จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กุ้งก้ามกราม หรือ กุ้งก้ามคราม (ชื่อวิทยาศาสตร์: Macrobrachium rosenbergii) กุ้งน้ำจืดชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Palaemonidae พบได้ทั่วพื้นที่เขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของอินโด-แปซิฟิกจากอินเดียไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทางตอนเหนือของออสเตรเลีย[2]
มีเปลือกสีเขียวอมสีฟ้าหรือม่วง ก้ามยาวมีสีครามหรือม่วงเข้ม ตลอดทั้งก้ามมีปุ่มตะปุ่มตะป่ำ โดยธรรมชาติจะอยู่ในแม่น้ำลำคลอง ในประเทศไทยพบแทบทุกจังหวัดในภาคกลางและภาคใต้ โดยพบทั้งในน้ำจืดและน้ำกร่อย วางไข่ในน้ำกร่อยที่เค็มจัด อาหารได้แก่ ไส้เดือน, ตัวอ่อนของลูกน้ำ, ลูกไร, ลูกปลาขนาดเล็ก, ซากของสัตว์ต่าง ๆ และในบางโอกาสก็กินพวกเดียวกันเอง พบชุกชุมทำให้จับง่าย โดยเฉพาะในฤดูหนาว ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน ทำให้ปริมาณในธรรมชาติลดน้อยลง ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายในจังหวัดต่าง ๆ แถบภาคกลางของไทย เช่น สุพรรณบุรี, นครปฐม, ฉะเชิงเทรา เป็นต้น
โดยที่กุ้งก้ามกรามชนิดที่พบในประเทศไทย ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า M. dacqueti ส่วนชนิดที่ใช้ชื่อว่า M. rosenbergii เป็นชนิดที่พบในภูมิภาคปาปัวนิวกินี แต่ปัจจุบันถือว่าเป็นชนิดเดียวกันหรือเป็นชื่อพ้อง[3]
กุ้งก้ามกรามมีความยาวประมาณ 13 เซนติเมตร พบใหญ่สุดถึง 1 ฟุต น้ำหนักราว 1 กิโลกรัม เป็นกุ้งที่ถูกใช้ปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย เช่น ต้มยำ, เผา หรือทอด เป็นต้น เพราะเนื้อมีมาก เนื้อแน่น มัน อร่อย ทำให้มีราคาที่ขายสูง ปัจจุบันยังนิยมเลี้ยงเป็นสัตว์น้ำสวยงามด้วย
กุ้งก้ามกรามมีชื่อเรียกที่ต่างออกไปมากมาย เช่น "กุ้งแม่น้ำ", "กุ้งหลวง" ขณะที่กุ้งตัวเมียที่มีขนาดลำตัวเล็กกว่า เรียก "กุ้งนาง" เป็นต้น[4][5]
ดูเพิ่ม[แก้]
- เครย์ฟิช
อ้างอิง[แก้]
- ↑ S. De Grave, J. Shy, D. Wowor & T. Page (2013). "Macrobrachium rosenbergii". IUCN Red List of Threatened Species. Version 2013.1. สืบค้นเมื่อ 13 July 2013.{{cite web}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
- ↑ H. Motoh & K. Kuronuma (1980). Field guide for the edible crustacea of the Philippines. Southeast Asian Fisheries Development Center (SEAFDEC). p. 44.
- ↑ Macrobrachium rosenbergii
- ↑ [//web.archive.org/web/20110926151725///rirs3.royin.go.th/new-search/word-1-search.asp Archived 2011-09-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน นิยามคำว่า "ก้ามกราม" ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542]
- ↑ การเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกราม
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
- ข้อมูลเกี่ยวข้องกับ Macrobrachium rosenbergii จากวิกิสปีชีส์
- สิทธิ กุหลาบทอง และสาวิกา กัลปพฤกษ์. 2554. บทความปริทัศน์: ชีววิทยาของกุ้งและปูน้ำจืดในแม่น้ำเจ้าพระยา
จังหวัดนนทบุรี. Veridian E-Journal, Silpakorn University, 4(1): 942-951.
ลักษณะและนิสัยของกุ้งก้ามกราม
กุ้งเป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง ลำตัวค่อนข้างกลม หายใจด้วยเหงือก กุ้งเป็นสัตว์เลือดเย็น เจริญเติบโตด้วยการลอกคราบ โดยปกติชอบหลบซ่อนตัวอยู่เงียบๆ ตามพื้นน้ำ หรือในซอกมืดๆ จะออกหากินในเวลากลางคืน กุ้งกินทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหาร เช่น กินกุ้งด้วยกันเอง ลูกปลา ไส้เดือน สัตว์หน้าดินขนาดเล็กชนิดต่างๆ ข้าว เนื้อมะพร้าว ตลอดจนซากสัตว์
๑. กรี
๒. ตา
๓. เปลือกหัว
๔. เปลือกข้างลำตัวคู่ที่ ๒
๕. หาง
๖. แพนหางอันใน
๗. แพนหางอันนอก
๘. ขาว่ายน้ำ
๙. ขาเดิน
๑๐. ขาเดินที่มีส่วนปลายเป็นก้ามหนีบ
๑๑. หนวดคู่ยาว
๑๒. หนวดคู่สั้น
๑๓. รยางค์ฐานหนวด
๑๔. รยางค์ปากคู่ที่ ๓
กุ้งทะเล แสดงเปลือกหุ้มข้างท้องซ้อนเรียงกันเป็นระเบียบ กุ้งทุกชนิดมีขาเดิน ๕ คู่ อยู่บริเวณอก มีลักษณะยาวเป็นปล้องๆ และมีขา ว่ายน้ำ ๕ คู่ อยู่บริเวณท้อง มีลักษณะแบบบาง แต่กุ้งทะเลที่ปลายขาเดิน ๓ คู่แรกเป็นก้าม ส่วนกุ้งน้ำจืดที่ปลายขาเดิน ๒ คู่แรกเป็นก้าม
ถิ่นอาศัยกุ้งก้ามกราม มีถิ่นกำเนิดในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ พบในหลายประเทศ ได้แก่ ไทย พม่า มาเลเซีย อินเดีย บังคลาเทศ ศรีลังกา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เขมร และเวียดนาม พบอยู่ตามแม่น้ำที่ติดต่อกับทะเล เพราะตัวอ่อนจะต้องอยู่ในน้ำกร่อยระยะหนึ่ง แล้วจึงเคลื่อนย้ายไปอยู่ในน้ำจืดจนโตเต็มวัย สำหรับในบ้านเรานั้นมีพบหลายแห่ง เช่น ในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำประแสร์ แม่น้ำจันทบุรี แม่น้ำตาปี ทะเลสาบสงขลา และแม่น้ำโกลก เป็นต้น