มีความเชื่อว่า หากสุขภาพแบตเตอรี่ น้อยกว่า 80% คือแบตเสื่อม จริงหรือ? ผู้ใช้งาน iOS 11.3 หรือใหม่กว่า (ตรวจสอบได้จาก Setting > General > About > Software Version) ล่าสุดคือ iOS 15.4 (มีนาคม 2565) บน iPhone 6 ขึ้นไป มีคุณสมบัติ Battery Health แสดงสภาพแบตเตอรี่ และคำแนะนำหากจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ ให้เข้าไปที่ การตั้งค่า (Setting (การตั้งค่า) > Battery (แบตเตอรี่) > Battery Health (สภาพแบตเตอรี่)
อย่างที่เราทราบกันดีว่า iPhone แบตหมดไว ต้องชาร์จบ่อย ยิ่งใครใช้ 5G แบตยิ่งหมดไว โดยเฉพาะ iPhone 12 series แต่กับ iPhone 13 หลายคนบอกว่า แบตใช้งานได้นานขึ้น
แบตเตอรี่ของ iPhone ใช้เทคโนโลยีแบบ lithium-ion โดย iPhone รุ่นใหม่ๆ รองรับ faster charge แต่แบตเตอรี่แบบนี้มี "chemically age" หมายถึงอายุทางเคมีของแบตเตอรี่ ซึ่งส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ โดยตรวจสอบผ่าน battery health ได้
ในขั้นตอนการชาร์จแบตเตอรี่ แบบชาร์จเร็ว ปกติในกรณีแบตหมดเกลี้ยง นับจาก 0% ขั้นที่ 1 คือ ชาร์จแบบเร็ว 0% ถึง 80% ชาร์จไว ส่วน 81% เป็นต้นไป ถึง 100% คือขั้นที่ 2 ชาร์จแบบช้า เป็นการผ่อนกระแสไฟฟ้าลง เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ดังนั้น ถ้าคุณใช้สายชาร์จแบบ USB-C to Lightning ในช่วงแรกที่ชาร์จ แบตจะเต็มไวมาก แล้วค่อยๆ ชาร์จช้าลงเมื่อแบตถึง 80% ไปแล้ว
แต่สำหรับ Battery Health ไม่อยากให้กังวลเรื่องตัวเลขของอายุแบตเตอรี่มากนัก เพียงแต่เอาไว้ใช้อ้างอิงว่า แบตเสื่อมหรือยัง จากการตรวจสอบ iPhone 12 อายุการใช้งาน 1 ปีนิดๆ สุขภาพแบตเตอรี่ 84% ใช้ 5G ชาร์จเป็นประจำทุกวัน กับสายชาร์จไวกับไฟบ้านและแบตสำรอง ส่วน iPhone 12 mini สุขภาพแบตเตอรี่ 87% ใช้งานมา 1 ปี ใช้ 5G ตลอดเช่นกัน วิธีตรวจสอบ ให้เข้าไปที่ Settings เลื่อนลงมาจนเจอ "Battery" หรือพิมพ์ค้นหาว่า "Battery" ในช่องค้นหาด้านบนหนา้จอ เลือก "Battery" จากนั้นรอสักระยะ กด "Battery Health" โดยจะแสดง battery health maximum capacity
หากซื้อเครื่องใหม่จะเป็น 100% แต่ไม่ต้องแปลกใจหากใช้ไปสักระยะแล้วไม่ถึง 100% โดยความจุสูงสุดของแบตเตอรี่ของคุณจะลดลงเมื่อมีอายุทางเคมีเพิ่มขึ้น อาจทำให้รู้สึกว่า ชั่วโมงการใช้งานน้อยลง หลังจากชาร์จเต็มแล้วได้ ความจุของแบตเตอรี่อาจแสดงว่าเหลือน้อยกว่า 100% เพียงเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับระยะเวลาระหว่างการผลิตและการเปิดใช้งาน iPhone ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าทำไมไม่ใช่ 100% โดยแบตเตอรี่ปกติจะได้รับการออกแบบให้รักษาความจุไว้สูงสุด 80% ของความจุดั้งเดิม เมื่อชาร์จแบบเต็มได้ 500 รอบ (เมื่อทำงานในสภาวะปกติ) ถ้าวันนึงเราชาร์จ 2 รอบ ปีนึงเราชาร์จ อาจจะเท่ากับ 500 รอบ
ประสิทธิภาพการทำงานของแบตเตอรี่
หากบนหน้าจอแสดงข้อความ แบตเตอรี่ของคุณรองรับประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดตามปกติอยู่ในตอนนี้ (Peak Performance Capability) แสดงว่าแบตเตอรี่ยังมีอายุและสุขภาพดีอยู่ แต่หากแบตเตอรี่เสื่อม ก็จะแสดงข้อความแจ้งให้เราเปลี่ยนแบตเตอรี่
ถามว่า ตอนไหนที่ควรชาร์จแบต? เราควรชาร์จแบตให้เต็ม 100% ถึงจะถอดสายชาร์จออกหรือเปล่า แต่คำแนะนำอย่างนึงคืออย่าให้แบตเหลือน้อยกว่า 20% หรือแบตเป็นสีแดง ทำให้แบตเสื่อมไว แต่ Apple แนะนำว่า ให้ชาร์จแบตถึง 50 เปอร์เซนต์ จะช่วยถนอมอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ดีกว่า
แนะนำให้เปิด "Optimized Battery Charging" (การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่) เพื่อป้องกันความเสียหายหรือแบตเสื่อมจากการเสียบสายชาร์จข้ามคืน พอแบตเต็ม ระบบจะตัดไฟที่ชาร์จเข้ามือถือให้เหมาะสม แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า ชาร์จตอนนอนแล้วแบตเตอรี่จะไม่ได้ใช้งาน เนื่องจากมีแอปที่รันเบื้องหลัง และอัปเดตต่างๆ ตอนที่เรานอนแล้ว (เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไว้ตลอด) ดังนั้น จึงควรปิดเครื่องชาร์จ น่าจะดีที่สุด แต่คำแนะนำนี้
เราได้ยินมาหลายปีแล้ว ในชีวิตจริงเราทำไม่ได้เพราะห่วงการติดต่อสื่อสารนั่นเอง
เมื่อไหรที่ควรเปลี่ยนแบต
หากมีตัวเลขสุขภาพแบตเตอรี่ iPhone เหลือต่ำกว่า 80 เปอร์เซนต์ อายุการใช้งานต่ำลง หมายถึงแบตเริ่มเสื่อมแล้ว ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของตัวเครื่อง ดังนั้นควรเปลี่ยนแบตใหม่
ทั้งนั้น การตรวจสอบ Battery Health ไม่อยากให้กังวลถึงขั้น เข้ามาดูทุกวัน หรือจิตตก แต่ให้เราใช้งานไปตามปกติเลย พอ 6 เดือน 1 ปี ค่อยมาดูก็ได้ เพราะเอาจริงๆ แบตมือถือก็ไม่ได้เสื่อมง่ายขนาดนั้น ปัจจุบัน การขายมือถือ iPhone ในเพจต่างๆ มีการระบุสุขภาพแบตด้วย เป็นอีกหนึ่งปัจจัยทำให้ขายได้ราคาดีขึ้น ซึ่งหากใครใช้ iPhone แล้วอยากขายได้ราคาดี ก็มักจะถนอมอายุแบตเตอรี่มากๆ เพราะตอนขายต้องระบุเพื่อเป็นปัจจัยในการตัดสินใจซื้อ
มาตรวจเช็คตรวจสุขภาพแบตเตอรี่ iPhone ด้วยตัวเอง พร้อมคำแนะนำในการดูแลแบตเตอรี่ / หากสุขภาพแบตเตอรี่ตำกว่า 80% ควรทำอย่างไร มาดูคำแนะนำกันได้เลย
ปกติแล้ว เราสามารถเข้าไปเช็คสุขภาพแบตเตอรี่ได้ที่แอปการตั้งค่าอยู่แล้ว สุขภาพแบตเตอรี่ที่ควรมีความจุสูงสุดไม่ต่ำกว่า 80%
นอกจากนี้เรายังสามารถเช็คสุขภาพแบตเตอรี่ได้ในแอป Apple Support ได้เช่นกัน นอกจากจะเช็คได้แล้ว ยังมีคำแนะนำสำหรับผู้ใช้อย่างเราด้วย
เช็คสุขภาพแบตเตอรี่ผ่านแอป Apple Support
เข้าไปที่แอป Apple Support ที่หน้าผลิตภัณฑ์ ตรงส่วนอุปกรณ์ของฉัน
1.ให้แตะเลือกที่ iPhone ของเรา
2.แตะที่ “เพิ่มเติม”
3.แตะที่ “ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่”
4.แตะ “ตรวจสอบตอนนี้”
5.เมื่อตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่เสร็จแล้ว จะมีการบอกความจุแบตเตอรี่สูงสุด หากอยากได้คำแนะนำในหารดูแลรักษาแบตเตอรี่ให้แตะที่ “แชทต่อ”
6.จะมีคำแนะนำในการยืดระยเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ขึ้นมา ซึ่งคำแนะนำนี้เป็นคำแนะนำที่ช่วยให้เราสามารถใช้งาน iPhone ระหว่างวันได้ยาวนานขึ้น ไม่ได้หมายถึงการยืดอายุแบตเตอรี่
โดยคำแนะนำมีสองอย่างที่เราทำตามง่าย ๆ คือ
- เปิดการปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ
- การตั้งต่าล็อคหน้าจออัตโนมัติ
วิธีการเหล่านี้จะช่วยลดการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ มีแบตเตอรี่เหลือให้เราใช้งานได้นานขึ้นนั่นเอง
หากความจุสูงสุดหรือสุขภาพแบตเตอรี่ของเราต่ำกว่า 80% ควรนำเครื่องไปเปลี่ยนแบตเตอรี่เพื่อประโยชน์การใช้งานสูงสุด
การปรับเทียบสุขภาพแบตเตอรี่ (Recalibrate)
ใน iPhone บางรุ่น อย่างเช่น iPhone 11 จะมีการปรับเทียบแบตเตอรี่ให้ในแอป Apple Support เพราะบางทีความจุแบตเตอรี่สูงสุดของ iPhone อาจจะไม่เป็นไปตามที่แสดงในแอปการตั้งค่า เราจึงต้องทำการปรับเทียบสุขภาพแบตเตอรี่ใหม่ เพื่อให้รู้ว่าจริง ๆ แล้วแบตเตอรี่ iPhone ของเรามีความจุสูงสุดเท่าไหร่กันแน่
กระบวนการการปรับเทียบสุขภาพแบตเตอรี่จะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ หากรอไม่ไหว หรือคิดว่าแบตเตอรี่ของเราควรได้รับการเปลี่ยนแล้ว ก็สามารถแตะที่ “ดำเนินการต่อไปยังตัวเลื้อกบริการช่วยเหลือ”
จากนั้นจะมีราคาการเปลี่ยนแบตเตอรี่บอก และสามารถทำการนัดหมายกับศูนย์บริการเพื่อนำ iPhone ไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ค่ะ
สำหรับคำแนะนำอื่น ๆ ที่จะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่และระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่สามารถดูคำแนะนำในวิดีโอได้เลย
วิธียืดอายุและระยะเวลาแบตเตอรี่ iPhone ให้ใช้ได้นาน ๆ (อัปเดตปี 2021)
Humanities, English Literature
Chiangmai University