ในทางปฏิบัติหากเราจะนำตัวต้านทานที่มีความต้านทานคงที่ไปใช้ เราจะอ่านแถบสี โดยเทียบกับตารางก็จะทำให้ทราบค่าความต้านทานได้
เป็นเรื่องยุ่งยากหากเราจะนำตัวต้านทานที่ไม่มีสีระบุไว้ไปใช้ เพราะทำให้ต้องทดลองหาค่าความต้านทานเสียก่อนทุกครั้ง แต่ถ้าตัวต้านทานมีแถบสีระบุ จะช่วยให้เรานำไปใช้ได้ง่ายขึ้น
แถบสีแต่ละแถบบนตัวต้านทานจะช่วยให้เราสามารถหาค่าความต้านทานได้ดังนี้
ตัวอย่างเช่น หากตัวต้านทานตัวหนึ่งมีแถบสี ดังรูป จากซ้ายไปขวา
แถบสีที่ 1 คือ สีเหลือง ค่าตัวเลขในหลักสิบ คือ 4
แถบสีที่ 2 คือ สีเหลือง ค่าตัวเลขในหลักหน่วยได้ คือ 4
แถบสีที่ 3 คือ สีดำ ค่าตัวพหุคูณที่นำไปคูณกับสองหลักแรก คือ 1
แถบสีที่ 4 คือ สีดำ อ่านได้ว่า “ไม่มีค่าความคลาดเคลื่อน”
ดังนั้นตัวต้านทานตัวนี้ มีค่าความต้านทาน เท่ากับ 44*1 = 44 โอห์ม นั่นเอง
Related posts:
- การวัด (Measurement) การวัด คือ ? การวัด คือ กระบวนการอย่างหนึ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งปริมาณตามต้องการ วิธีการและเครื่องมือที่ ...
- กฎของโอห์ม (Ohm’s Law) ในปี พ.ศ. 2307 จอร์จ โอห์ม นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ตีพิมพ์ผลงานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง ...
- การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ (Projectile Motion) เป็นการเคลื่อนที่วิถีโค้งแบบกราฟพาราโบลา โดยสามารถพิจ ...
- ของไหลและความดันในของไหล ของไหล หรือ Fluid มีความหมายรวมถึงสสารที่อยู่ในสถานะของเหลว แก๊ส แต่ในบางครั้งของไหลบางชนิดมีความหนื ...
- สภาพต้านทานไฟฟ้า : ρ ลวดโลหะชนิดหนึ่งๆ ที่อุณหภูมิเท่ากัน แต่ความยาว l ต่างกัน เมื่อให้ความต่างศักย์ไฟฟ้า V ระห ...
- พลังงานที่สะสมในตัวเก็บประจุ หากตัวเก็บประจุมีประจุเก็บไว้ภายในมากเท่าใด ก็จะมีศักย์ไฟฟ้ามากเท่านั้น ดังนั้น เราสามารถเขียน ...
- คณิตศาสตร์สำหรับฟิสิกส์ 3 1. เวกเตอร์ในระบบพิกัดฉาก เราทราบแล้วว่าเวกเตอร์เป็นปริมาณที่มีทั้งขนาดและทิศทาง ในทางคณิตศาสต ...
- การเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์มอนิก การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย คือ การเคลื่อนที่กลับไปมาผ่านตำแหน่งสมดุล ด้วยคาบที่คงที่ และระยะ ...
หน่วยความต้านทาน
ความต้านทานมีหน่วยที่ใช้ในการแสดงขนาดของค่าความต้านทานเป็นหน่วยโอห์ม (Ohm) ความหมายของความต้านทาน 1 โอห์ม คือ ความต้านทานที่ยอมให้กระแสไหลผ่านได้ 1 แอมแปร์ และมีแรงดันตกคร่อมตัวต้านทาน 1 โวลต์ ตัวต้านทานมีขนาดค่าความต้านทานแตกต่างกันมีค่าตั้งแต่ความต้านทานที่ต่ำๆ ไปจนถึงค่าความต้านทานสูงๆ ทำให้การใช้หน่วย ทำให้การใช้หน่วยบอกค่าเพียงค่าโอห์มอย่างเดียวไม่เกิดความสะดวกในการใช้งาน จึงได้เพิ่มหน่วยบอกค่าความต้านทานออกเป็นหน่วยมิลลิโอห์ม (Milliohm) หน่วยกิโลโอห์ม (Kiloohm) และหน่วยเมกโอห์ม (Megohm) หน่วยค่างๆเขียนความสัมพันธ์กันได้ดังนี้
การอ่านค่าความต้านทานแสดงเป็นตัวอักษร
ตัวต้านทานที่ผลิตขึ้นมาใช้งานแต่ละตัว ต้องมีค่าความต้านทานกำกับติดไว้ เพื่อให้แสดงค่าความต้านทานของตัวต้านทานตัวนั้นๆ การแสดงค่าวิธีหนึ่งคือ แสดงค่าความต้านทานไว้เป็นตัวเลขและตัวอักษรรวมกัน แบ่งการแสดงค่าออกได้เป็น 2 แบบคือ แบบแสดงค่าความต้านทานโดยตรง และแบบแสดงค่าความต้านทานเป็นรหัสตัวเลขตัวอักษร
แบบแสดงค่าออกมาโดยตรง
ตัวต้านทานที่แสดงค่าออกมาโดยตรง จะพิมพ์ค่าความต้านทานลงบนตัวต้านทานตามค่าความต้านทานของตัวต้านทานนั้น แสดงหน่วยไว้เป็น ? , k? หรือ M? บางครั้งมีค่าการทนกำลังไฟฟ้า และค่าเปอร์เซ็นต์ผิดพลาดกำกับไว้ด้วยก็ได้ ตัวต้านทานบางแบบจะมีตัวอักษรกำกับไว้ด้วย เพื่อแสดงค่าเปอร์เซนต์ผิดพลาดแทนตัวเลข ใช้ตัวอักษาภาษาอังกฤษมี 4 ตัว คือ J, K, L และ M มีความหมายดังนี้
อักษร J เป็นค่าความผิดพลาด ± 5 %
อักษร K เป็นค่าความผิดพลาด ± 10 %
อักษร L เป็นค่าความผิดพลาด ± 15 %
อักษร M เป็นค่าความผิดพลาด ± 20 %
แบบแสดงค่าออกมาเป็นรหัสตัวเลขตัวอักษร
ตัวต้านทานบางแบบถึงแม้มีตัวเลขและตัวอักษรกำกับไว้บนตัวต้านทานนั้นๆ ก็ไปสามารถอ่านค่าออกมาได้โดยตรงเพราะตัวเลขและตัวอักษรที่แสดงไว้ แสดงออกมาในรูปรหัสการอ่านค่ามีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป รหัสค่าความต้านทานมักเป็นตัวเลข 3 ตัวเขียนเรียงกันและอาจตามด้วยตัวอักษร 1 ตัว เพื่อแสดงค่าความผิดพลาดของความต้านทาน ตัวอักษรนอกจากมีตัว J , K, L, M ดังที่กล่าวมาแล้ว ยังมีเพิ่มตัวอักษร B, C, D, F และ G มีความหมายดังนี้
อักษร B เป็นค่าความผิดพลาด ± 5 %
อักษร C เป็นค่าความผิดพลาด ± 0.25 %
อักษร D เป็นค่าความผิดพลาด ± 0.5 %
อักษร F เป็นค่าความผิดพลาด ± 1 %
อักษร G เป็นค่าความผิดพลาด ± 2 %
การอ่านค่าความต้านทานแสดงเป็นแถบสี
อ่านค่าความต้านทานจากรหัสสี
การเลือกใช้ตัวต้านทานค่าต่างๆ นั้น วิธีที่รวดเร็วและสะดวก คือ การอ่านค่าความต้านทานที่ปรากฏอยู่บนตัวต้านทานซึ่งแสดงไว้ 2 แบบ ได้แก่ รหัสสี ซึ่งมีลักษณะเป็นแถบวงแหวนสีต่างๆและแบบพิมพ์เป็นตัวเลขและตัวอักษร การแสดงค่าความต้านทานทั้งสองแบบ ดังรูป
ตัวต้านทานชนิดคาคงที่โดยปกติแล้วจะแบ่งเป็น แบบใช้งานทั่วไป และแบบความเที่ยงตรงสูง ซึ่งตัวต้านทานแบบที่ใช้งานทั่วไปจะมีค่าความคลาดเคลื่อน ฑ5 % หรือมากกว่าและแถบสีแสดงแทนค่าความต้านทานจำนวน 4 แถบ ส่วนตัวค่าความต้านทานแบบเที่ยงตรงสูงจะมีค่าความคลาดเคลื่อน ฑ2 % หรือน้อยกว่า โดยจะมีแถบสีแสดงค่าความต้านทานจำนวน 5 แถบ ส่วนความแตกต่างของตัวต้านทานทั้งสองแบบนี้แสดงในรูป
แถบสีที่1
แทนตัวเลขที่ 1
แถบสีที่2
แทนตัวเลขที่ 2
แถบสีที่3
แทนตัวคูณ
แถบสีที่4
แทนค่าคลาดเคลื่อน
ดำ
น้ำตาล
แดง
ส้ม
เหลือง
เขียว
น้ำเงิน
ม่วง
เทา
ขาว
ทอง
เงิน
ไม่มีสี
0
1
2
3
4
5
6
7
8
9
–
–
–
0
1
2
3
4
5
6
7
8
9
–
–
–
1
10
100
1000
10000
100000
1000000
10000000
–
–
0.1
1.01
–
–
1%
2%
3%
4%
–
–
–
–
–
5%
10%
20%
วิธีการอ่านแถบสีของตัวต้านทานแบบใช้งานทั่วไป
1. แถบสีแรก ใช้แสดงตัวเลขหลักแรก และจะไม่เป็นสีดำ
2. แถบสีที่สอง ใช้แสดงเป็นตัวเลขหลักที่สอง
3. แถบสีที่สาม เป็นตัวคูณสำหรับตัวเลข 2 หลักแรก ซึ่งจะมีค่า 1/100 ถึง 10,000,000
4. แถบสีที่สี่ ใช้แสดงค่าความคลาดเคลื่อน ซึ่งมีค่าตั้งแต่ +-5 % ขึ้นไป
วิธีการอ่านแถบสีของตัวต้านทานแบบความเที่ยงตรงสูง
1. แถบสีแรก เป็นตัวเลขหลักแรกของตัวเลขจำนวน 3 หลัก
2. แถบสีที่สอง เป็นตัวเลขหลักที่สอง
3. แถบสีที่สาม เป็นตัวเลขหลักที่สาม
4. แถบสีที่สี่ เป็นตัวคูณสำหรับตัวเลข 3 หลักแรก
5. แถบสีที่ห้า ใช้แสดงค่าความคลาดเคลื่อนซึ่งจะมีค่า +-2 % หรือน้อยกว่า
ด้วยต้นเหตุที่ตัวต้านทานแบบความเที่ยงตรงสูง ให้ค่าความต้านทานที่มีความละเอียดมากกว่า ดังนั้นจึงทำให้ตัวต้านทานมีราคาแพงกว่าตัวต้านทานแบบใช้งานทั่วไป