โครงการ “เราชนะ”ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ให้ความเห็นชอบไปแล้วเมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมาครอบคลุมกลุ่มประชากร 31.1 ล้านคนซึ่งจะเริ่มทยอยให้เงินเป็นรายสัปดาห์แก่ประชาชนผู้ได้รับสิทธิ์ 3,500 บาทเป็นระยะเวลา 2 เดือนรวม 7,000 บาทตั้งแต่เดือน ก.พ.นี้ ผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการแบ่งเป็น 3 กลุ่ม แบ่งเป็น 1.กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.7 ล้านราย จะได้รับวงเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมจากเงินที่เติมให้ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อเติมให้ครบ 7,000 บาทภายในระยะเวลา 2 เดือน (เดือนละ 3,500 บาท) โดยกลุ่มที่ได้รับเงิน 800 บาทต่อเดือนจะได้วงเงินช่วยเหลือเพิ่มอีก 675 บาท/สัปดาห์หรือ 2,700 บาท/คน/เดือน รวมวงเงินต่อคนตลอดระยะโครงการฯ จำนวน 5,400 บาท ส่วนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่รับเงินอยู่แล้ว 700 บาท/เดือนจะได้วงเงินช่วยเหลือเพิ่มอีกคนละ 700 บาท/สัปดาห์ หรือ 2,800 บาท/คน/เดือน รวมวงเงินต่อคนตลอดระยะโครงการฯ จำนวน 5,600 บาทโดยจะเริ่มจ่ายเงินในสัปดาห์แรกในวันศุกร์ที่ 5 ก.พ.และจากนั้นจะจ่ายให้ในวันศุกร์ทุกสัปดาห์จนกว่าจะครบจำนวนเงิน ข่าวที่น่าสนใจ : 2.กลุ่มผู้ที่มีแอปพลิเคชัน“เป๋าตัง” จากฐานข้อมูลคนละครึ่งและเราเที่ยวด้วยกันซึ่งมีอยู่ประมาณ 14 ล้านคน โดยผู้ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดจะได้รับวงเงินช่วยเหลือผ่านระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet)แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เป็นรายสัปดาห์ จำนวน 1,000 บาทต่อสัปดาห์ วงเงินต่อคนตลอดระยะโครงการ (หรือจนถึงสิ้นเดือนพ.ค.2564)จำนวน 7,000 บาท ทั้งนี้ กลุ่มผู้ที่มีแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”ฯ สามารถเข้าตรวจสอบสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ได้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.2564 และจะเริ่มได้รับวงเงินช่วยเหลือทุก ๆ วันพฤหัสบดีของแต่ละสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.2564 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะครบวงเงิน และ 3.กลุ่มที่ยังไม่มีฐานข้อมูลอยู่กับภาครัฐ ประมาณ 4 ล้านคน กลุ่มนี้สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.- 12 ก.พ.2564 ในช่วงเวลา 06.00 – 23.00 น โดยกลุ่มนี้จะเริ่มได้รับเงิน เป็นรายสัปดาห์ จำนวน 1,000 บาทต่อสัปดาห์ วงเงินต่อคนตลอดระยะโครงการ (หรือจนถึงสิ้นเดือนพ.ค.2564)จำนวน 7,000 บาทและจะเริ่มได้รับวงเงินช่วยเหลือทุก ๆ วันพฤหัสบดีของแต่ละสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.2564 เช่นเดียวกับกลุ่มที่ 2 โดยกลุ่มนี้จะเปิดให้ลงทะเบียน 29 ม.ค.-12 ก.พ.2564 เมื่อพิจารณาจากคุณสมบัติที่เป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 300,000 บาทต่อปี และผู้ที่ไม่มีเงินในบัญชีเงินฝากทุกบัญชีเกิน 500,000 บาท จะทำให้คนบางกลุ่มที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์คนละครึ่งได้รับสิทธิ์ซื้อสินค้าและบริการโดยรัฐสมทบให้วันละไม่เกิน 150 บาท รวมวงเงิน 3,500 บาทโดยลงทะเบียนไปก่อนหน้านี้มีสิทธิ์ที่จะได้รับสิทธิ์ในโครงการ “เราชนะ” ได้อีก 7,000 บาท รวมเป็นเงินที่ได้รับสูงสุดจากภาครัฐทั้งสองโครงการคือคนละครึ่งและโครงการเราชนะรวมเป็นเงิน 10,500 บาท แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่าในเรื่องนี้ในการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ที่มีเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นประธานเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมาหน่วยงานเศรษฐกิขได้มีการถกเถียงกันในประเด็นที่ว่าผู้ที่ได้รับสิทธิ์โครงการคนละครึ่งไปแล้วสมควรที่จะไดรับสิทธิ์ในโครงการ “เราชนะ” ด้วยหรือไม่ โดยกรรมการฯได้มีการตั้งข้อสังเกตว่าการคัดกรองกลุ่มเป้าหมายประชาชนที่ได้รับความช่วยเหลือ เยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ภายใต้โครงการเราชนะ เป็นการพิจารณาคุณสมบัติจากคนที่ไม่ตรงตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ (Negative List)ซึ่งมีจำนวนประมาณ 31.1 ล้านคน ดังนั้นเพื่อให้ประชาชนจากโครงการเราชนะสามารถเข้าถึงมาตรการของภาครัฐได้อย่างทั่วถึง จึงเห็นว่าคณะกรรมการฯอาจมีข้อสังเกตเกี่ยวกับเงื่อนไขของผู้ที่ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งรอบตกหล่น เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการเราชนะแล้วสามารถเข้าร่วมโครงการฯรอบตกหล่นได้อีก เนื่องจากอาจจะถือว่าได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐที่ซ้ำซ้อนกัน อย่างไรก็ตามการกำหนดเงื่อนไขดังกล่าวอาจเข้าข่ายว่าเป็นการรอนสิทธิ์ของประชาชนได้ เนื่องจากที่ผ่านมาการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งและโครงการช็อปดีมีคืนเป็นโครงการที่ชัดเจนด้วยระบบภาษี ซึ่งแตกต่างจากโครงการเราชนะที่เป็นการคัดกรองจาก Negative List ทำให้ประชาชนบางกลุ่มจะสามารถเข้าร่วมทั้งสองโครงการได้ ประกอบกับวัตถุประสงค์ทั้งสองโครงการมีความแตกต่างกัน กล่าวคือโครงการเราชนะมีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือ เยียวยาประชาชน ในขณะที่โครงการคนละครึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้้เกิดการฟื้นฟูเศรษฐกิจ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนในลักษณะรัฐและประชาชนร่วมจ่าย (Co-pay) นอกจากนี้การกำหนดเงื่อนไขดังกล่วจะมีผลกระทบต่อผู้เข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 1และระยะที่2 ซึ่งในขณะที่ประชาชนตัดสินใจเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ก็ไม่ได้มีการกำหนดเงื่อนไขดังกล่าว ภายหลังมีการกำหนดเงื่อนขเพิ่มเติมอาจจะมีผลกระทบทั้งในเรื่องสิทธิ์และอำนาจในการตัดสินใจของประชาชน ซึ่งจะอธิบายชี้แจงต่อประชาชนได้ยาก ดังนั้นเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงมาตรการต่าง ๆของภาครัฐได้อย่างครอบคลุม จึงขอให้ สศค. พิจารณากำหนดเงื่อนไขที่จะให้สิทธิ์แก่ผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียนโครงการๆก่อนเป็นลำดับแรก และหากยังมีสิทธิ์คงเหลือจึงค่อยจัดสรรสิทธิ์ให้แก่ผู้ที่เคยลงทะเบียนแล้วแต่ถูกตัดสิทธิ์เป็นลำดับถัดไป แต่ในเบื้องต้นช่วงที่มีการกำหนดมาตรการนี้ให้คนที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์คนละครึ่งไปแล้วแต่มีสิทธิ์จะได้รับสิทธิ์เราชนะด้วยสามารถที่จะลงทะเบียนได้โดยไม่เสียสิทธิ์แต่อย่างไร 14 มิ.ย.64 ดีเดย์วันแรกของการลงทะเบียน “คนละครึ่งเฟส 3” เพื่อรับสิทธิเงินเยียวยา 3,000 บาทจากรัฐบาล โดยเป็นการให้สิทธิ์วงเงินใช้จ่ายไม่เกินวันละ 150 บาท ในลักษณะภาครัฐร่วมจ่าย 50% รวมทั้งสิ้น 3 พันบาทนั้น หลายคนยังสับสน ตกลงว่า ผู้เคยร่วมโครงการ "คนละครึ่งเฟส 1" และ "คนละครึ่งเฟส 2" จำนวน 15 ล้านรายนั้น ยังต้องลงทะเบียนใหม่หรือไม่? จากจำนวนสิทธิ์ทั้งหมด 31 ล้านสิทธิ์ที่กระทรวงการคลังเคยระบุว่า แบ่งออกเป็น ผู้เคยได้รับสิทธิคนละครึ่งเฟส 1 และ 2 รวมกัน 15 ล้านราย บวกกับ ผู้ไม่เคยได้รับสิทธิคนละครึ่งมาก่อน 16 ล้านราย ซึ่งกลุ่มแรกที่เคยรับสิทธิคนละครึ่งแล้ว จะต้องทำเพียงเข้าไปกดยืนยันรับสิทธิในแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” หรือ เว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com นั้น ล่าสุด มีการเพิ่มเติมข้อมูลโดย ธนาคารกรุงไทย วันที่ 13 มิ.ย.64 ว่า ในจำนวนทั้งหมด 31 ล้านสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้เคยได้รับสิทธิจากโครงการภาครัฐใดๆ มาก่อนหรือไม่ ต่างก็ต้องเข้ามา "ลงทะเบียนใหม่" ด้วยกันทั้งสิ้น ผู้ที่เคยรับสิทธิโครงการคนละครึ่งระยะที่ 1 และ ระยะที่ 2 จะต้องลงทะเบียนรับสิทธิเช่นเดียวกับผู้ประสงค์รับสิทธิรายใหม่ ระบบ “ไม่มีการจองสิทธิ” ให้กับรายเดิม "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" ได้สรุปความเหมือน และ แตกต่างของวิธีลงทะเบียน ร่วมโครงการ "คนละครึ่งเฟส 3" ดังนี้
ต่างกัน : ช่องทางการลงทะเบียน แม้จะต้องลงทะเบียนเหมือนกัน ในเงื่อนเวลาเดียวกัน คือ ตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. 64 เวลา 06.00 น. แต่แตกต่างกันตรงช่องทางการลงทะเบียน ดังนี้ - ผู้ที่เคยร่วมมาตรการรัฐมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น คนละครึ่ง, เราเที่ยวด้วยกัน, เราชนะ, ม.33 เรารักกัน สามารถเลือกลงได้ทั้งผ่าน แอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” และ เว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com - สำหรับผู้ที่ไม่เคยร่วมโครงการภาครัฐใดๆ เลย จะต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com เท่านั้น ---------------------- ต่างกัน : ข้อมูลที่ต้องกรอก อีกหนึ่งอย่างที่แตกต่างกัน ของรายเก่าที่เคยผ่านการรับสิทธิ์โครงการรัฐมาแล้ว กับคนที่ยังไม่เคยร่วมโครงการใดเลย มีดังนี้ - ใครที่เคยร่วมรับสิทธิ์มาตรการเยียวยาจากรัฐมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น คนละครึ่ง, ชิมช้อปใช้, เราเที่ยวด้วยกัน, เราชนะ, ม.33 เรารักกัน ไม่ต้องกรอกข้อมูลมาก เพราะใช้ฐานข้อมูลเดิมที่เคยกรอกไว้แล้ว แต่มีที่ต้องกรอกเพิ่ม คือ อาชีพ และ รายได้ - สำหรับผู้ไม่เคยร่วมมาตรการเยียวยาโควิด-19 จากภาครัฐใดๆ มาก่อน จะต้องเริ่มต้นลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. 64 เวลา 6.00 น เป็นต้นไป ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ---------------------- เหมือนกัน : ไม่มีการแบ่งกลุ่ม นับรวม 31 ล้านสิทธิ เริ่มลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. 64 เวลา 6.00 น. เป็นต้นไป นั่นหมายความว่า แม้คุณจะเป็นผู้ได้รับสิทธิ์คนละครึ่งอยู่เดิม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะได้รับสิทธิ คนละครึ่งเฟส 3 โดยอัตโนมัติ แต่จะต้องเข้าไปลงทะเบียนใหม่ เริ่มต้นที่วัน และ เวลาดังกล่าว ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
โดยผู้สื่อข่าว "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" ได้โทรสอบถาม คอลเซ็นเตอร์ ธ.กรุงไทย ก็ได้รับคำตอบยืนยันชัดเจนว่า "ทุกคนต้องลงทะเบียนใหม่ เพื่อรับสิทธิในลักษณะมาก่อนได้ก่อน ในจำนวนสิทธิไม่เกิน 31 ล้านราย" ดังนั้น กลุ่มผู้เคยได้รับสิทธิคนละครึ่งเดิม ทั้งเฟส 1 และ เฟส 2 หากว่า ลงทะเบียนช้า ก็มีโอกาสที่จะชวดสิทธิได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังกล่าวว่า ได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ขอให้ประชาชนที่แสดงความสนใจเข้าร่วม ลงทะเบียน คนละครึ่งเฟส 3 ได้ทยอยลงทะเบียนร่วมโครงการทั้งผ่านแอพฯ เป๋าตัง และ www.คนละครึ่ง.com เพื่อไม่ให้เกิดความหนาแน่นจนทำให้ระบบในการลงทะเบียนมีความล่าช้า พร้อมทั้งยืนยันว่า จำนวน 31 ล้านสิทธิ์ดังกล่าวได้ผ่านการคิดคำนวณมาเรียบร้อยแล้วว่าคลอบคลุมผู้มีสิทธิทั้งหมด “ไม่จำเป็นต้องรีบมาลงทะเบียน และเราก็พร้อมปรับโยกจำนวนคนใน 2 โครงการ คือ คนละครึ่งและยิ่งใช้ยิ่งได้ หากว่า โครงการใดมีความต้องการมากกว่าที่เราคำนวณ” โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าว
วัน/เวลาลงทะเบียน : เปิดให้ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนวันแรกในวันที่ 14 มิ.ย.2564 เวลา 06.00 - 22.00 น. ของทุกๆ วัน จนกว่าจะครบจำนวนไม่เกิน 31 ล้านคน การใช้สิทธิ์ : ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับสิทธิภาครัฐร่วมจ่าย 50% สำหรับค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป และค่าบริการ (นวด สปา ทำผมทำเล็บ ค่าเดินทางโดยบริการขนส่งสาธารณะหรือขนส่งมวลชนสาธารณะ) ยกเว้นสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ รายละเอียดการรับสิทธิ์ : ได้รับสิทธิใช้จ่ายวงเงินนไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 1,500 บาทต่อคน ในแต่ละรอบ รอบแรกตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. จนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2564 และรอบที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2564 หรือไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ คุณสมบัติผู้ได้มีสิทธิ์ : - ประชาชนสัญชาติไทยที่มีบัตรประจำตัวประชาชน อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
1) ผู้ที่เคยรับสิทธิโครงการของรัฐ อาทิ ชิมช้อปใช้ เราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง เราชนะ ม.33 เรารักกัน เราชนะ เป็นต้น หรือที่เคยใช้บริการกระเป๋าตังสุขภาพ หรือ วอลเล็ต สบม. สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งเป็นการยืนยันเข้าร่วมโครงการ หรือจะลงทะเบียนผ่าน www.คนละครึ่ง.com ก็ได้ 2) ผู้ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการภาครัฐมาก่อน สามารถลงทะเบียน www.คนละครึ่ง.com เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว จะได้รับ SMS แจ้งสิทธิภายใน 3 วัน จากนั้น ขอให้ท่านยืนยันตัวตนผ่านช่องทาง ได้แก่ - ผู้ที่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนกับธนาคารกรุงไทย จำกัด มหาชน (ธนาคารกรุงไทยฯ) แล้ว สามารถสแกนใบหน้าเพื่อใช้งานแอปพลิเคชันได้เลย - ผู้ที่มีแอปพลิเคชัน KrungthaiNext สามารถยืนยันตัวตนผ่าน KrungthaiNext ได้ - ผู้ที่ไม่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนกับธนาคารกรุงไทยฯ ให้นำบัตรประจำตัวประชาชนไปยืนยันตัวตนที่สาขาหรือตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทยฯและสแกนใบหน้าอีกครั้งหนึ่งก็จะเสร็จสมบูรณ์ เมื่อยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้วจะสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2564 ในเวลา 06.00 น.– 23.00 น. กรณีผู้รับสิทธิคนละครึ่งเฟส 3 แล้ว หากต้องการจะเปลี่ยนไปรับสิทธิโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” (จะเปิดให้ลงทะเบียนสำหรับประชาชนในวันที่ 21 มิ.ย.2564 เวลา 06.00 น. - 22.00 น.)จะต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ภายในวันที่ 28 มิ.ย. 2564 เวลา 22.00 น. ซึ่งถือเป็นการสละสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ที่ได้รับสิทธิทันที |