้ กครอง ค. ยมื หนังสอื จากเพื่อนคนอืน่ มาอ่าน ง. ศึกษาจากแหล่งเรยี นรู้ ทางอนิ เทอร์เน็ต 3. ขอ้ ใดเรียงข้ันตอนโปรแกรมคน้ หา ได้ถกู ต้อง ก. เปดิ โปรแกรม – พิมพ์ช่อื เว็ปไซต์ – เปดิ หน้าตา่ งเว็ปไซต์ – พิมพ์สิง่ ท่ตี อ้ งการคน้ หา ข. เปิดโปรแกรม – เปิดหนา้ ต่างเว็ปไซต์ – พมิ พ์ช่ือเว็ปไซต์ - พิมพ์ส่งิ ทีต่ ้องการคน้ หา ค. เปดิ โปรแกรม – พมิ พช์ อื่ เว็ปไซต์ – พมิ พส์ ง่ิ ท่ีต้องการคน้ หา - เปิดหน้าต่างเว็ปไซต์ ง. เปิดโปรแกรม – พมิ พส์ ิง่ ที่ตอ้ งการคน้ หา – พิมพ์ช่ือเว็ปไซต์ - เปดิ หนา้ ต่างเวป็ ไซต์ 4. ขอ้ ใดเปน็ แหลง่ เรียนรทู้ จ่ี ดั อย่ใู นประเภทเดยี วกัน ก. พพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ ศนู ย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพยี ง ข. อทุ ยานการศกึ ษา กลุ่มออมทรัพย์ ค. วนอทุ ยาน สวนพฤกษศาสตร์ ง. แพทย์แผนไทย หอศิลป์ 5. ขอ้ ใดคือการแสวงหาความรดู้ ้วยตนเองจากแหล่งเรยี นร้ใู นทอ้ งถนิ่ ก. นิศาชล ไปอ่านหนงั สือค่มู ือฟสิ ิกส์ท่ีศนู ย์วชิ าวิทยาศาสตร์ ข. ธันยา ไปเรียนทาขนมไทยจากกลุ่มแม่บ้านวดั นวลจันทร์ ค. กมลและเพื่อน ไปหอ้ งคอมพิวเตอร์ เพื่อสบื ค้นข้อมูลมาทารายงาน ง. กมลา ไปศึกษาคน้ ควา้ เรอื่ งประโยชนข์ องพืชสมนุ ไพรทส่ี วนสมุนไพรของโรงเรยี น 6. หอ้ งสมดุ ประเภทใดที่ให้ความรูค้ ้นควา้ วจิ ยั มากทสี่ ุด ก. หอ้ งสมดุ เฉพาะ ข. ห้องสมดุ โรงเรียน ค. หอ้ งสมดุ ประชาชน ง. ห้องสมดุ มหาวิทยาลัย

22 7.บุคคลใดใชบ้ รกิ ารแหล่งเรยี นร้ไู ด้ถกู ต้องท่สี ดุ ก. เอวา ใชแ้ หลง่ เรยี นร้เู ปน็ สถานท่ฝี ึกงานของตนโดยตรง ข. พวิ า รบั ขอ้ มลู ข่าวสาร ความรทู้ ่ตี นเองต้องการโดยตรงจากผรู้ ู้ ค. พกิ ลุ ใช้อนิ เตอรเ์ น็ตเป็นแหลง่ เรยี นรทู้ ีใ่ กล้ตวั คน้ คว้าหาง่าย รวดเรว็ ง. พิมพา ศึกษาหาความรู้จากห้องสมุดประชาชนเพ่อื ใหเ้ กิดประสบการณจ์ ริง 8. . ข้อใดคอื ความหมาย www ก. Word wide web ข. Work wide web ค. Word widk web ง. Word walk web 9.หากตอ้ งการลงทะเบียนของ E-mail ฟรแี ละ Hotmail ให้คลิกไปท่ีใด ก. Login ข. Sing Up ค. สง่ จะหมาย ง. สมคั รสมาชิก 10. ชอ่ งทางใด ท่ีสามารถเช่ือมโยงไปแหลง่ ข้อมลู อืน่ ได้ในเวบ็ ไซต์ ก. Link ข. Restore ค. Connect ง. Download

23 เฉลย 1. ก 2. ง 3.ก 4. ค 5. ง 6. ง 7.ค 8.ง 9. ง 10. ก

24 บันทึกหลังการจดั การเรียนรู้ กศน.ตาบล..............................................กศน.อาเภอ................................................จงั หวัด............................ สปั ดาหท์ ี่...................วันท.ี่ ...........เดอื น.........................................พ.ศ...................ครผู สู้ อน............................ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ สาระ....................................รายวชิ า..................................รหสั วชิ า....................... 1. ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จานวนผู้เรยี นทเ่ี ข้าเรียน........................................ ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................................................................................... ......................................... 2. เน้ือหา / สาระที่สอน ................................................................. ....................................................................................................... ............ ............................................................................................................................. ....................................................... 3. กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ....................................................... ....................................................................................................................................................................... ............. 4. ปญั หาอุปสรรคในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ................................................................................... ..................................................................................... ............ ............................................................................................................................. ....................................................... 5. แนวทางการปัญหา ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................. ................................................................................................ ....................... ลงชือ่ .............................................................. (...............................................................) ครู กศน.ตาบล.................................................. ................../..................../.................. ความคดิ เห็น / ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ าร ................................................................................................. ....................................................................... ............ ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชือ่ ................................................ (......................................................) ผู้อานวยการ กศน.อาเภอ..................................

25 แผนการจดั การเรียนรู้ ภาคเรียนท…ี่ …/………. ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น กศน.อาเภอ..................................................จงั หวดั ............................................. สปั ดาห์ท.ี่ .........วันท.ี่ ...............เดอื น...............................พ.ศ....................เวลา....................จานวน 6 ชั่วโมง วิชา..............ทกั ษะการเรยี นร.ู้ ...........รหสั วิชา....................ทร21001………………จานวน...................หนว่ ยกิต มาตรฐานท่ี 1.4 มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคตทิ ี่ดตี ่อการคดิ เป็น หนว่ ยการเรียนรู้ เรื่อง การจัดการความรู้ และการคดิ เปน็ 1.สาระสาคญั รายวชิ าทกั ษะการเรยี นรู มเี น้ือหาเกี่ยวกับการพฒั นาทกั ษะการเรยี นรูของนักเรียนในดา้ นการเรียนรูดว้ ย ตนเอง การใช้แหลงเรยี นรู การจัดการความรู การคดิ เป็นการวิจัยอย่างง่าย โดยมวี ัตถุประสงคเ์ พื่อให้ผเู้ รยี น สามารถกาหนดเปาหมาย วางแผนการเรยี นรู้ดวยตนเอง เขาถึงและเลือกใช แหลงเรียนรูจัดการความรู กระบวนการ แกปญหาและตดั สนิ ใจอยางมีเหตุผล ทจ่ี ะสามารถใชเปน เคร่ืองมือช้ีนา ในการเรยี นรู และการประกอบอาชีพใหสอด คลองกับหลกั การพ้ืนฐานและการพฒั นา 5 ศกั ยภาพของพ้ืนที่ ใน 5 กลุม่ อาชพี ใหม คอื เกษตรกรรม อตุ สาหกรรม พาณชิ ยกรรม ความคดิ สรางสรรค การบริหารจัดการและการบรกิ าร ตามยุทธศาสตร 2555 กระทรวงศึกษาธิการ ได อยางตอเน่อื ง ตลอดชีวติ 2.เนื้อหา 2.1 ความหมาย ความสาคัญ และหลกั ในการจัดการความรู้ 2.2 รปู แบบและกระบวนการในการจดั การความรู้ 2.3 การรวมกลุ่มเพือ่ ต่อยอดความรู้ 2.4 การฝกึ ทกั ษะและการบวนการจัดการความรู้ 2.5 ความเชอื่ พ้นื ฐานทางการศึกษาผูใ้ หญ่/ การศึกษานอกระบบ ท่เี ชอื่ มโยงมาสปู่ รชั ญา คิดเปน็ 2.6 ความหมาย ความสาคัญของการคิดเป็น การเช่ือมโยงของความเช่อื พ้ืนฐานทางการศึกษาผ้ใู หญ่ /กศน. สปู่ รัชญาคิดเป็น 2.7 การรวบรวมและวเิ คราะหส์ ภาพปัญหา ของตนเอง ครอบครวั ชุมชน และคดิ วเิ คราะห์ โดยใชข้ ้อมูล ดา้ น ตนเอง ด้านวิชาการ และ ดา้ นสังคมสิง่ แวดลอ้ ม 3.ตวั ชวี้ ัด 3.1 อธิบายความหมาย ความสาคญั หลักการกระบวนการจัดการความรู้ การวมกลมุ่ เพ่อื ตอ่ ยอดความรู้ การพัฒนาขอบข่ายความรู้ของกลมุ่ การจัดทาสารสนเทศเผยแพร่ความรู้ได้ 3.2 ปฏบิ ตั กิ ารจัดการความรใู้ นเนือ้ หาสอดคล้องกับความต้อการของชุมชนตามประเด็นทกี่ าหนดได้

26 3.3 สรปุ องคค์ วามรใู้ นชุมชนเพื่อจดั ทาสารสนเทศได้ 4.กระบวนการจัดการเรยี นรู้และกิจกรรม 4.1 ข้ันนา เล่นเกมสต์ อ่ กระดาษ 1) ครูแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 คน ครูแจกกระดาษหนังสือพิมพ์ กลุ่ม ๆละ1 ฉบับ และกระดาษกาว กลุ่มๆ ละ 1 ม้วน โดยให้แต่ละกลุ่มสร้างหอคอยท่ีสูงที่สุดจากวัสดุท่ีให้เท่าน้ันโดยไม่จากัดรูปร่าง กลุ่มที่สูงที่สุดเป็นผู้ ชนะ ครูและผ้เู รยี นรว่ มกนั สรปุ ผลจากการเล่นเกมส์ 2) ครบู อกวัตถปุ ระสงค์การเรียนรู้ในรายวิชา เพอื่ ให้ผเู้ รียนไดท้ ราบลว่ งหน้า และทาแบบทดสอบก่อนเรียน 3) ครูชกั ชวนผู้เรยี นพูดคุยถึงเรอ่ื งราวจากเนื้อหาโดยยกตัวอย่างบางตอนของเน้ือหามาแลกเปล่ียนเรียนรู้และ เปิดโอกาสให้ผู้เรยี นไดซ้ กั ถาม และแสดงความคิดเห็น 4.2 ข้ันสอน 1) ครูแบ่งกลุ่มนักศึกษาออกเป็น 4 กลุ่ม ศึกษาเก่ียวกับเน้ือหาการเรียนรู้จากแบบเรียน วิชา ทักษะการ เรยี นรู้ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ เรอ่ื ง 1 ความหมาย ความสาคญั และหลกั ในการจดั การความรู้ เรื่อง 2 รปู แบบและกระบวนการในการจัดการความรู้ เร่อื ง 3 การรวมกลมุ่ เพ่ือต่อยอดความรู้ เรอื่ ง 4 การฝึกทักษะและการบวนการจดั การความรู้ 2) ครูให้ผู้เรียนสรุปความรู้ท่ีได้รับจากศึกษาหนังสือแบบเรียน โดยสรุปสาระท่ีได้ลงในกระดาษ a 4 ให้แต่ ละกลุ่มนาเสนอสาระทีไ่ ด้ ทุกกลุ่ม ครแู นะนาเพม่ิ เติม 3) ครูใหผ้ เู้ รียนศึกษาเรือ่ ง การเช่ือมโยงไปส่ปู รชั ญาคดิ เป็นการแก้ปัญหาอย่างเปน็ ระบบของคนคิด เป็น ดว้ ยวดิ ีทศั น์ เรือ่ ง การใชก้ ระบวนการคิดเป็น ผเู้ รียน ศกึ ษาและทาความเข้าใจและสรุปเนอ้ื หาที่ได้ลงในกระดาษ a4 4) ครู สุ่มผเู้ รียนจานวน 3 - 4 คน จากแตล่ ะกลุ่ม ให้เล่าถึงกระบวนการคิดเป็นที่ผูเ้ รียนได้เรยี นรูจ้ ากวิดที ัศน์ เรอื่ ง การใช้กระบวนการคิดเปน็ ให้เพ่ือนๆฟงั ว่ามกี ระบวนการและข้ันตอนอย่างไร และตอบขอ้ คาถามของครแู ละ เพอ่ื นๆ 5) ครแู จกแบบฝกึ หดั ใหผ้ ู้เรยี นไดท้ าเปน็ รายบุคคล (แบบฝึกหดั ที่ 1-5) - ใบงานท่ี 1 เรื่อง การสารวจตนเอง - ใบงานที่ 2 เรอ่ื ง การคิดและการแกป้ ญั หา - ใบงานที่ 3 เรอ่ื ง ทบทวนความเชื่อพน้ื ฐานทางการศึกษาผใู้ หญข่ องคนคิดเป็น และการเช่ือมโยงไปสู่ปรัชญาคดิ เป็นการแกป้ ญั หาอยา่ งเป็นระบบของคนคิดเป็น 4.3 ข้นั สรุป - ครใู ห้ความรู้เพิ่มเติมเฉลยใบงานที่ 1-5 และแนะนาการนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน - ครเู ชื่อมโยงจากสงิ่ ท่ผี ้เู รยี นนาเสนอกบั เน้ือหา

27 - รวบรวมแบบฝกึ หดั จัดเก็บในแฟ้มสะสมงาน - มอบหมายให้ผเู้ รียน ศึกษาแบบเรยี นวิชาทกั ษะการเรยี นรู้ระดบั ม.ตน้ เพ่มิ เตมิ 5. ส่อื และแหล่งเรียนรู้ 5.1 แบบเรียน 5.2 ใบความรู้ 5.3 วดี ที ัศน์ เรอื่ ง การใชก้ ระบวนการคดิ เปน็ https://www.youtube.com/watch?v=NZexx6KcdyA 6. การวดั ผลและประเมินผล 6.1 แบบทดสอบก่อนเรยี น-หลังเรยี น แบบปรนยั จานวน 15 ข้อ 6.2 แบบฝึกหดั ที่ 1-5 6.3 แบบสงั เกตพฤติกรรม 7. เกณฑ์การวดั การวดั ตามจดุ ประสงค์ เคร่อื งมือการวดั ผล เกณฑ์การประเมนิ ผล ความรู้ (Knowledge) แบบทดสอบกอ่ นเรยี น – คะแนนมีการพัฒนาขน้ึ อธบิ ายเรือ่ งการการคดิ เป็น หลงั เรยี น ทักษะ (Skill) ใบงานวิชา ผูเ้ รียนจับประเดน็ สาคัญ . เลอื กหวั ข้อการการคิดเปน็ ทกั ษะการเรยี นรู้ เขา้ ใจและบอกการนาไปใชไ้ ด้ เจตคติ (Attitude) สังเกตพฤตกิ รรม ผ้เู รียน 80% ขน้ึ ไปมสี ่วนรว่ ม มคี วามรู้สึก เจตคตทิ ่ดี ตี ่อ การทางานกลุ่ม ในการอธิบายแลกเปล่ยี น กิจกรรมการเรยี นรู้ ในการอภิปรายแลกเปลย่ี น ความคดิ เห็น ความคิด ลงชื่อ............................................................. (………………………...………………………) ตาแหน่ง……………………….…………………….. วันท่ี ......เดอื น…………….......พ.ศ…………….... ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหาร ............................................................................................................................. ...................................................... ลงชื่อ.......................................................... (…………………………….………………………) ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอ………………………… วันที่ ........เดอื น……………......พ.ศ……………....

28 ใบความรู้ท่ี 1 ปฐมบทของการคดิ เปน็ “คิดเป็น คืออะไร ใครรบู้ ้าง มีทิศทางมาจากไหน ใครเคยเห็น จะเรยี นร่าทาอย่างไรให้ “คิดเปน็ ” ไม่ล้อเลน่ ใครตอบได้ขอบใจเอย” ความเชอ่ื พ้ืนฐานทางการศึกษาผ้ใู หญ่ ทุกวันนนี้ อกจากเด็กและเยาวชนท่ีคร่าเครง่ เรยี นหนงั สืออยู่ในโรงเรยี นกนั มากมายทั่วประเทศแล้ว ก็ยงั มี เยาวชนและผ้ใู หญจ่ านวนไมน่ ้อยท่สี นใจใฝร่ ใู้ ฝ่เรียนตา่ งก็ใช้เวลาว่างจากการทางาน หรอื วนั หยุดไป เรยี นรเู้ พ่มิ เติมทั้ง วิชาสามญั วชิ าอาชพี หรอื การฝึกทกั ษะการเรียนรู้ต่าง ๆ จากส่ือและเทคโนโลยที แ่ี พร่หลายมากมายทีเ่ รยี กว่า การศึกษาผ้ใู หญ่ การศึกษานอกโรงเรียน การศกึ ษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอัธยาศัยผูเ้ รียนเหล่านบี้ างคนเปน็ เยาวชนทยี่ ังเรียนไม่จบมธั ยมศกึ ษาตอนต้น แตต่ อ้ งออกมาทางานเพราะครอบครัวยากจน มพี นี่ ้องหลายคน บางคน ไมไ่ ดเ้ รียนหนังสือแต่ทางานเป็นเจ้าของกจิ การใหญโ่ ต บางคนจบปริญญาแล้วกย็ งั มาเรยี นอกี บางคนอายุมากแล้วก็ยงั สนใจมาฝึกวชิ าชีพและวชิ าที่สนใจ เช่น ร้องเพลง ดนตรี หมอดูพระเคร่ือง เปน็ ต้น และมีจานวนไมน่ ้อยทเ่ี รยี นรู้ การ ทาร้านอาหาร การทาร้านขายทอง หรือการทาการเกษตรปลกู สม้ โอตามทีพ่ ่อแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ทามาหากนิ มาหลาย ช่ัวอายุคน

29 ใบความรู้ เรอ่ื งที่ 2 ทบทวนความเช่อื พน้ื ฐานทางการศกึ ษาผ้ใู หญ่ของคนคดิ เป็น และการเช่ือมโยงไปสู่ปรชั ญาคิดเป็นการแกป้ ัญหาอย่างเปน็ ระบบของคนคิดเปน็ ในชวี ติ ประจาวนั ทกุ คนต้องเคยพบกับปัญหาตา่ งๆ ไม่วา่ จะเปน็ ปญั หาการเรยี น การงาน การเงิน หรอื แมแ้ ต่ การเลน่ กฬี าหรอื ปัญหาอื่นๆ เชน่ ปญั หาขดั แยง้ ของเด็ก หรอื ปญั หาการแต่งตัวไปงาน ตา่ งๆ เป็นตน้ เม่อื เกิดปญั หาก็ เกิดทุกข์ แต่ละคนก็จะมีวแี กไ้ ขปัญหา หรอื แก้ทุกขด์ ้วยวิธีการท่แี ตกต่างกันไป ซง่ึ แตล่ ะคน แต่ละวิธีการอาจเหมือน หรือต่างกัน และอาจให้ผลลัพธ์ทเ่ี หมอื นกนั หรือต่างกนั ก็ได้ ท้ังนีข้ ้ึนอยู่ กับพน้ื ฐานความเช่ือ ความรู้ ความสามารถและ ประสบการณ์ของบคุ คลนนั้ หรอื อาจจะข้นึ อยูก่ ับทฤษฎแี ละ หลักการของความเช่ือทีต่ ่างกัน เหลา่ น้ัน “คดิ เป็น” เป็นกระบวนการคิดและตัดสนิ ใจแกป้ ัญหาวธิ ีหนงึ่ ของคนทางาน กศน.ทท่ี ่าน อาจารย์ ดร.โกวทิ วรพพิ ฒั น์ อดีตอธิบดกี รมการศกึ ษานอกโรงเรยี นและอดีตปลัดกระทรวงศึกษาธกิ ารได้ นาเสนอไว้เปน็ ทิศทางและ หลักการสาคญั ในการดาเนินงานโครงการการศึกษาผใู้ หญ่และการศึกษานอกโรงเรยี นในสมัยน้ัน และใช้เป็นปัญหาส่อง นาทางในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ในระยะต่อมาด้วย“คดิ เป็น” ตั้งอยบู่ นความเชอ่ื พ้ืนฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่ทีเ่ ป็นหลักความจรงิ ของมนษุ ย์ ทวี่ า่ หรอื ความทุกข์เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ก็สามารถแกไ้ ขได้ ความทกุ ขห์ รือปัญหาเปน็ ส่งิ ทเ่ี กิดขน้ึ กบั คนมาก นอ้ ย หนักเบา ต่างกนั ออกไป เมื่อเกดิ ปญั หาหรือความทุกข์คนเราก็ต้องพยายามหาทางแกป้ ัญหาหรือคลค่ี ลายความ ทกุ ขใ์ ห้หมดไปให้ความสขุ กลับคืนมา ความสขุ ของมนษุ ยจ์ ะเกิดข้ึนไดต้ ่อเมื่อมนุษย์กับสภาวะแวดล้อมท่ีเปน็ วถิ ีชวี ติ ของ ตนสามารถปรบั ตัวกับสภาวะแวดล้อมใหก้ ลมกลืนกนั ไดน้ ี้ มนษุ ย์ตอ้ งร้จู กั แสวงหาข้อมลู ทห่ี ลากหลายและเพยี งพอ อย่างน้อย 3 ด้านดว้ ยกนั คือ ข้อมลู ด้านวิชาการ ขอ้ มูลเกย่ี วกับตนเอง และข้อมูลเก่ียวกับสภาวะแวดลอ้ มทางสังคม ชุมชน นามาวเิ คราะห์ศึกษารายละเอยี ดอย่างรอบคอบและสงั เคราะหเ์ พอื่ หาทางเลือกท่ีดที ีส่ ดุ นามาใช้แกป้ ัญหา ความเชือ่ พ้ืนฐานของคนคิดเป็นหรอื ความเชอ่ื พืน้ ฐานทางการศึกษาผ้ใู หญค่ ืออะไร? เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนมีความเข้าใจและเข้าถึง “คดิ เป็น” ได้อยา่ งลึกซ้งึ และชดั เจน ผู้เรยี นที่เคยเรยี น เรอ่ื ง “คดิ เปน็ ” มาก่อนในระดับประถมศึกษาหรือระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น ขอใหข้ ้ามไปอา่ นต่อและร่วม กิจกรรมกระบวนการ ต้ังแต่ เรื่องท่ี 2 ของบทนี้เป็นตน้ ไป สาหรับผู้เรยี นทย่ี ังไมเ่ คยเรียนเร่อื ง “คดิ เป็น” มาก่อนในระดับประถมศกึ ษาและ มัธยมศึกษา ตอนตน้ ขอให้ร่วมกันทาความเข้าใจเร่อื งความเช่ือพนื้ ฐานของคนคิดเปน็ หรือความเชื่อพน้ื ฐานทาง การศกึ ษาผู้ใหญ่เสยี กอ่ น ทงั้ น้ีเพราะกระบวนการ “คิดเปน็ ” เนน้ การทาความเข้าใจดว้ ยกระบวนการคิดและสร้าง ความเข้าใจด้วยตนเองเปน็ หลัก ใหใ้ ชก้ รณีตวั อยา่ งในแบบเรียนคิดเปน็ ระดบั ประถมศึกษาเปน็ เอกสารประกอบการ สนทนาและรว่ มสรุปแนวคิดดังต่อไปนี้ ความเช่ือพืน้ ฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่ ปฐมบทของปรชั ญา “คิดเป็น” ครั้งหนึง่ ดร.โกวทิ วรพพิ ัฒน์ อดีตปลดั กระทรวงศึกษาธิการ ซ่ึงเคยเปน็ อธิบดีกรมการ ศึกษานอกโรงเรียนมา กอ่ นเคยเลา่ ใหฟ้ ังว่ามีเพ่ือนฝร่งั ถามท่านว่า ทาไมคนไทยบางคนจนก็จน อยู่กระตอ๊ บ เก่าๆทางานก็หนกั หาเช้ากนิ ค่า แตเ่ มื่อกลบั บ้านยังมีแก่ใจนั่งเปา่ ขลุ่ย ต้งั วงสนทนา สนุกสนาน เฮฮากบั เพอ่ื น บา้ นหรือโขกหมากรุกกบั เพ่ือน ได้อย่าง เบกิ บานใจ ตกเย็นก็นง่ั กนิ ข้าวคลกุ น้าพรกิ คลกุ น้าปลากับลูกเมยี อยา่ งมคี วามสุขได้ ทา่ นอาจารยต์ อบไปวา่ เพราะเขา

30 คดิ เป็น เขาจึงมคี วามสุข มีความพอเพียง ไม่ทกุ ข์ ไม่ เดือดรอ้ นทรุ นทรุ ายเหมือนคนอื่นๆ เท่านั้นแหละ คาถามก็ ตามมาเป็นหางวา่ ว เชน่ กเ็ จา้ “คดิ เปน็ ” มันคอื อะไร อยู่ที่ไหน หน้าตาเปน็ อย่างไร หาได้อย่างไร หายากไหม ทา อยา่ งไรจึงจะคิดเป็น ตอ้ งไปเรียนจากพระ อาจารย์ทศิ าปาโมกข์หรือเปลา่ ค่าเรียนแพงไหม มคี า่ ยกครไู หม ใครเป็นครู อาจารย์หรือศาสดา ฯลฯ ดูเหมอื นวา่ “คิดเป็น” ของทา่ นอาจารยจ์ ะเป็นคาไทยง่ายๆ ธรรมดาๆ แต่ก็ออกจะลึกล้า ชวนให้ใฝ่หาคาตอบย่งิ นัก ประมาณปี พ.ศ.2513 เปน็ ตน้ มา ทา่ นอาจารย์ ดร.โกวทิ วรพิพฒั น์ และคณะไดน้ าแนวคดิ เร่ือง “คิดเปน็ ” มาเป็นเป้าหมายสาคัญในการจัดการศึกษาผใู้ หญ่หลายโครงการ เชน่ โครงการการศึกษา ผู้ใหญแ่ บบ เบ็ดเสรจ็ โครงการรณรงคเ์ พ่ือการรหู้ นงั สือแหง่ ชาติ โครงการการศกึ ษาประชาชนและการศึกษา ผู้ใหญ่ข้ันต่อเนอ่ื งเปน็ ต้น*ต่อมาทา่ นย้ายไปเป็นอธิบดกี รมวชิ าการ ท่านก็นาคิดเป็นไปเป็นแนวทางจัด การศึกษาสาหรบั เดก็ ในโรงเรียนจน เป็นท่ยี อมรับมากข้ึน เพื่อให้การทาความเขา้ ใจกบั การคิดเป็นง่ายข้นึ พอทจ่ี ะให้คนท่จี ะมามสี ว่ นร่วมในกระบวนการ เรียนการสอนตามโครงการดังกล่าวเข้าใจและสามารถดาเนินกิจกรรมการเรยี นรู้ให้สอดคล้องกับหลกั การ “คิดเปน็ ” ได้ จงึ มีการนาเสนอแนวคิดเรื่อง ความเชื่อพน้ื ฐานทางการศึกษาผ้ใู หญ่ข้นึ เป็นครงั้ แรก โดยใชก้ ระบวนการคดิ เปน็ ใน การทาความเข้าใจกับความเช่ือพ้ืนฐานทางการศกึ ษาผู้ใหญ่ใหก้ ับผู้ทจ่ี ะจัดกระบวนการเรียนการสอนตามโครงการ ดังกล่าวในรปู แบบของการ ฝกึ อบรม เหมอื นกนั แต่ทุกคนก็มจี ุดมงุ่ หมายปลายทางของตนทจี่ ะกา้ วไปสู่ความสาเรจ็ ซง่ึ ถ้าบรรลถุ งึ สง่ิ นัน้ ไดเ้ ขากจ็ ะมีความสุข ดังน้นั ความสุขเหลา่ นจี้ ึงเป็นเรอื่ งตา่ งจติ ต่างใจท่ีกาหนดตามสภาวะของตน อยา่ งไรกต็ ามการจะมีความสุขอยู่ได้ในสังคม จาเปน็ ต้องปรบั ตวั เอง และสังคมใหผ้ สมกลมกลนื กันจนเกิดความพอดีแก่ เอกัตภาพ และบางครงั้ หากเป็นการตัดสนิ ใจท่ีไดก้ ระทาดีที่สุดตามกาลงั ของตัวเองแลว้ กจ็ ะมีความพอใจกับการ ตัดสนิ ใจนนั้ อีกประการหนึง่ ในสงั คมท่ีมีการเปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเร็วน้ี การท่ีจะปรบั ตวั เองและสง่ิ แวดลอ้ มให้เกิด ความพอดนี นั้ จาเป็นต้องรูจ้ กั การคดิ การแกป้ ัญหา การเรียนการสอนที่จะให้คนรู้จักแก้ปัญหาไดน้ ั้น การสอนโดยการ บอกอย่างเดยี วคงไม่ได้ประโยชนม์ ากนกั การสอนใหร้ ูจ้ ักคดิ รูจ้ กั วเิ คราะห์ จึงเป็นวิธที ี่ควรนามาใชก้ ระบวนการคิด การแกป้ ัญหามีหลากหลายวธิ ีแตกต่างกนั ไป แตก่ ระบวนการคดิ การแกป้ ญั หาที่ต้องใชข้ อ้ มูลประกอบการคดิ การ วเิ คราะหอ์ ยา่ งน้อย 3 ประการ คือข้อมูลทางวชิ าการ ข้อมูลเกยี่ วกบั ตวั เอง และข้อมูลเก่ียวกับสังคมและส่ิงแวดลอ้ ม ซึง่ เม่อื นาผลการคดิ นี้ไปปฏบิ ัติแลว้ พอใจ มีความสขุ ก็จะเรียกการคิดเชน่ น้นั วา่ คิดเปน็

31 แบบฝกึ หัดที่ 1 การจดั การความรู้ ใหผ้ ู้เรียนตอบคาถามต่อไปน้ใี ห้ถกู ต้อง ( 5 คะแนน) 1.ให้ผเู้ รียนบอกถึงรูปแบบของเวทชี ุมชนนักปฏิบัตวิ า่ มีอะไรบา้ ง (1 คะแนน) .......................................................................................................................................................... ................................ ................................................................................................... ....................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. 2.ชุมชนนกั ปฏิบตั มิ คี วามสาคัญอย่างไร(1 คะแนน) .................................................................................................................................. ........................................................ .......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. 3.สารสนเทศ หมายถงึ (1 คะแนน) ............................................................................................................................. ............................................................. .......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. 4.การจัดทาสารสนเทศเผยแพร่ความรู้ คือ(1 คะแนน) ............................................................................................................................. ............................................................. ..................................................................................................................................................... ..................................... ............................................................................................. ............................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. 5.บอกถึงวัตถปุ ระสงค์ของการจดั ทาสารสนเทศ(1 คะแนน) ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. .......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................................

32 แบบฝึกหัดที่ 2 การจัดการความรู้ ให้ผู้เรียนตอบคาถามต่อไปนีใ้ ห้ถูกต้อง ( 5 คะแนน) 1.การจัดการความรู้ หมายถงึ (1 คะแนน) .......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. 2.กระบวนการจดั การความรู้ คอื (1 คะแนน) ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................................................. ............................. ..................................................................................................... ..................................................................................... 3.การจัดการความรู้มีความสาคญั อย่างไร(1 คะแนน) ............................................................................................................................. ............................................................. ..................................................................................................................................................... ..................................... ............................................................................................. ............................................................................................. 4.การเข้าถึงความรตู้ ามความเข้าใจของผเู้ รียน คือ(1 คะแนน) ............................................................................................................................. ............................................................. .......................................................................................................................................... ................................................ .................................................................................. ........................................................................................................ 5.ใหผ้ ู้เรียนบอกถึงปจั จยั ที่ทาให้การจัดการความรู้ด้วยการรวมกล่มุ ปฏิบัติการประสบความสาเร็จวา่ มีอะไรบ้าง (1 คะแนน) ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ...................................................................................................................................................... ....................................

33 เฉลยใบงานที่ 2 การจัดการความรู้ ใหผ้ เู้ รียนตอบคาถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ( 5 คะแนน) 1.ให้ผู้เรยี นบอกถึงรปู แบบของเวทชี มุ ชนนกั ปฏิบตั ิวา่ มอี ะไรบา้ ง ตอบ รปู แบบจะมีการต้งั เป็นชมรม หรอื ใช้เทคโนโลยใี นการแลกความรู้กันในลกั ษณะของเว็บบล็อก 2.ชุมชนนักปฏิบตั มิ ีความสาคัญอยา่ งไร ตอบ เกดิ จากการรวมตวั ของคนที่สนใจเร่ืองเดียวกัน 3.สารสนเทศ หมายถึง ตอบ ข้อมูลตา่ งๆ ที่ผ่านมาการกลนั่ กรองและประมวลผลแล้ว บวกกับประสบการณ์ความเชี่ยวชาญทสี่ ัง้ สมมาแรมปี มี การจัดเก็บหรือบนั ทึกไวพ้ ร้อมในการนามาใช้งาน 4.การจดั ทาสารสนเทศเผยแพรค่ วามรู้ คือ ตอบ การรวบรวมและสร้างองคค์ วามรทู้ เ่ี กิดจากการปฏบิ ตั ิข้ึนมากมาย เปน็ การสร่างช่องทางให้สามารถเขา้ ถึงองค์ ความรู้ และก่อให้เกิดการแบ่งปนั ความรูร้ ว่ มกนั อยา่ งเปน็ ระบบ เพื่อให้การคน้ หาความร้สู ะดวกข้นึ 5.บอกถึงวตั ถุประสงคข์ องการจดั ทาสารสนเทศ ตอบ ระบบการจัดเก็บข้อมูลเปน็ หมวดหมู่ เกิดการถ่ายทอดองค์ความรูอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ เกดการเขา้ ถึงและ เชื่อมโยงความรู้อย่างเป็นระบบ รวบรวมและจัดเกบ็ ความรู้ที่ทกุ คนสามารถเข้าถึงได้

34 แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรียน คาสงั่ ใหเ้ ลอื กคาตอบทถ่ี กู ต้องท่ีสดุ เพยี งคาตอบเดียว 1. ข้อใด คือ ความหมายของการจดั การความรู้ ก. กระบวนการถ่ายทอดความรู้ ข. กระบวนการเข้าถึงความร้แู ละนามาปฏบิ ตั ิ ค. การเช่อื มโยงความรู้และบูรณาการความคิด ง. กระบวนการจัดการความรู้และประสบการณแ์ ล้วนามาแบง่ ปันให้เกิดประโยชน์ 2. การสง่ เสริมใหเ้ กดิ ชมุ ชนแห่งการเรยี นรคู้ วรเริ่มท่ีใครเป็นอันดับแรก ก. ตวั บคุ คล ข. ตัวองคก์ ร ค. กล่มุ ทปี่ ระกอบดว้ ยสมาชิก ง. กลุ่มท่ปี ระกอบด้วยคณะกรรมการ 3. ขอ้ ใดคือประโยชน์ของการจัดการความรู้ในชมุ ชน ก. การแสวงหาความรู้ ข. การนาความรู้ไปใช้ ค. การจดั เกบ็ คลงั ความรู้ ง. เพอื่ แยกข้อเท็จจริงออกจากความคิดเห็น 4. การเผยแพรค่ วามรู้ของกลุม่ นักศึกษาคิดว่าวธิ ีไหนที่ได้รบั ความนยิ มอยา่ งแพร่หลายมากข้นึ ก. ทีวี ข. วทิ ยุ ค. อนิ เตอร์เน็ต ง. ป้ายประกาศ 5. การจัดเวทปี ระชาคมหมู่บ้านมีปัญหาในการจดั เกบ็ ข้อมูลเป็นจานวนมากควรปฏบิ ัตอิ ยา่ งไร ก. ตดั ขอ้ มูลท่ีไม่จาเปน็ ท้ิง ข. หาผชู้ ว่ ยทส่ี ามารถแบง่ เบาหนา้ ที่ ค. จัดเก็บในแฟ้มเอกสารและจัดเกบ็ เข้าตู้ ง. นาใจความสาคญั และใจความรองมาจัดเรียง ข้อมูล 6. บุคคลในข้อใดนากระบวนการจัดการความรไู้ ปใช้ ในชมุ ชนได้ ก. สุชาติร่วมขายผกั ในตลาดของชมุ ชน ข. สมพรทาบัญชเี งินก้ขู องลุกหนใี้ นชุมชน ค. สมุ ลทาเอกสารเผยแพร่เร่ืองชองกองทุนหมบู่ ้าน ง. สุดารัตน์ร่วมทาเวทีชาวบา้ นการสร้างประปาประจาหมูบ้าน

35 7. ขอ้ ใดคือความหมายของการจดั การความรู้ ก. กระบวนการถ่ายทอดความรู้ ข. กระบวนการเขา้ ถึงความรู้และนามาปฏิบตั ิ ค. การเชื่อมโยงความรู้และบูรณาการความคิด ง. กระบวนการจดั การความรู้และประสบการณแ์ ล้วนามาแบง่ ปันใหเ้ กดิ ประโยชน์ 8.ความหมาย ของชุมชนนักปฏบิ ตั ิ คอื อะไร ก. การจัดการความรู้ ข. เปา้ หมายของการจัดการความรู้ ค. วธิ กี ารหนึ่งของการจัดการความรู้ ง. แนวปฏิบตั ขิ องการจัดการความรู้ 9. รปู แบบการจดั การความรู้ตามโมเดลปลาทู สว่ น “หัวปลา” หมายถงึ อะไร ก. การกาหนดเป้าหมาย ข. การแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ค. การจัดเกบ็ เป็นคลงั ความรู้ ง. ความรูท้ ชี่ ัดเจน 10. ข้อใด คือความหมายของคาว่า “สารสนเทศ” ก. ขอ้ มลู ดิบที่เป็นข้อเท็จจริง หรือเหตกุ ารณ์ ข. ข้อมลู ที่ผ่านกระบวนการประมวลผลแล้ว ค. ขอ้ มลู ทสี่ ามารถวดั คา่ ได้ ง. ข้อมูลที่บอกลักษณะของตัวแปร

36 เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น 1.ง 2.ก 3.ข 4.ค 5.ง 6.ง 7.ง 8.ก 9.ก 10.ข

37 บันทึกหลังการจัดการเรยี นรู้ กศน.ตาบล..............................................กศน.อาเภอ................................................จงั หวดั ............................ สัปดาห์ท.ี่ ..................วันท.ี่ ...........เดือน.........................................พ.ศ...................ครผู สู้ อน............................ ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ สาระ....................................รายวชิ า..................................รหัสวิชา....................... 1. ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จานวนผเู้ รยี นที่เข้าเรยี น........................................ ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. 2. เนอ้ื หา / สาระที่สอน ............................................................................................................................. ............................................................. ........................................................................................................................................................................ .................. 3. กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ ............................................................................................... ......................................................................... .................. ............................................................................................................................. ............................................................. 4. ปัญหาอปุ สรรคในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ............................................................. ........................................................................................................................................................... ............................... 5. แนวทางการปัญหา ................................................................................ ........................................................................................ .................. ............................................................................................................................. ............................................................. ลงช่อื .............................................................. (...............................................................) ครู กศน.ตาบล.................................................. ................../..................../.................. ความคิดเห็น / ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ าร ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................................................ .............................. ลงชื่อ................................................ (......................................................) ผู้อานวยการ กศน.อาเภอ..................................

38 แผนการจดั การเรียนรู้ ภาคเรียนท…ี่ …/………. ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ กศน.อาเภอ..................................................จังหวัด............................................. สปั ดาห์ท.่ี .....................วันท.ี่ .................เดือน.......................................พ.ศ...................เวลา...12..ชั่วโมง... วิชา..............ทกั ษะการเรียนร.ู้ ...........รหัสวชิ า....................ทร21001………………จานวน......5.......หน่วยกิต มาตรฐานท่ี 1.5 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคติท่ดี ีตอ่ การวิจัยอย่างง่าย หนว่ ยการเรยี นรู้ เรือ่ ง การวิจยั อยา่ งง่าย 1.สาระสาคญั การแสวงหาความรู้ ข้อมูล ข้อเท็จจริงอยา่ งมรี ะบบ เพอื่ ให้ได้รบั คาตอบ หรือความรู้ใหมท่ ่ีเชือ่ ถือได้สามารถทา ได้ โดยกระบวนการวิจยั 2.เน้ือหา 2.1 ความหมายความสาคัญของการวจิ ยั อยา่ งงา่ ยกระบวนการและขั้นตอนของการดาเนินงาน 2.2 ฝึกทักษะ สถติ งิ ่ายๆ เพื่อการวิจัยเครอ่ื งมอื การวจิ ัย 2.3 ฝกึ ทักษะในการเขียนโครงการวิจัยอยา่ งง่าย 3.ตวั ช้ีวัด 3.1 อธบิ ายความหมาย ความสาคัญของการวจิ ัยอย่างงา่ ย กระบวนการและขั้นตอนของการดาเนนิ งานวิจัย 1. อธิบายความหมายและความสาคญั ของการวิจยั อยา่ งง่ายได้ 2. บอกประโยชนข์ องการวิจัยอย่างง่ายได้ 3. อธิบายกระบวนการและข้ันตอนการทาวจิ ยั อยา่ งง่ายได้ 3.2 มที กั ษะในการใชส้ ถติ ิง่าย ๆ เพอ่ื การวจิ ัยและจดั ทาเครื่องมือการวจิ ัย 1. อธิบายสถติ ทิ ีใช้ในการวจิ ยั อยา่ งง่ายได้ 2. คานวณคา่ สถติ งิ ่าย ๆ เพื่อการวิจัยอยา่ งง่ายได้ 3. อธบิ ายประเภทของเคร่อื งมือการวจิ ัยอยา่ งง่ายได้ 4. สรุปผลการวิจัยได้สอดคล้องกับวตั ถุประสงค์การวิจัย 3.3 มที ักษะในการเขยี นโครงการวิจยั อยา่ งง่าย ๆ 1. กาหนดชื่อเรอื่ งการวิจยั ได้สอดคล้องกับการวิจัย 2. กาหนดวตั ถปุ ระสงคก์ ารวิจัยไดส้ อดคล้องกบั ปัญหาการวจิ ยั 3. เลอื กใชเ้ ครื่องมือการวิจัยได้สอดคล้องกบั วตั ถุประสงค์การวจิ ัย 4. อธบิ ายองค์ประกอบของการเขียนโครงการวิจัยอย่างงา่ ยได้ 5. สรุปผลการวิจยั ได้สอดคล้องกับวตั ถุประสงค์การวิจัย

39 4.กระบวนการจัดการเรยี นรูแ้ ละกิจกรรม 4.1ขัน้ นาเขา้ สู่บทเรียน 1) ครกู ลา่ วทักทาย กล่าวนา และทบทวนเนื้อหาเดมิ จากการสอนครั้งท่ีแลว้ เพ่อื เชื่อมโยงสู่การสอนใน คร้ังน้ี 2) ครชู ้ีแจงวัตถุประสงค์การเรียนรู้ ผเู้ รยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน เพือ่ ดูความรพู้ นื้ ฐานของผ้เู รียน 3) ครจู ัดกจิ กรรมนนั ทนาการเรื่องระบากระดาษ แบ่งผู้เรียนออกเปน็ 8-10 คน /กลุ่ม โดยใหผ้ ู้เรยี นยืน บนกระดาษหนงั สอื พมิ พ์ท่ีมีขนาดเท่ากัน สมาชิกทุกคนต้องวางแผนยนื บนกระดาษหนงั สือพิมพ์ และคร้งั ที่2 ใหพ้ บั กระดาษหนังสอื พิมพ์ให้เหลอื ครึง่ เดียวเพ่ือดูการวางแผนและเทคนิคของกลุ่ม - ครูจดั กจิ กรรมนนั ทนาการการร้องเพลง เพลง วจิ ัยเชิงปรมิ าณ https://www.youtube.com/watch?v=zIodAT7yjBo 4.2 ข้นั สอน(จัดกจิ กรรมการเรยี นร)ู้ 1) ครใู หผ้ เู้ รียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี นเพือ่ วดั ความรู้ของผู้เรียน 2) ให้ผูเ้ รียนแนะนาตัวเอง และแสดงความคดิ เห็นการทาวจิ ัยการดาเนินชวี ติ ทเี่ กดิ ขนึ้ ใน ชวี ิตประจาวนั ครูแนะนาวธิ กี ารสร้างเครอ่ื งมือการวจิ ยั เพื่อเกบ็ รวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง ให้เห็นเป็นตัวอยา่ ง ตามความเข้าใจของตนเอง 3) ครอู ธบิ ายและสรุปร่วมกบั ผ้เู รียนนิยามความหมายของคาวา่ วิจยั ตามความเขา้ ใจ ครยู กตัวอยา่ ง การทาวิจยั ในการประกอบอาชพี เร่ือง Research Impact [by Mahidol] GEO Health Hub งานวิจยั หยุด เกษตรเคมี https://www.youtube.com/watch?v=MJBSG-E3OXc

40 4) ครแู ละผ้เู รียนรว่ มกนั สรปุ วธิ ีการจัดทาวจิ ยั วิเคราะหแ์ ละแนวทางการนาไปปรบั ใช้ร่วมกัน ร่วมกัน แสดงความคดิ เหน็ จากyoutubeเรอื่ งงานวิจัยหยดุ เกษตรเคมี 5) ครูอธบิ ายเพิ่มเติมในเร่ือง 5.1 ความหมายและประโยชนข์ องการวจิ ัยอยา่ งง่าย 5.2 ข้ันตอนการทาวิจัย ขั้นการรบุ ปุ นั หาการวจิ ยั ขน้ั ตอนการเขยี นโครงการวจิ ยั ขั้นการ ดาเนินการวิจัย ปฏิทนิ ปฏบิ ตั ิงาน และประโยชน์ของการวจิ ยั ผ่านyoutub https://www.youtube.com/watch?time_continue=19&v=TmNrb_tkdEg 5.3 สถติ เิ พ่ือการวิจัยผา่ นyoutub https://www.youtube.com/watch?v=IBReAlBJ8wA&feature=youtu.be 5.4 เคร่ืองมือการวจิ ัยเพื่อการเกบ็ รวบรวมข้อมลู 5.5 การเขียนโครงการวิจยั 6) ใหผ้ เู้ รยี นแบง่ กลุ่มออกเปน็ 3 กลุ่ม ตามความสมัครใจ ให้ผเู้ รยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันศึกษาวธิ เี ขียน งานการวิจัย ใหค้ รอบคลุมหวั ข้อการเขียนโครงการวิจยั อยา่ งงา่ ยตามเรื่องท่ีกาหนด ให้แต่ละกลุ่มนาเสนอในรูปแบบ Mind Map สามารถศกึ ษาจากตัวอย่างวธิ ีการเขียนโครงการวิจัยอย่างง่าย จากวิจยั เร่อื ง ผลงานวิจัยดีเดน่ ปี 2559 กรมวชิ าการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

41 https://www.youtube.com/watch?v=hQV7ISrF9Qg ให้แตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลการศึกษาการเขียนโครงงานการวิจัยภายในเวลา 5นาที ตามท่ีครู มอบหมายใหก้ ลุ่มสรุป 4.3 ขน้ั สรปุ 1) ครแู ละผู้เรียนรว่ มกันสรุปวิธีการทาวิจัยอยา่ งง่ายครแู ละผเู้ รียนกับเนือ้ หาตามวัตถุประสงค์การ เรียนรู้ 2) ครูเชอ่ื มโยงความรู้ที่ไดร้ ับจาการทาวจิ ัยในชน้ั เรยี นมาปรับปรงุ และพฒั นาการประกอบอาชพี เพือ่ ใหม้ ีรายได้เพ่ิมข้นึ กับวตั ถปุ ระสงค์ของเน้อื หาวิชา และนาสาระสาคญั ความสาคญั การวิจัยอย่างง่าย มา นาเสนอเพิ่มเติมเพือ่ ให้นักศกึ ษามคี วามรู้ท่ีกวา้ งขวางมากยิ่งขึน้ 3) ผเู้ รียนทาแบบทดสอบหลังเรียน 4) มอบหมายงานใหผ้ ู้เรียนแตล่ ะคนศึกษาปัญหาการวจิ ัยและนาไปจัดทาตามแบบฝึกหดั 5.สื่อและแหล่งเรียนรู้ 1) หนงั สอื วชิ าทกั ษะการเรยี นรู้ 2) แบบกึ หักหัด/ใบกจิ กรรม 3) อินเทอร์เนต็ เรอ่ื ง Research Impact [by Mahidol] GEO Health Hubงานวิจัยหยดุ เกษตรเคมี 6.การวดั และประเมินผล 6.1 แบบทดสอบกอ่ นเรียน/หลังเรียน 6.2 ประเมินจากการทางานท่ีได้รบั มอบหมาย 6.3 สงั เกตพฤติกรรม

42 7.เกณฑ์การวัดผล เครอื่ งมอื การวัด เกณฑก์ ารวัดผล การวัดผลตามจดุ ประสงค์ 1.ความรู้(Knowledge) - ใบงาน ได้คะแนน 60% 1.อธบิ าย ความหมาย ความสาคัญการวจิ ยั อย่างงา่ ย ขนึ้ ไป กระบวนการและข้ันต้อนของการดาเนินงาน 2. ทกั ษะ(Skill) - ประเมินจากสภาพจริงดว้ ย ผ่าน 60% ขึน้ ไป - การเลือกหัวข้อ การวางแผน วิธกี าร การสงั เกตการทางานท่ีได้รับ - การเลอื กหัวข้อ โครงงานวจิ ัยตามความสนใจ เคร่ืองมือ มอบหมาย ใบงานวิจัย เกณฑ์ เขยี น รา่ งโครงงานวิจยั ได้ถูกต้องตาม หัวข้อ และประเภทของงานวิจยั ได้ 80 ข้ึนไป 3. เจตคติ(Attitude) - ประเมินโดยแบบการ ผ่าน 60% ข้นึ ไป มคี วามร้สู ึก เจตคตทิ ่ดี ี วธิ ีการ การแลกเปลย่ี นเรียนรู้ สงั เกตพฤตกิ รรมในการร่วม เคร่ืองมือ อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ เกณฑ์ผเู้ รียน กิจกรรม ผ่านเกนิ 80% กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................... ....................................................... .......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... ......................... ลงชอ่ื ........................................................ผู้สอน (.......................................................) วันท.ี่ .................เดือน...........................พ.ศ.................. ขอ้ เสนอแนะของหวั หน้าสถานศึกษาหรือผูท้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ........................................................................................................................................................................ ลงชือ่ ............................................................. (......................................................) วันที.่ ..............เดือน..............................พ.ศ................

43 ใบความรู้ เรอ่ื ง การวิจยั อยางงาย การวิจัยอยางงาย เปนเรื่องที่มุงใหความรู ความเขาใจเก่ียวกับการฝกทักษะ ความหมายความสาคัญของการ วิจัยอยางงาย กระบวนการและข้ันตอนของการดาเนินงาน ไดแก การระบุกาหนดปญหาที่ตองการหาความรู ความจริง หรือส่ิงที่ตองการพัฒนา การแสวงหาความรู จากการศึกษาเอกสาร ผูทรงคุณวุฒิ ภูมิปญญาทองถ่ิน แหล่งเรียนรู ทดลอง การนาขอมูลทีไ่ ดมาหาคาตอบท่ตี องการ การเขียนรายงานสรุปผล และการนาความรูไปปฏิบตั ิจริง เรื่องที่ 1 ความหมายและประโยชนของการวิจัยอยางงาย การวิจัยอยางงาย หมายถึง การศึกษาคนควาเพ่ือหาคาตอบของคาถามที่สงสัย หรือหาคาตอบมาใชในการแกปัญหา โดยใชวธิ กี ารและกระบวนการตาง ๆ อยางเปนระบบเพ่ือใหไดคาตอบทีน่ าเชื่อถือ ความสาคญั ของการวจิ ัยอยางงาย 1. ทาใหผูวจิ ยั ไดรบั ความรูใหม ๆ 2. การทาวจิ ยั ชวยหาคาตอบท่ีผูวิจยั สงสยั หรอื แกปญหาของผูวจิ ยั 3. การวจิ ัยชวยใหผูวิจยั ทราบผลการดาเนินงาน และขอบกพรองระหวางการดาเนนิ งาน 4. การวจิ ยั ชวยใหผูวจิ ัยไดแนวทางในการพัฒนาการทางาน 5. การวจิ ัยชวยใหผูวจิ ยั มีการทางานอยางมีระบบ 6. การวจิ ยั ชวยใหผูวิจัยเปนคนชางคดิ ชางสังเกต ประโยชนของการวิจัยอยางงาย 1. ประโยชนตอผูวจิ ัย 1) เปนการพัฒนาความคดิ ใหเปนระบบ คดิ เปนขนั้ ตอน ใชกระบวนการท่เี ปนเหตุเปนผล 2) เปนการพฒั นากระบวนการสรางความรูอยางเปนระบบ 3) ฝกใหผูวิจยั เปนคนชางสังเกต มที ักษะการจดบนั ทกึ และสรุปความ 2. ประโยชนตอชุมชน 1) สมาชิกในชมุ ชนมีความรู เขาใจสภาพปญหา และสามารถวิเคราะหหาวิธีการแกปญหาไดอยางเปนระบบ 2) สามารถใชกระบวนการวิจัย หรือผลการวจิ ยั มาเปนแนวทางในการพฒั นาคุณภาพชีวติ ในดานตาง ๆ เร่ืองท่ี 2 ข้นั ตอนการทาวจิ ัยอยางงาย ขั้นตอนของการทาวจิ ัยอยางงาย ประกอบดวย 5 ขนั้ ตอน ดังนี้ 1. ข้ันตอนการระบุปญหาการวิจัย เปนขน้ั ตอนของการเลือกเรือ่ งที่มคี วามสนใจหรอื เปนปญหาทตี่ องการแก ไขมากาหนดเปนคาถามการวิจัย 2. ขั้นตอนการเขียนโครงการวจิ ยั เปนการเขยี นแผนการวิจัย โดยจะตองเขียนใหครอบคลมุ ในหวั ขอ ดังน้ี 1) ช่ือโครงการวจิ ัย เปนการเขยี นบอกวาเปนการศึกษาอะไร กับใคร อยางไรท่ีไหน 2) ชือ่ ผูวจิ ยั บอกชอื่ ของผูทาวิจยั

44 3) ความเปนมาและความสาคัญเปนการเขียนใหเห็นถึงประเดน็ ปญหาและนาไปสูวัตถุประสงคของการวิจยั 4) วัตถปุ ระสงคของการวจิ ยั เปนการเขยี นในลักษณะท่ีบงบอกวา ผูวจิ ยั ตองการรูอะไร หรอื จะทาอะไร เพอ่ื ใหไดคาตอบของการวิจยั โดยมีหลกั การเขียนวัตถปุ ระสงคของการวิจยั ดงั น้ี (1) ตองสอดคลองกบั ชอ่ื เรื่อง ความเปนมาและสภาพปญหา (2) ครอบคลุมสงิ่ ท่ตี องการศกึ ษา (3) เขยี นเปนประโยคบอกเลา สั้นกะทัดรดั ไดใจความ และมีความชดั เจน 5) วิธีการดาเนินการวิจัย เปนการวางแผนเก่ียวกับวิธีการและกระบวนการเร่ิมต้ังแต การเก็บขอมูล การ วเิ คราะหขอมลู รวมไปถึงการนาเสนอผลการวเิ คราะหขอมลู เพอ่ื ใหไดคาตอบของปญหา 6) ปฏิทินปฏิบัติงาน และแผนการดาเนินงานเปนการเขียนระบุวาการดาเนินการวิจัย ในคร้ังนี้จะใช เวลานานเทาใด เร่ิมตนและสิน้ สุดเมือ่ ใด โดยระบุกจิ กรรมท่ีทา และสถานทที่ ีใ่ ชในการวิจยั ใหชัดเจน 7) ประโยชนของการวิจัย เปนการบอกวา เมื่อไดคาตอบของการวิจัยมาแลวจะสามารถนาไปแกปญหา หรือพัฒนางานไดอยางไร 3. ขนั้ ตอนการดาเนนิ การวจิ ยั เปนการดาเนินการวจิ ัยตามแผนที่กาหนดไวในโครงการวิจัย ซ่ึงจะตองคานึงถึง องคประกอบ ดงั นี้ 1) ประชากรและกลุมตวั อยาง เปนการกาหนดวาจะศกึ ษาใคร 2) เครอ่ื งมอื ท่ีใชในการวจิ ัย เปนการสรางเครอ่ื งมอื เพ่ือไปเก็บขอมูลมาวิเคราะห ใหเกิดความรู มีเคร่ืองมือ 3 ประเภท คอื แบบสังเกต แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ 3) การเก็บรวบรวมขอมูล ถาเก็บขอมูลดวยตนเอง จะใชแบบสัมภาษณ แบบสังเกต แลแบบสอบถาม แตถ าสงทางไปรษณีย ควรใชเฉพาะแบบสอบถาม หลังจากดาเนินการเก็บขอมูลแลวควรจะตรวจสอบความสมบูรณ ความ ถูกตองของขอมูล 4) สถิติท่ใี ชในการวเิ คราะหขอมูลการวิจยั อยางงาย คอื ความถ่ี รอยละหรือเปอรเซน็ ต และคาเฉลี่ย 4. ขั้นตอนการรายงานผลการวิเคราะหขอมูล เปนการกลาวถึงผลของการวิจัย โดยการวิเคราะหตามจุดประ สงค ใหสอดคลองกับวัตถุประสงคของการวจิ ยั อาจนาเสนอเปนขอความตัวเลข ตาราง แผนภูมิ หรือแผนภาพเพ่ือใหผู อานเขาใจมากขน้ึ 5. ข้ันตอนการสรุปผลการวิจัยและขอเสนอแนะ เปนการสรุปผลตามวัตถุประสงควาไดผลการวิจัยตามวัตถุ ประสงคท่ีตง้ั ไวหรือไม และมีขอเสนอแนะของการวจิ ัยอยางไร เรื่องที่ 3สถิติเพอ่ื การวิจัย ความหมายของสถิติ สถิติ หมายถึง คาตวั เลขที่เกิดจากการคานวณมาจากขอมลู ที่เก็บมาจากกลุมตัวอยางไดแก คารอยละ คาเฉล่ีย สถิติท่ีใชในการวจิ ยั อยางงาย

45 1) ความถี่ คอื การแจงนับจานวนของส่ิงทเ่ี ราตองการศึกษา วามีจานวนเทาไหรตัวอยาง กศน.ตาบลแหงหนึ่ง มนี ักศึกษาระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน จานวน 10 คน 2) รอยละ หรือเปอรเซ็นต เปนตวั เลขท่แี สดงถึงสดั สวนของตวั เลขจานวนหน่ึงเมอ่ื แบงออกเปนรอยสวน เรอื่ งที่ 4 เครื่องมือการวจิ ัยเพอ่ื การเก็บรวบรวมขอมลู ความหมายของเครื่องมือการวจิ ยั เครื่องมือการวิจัย หมายถึง เครื่องมือสาหรับใชในการเก็บรวบรวมขอมูลและวัดตัวแปรตาง ๆ ในงานวิจัย เคร่ืองมือท่ใี ชในการวจิ ยั โดยทั่วไป ไดแก แบบสอบถาม แบบสมั ภาษณ และแบบสงั เกต เปนตน ในการวิจัยควรเลือกใช เคร่ืองมอื วิจัยใหสอดคลองตามวัตถุประสงคของการวิจัย เพอ่ื ใชในการเกบ็ รวบรวมขอมลู เนือ่ งจากเครื่องมือแตละชนิด จะมคี ุณลักษณะแตกตางกนั มคี วามเหมาะสมในการเก็บขอมูลไมเหมือนกัน ซึ่งผูวิจัยจะตองมีความรูและความชานาญ ในการใชเครื่องมอื เพอื่ ใหไดขอมูลที่ตรงตามความตองการ เคร่ืองมือการวิจยั สาหรับการทาวิจยั อยางงาย 1. แบบสอบถาม เปนเครอื่ งมือการวจิ ัยทนี่ ยิ มนามาใชในการวิจยั แบงออกเปน 2 ประเภท คอื 1) แบบสอบถามปลายเปด เปนแบบสอบถามทร่ี ะบุคาตอบไวแลว หรอื อาจใหเติมคาหรือขอความสั้น ๆ เชน ทานมีอาชีพอะไร ( ) เกษตรกร ( ) คาขาย ( ) หมอ ( ) อื่นๆ ระบุ ................. 2) แบบสอบถามปลายปด เปนแบบสอบถามท่ีไมไดกาหนดคาตอบไว แตใหผูตอบไดเขยี นแสดงความคิดเห็น อสิ ระ เชน ผูเรียนชอบไปแหลงเรียนรูใด เพราะเหตใุ ด 2. การสมั ภาษณ เปนเครื่องมือการวจิ ยั ที่นิยมนามาใชในการวจิ ยั เชิงคุณภาพ เปนการเก็บขอมลู ในลักษณะการเผชิญ หนากัน ระหวางผูสมั ภาษณและผูใหสัมภาษณ โดยผูสมั ภาษณเปนผูซกั ถาม ซ่ึงจะกาหนดคาถามไวลวงหนา สอดคลอง กบั วัตถุประสงคของการวิจัย 3. แบบสังเกต ใชในการรวบรวมขอมลู โดยสังเกตพฤติกรรมแลวจดบันทกึ ในแบบสงั เกต แบงเปน 2 ประเภท คอื 1) แบบสังเกตทีไ่ มมโี ครงรางการสังเกต เปนแบบท่ีไมไดกาหนดเหตุการณพฤติกรรม หรือสถานการณท่จี ะ สังเกตไวชัดเจน 2) แบบสังเกตท่ีมีโครงรางการสังเกต เปนแบบที่กาหนดไวลวงหนา วาจะสงั เกตอะไร สังเกตอยางไร เม่ือใด และบันทึกผลการสังเกตอยางไร เชน สังเกตพฤติกรรมในการพบกลุมของนักศึกษา ของ กศน.ตาบล ระดบั มธั ยมศึกษา ตอนตน

พฤติกรรม พบ 46 1. โทรศัพท์ ไมพ่ บ 2. กนิ ขนม 3. ซักถามปญหา 4. เลนไลน 5. ตั้งใจฟงผูสอน เร่อื งท่ี 5 การเขยี นโครงการวจิ ยั ความสาคัญของโครงการวิจัย โครงการวจิ ยั คือ แผนการดาเนินวจิ ยั ที่เขียนขนึ้ กอนการทาวิจัยจริง เพอ่ื ใชเปนแนวทางในการดาเนินการวจิ ยั สาหรับผูวิจัยและผูเก่ยี วของ ใหเปนไปตามแผนการวจิ ยั ท่กี าหนด องคประกอบของโครงการวจิ ยั โดยทั่วไป โครงการวิจัยประกอบดวยหัวขอ ดงั ตอไปนี้ 1. ชื่อเรอ่ื งการวจิ ยั การเขียนช่อื เร่ือง ควรสอ่ื ความหมายท่ีชัดเจน เม่อื ผูอานอานแลวทาใหทราบวาเปนการ วจิ ยั เกีย่ วกบั ปญหาอะไรไดทนั ที 2. ช่ือผูวิจยั บอกช่ือของผูทาวิจัย 3. ความเปนมาและความสาคัญ การเขยี นความเปนมาและความสาคัญ เปนการเขยี นระบใุ หผูอานทราบ วา ทาไมจึงตองทาการวจิ ัยเรื่องน้ี ควรกลาวถึงสภาพปญหาใหชัดเจน และหากปญหาดังกลาวไดแกไขโดยวธิ ีการวจิ ัย แลวจะเกดิ ประโยชนอยางไร 4. วัตถุประสงคของการวิจัย เปนการระบุใหผูอานทราบวา การวิจัยนผ้ี ูวจิ ยั ตองการศึกษาอะไร กบั ใคร และ จะเกดิ ผลอยางไร 5. ประโยชนทค่ี าดวาจะไดรบั กลาวถึงผลของการวิจยั วาจะเกดิ ผลทเ่ี ปนประโยชนในการนาไปใชในการแกป ญหา หรอื การพฒั นางานอยางไร 6. ปฏทิ ินปฏบิ ตั ิงาน เปนการเขยี นระบุวาการดาเนินการวิจัยครั้งนี้ จะใชเวลานานเทาใด เรมิ่ ตนและสิ้นสุด เม่อื ใด โดยระบุกิจกรรมท่ีทาและสถานท่ีทีใ่ ชในการวิจยั ใหชัดเจน 7. วธิ ดี าเนินการวิจัย เปนการอธบิ ายถึงวธิ ีการศึกษาหรือวิธีการดาเนินงานอยางละเอยี ด ควรครอบคลุมหัวขอ ดังตอไปน้ี 1) กลมุ เปาหมายที่ตองการศึกษา 2) เคร่ืองมือท่ใี ชในการวิจยั 3) การรวบรวมขอมลู 4) การวิเคราะหขอมลู