Show
สำหรับสมาร์ทโฟน ถือว่ามีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วมาก ๆ ครับ ช่วยให้คุณภาพในด้านต่าง ๆ สูงขึ้นกว่าเดิมอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กล้องถ่ายภาพ ที่เราจะเห็นได้ว่า กล้องมือถือในปัจจุบัน มีคุณภาพสูงจนเกือบจะเทียบเท่ากับ กล้องโปรแล้ว ทำให้คุณสามารถใช้กล้องมือถือถ่ายภาพ หรือถ่ายวิดีโอที่มีความละเอียดสูง ๆ ได้ ส่งผลให้เดี๋ยวนี้เราไม่จำเป็นต้องพกกล้องตัวใหญ่ ๆ อย่างพวก กล้อง Mirrorless, กล้อง DSLRหรือแม้แต่กล้องคอมแพคอีกต่อไปแล้ว โดยเฉพาะมือถือรุ่นใหม่ แค่คุณหยิบขึ้นมาจากกระเป๋า เลือกโหมด เล็ง และกดถ่าย เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ภาพที่เหมือนกับช่างภาพถ่ายให้แล้วครับ แถมคุณยังแต่งภาพเพิ่มเติมผ่านแอปฯ แต่งรูปได้ง่าย ๆ อีกด้วย เมื่อเป็นที่พอใจแล้ว คุณก็สามารถแชร์รูปลงโซเชี่ยลได้ทันที ฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยที่คนส่วนใหญ่จะทิ้งกล้องตัวใหญ่และหยิบมือถือติดตัวไปยังที่เที่ยวต่าง ๆ แทน ด้วยความสะดวกสบายแบบนี้ ทำให้ มือถือกล้องสวย ได้รับความนิยมขึ้นเป็นอย่างมากครับ เป็นเหตุให้ตลาดสมาร์ทโฟนในยุคนี้ได้แข่งขันกันที่กล้องเป็นหลักครับ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ยังจำกัด ทำให้สเปกกล้องไม่ต่างกันมากนัก แต่ละค่ายจึงแข่งกันที่ซอฟต์แวร์แทน ดังนั้นภาพที่ออกมาจึงมีความใกล้เคียงกันหมด จนเราแยกไม่ออกแล้วครับว่า รุ่นไหนที่ดีกว่ากัน ? หรือรุ่นไหนโดดเด่นในด้านใดบ้าง ? ดังนั้นเพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ในวันนี้เราได้นำข้อมูล การทดสอบคุณภาพกล้องมือถือ จาก DxOMark มาฝากกันครับ มือถือถ่ายภาพ ที่สวยที่สุด รุ่นไหนเหมาะกับคุณ ?
DxOMark คืออะไร ? และเชื่อถือได้หรือไม่ ?ถ้าหากเราสังเกตุ สมาร์ทโฟนเรือธง ที่โดดเด่นในด้าน กล้องถ่ายภาพ จากผู้ผลิตแบรนด์ต่าง ๆ อาทิเช่น apple, samsung, Oppo, Huawei, xiaomi, Vivo, realme, infinix, Nokia และอื่น ๆ มักจะเปิดเผย คะแนนการทดสอบคุณภาพกล้อง จาก DxOMark ด้วยเสมอ ซึ่งคะแนนของ DxOMark ก็จะเป็นการบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพของกล้องมือถือรุ่นนั้น ๆ นั่นเองครับ โดย DxOMark เป็นบริษัทอิสระที่ได้จัดทำเว็บไซต์เชิงพาณิชย์ เพื่อทดสอบคุณภาพของ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ กล้องถ่ายภาพ ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 โดยเริ่มทดสอบคุณภาพของเซ็นเซอร์รับภาพ, เลนส์กล้อง และกล้องถ่ายรูป เป็นหลัก ต่อมาจึงได้เริ่มทดสอบคุณภาพกล้องสมาร์ทโฟนด้วย ซึ่งในการทดสอบ จะยึดตามหลักทางวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงเครื่องมือที่นำมาใช้ทดสอบก็จะจัดอยู่ในเกรดอุตสาหกรรมด้วย โดยผ่านกระบวกการการทดสอบประสิทธิภาพอย่างจริงจัง ในห้องทดลองโดยเฉพาะ คุณจึงสามารถเชื่อถือผลการให้คะแนนของ DxOMark ได้ครับ เมื่อทดสอบเสร็จสิ้นจะมีการนำผลทดสอบในแต่ละด้าน มาคำนวณหาค่าเฉลี่ย เพื่อให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นคะแนน DxOMark Score จึงสามารถบอกเราได้ว่า กล้องมือถือแต่ละรุ่นมีประสิทธิภาพอยู่ในระดับใด ? มือถือกล้องสวย จัดอันดับตามคะแนนจาก DxOMark !
หมายเหตุ เป็นการเปรียบเทียบกันระหว่างสมาร์ทโฟนรุ่นที่เรานำมารีวิวในบทความนี้เท่านั้น โดยอิงคะแนนจาก DxOMark วิธีเลือก มือถือสำหรับถ่ายภาพ ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ !1. ความละเอียดสูง ๆ ไม่ใช่ทุกอย่างหลาย ๆ คนอาจเข้าใจผิดว่า กล้องความละเอียดสูง ๆ คือ กล้องที่ดีที่สุด ซึ่งมันไม่จริงเสมอไปครับ จริงอยู่ครับว่า ค่าพิกเซลสูง ๆ มันต้องดีกว่าอยู่แล้ว แต่สำหรับสมาร์ทโฟนหลาย ๆ รุ่น มักจะนำจุดนี้มาดึงดูดคุณ ซึ่งคำว่า ความละเอียดของพิกเซล ก็คือ จำนวนจุดที่แสดงอยู่ในภาพบนหน้าจอ จุดหลายจุดรวมกันเป็นขนาดของไฟล์ภาพ เพราะฉะนั้นความละเอียดของพิกเซลจะช่วยให้คุณสามารถขยายภาพให้ใหญ่ขึ้นได้ โดยที่ยังมีรายละเอียดครบถ้วนอยู่นั่นเองครับ ยกตัวอย่างเช่น Samsung Galaxy S22 ultra รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเลนส์ความละเอียดถึง 108MP แต่กับ iPhone12 หรือแม้แต่ iPhone13 รุ่นใหม่เช่นกัน กลับมาพร้อมเลนส์ที่มีความละเอียดสูงสุดเพียง 12MP เท่านั้น ซึ่งแน่นอนครับ ทั้งสองรุ่นนี้ มีคะแนน DxOMark Score เป็นอันดับต้น ๆ เหมือนกัน ทำให้ถ่ายภาพออกมาได้สวยไม่แพ้กัน หรือถ้าลองเทียบกับมือถือรุ่นเริ่มต้น, มือถือรุ่นกลาง ๆหรือมือถืองบ 1 หมื่น บางรุ่นก็มาพร้อมกล้องที่ความละเอียดสูงกว่า iPhoneเสียอีก แต่ภาพที่ได้กลับแตกต่างกันมาก นั่นก็เป็นเพราะปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายครับ เพราะฉะนั้นความละเอียดสูง ๆ ไม่ใช่ทุกอย่าง 2. รูรับแสง (Aperture) เป็นสิ่งสำคัญรูรับแสง คือ ฉากกั้นที่อยู่หน้าเลนส์ครับ ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณแสงที่จะผ่านเข้าไปยังเซ็นเซอร์รับภาพ ซึ่งหลักการก็คล้าย ๆ กับดวงตาของเราครับ โดยเมื่อเราอยู่ในที่ที่สว่างหรือมืด ม่านตาของเราก็จะมีการขยาย หรือหดตัว เพื่อปรับขนาดของลูกตาดำให้เหมาะสมกับสภาพแสง ลองสังเกตุเวลาเราอยู่ในที่ที่มีแสงสว่างมาก ๆ เช่น ตอนเปิดไฟ จากนั้นปิดไฟกระทันหัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราจะค่อย ๆ มองเห็นในที่มืดชัดขึ้นเรื่อย ๆ ครับ ซึ่งก็เป็นเพราะลูกตาดำมีการขยายตัว เพื่อเปิดรับแสงมากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นถ้าหากรูรับแสง เปิดได้กว้างมากเท่าไหร่ แสงก็จะยิ่งผ่านเข้าไปได้มากขึ้นเท่านั้น โดย รูรับแสง จะแทนค่าด้วย F/x.x ซึ่งจะคำนวณมาจากทางยาวโฟกัส และขนาดของแผ่นรูรับแสง หากมีค่า F มากขึ้นจะหมายถึง รูรับแสงที่เล็กลง กลับกัน ถ้าหาก F น้อยลง รูรับแสงก็จะกว้างมากขึ้นครับ ดังนั้นหากกล้องมือถือรุ่นที่คุณเลือก มาพร้อมกับรูรับแสงกว้างมากเท่าไหร่ (F/x.x(ตัวเลขน้อย)) มันก็จะส่งผลดีต่อผู้ใช้มากเท่านั้นครับ เพราะรูรับแสงมีส่วนสำคัญที่ช่วยในการถ่ายภาพทั้งแบบชัดลึก แบบชัดตื้น รวมไปถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพในที่ที่มีแสงน้อยให้ดีมากยิ่งขึ้นด้วย 3. ขนาดของพิกเซล (Pexel) และ ขนาดเซนเซอร์ (Sensor Size)ขนาดของพิกเซล และขนาดเซ็นเซอร์ มีความสำคัญเท่ากับรูรับแสงครับ กล่าวคือ ขนาดของแต่ละพิกเซล ก็จะกำหนดคุณภาพของภาพ ซึ่งต่างจากค่ารูรับแสงที่กว้างกว่าก็จะดีกว่า พูดง่าย ๆ ก็คือ เซ็นเซอร์ของกล้องที่มีขนาดใหญ่ก็จะสามารถรวบรวมรายละเอียดของภาพได้มากขึ้น รวมถึงช่วงไดนามิกที่ดีขึ้น และลดสัญญาณรบกวนภาพ ในขณะที่ขนาดพิกเซลที่ใหญ่กว่า ก็จะช่วยให้แสงส่องเข้ามามากขึ้นทำงานได้ดีขึ้นในที่แสงน้อย อย่างที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วครับว่า ตลาดสมาร์โฟน มีการแข่งขันกันสูงมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝั่ง Androidหรือ IOSต่างอัดสเปกกันมาเต็มที่ โดยเฉพาะ กล้อง ที่มีการเพิ่มเลนส์เสริมเข้าไป ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้ง การซูม โหมดถ่ายภาพ และเพิ่มลูกเล่นอีกมากมาย ช่วยให้ใช้ถ่ายภาพได้หลายแนว สำหรับในวันนี้ เราได้รวม สมาร์ทโฟนที่ได้คะแนนจาก DxOMark สูงๆ มารีวิว โดยเรียงจากรุ่นที่ทำคะแนนได้มากที่สุดก่อน เพื่อไว้เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ชื่นชอบในการถ่ายภาพครับ รีวิว Huawei P50 Pro (8GB/256GB)รูปภาพจาก consumer.huawei.comราคา 24,600 บาท* มาต่อกันที่ Huawei P50 Pro เป็นสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ในตระกูล P-series ตัวล่าสุด จาก Huawei ครับ ซึ่งจะกลับมาทวงบัลลังก์ สุดยอดสมาร์ทโฟนแห่งการถ่ายภาพ ที่ถูกชิงไปก่อนหน้านี้ ซึ่งได้พัฒนากล้องร่วมกันกับ Leica ทำให้ได้กล้องคุณภาพที่สูงขึ้น แสดงผลบนหน้าจอ True-Chroma OLED ขอบโค้ง ขนาด 6.6 นิ้ว ซึ่งมอบภาพที่คมชัด แต่แฝงความนุ่มนวล เนียนตาด้วยอัตรารีเฟชระดับ 120Hz ทำงานด้วยชิป Snapdragon 888 ชิประดับท๊อปที่ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว เเรม 8GB และรอมอีก 256GB ทำให้มันตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนแบตฯ ให้ความจุ 4,360 mAh พร้อมรองรับชาร์จไว 66W และรองรับชาร์จไวแบบไร้สาย 50W ด้วย ในส่วนของกล้อง P50 Pro จัดเต็มทั้งกล้องหน้าและหลังครับ ทำให้ในการจัดอันดับของ DxOMark รุ่นนี้ได้คะแนนกล้องรวมไปถึง 144 คะแนน ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง แซงหน้า Mi 11 Ultra ไปเพียง 1 คะแนน เท่านั้น ส่วนกล้องเซลฟี่ก็ทำคะแนนไปได้ถึง 106 คะแนน ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งเช่นกัน โดยใช้ชุดกล้องหลัง 4 ตัว ดีไซน์แบบคู่ Dual-Matrix ได้แก่ เลนส์หลัก 50MP, เลนส์โมโน 40MP, เลนส์อัลตร้าไวด์ 13MP และเลนส์ซุปเปอร์ซูม 64MP ส่วนกล้องหน้าก็ไม่น้อยหน้าครับ มาพร้อมเลนส์ 13MP มุมกว้างพิเศษ ให้คุณเซลฟี่ด้วยภาพที่สมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับนวัตกรรมด้านการถ่ายภาพมากมาย เช่น XD Fusion Pro ใช้การถ่ายภาพเชิงคำนวณควบคู่ไปกับชิปประมวลผลภาพ ช่วยปรับรายละเอียดของภาพให้ดีขึ้น XD Optics ซึ่งช่วยแก้ไขความผิดเพี้ยนของสีสันในภาพ และอื่น ๆ ซึ่งจากความก้าวล้ำเหล่านี้ ไม่แปลกเลยครับที่ P50 Pro จะกลับมาทวงบัลลังก์ได้สำเร็จ ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Xiaomi Mi 11 Ultra 5G (8GB/256GB)รูปภาพจาก Miราคา 30,699 บาท* Mi 11 Ultra สมาร์ทโฟนเรือธงที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้เองครับ ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้คะแนนเรื่องกล้องดีเป็นอันดับต้น ๆ มาในดีไซน์สุดหรู ด้วยหน้าจอขอบโค้ง แบบไร้ขอบ ขนาด 6.81 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ ซึ่งจะช่วยเก็บรายละเอียด เเละเพิ่มคอนทราสต์ของสีได้อย่างดีเยี่ยม ทำงานด้วยชิป Snapdragon 888 และกราฟฟิก Adreno 660 ซึ่งเป็นตัวท็อปทั้งคู่ ทำให้ประมวลผลได้รวดเร็ว พร้อมเเรม 8GB และหน่วยความจำ 256GB ช่วยให้คุณใช้งานได้อย่างลื่นไหล ส่วนแบตเตอรี่ให้ความจุมา 5,000 mAh พร้อมกับรองรับชาร์จไว 67 วัตต์ และรองรับการชาร์จไร้สายด้วย ในส่วนของกล้อง รุ่นนี้เคยได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ในการจัดอันดับ DXOMARK ครับ โดยได้คะแนนสูงถึง 143 คะแนน แต่ถูกเจ้า Huawei P50 Pro ชิงตำแหน่งไปเพียงคะแนนเดี่ยว โดยใช้เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 3 ตัว และการโฟกัสที่มีประสิทธิภาพทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน โดยใช้เลนส์หลัก 50MP เลนส์ Ultrawide 48MP และเลนส์ Telephoto 48MP ช่วยให้คุณเก็บภาพได้อย่างคมชัด ทุกรายละเอียด โดยมีคุณสมบัติการถ่ายภาพของกล้องอีกมากมาย โดยเฉพาะโหมดกลางคืน 2.0 + Ultra Night Photos และการจับภาพการกระทำ ในส่วนของกล้องเซลฟี่ใช้เลนส์ 20MP พร้อมโหมดบิวตี้หลากหลายโหมด ให้เลือกเล่น ช่วยให้ถ่ายภาพออกมาดูสวยงาม เป็นธรรมชาติ และยังมีฟังก์ชันการถ่ายภาพอื่น ๆ อีกมากมายครับ ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Apple iPhone 13 Pro Maxรูปภาพจาก apple.comราคา 41,500 บาท* มาต่อกันที่ iPhone 13 Pro Max ครับ ซึ่งเปิดตัวไปในเดือนกันยายน 2021 ที่ผ่านมา ถือเป็นรุ่นที่ใหญ่ที่สุด และแพงที่สุด ในบรรดาสมาร์ทโฟนของ Apple ปี 2021 นี้ โดยยังคงมาในดีไซน์ที่คล้าย ๆ เดิม ไม่ต่างไปจาก iPhone 12 Pro หรือ iPhone 12 Pro Max เลย ใช้จอ Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว เทคโนโลยี ProMotion พร้อมอัตราการรีเฟรชที่ปรับได้สูงถึง 120Hz เลยทีเดียว และขับเคลื่อนด้วย ชิปเซ็ต A15 Bionic รุ่นล่าสุดของ Apple ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในทุก ๆ ด้าน ส่งผลให้รุ่นนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าพอสมควรเลย ส่วนประสิทธิภาพกล้องของ iPhone 13 Pro Max ก็ถือว่าพัฒนาขึ้นมาพอสมควรเลย ถึงแม้ว่าหากดูผ่าน ๆ จะไม่เห็นถึงความแตกต่าง ทำให้ iPhone 13 ได้คะแนนกล้องจาก DxOMark ไปถึง 137 คะแนน ส่วนกล้องเซลฟี่ได้ไปถึง 99 คะแนน ซึ่งสูงขึ้นพอสมควรครับ โดยถ้าเทียบกับ iPhone 12 Series ตรง ๆ เลนส์หลักยังคงอยู่ที่ 12MP แต่จะมาพร้อมเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขึ้น และรูรับแสงที่ทำงานได้เร็วขึ้น ส่วนเลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP ขนาดยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ก็มีรูรับแสงที่เร็วขึ้น บวกกับใช้โฟกัสอัตโนมัติ PDAF ช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้น และในส่วนของเลนส์เทเล 12 MP ได้มีการเพิ่มระยะการเข้าถึง ส่วนกล้องหน้า สำหรับการถ่ายภาพเซลฟี่นั้น จะใช้เหมือนกันใน iPhone 13 ทุกรุ่นครับ โดยใช้เลนส์ 12MP จับคู่กับเลนส์รูรับแสง f/2.2 ที่มีความยาวโฟกัสเทียบเท่า 23 มม. ซึ่งจะมีการเปิดรับแสงที่แม่นยำบนใบหน้า มอบสีสันและโทนสีผิวที่ดูเป็นธรรมชาติ สมจริง และสามารถเก็บรายละเอียดภาพได้ดีทั้ง ภาพในร่ม และกลางแจ้ง (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ สรุปสเปก iPhone 3 Series) ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Huawei Mate 40 Pro 5G (8GB/256GB)รูปภาพจาก Consumer.huaweiราคา 28,000 บาท* แม้จะเป็นรุ่นเก่า แต่ก็ยังเก๋าครับ สำหรับ Mate 40 Pro อดีตสุดยอดสมาร์ทโฟนเรือธงจาก Huawei ที่เพิ่งออกรุ่นอัพเกรดไปเมื่อกลางปีที่แล้ว โดยมาพร้อมประสิทธิภาพที่เต็มเปี่ยมในทุก ๆ ด้าน โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่มีความโค้งมนดูสวยงาม หน้าจอไร้ขอบ 6.67 นิ้ว ช่วยมอบภาพที่คมชัด ทำงานด้วยชิป Kirin 9000 5G SoC ซึ่งเป็นชิปที่มีเล็กที่สุดเพียง 5 นาโนเมตร เท่านั้น ที่ทรงประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานด้วย กราฟฟิกใช้ Mali-G78 ที่ประมวลผลด้านกราฟิกได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมกับแรม 8GB และรอม 256GB ช่วยให้มันสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีสะดุด อีกทั้งยังรองรับ NM card สูงสุด 256 GB ด้วย ในด้านกล้องถ่ายภาพ รุ่นนี้ได้คะแนนการจัดอันดับจาก DXOMARK ไป 136 คะแนน กล้องเซลฟี่ 104 คะแนน อยู่อันดับ 6 โดยใช้เลนส์ที่มีคุณภาพสูง พร้อมเทคโนโลยีการบันทึกภาพเทียบชั้นกล้องโปรได้เลยครับ ซึ่งเลนส์มีการพัฒนาร่วมกับ Leica และทำงานร่วมกับ AI ซึ่งกล้องหลังให้มา 3 เลนส์ โดนเลนส์หลัก 50MP เลนส์ซูม 12MP และเลนส์อัลตร้าไวด์ 20MP ทำงานคู่กับระบบมากมาย ทั้ง ระบบโฟกัสภาพ PDAF, Laser Auto Focus, ระบบกันภาพสั่นไหว, ระบบกันสั่น และมีโหมดการถ่ายภาพอีกเพียบ ในส่วนกล้องหน้าเป็น Ultra Vision Selfie ซึ่งให้มา 2 เลนส์ ได้แก่ เลนส์หลัก 13MP และเลนส์ TOF 3D สามารถจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเซลฟี่ให้ดีขึ้นได้ครับ ใครที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ แต่มีงบจำกัด รุ่นนี้เหมาะมาก ๆ ครับ ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Huawei P40 Pro 5G (8GB /256GB)รูปภาพจาก Consumer.huaweiราคา 17,490 บาท* ใครต้องการกล้องมือถือคุณภาพสูง ๆ แต่มีงบประมาณจำกัด Huawei P40 Pro 5G คือคำตอบที่เหมาะกับคุณครับ แม้จะเปิดตัวไปตั้งแต่เมษายน 2020 แต่ก็ยังน่าสนใจอยู่ไม่น้อย บวกกับราคาที่ลดลง ทำให้รุ่นนี้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมกับดีไซน์ที่สวย ดูเรียบหรู ใช้หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.58 นิ้ว ซึ่งเป็นหน้าจอแบบโค้งที่มองสบายตา มีความคมชัดสูง ทำงานบนชิป Kirin 990 5G ที่มีประสิทธิภาพ สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว ส่วนกราฟฟิกใช้ Mali-G76 ช่วยให้เครื่องนี้ สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังให้แรมมา 8GB และรอมอีก 256GB ซึ่งสเปกขนาดนี้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกด้านอย่างแน่นอน โดยรุ่นนี้ได้รับการจัดอันดับจาก DxOMark ค่อนข้างสูงเลยล่ะครับ โดยกล้องหน้าได้คะแนนสูงถึง 103 คะแนน (เยอะกว่า Mi 11 Ultra อีก) และกล้องหลังได้ไปถึง 132 คะแนน อยู่อันดับที่ 12 ซึ่งกล้องหน้ารุ่นนี้มาพร้อมกล้องคู่ ได้แก่ เลนส์หลัก 32MP และเลนส์ IR TOF 3D ช่วยให้คุณสามารถเซลฟี่ได้สวยเป็นธรรมชาติ พร้อม 3D Depth Sensing สำหรับการถ่ายรูปแนวหน้าชัดหลังละลาย ส่วนกล้องหลังใช้เลนส์จาก Leica 4 ตัว โดยเลนส์หลัก 50MP เลนส์ Telephoto 12MP เลนส์ Ultrawide 40MP และมีเลนส์ ToF 3D depth sensor ช่วยให้ภาพของคุณสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นครับ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีถ่ายภาพอีกมากมาย ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับการถ่ายภาพอย่างเต็มที่ หากใครที่กำลังหามือถือที่มีดีไซน์หรู ราคาเบา ๆ ที่มีกล้องโหด ๆ รุ่นนี้เหมาะมาก ๆ ครับ ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
รีวิว OPPO Find X3 Pro (12/256GB)รูปภาพจาก Oppoราคา 27,490 บาท* OPPO Find X3 Pro สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงจากออปโป้ มาพร้อมการปรับโฉมดีไซน์ครั้งใหม่ ทำให้มันดูพรีเมี่ยมมากกว่าเดิม ใช้จอไร้ขอบขนาด 6.7 นิ้ว ระดับ QHD+ ที่ให้ความคมชัดสูง เต็มไปด้วยสีสัน พร้อมทั้งยังมีระบบประมวลผลสี 10 บิต ทำให้มือถือรุ่นนี้มีการไล่เฉดสีที่ไร้ที่ติ มอบสีสันสดใสเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังมีอัตรา Refresh Rate ที่สูงถึง 120 เฮิรตซ์ และยังมีความไวต่อการสัมผัสที่ 240 เฮิรตซ์ ช่วยให้การแสดงผลภาพที่ลื่นไหล ส่วนขุมกำลังทำงานบนชิป Snapdragon 888 ที่มีประสิทธิภาพสูง ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว คู่กับ Adreno 660 ช่วยให้การประมวลผลกราฟฟิกดียิ่งขึ้น มีแรม 12GB และรอมอีก 256GB ช่วยให้มันทำงานได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์ทุก ๆ การใช้งาน ในส่วนของแบตเตอรี่รุ่นนี้ให้ความจุมาถึง 4,500 mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จไร้สาย และรองรับการชาร์จไว 65W ด้วย ในด้านกล้องก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ซึ่งรุ่นนี้ได้รับคะแนนจาก DxOMark ของกล้องหลังไปถึง 131 คะแนน ซึ่งถือว่าอยู่ในอันดับต้น ๆ ของการจัดอันดับเลย โดยกล้องหน้าใช้เลนส์ 32MP ที่สามารถบันทึกวีดีโอได้สูงสุดระดับ 4K ที่ 60 เฟรม/วินาที ในส่วนกล้องหลังจัดเต็มด้วย Quad Camera ที่มีเลนส์หลัก 50MP เลนส์อัลตร้าไวด์ 50MP เลนส์เทเลโฟโต้ 13MP และสุดท้ายเป็นเลนส์ไมโครเลนส์ 3MP พร้อมการซูมแบบต่าง ๆ ใช้ระบบโฟกัส PDAF และ Laser Auto Focus ช่วยทำให้การจับภาพง่ายดาย และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยี และโหมดการถ่ายภาพอื่น ๆ อีกมากมายคอยช่วยเหลือ ทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับการถ่ายภาพได้อย่างเต็มที่ครับ ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Apple iPhone 12 Pro Max 2020รูปภาพจาก Appleราคา 39,900 บาท* iPhone 12 Pro Max สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นยอดนิยมที่มีกระแสดีอย่างต่อเนื่อง มาพร้อมกับดีไซน์โฉมใหม่ที่ดูเรียบหรูขึ้น หน้าจอไร้ขอบ Super Retina XDR ชนิด OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียดสูง ช่วยให้แสดงผลภาพได้สวยคมชัดทุกรายละเอียด ทำงานโดยใช้ขุมพลังจากชิป A14 Bionic ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงมาก ๆ สามารถทำงานต่าง ๆ ได้อย่างลื่นไหล ส่วนกราฟฟิกใช้ Apple GPU พร้อมหน่วยความจำให้เลือกตั้งแต่ 128GB, 256GB ไปจนถึง 512GB ตอบโจทย์ทุก ๆ การใช้งานได้อย่างแน่นอนครับ ในด้านแบตเตอรี่ได้ให้ความจุมาที่ 3,687 mAh ซึ่งรองรับได้ทั้งการชาร์จไร้สาย และการชาร์จไว 20 วัตต์ โดยได้จาก DXOMARK ถือพอสมควรเลย ซึ่งกล้องหน้าได้คะแนนสูงถึง 98 คะแนน และกล้องหลังได้ไปถึง 130 คะแนน โดยรุ่นนี้ใช้กล้องหลัง 4 เลนส์ ได้แก่ เลนส์หลัก 12MP เลนส์ Ultrawide 12MP เลนส์ Telephoto 12MP และเลนส์ Depth เป็น TOF 3D LiDAR scanner ช่วยให้คุณสามารถถ่ายภาพได้ครบ ทุกมุมที่คุณต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงการถ่ายวิดีโอก็มาพร้อมกับระบบต่าง ๆ มากมาย ในส่วนของกล้องหน้ามาพร้อมกล้องคู่ 12MP และ SL 3D เป็นกล้องอัจฉริยะที่จะให้ภาพทุก ๆ ช็อตของคุณ ออกมาสวยราวกับถ่ายโดยช่างภาพมืออาชีพ แถมมีโหมดภาพถ่ายที่หลากหลาย มีการจัดแสงพร้อมด้วยเอฟเฟ็กต์ถึง 6 แบบ และอื่น ๆ อีกมายมาย นอกจากนี้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังยังมาพร้อมกับระบบกันสั่นที่มีคุณภาพสูง ช่วยให้วิดีโอและภาพของคุณ มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ สรุปสเปกของ iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น) ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Apple iPhone 12 Proรูปภาพจาก Appleราคา 36,900 บาท* สำหรับ iPhone 12 Pro เราคงไม่ต้องพูดอะไรมากครับ แม้จะเปิดตัวมาสักพักนึงแล้ว แต่มันก็ยังคงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง โดยมาพร้อมดีไซน์ที่หรูหรา พรีเมี่ยมมากขึ้น ใช้หน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว มีความละเอียดสูง มอบภาพที่คมชัด สีสันสบายตา สามารถแสดงสีสันได้อย่างแม่นยำ ทำงานบนชิป A14 Bionic ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ๆ สามารถใช้ทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเทคโนโลยีมากมายที่จะช่วยให้การใช้งานของคุณง่ายขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีอัลตร้าไวด์แบนด์ที่เข้ามาช่วยแชร์ไฟล์ไปยังอุปกรณ์ apple อื่น ๆ ได้เร็วขึ้น โดยรุ่นนี้ได้รับการจัดอันดับจาก DXOMARK โดยกล้องหน้าได้คะแนนไปสูงถึง 98 คะแนน และกล้องหลังได้ไปถึง 128 คะแนน ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ ครองอันดับที่ 20 ครับ โดยใช้กล้องหลัง 4 เลนส์ ได้แก่ เลนส์หลัก 12MP อัลตร้าไวด์ 12MP เทเลโฟโต้ 12MP และเลนส์ลึก TOF 3D LiDAR พร้อมโหมดถ่ายภาพให้ใช้งานมากมายและรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ HDR ได้สูงสุดถึง 4K ในแบบ Dolby Vision พร้อมทั้งมีระบบสแกนเนอร์ LiDAR เพื่อประสบการณ์ AR ที่ดียิ่งขึ้น ในส่วนของกล้องหน้าใช้เลนส์ 12MP ที่สามารถใช้ถ่ายได้ทั้ง ภาพบุคคล ภาพวิว หรือภ่ายในสไตล์ที่คุณต้องการได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมโหมดกลางคืน และการบันทึกวิดีโอ HDR ระดับ 4K ในแบบ Dolby Vision ได้เช่นกับ ดังนั้นไม่ว่าจะมีแสงมากแสงน้อยภาพก็ออกมาสวย ดูน่าประทับใจแน่นอนครับ นอกจากนี้ยังมีระบบกันสั่นที่มีคุณภาพสูงมากให้ด้วย ช่วยให้การบันทึกวิดีโอมีคุณภาพราวกับใช้กล้องระดับโปรถ่ายเลยทีเดียว (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ สรุปสเปกของ iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น) ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
เทคนิค การถ่ายภาพ ในเบื้องต้น ด้วยกล้องมือถือ !1. ทำความสะอาดเลนส์สำหรับข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก เนื่องจากการที่คุณนำมือถือใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงหรือใส่กระเป๋าสะพาย มีโอกาสสูงที่เลนส์กล้องจะไปโดนกับสิ่งของหรือฝุ่นละลองที่อยู่ภายในกระเป๋า นี่ถือเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ภาพคุณออกมาไม่สวย เมื่อหยิบออกมาถ่ายกลางแจ้ง แสงจากภายนอกจะทำให้มันเป็นเรื่องยากมากที่คุณจะเห็นความผิดพลาดเหล่านี้ ฉะนั้นการหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายทุกครั้ง อย่าลืมทำความสะอาดมือถือและโดยเฉพาะเลนส์ก่อนนะครับและอย่าลืมไปดูสิ่งที่คุณไม่ควรใช้ในการทำความสะอาดมือถือด้วยนะครับ 2. เปิดใช้งาน GRID“Grid” หรือ “เส้นตาราง” ถือว่ามีประโยชน์มาก ๆ สำหรับการถ่ายภาพ เนื่องจากมันช่วยให้คุณสามารถจัดวางตำเเหน่ง รวมถึงจัดองค์ประกอบต่าง ๆ ของภาพ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของภาพถ่าย ตำแหน่งขององค์ประกอบต่าง ๆ ในเฟรม หลักง่าย ๆ ในการเรียนรู้และจดจำคือ “กฎสามส่วน” โดยพื้นฐานแล้ว “Grid” จะเป็นตาราง 9 ช่อง มีขนาดเท่า ๆ กัน ซึ่งจะเห็นจุดที่เส้นตัดกันทั้งหมด 4 จุด ลองจัดตำแหน่งโดยให้แบบของคุณ ไปอยู่บนจุดตัดจุดใดก็ได้ วิธีนี้จะช่วยให้คุณได้ภาพที่น่าทึ่ง และน่าสนใจมากกว่าการถ่ายภาพที่แบบอยู่ตรงกลางเพียงอย่างเดียวครับ 3. เล่นกับแสงและเงาเมื่อเราสามารถจัดวางองค์ประกอบของภาพได้แล้ว การเล่นกับแสงและเงา สามารถช่วยทำให้ภาพออกมาดูพิเศษมากขึ้นได้เช่นกัน เพียงแค่เลือกจุดที่เราคิดว่ามีแสงส่องมากำลังดี และปรับโหมดของกล้องเป็น HDR เพื่อให้กล้องสามารถเก็บรายละเอียดในภาพได้ทั้งส่วนที่มืดและส่วนที่สว่าง แม้จะเป็นกำแพงธรรมดาแต่หากแสงและเงาที่เกิดขึ้นมันดูสวยงาม มันอาจทำให้ภาพดูพิเศษกว่าภาพอื่น ๆ ได้ครับ 4. เลือกโหมดที่เหมาะสมอย่างที่เราได้กล่าวไป กล้องของสมาร์ทโฟนในปัจจุบันสามารถถ่ายภาพได้หลากหลายแนว มีหลายโหมดให้เลือกใช้งาน ทั้ง ถ่ายเซลฟี่ ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ ถ่ายภาพเลนส์ไวน์ และอื่น ๆ ดังนั้นเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสม และคุ้มค่าที่สุด เราควรทำการศึกษาวิธิการใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ของสมาร์ทโฟนรุ่นนั้น ๆ เสียก่อน ซึ่งถ้าหากเราเลือกใช้โหมดในแต่ละสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม ภาพที่ออกมาก็จะสมบูรณ์แบบด้วยตัวมันเอง โดยไม่ต้องแต่งเติมใด ๆ เลย บทส่งท้ายสำหรับใครที่ได้อ่านจนจบแล้วก็น่าจะเห็นจุดเด่นของกล้องมือถือรุ่นต่าง ๆ การดูคุณสมบัติของกล้องมือถือ ว่าควรเลือกอย่างไร แต่อย่าลืมเลือกจากคุณสมบัติด้านอื่น ๆ ของมือถือด้วย เพราะสมาร์ทโฟนบางรุ่น สเปคกล้องให้มาสูงมาก แต่ซอฟแวร์หรือฮาร์ดแวร์ส่วนอื่น ๆ มีข้อจำกัดอยู่บ้าง เพื่อทำให้มีราคาที่ไม่สูง ส่งผลให้ประมวลผลต่าง ๆ อาจจะทำได้ช้า หากใครมีงบที่จำกัดและรับได้ก็ไม่เป็นไร แต่หากใครรับไม่ได้ก็อาจจะขัดใจซะเปล่า ๆ ดังนั้นเราหวังว่าบทความนี้ จะช่วยให้คุณสามารถเลือกมือถือรุ่นที่ต้องการ และสามารถตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้มากที่สุดนะครับ สุดท้ายนี้หากใครที่เป็นสายถ่ายภาพตัวยงก็อย่าลืมหาพวก Micro SD, Flash Drive, USB Hubหรือ External Hard Drive ไว้สำหรับสำรองภาพถ่าย รวมไปถึงอุปกรณ์เสริมที่จำเป็นอย่าง ขาตั้งกล้องมือถือ, ไม้เซลฟี่, พาวเวอร์แบงค์ และอื่น ๆ เผื่อไว้ด้วยนะครับ เผื่อจำเป็นจะต้องใช้ ขอบคุณข้อมูลจาก : www.dxomark.com |