�Ԫ� ������ (���� � ����) �дѺ �Ѹ���֡�һշ�� �
����ͧ �����¹�����¡Ԩ���� �ӹǹ � ���
�� �. ����� ���ҵ�� �ç���¹�ѹ�������
����� ���͡ ���� ����ӵͺ���١��ͧ����ش 1. �. ��ͤ�������¶֧�����¡Ԩ����
�. �����·��ؤ�ŵԴ��ͤ�������͡�ä�Ң��
�. �����·��ؤ�ŵԴ��ͤ�������ͧҹ�Ҫ���
�. �����·��ؤ�ŵԴ��ͤ�������Ͷ�����Ǥ��Ǥ�ͺ����
�. �����·��ؤ�ŵԴ��ͤ���������з��������ä�Ң��
2. �. ������Ӣ�鹵鹶֧�ؤ�ŷ������١��ͧ�����ѡ�����¹������
�. ���¹ �س����� ���ʺ⪤
�. ���¹ ��иҹ��Ůա� �����þ
�. ���¹ ���Ѵ�����ҹ�����Է�� ���Ѻ���
�. ���¹ Ͼ�� ��¡�Ѱ����� �����þ���ҧ���
3. �. �������ŧ���¶֧�ؤ�ŷ������١��ͧ�����ѡ�����¹������
�. ���ʴ������Ѻ������ҧ�٧
�. ���ʴ������Ѻ������ҧ���
�. ���ʴ�������þ�Ѻ���
�. ���ʴ������Ѻ���
4. �. ������¹ �ѹ �� �� ��١��ͧ�����ѡ�����¹������
�. �� �.�. ��
�. �� ���Ҥ� ��
�. �� ���Ҥ� ����
�. �� ���Ҥ� �.�. ����
5. �. ��ͤ���㴷��������������Ҿ㹡����¹�����¡Ԩ����
�. �ԩѹ�آ�Ҿ���ç��о��㹧ҹ���
�. ��м����ز��дѺ��ԭ�ҵ����§ҹ俿��
�. �ԩѹ�ջ��ʺ��ó�㹡�÷ӧҹ������ � ��
�. ������ö������餹���������������ѹ���
จดหมายกิจธุระ / จดหมายราชการ แบ่งส่วนประกอบได้ ๑๒ ส่วน ดังนี้
๑.” หัวจดหมาย ” เป็นส่วนของชื่อองค์กรหรือหน่วยงานที่เป็นต้นสังกัดของผู้ออกจดหมาย จะบอกรายละเอียดถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบและที่อยู่หน่วยงาน ซึ่งจะมีตราองค์กรหรือตราหน่วยงานอยู่กลางหน้ากระดาษ ที่อยู่จะอยู่ทางขวามือของกระดาษ
๒.“ ลำดับที่ของจดหมาย ” จะใช้คำว่า “ ที่ ” ตามด้วย “ เลขบอก ลำดับที่ ของจดหมายตามด้วย ปี พ.ศ. โดยจะมีเครื่องหมาย “/” ทับคั่น เช่น ที่ ๕ / ๒๕๕๖ ลำดับอยู่ทางด้านซ้ายของจดหมาย ซึ่งตรงกับที่อยู่ของผู้ออกจดหมาย ในส่วนลำดับที่ของจดหมายอาจมีตัวย่อของชื่อองค์กรได้ แต่คำย่อของชื่อองค์กรต้องเป็นที่รู้จักและยอมรับกันโดยทั่วไป เช่น ที่ ศธ ๕๖๗๕ / ๒๓๗ “ ศธ ” เป็นอักษรย่อของ “ กระทรวงศึกษาธิการ ”
๓.“ วัน เดือน ปี ” จะเขียนอยู่กลางหน้ากระดาษต่อจากที่อยู่ของผู้ออกจดหมาย การเขียนวัน เดือน ปี ไม่ต้องเขียนคำว่า “ วันที่ และ “ ปี ” ให้ระบุ วัน เดือน ปี เท่านั้น เช่น “ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ ”
๔.“ เรื่อง ” เป็นการสรุปสาระสำคัญของจดหมาย ควรเป็นประโยคสั้น กะทัดรัด และบอกวัตถุประสงค์ที่ออกจดหมาย เช่น “ ขอความอนุเคราะห์……” “ ขอเชิญเป็นวิทยากร ”
๕.“ คำขึ้นต้น ” ใช้คำว่า “ เรียน ” ขึ้นต้นจดหมายทุกครั้ง จากนั้นตามด้วยชื่อ และนามสกุล หรืออาจตามด้วยตำแหน่งของผู้รับจดหมาย เช่น “ เรียน นายวรพพล คงเดช ” “ เรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ”
๖.“ สิ่งที่ส่งมาด้วย ” เป็นสิ่งที่ผู้ส่งจดหมายส่งให้ผู้รับพร้อมจดหมาย เช่นรายละเอียดโครงการ เอกสารประกอบการประชุม หนังสือ (อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้)
๗.“ ข้อความหรือเนื้อหาของจดหมาย ” เป็น เนื้อหาสาระหลักของจดหมาย มักมี ๒ ย่อหน้า หากเนื้อหาจดหมายมีความยาวอาจ มี ๓ ย่อหน้า ก็ได้
หากมี ๒ ย่อหน้า
• ย่อหน้าแรก บอกถึงสาเหตุที่ต้องเขียนจดหมาย หากเป็นจดหมายฉบับแรกต้องขึ้นต้นคำว่า “ ด้วย ” “ เนื่องด้วย ” “ เนื่องจาก ” เช่น • ด้วยกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนมัธยม วัดนายโรง จะจัดการแสดงผลงาน โครงงานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒…….” • “ เนื่องด้วยห้องน้ำของโรงเรียนมัธยมวัด นายโรงมีสภาพชำรุดมาก ทำให้เกิดกลิ่นรบกวนและ นักเรียนไม่ได้รับความสะดวกในการใช้……” • “ เนื่องจากชมรมจิตอาสา โรงเรียนมัธยม วัดนายโรง จัดโครงการหนังสือเพื่อน้อง ประจำปี ๒๕๕๓…….” แล้วตามด้วยรายละเอียด จุดประสงค์ ความต้องการ
• หากเป็นกรณีการตอบจดหมาย หรือส่งจดหมายเพื่อติดตามเรื่อง จำต้อง เท้าความเรื่องที่เคยติดต่อไว้ โดยใช้คำว่า “ ตามที่ ” ขึ้นต้นเรื่องที่เท้าความ และใช้คำว่า “ นั้น ” ลงท้าย เช่น………….. • “ ตามที่ท่านได้สั่งซื้อวารสารเมืองโบราณฉบับย้อนหลัง ฉบับที่ ๓๑ และฉบับที่ ๓๒ จำนวนฉบับละ ๑เล่ม ในราคาเล่มละ ๑๒๐ บาทนั้น…….” • “ ตามที่ท่านได้ขอความอนุเคราะห์ให้ทางชมรมพระพุทธศาสนา โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ส่งนักเรียนไปเข้าร่วมกิจกรรมวันวิสาขบูชา ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ นั้น……”
• ย่อหน้าที่สอง บอกหรือย้ำวัตถุประสงค์ของจดหมายอย่างชัดเจน โดยใช้คำขึ้นต้นว่า “ จึงเรียนมาเพื่อ……( บอกจุดประสงค์ )……. เช่น จึงเรียนมาเพื่อทราบ, จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา, จึงเรียนมาเพื่อขอความอนุเคราะห์…….. • “ จึงเรียนมาเพื่อขอความอนุเคราะห์ บริจาคหนังสือเพื่อเข้าร่วมโครงการ ดังกล่าว และขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ ”
หากมี ๓ ย่อหน้า
– ย่อหน้าแรก บอกถึงสาเหตุที่ต้องเขียนจดหมาย หากเป็นจดหมายฉบับแรกต้องขึ้นต้นคำว่า “ ด้วย ” “ เนื่องด้วย ” “ เนื่องจาก”
– ย่อหน้าที่สอง บอกจุดประสงค์ในการเขียนอย่างชัดเจนว่าต้องการจะให้ทำอะไร มักขึ้นต้นด้วยชื่อของหน่วยงานที่ออกจดหมาย
– ย่อหน้าที่สาม ขึ้นต้นด้วยคำว่า “จึงเรียนมาเพื่อ….”
๘.“ คำลงท้าย ” ใช้คำว่า “ ขอแสดงความนับถือ ” โดยให้เขียนตรงกับวันที่
๙.“ ลายมือชื่อ ” เป็นลายมือชื่อจริงของผู้ลงชื่อ ห้ามใช้ตรายาง
๑๐.“ ชื่อเต็มของผู้เขียนจดหมาย ” ชื่อเต็มและนามสกุลจะเขียนใส่ไว้ในวงเล็บ หรืออาจจะพิมพ์ก็ได้และจะต้องมีคำนำหน้าชื่อเสมอ เช่น “ นายณเดช คูกิมิยะ ” “ นางสาวอุรัสยา สเปอร์บันด์ ”
๑๑.“ ตำแหน่งของผู้เขียนจดหมาย ” หากผู้เขียนจดหมายเป็นผู้มีตำแหน่ง รับผิดชอบ งานของหน่วยงานที่ออกจดหมายจะต้องพิมพ์ กำกับต่อท้ายเสมอ แต่หากออกจดหมายในนาม ชมรมในสถานศึกษา ต้องมีลายมือชื่ออาจารย์ที่ ปรึกษาชมรมกำกับท้ายจดหมายด้วย
๑๒. “ หมายเลขโทรศัพท์ของผู้เขียนจดหมายหรือหน่วยงานที่ออก ” ในส่วนนี้จะอยู่ลำดับสุดท้ายของจดหมาย และพิมพ์ชิดขอบจดหมายด้านซ้าย ควรระบุหมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร และที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ด้วย
แหล่งข้อมูล : //slideplayer.in.th/slide/1898050/
ตัวอย่างจดหมายราชการ จดหมายกิจธุระ
1. แบ่งกระดาษจดหมายออกเป็น 3 ส่วน โดยเหลือขอบบนกระดาษไว้ประมาณ 1/2 นิ้ว
2. พับจดหมายจากล่างขึ้นบนทีละส่วนตามรอยประ
3. ขอบจดหมายที่พับแล้วต้องพอดีกับรอยประของขอบบนที่ว่างไว้ 1/2 นิ้ว
4. นำจดหมายที่พับแล้วใส่ซองโดยให้ขอบบนของกระดาษที่ว่างไว้ 1/2 นิ้ว อยู่ด้านบน
….. อ่านต่อได้ที่: //www.gotoknow.org/posts/258675