ไดเปปไทด์ กับ ไตรเปปไทด์ ต่างกันอย่างไร

คอลลาเจนไตรเปปไทด์ เคล็ดลับความอ่อนเยาว์
และประโยชน์สรรพคุณมากมาย

ไดเปปไทด์ กับ ไตรเปปไทด์ ต่างกันอย่างไร

ผู้ผลิตนำเข้าและจำหน่ายขายส่งคอลลาเจนไตรเปปไทด์ Collagen tripeptide

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม, ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง

คอลานเจน เคล็ดลับความอ่อนเยาว์

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์สำหรับผิวพรรณที่มีส่วนประกอบของคอลลานเจนมีพบเห็นได้มากมายในท้องตลาด ทั้งในรูปแบบครีมบำรุงผิวและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเสริมในรูปแบบต่างๆ ซึ่งผู้บริโภคหวังว่าการบริโภคผลิตภัณฑ์เหล่านี้ จะทำให้ผิวพรรณชุ่มขึ้น สดใส เรียบเนียน แลดูอ่อนกว่าวัย คอลลาเจนเองเป็นสารธรรมชาติที่พบได้มากในร่างกายของมนุษย์อยู่แล้ว เนื่องจากคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของผิวหนัง กระดูก ข้อ เส้นขน ผม เล็บ รวมทั้งเนื้อเยื่ออื่นๆ เป็นต้นคอลลานเจน คือ โปรตีน มีรูปร่างเป็นโครงสร้างเส้นใย สร้างจากผิวหนังชั้นหนังแท้ (Dermes) มีหน้าที่หลัก คือเป็นโครงสร้างของผิวหนังทั้งชั้นหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ และชั้นใต้ผิวหนัง คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่เกิดจาการรวมตัวกันของกรดอะมิโนจำเป็นจำนวนมากหลายชนิด ชนิดที่พบมากได้แก่ ไกลซีน (Glycine) โปรลีน (Porline) และ ไฮดรอกซีโปรลีน (Hydroxyproline) คอลลานเจนที่พบในส่วนต่างๆ ของร่างกายแบ่งเป็นหลายชนิด มีลักษณะแข็งหรือยืดหยุ่นได้ดีแตกต่างกันขึ้นกับปริมาณแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบในโครงสร้าง คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีบทบาทสำคัญต่อความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้นของผิวหนัง

กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างของผิวหนังเกิดขึ้นได้เมื่อร่างกายได้รับผลทั้งจากปัจจัยภายและภายนอนของร่างกาย เช่น อายุที่เพิ่มมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงฮอร์โนม การได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ การได้รับรังสียูวี ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อปริมาณ

คอลลานเจนเพิ่มมากขึ้น รวมถึงคอลลานเจนบางส่วนถูกแปรสภาพไปเป็นโปรตีนที่ทนต่อสารเคมีมากขึ้น การแปรสภาพดังกล่างทำให้คอลลาเจนมีความยืดหยุ่นน้อยลง ปริมาณคอลลานเจนที่ลดลงส่งผลให้ชั้นผิวหนังบางลงและสูญเสียความยืดหยุ่น นำไปสู่ความหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยได้ประโยชน์คอลลาเจนนอกจากการบำรุงผิวให้เกิดความชุ่มขิ้นแล้ว การเติมคอลลานเจนให้กับผิวจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการชะลอวัยลดการเกิดริ้วรอย เพื่อคงคความอ่อนเยาว์ให้ผิวพรรณ แม้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบบทาจำนวนมากที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน อย่างไรก็ตามสารที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่ เช่น โปรตีน จะสามารถดูดซึมผ่านชั้นผิวหนังได้ยาก ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบบทาจึงช่วยบำรุงผิวพรรณได้เพียงเติมและรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวมากกว่าการทดแทนคอลลานเจนที่ร่างกายสูญเสียไป

การกินคอลลาเจนเพื่อทดแทนการสูญเสีย

คอลลานเจนตามธรรมชาติจึงเป็นอีกทางเลือกของผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผิวพรรณ มีงานวิยพบว่าการกินคอลลาเจนช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยให้ผิวมีริ้วรอยลดลง การกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อเสริมคอลลาเจนควรพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการตัดสินใจเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ได้แก่ คุณภาพของคอลลาเจน ควรเป็นคอลลาเจนที่มาจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน มีความหน้าเชื่อถือ หรือมีการรับรองจากหน่วยงานต่างๆ ผลิตภัณฑ์ควรผ่านการผลิตในระบบที่ได้มารตรฐาน GMP

คอลลานเจนควรมีความคงตัวได้ดีในผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของคอลลาเจนในรูปแบบไฮโดรไลซ์ (Hydolyzed collagen) ซึ่งมีนาดโมเลกุลที่เล็กกว่าคอลลานเจนรูปแบบปกติ ช่วยให้ดูดซึมได้ง่ายกว่า ซึ่งส่งผลต่อโอกาสในการเกิดประสิทธิผลจากการใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น

ไดเปปไทด์ กับ ไตรเปปไทด์ ต่างกันอย่างไร

คอลลาเจนไตรเปปไทด์คืออะไร ?

คอลลาเจนเป็นโปรตีนโครงสร้างหลักในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน พบมากที่สุดในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมโดยคิดเป็นร้อยละ 25-35 ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย เนื่องจากคอลลาเจมีโครงสร้างเป็นแบบเส้นใยลักษณะเป็นสายเกลียวโปรตีน 3 สายโมเลกุลเกี่ยวพันกัน เมื่อคอลลาเจนผ่านการสลายด้วยความร้อนและน้ํา (hydrolysis) คอลลาเจนจะแตกตัวออกเป็นสารเชิงซ้อนของ "คอลลาเจนเปปไทด์" สามารถนําไปใช้เป็นอาหาร ส่วนประกอบของยาและเครื่องสําอาง

คอลลาเจนไตรเปปไทด์ คือ คอลลาเจนชนิดหนึ่ง เป็น คอลลาเจนที่ผ่านสกัดด้วยการย่อยด้วยกรด จนได้ขนาดอนุภาคที่เล็กที่สุด หรือที่เรียกอีกชื่อว่า ไฮโดรไลเซตคอลลาเจน (Hydrolyzed Collagen) และมีคุณสมบัติที่พิเศษมากกว่าคอลลาเจนทั่วๆไป กล่าวคือ คอลลาเจนไตรเปปไทด์นั้น เป็นคอลลาเจนที่มีอนุภาพขนาดเล็กมากกว่าคอลลาเจนทั่วไป ซึ่งทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้เป็นอย่างดี ซึ่งจากผลการทดสอบนั้นพบว่า ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีกว่าคอลลาเจนทั่วไปถึง 3 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อร่างกายของคนเราสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้ดี ก็หมายความว่า เราก็จะได้ประโยชน์จากคอลลาเจนได้มากที่สุดนั้นเอง ซึ่งแค่นี้ก็บอกได้แล้วว่า มันดีกว่า คอลลาเจนทั่วๆ ไปอย่างไร และมันจะก่อประโยชน์กับร่างกายของเราขนาดไหน

ไดเปปไทด์ กับ ไตรเปปไทด์ ต่างกันอย่างไร

คอลลาเจน "เปปไทด์ ไตรเปปไทด์ ไดเปปไทด์ " ต่างกันอย่างไร

เปรียบเทียบความแตกต่าง ระหว่างคอลลาเจนไตรเปปไทด์, ไดเปปไทด์ และเปปไทด์
• คอลลาเจนเปปไทด์ (Peptide) ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายช้าที่สุด เพราะมีขนาดโมเลกุลใหญ่ ถึง 3,000-5,000 ดาลตัน
• คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Tripeptide) ดูดซึมเข้าสู่ได้ร่างกายได้ปานกลาง เพราะมีขนาดโมเลกุลประมาณ 500-1,000 ดาลตัน
• คอลลาเจนไดเปปไทด์ (Dipeptide)
ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็ว ละลายในน้ำได้ดี เพราะมีโมเลกุลเฉลี่ยเล็กมากเพียง 200 ดาลตัน

ประเภทคอลลาเจน ทั้ง 3 ชนิด แตกต่างกันที่ประสิทธิภาพในการดูดซึม ขนาดของโมเลกุลจะบอกถึงความเร็ว-ช้า ในการดูดซึม ยิ่งมีขนาดเล็กมากเท่าไหร่ ร่างกายก็จะดูดซึมได้ไวมากขึ้นเท่านั้น ชนิดที่มีขนาดเล็กทำให้ร่างกายลดขั้นตอนในการย่อย การทำงานต่าง ๆ ระหว่างคอลลาเจนและร่างกาย เป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น ดังนั้น ประเภทคอลลาเจนที่ดูดซึมได้ดีที่สุด ได้แก่ คอลลาเจนไดเปปไทด์, คอลลาเจนไตรเปปไทด์ และคอลลาเจนเปปไทด์ ตามลำดับ ก่อนซื้ออย่าลืมมองหาให้ดีว่าคอลลาเจนที่กำลังเลือกซื้อนั้นเป็นคอลลาเจนประเภทใด

ไดเปปไทด์ กับ ไตรเปปไทด์ ต่างกันอย่างไร

คอลลาเจน "ไตรเปปไทด์" ประโยชน์สรรพคุณ

1. เพิ่มความตึงและอ่อนเยาว์ให้ผิวพรรณ คอลลาเจน ไตรเปปไทด์เข้าไปทดแทนการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ เมื่อได้รับเข้าไปจะทำให้ผิวพรรณดูเด็ก แข็งแรง เต่งตึง กว่าคนในวัยเดียวกัน
2. เติมเต็มร่องลึกของผิว ผิวของคนที่ดูแก่ ไม่สดใสมีร่องรอย รอยยับจากการแสดงสีหน้านับเป็นสาเหตุสำคัญ ซึ่งคอลลาเจนจะเข้าไปยึดโยงและช่วยเติมเต็มให้ตื้นขึ้น หน้าตาและผิวพรรณจึงสดใส
3. ช่วยปกป้องผิวที่เกิดจากรอยหมองคล้ำ คอลลาเจนช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVBเสมือนเกาะป้แงกันผิวไม่ให้แสงแดดมาทำร้ายผิว ซึ่งเป็นตัวการทำให้ผิวหมองคล้ำเกิด ฝ้า กระ ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส
4. ช่วยบำรุงเส้นผมตั้งแต่รากไปจรดปลายผม ซึ่งคอลลาเจนไตรเปปไทด์จะเข้าไปช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย และแข็งแรงยิ่งขึ้น ช่วยให้ผมยาวเร็ว ไม่เปราะขาดง่าย
5. ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับเล็บ
5. เสริมสร้างกระดูกและเอ็น ในส่วนข้อต่อกระดูกต่างๆ คอลลาเจนไตรเปปไทด์จะเข้าไปช่วยเสริมสร้างกระดูก ข้อต่อและเอ็นให้แข็งแรงและช่วยชลอการเสื่อมของกระดูก

ไดเปปไทด์ กับ ไตรเปปไทด์ ต่างกันอย่างไร

กินคอลลาเจนอย่างไรให้ได้ประโยชน์

1. กินคอลลาเจนตอนท้องว่าง แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ จะทำให้ได้รับประโยชน์จากคอลลาเจนมากที่สุด
2. ทานคอลลาเจนที่มีส่วนผสมของวิตามินซี หรือทานร่วมกับวิตามินซี จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคอลลาเจนผิวขาว และทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น
3. เลือกทานคอลลาเจนที่มีขนาดเล็ก เช่น คอลลาเจนเปปไทด์ ( Collagen Peptide ) เพราะสามารถดูดซึมเข้าร่างกายได้เร็วและมีประสิทธิภาพ

ร่างกายต้องการคอลลาเจนวันละเท่าไหร่

ความต้องการคอลาเจนของแต่ละคนอาจไม่เท่ากันแล้วแต่ละยะช่วงอายุมีต้องการที่เหมาะสมแตกต่างกัน ซึ่งมีคำแนะนำดังนี้
• การทานคอลลาเจนเพื่อลดริ้วรอย วันละ 10,000 มก. ต่อวัน
• หากต้องการทานคอลลาเจนเพื่อบำรุงสุขภาพเฉย ๆ ไม่หวังเห็นผลรวดเร็วให้รับประทานวันละ 5,000 มก. ต่อวัน
• ผู้สูงอายุที่ต้องการทานเพื่อบำรุงรักษากระดูก ควรรับประทานระหว่าง 2,500 มก. – 5,000 มก. ต่อวัน

ผลิตภัณฑ์ที่นำคอลลาเจนมาใช้

1. ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ( ครีมคอลลาเจน, สบู่คอลลาเจน, เซรั่มคอลลาเจน )
2. คลินิกเสริมความงาม (การฉีดคอลลาเจนเข้าผิวหน้า)
3. ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจน (คอลลาเจนแบบเม็ด, คอลลาเจนแบบผงชงดื่ม, เครื่องดื่มคอลลาเจนพร้อมทาน, แคปซูล, เจลลี่อาหารเสริม )
4. ด้านการแพทย์ (ลักษณะของผิวหนังเทียมรักษาแผลไฟไหม้, ใช้รักษาโรคข้อต่อเสื่อม,)
5. ขนม เจลลี่ กัมมี่ ลูกอม น้ำผลไม้ คอลลาเจนผง คอลาเจนบีบดูด

ประโยชน์สารสกัดที่เกี่ยวข้อง

ไดเปปไทด์ กับ ไตรเปปไทด์ ต่างกันอย่างไร

Coenzyme Q10
โคเอนไซม์ คิวเทน

ไดเปปไทด์ กับ ไตรเปปไทด์ ต่างกันอย่างไร

Berry Powder
สารสกัดจากเบอร์รี่

ไดเปปไทด์ กับ ไตรเปปไทด์ ต่างกันอย่างไร

Red fruit Powder
สารสกัดจากผลไม้แดง

ไดเปปไทด์ กับ ไตรเปปไทด์ ต่างกันอย่างไร

Pine bark Extract
สารสกัดจากเปลือกสน

ไดเปปไทด์ ช่วยอะไร

ทำไมต้องคอลลาเจนไดเปปไทด์ ช่วยเพิ่มน้ำในข้อต่อ ทำให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ไม่เกิดการขัดกันเวลาขยับตัว ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก ทำให้กระดูกแข็งแรง

Dipeptide กับ Peptide ต่างกันอย่างไร

คอลลาเจนทั้ง 3 แบบนี้ มีคุณสมบัติเหมือนกันทั้งหมด ต่างกันเพียงแค่ความสามารถในการดูดซึมเท่านั้น โดยที่คอลลาเจนแบบ peptide เป็นชนิดที่มีโมเลกุลใหญ่สุด ดูดซึมช้าที่สุด และ tripeptide ถือว่าดูดซึมได้ดีปานกลาง ดูดซึมง่าย ย่อยง่าย และละลายน้ำได้ดี ในขณะที่คอลลาเจน dipeptide เป็นคอลลาเจนที่ดูดซึมได้ดีที่สุด มีโมเลกุลเล็กเพียง ...

ไตรเปปไทด์ มีอะไรบ้าง

ไตรเพปไทด์ ประกอบด้วยกรดแอมิโน 3 โมเลกุลต่อกันด้วยพันธะเพปไทด์ เช่น กลูตาไทโอน ประกอบด้วยกรดแอมิโน กลูตามิก ซิสเตอีน และไกลซีน (เข้าชม 0 ครั้ง)

ไดเพปไทด์ (Dipeptide) และ ไตรเพปไทด์ (Tripeptide) คืออะไร

กรดอะมิโน 2 โมเลกุล ที่ต่อเข้าด้วยกันด้วยพันธะเพปไทด์ เราเรียกว่า ไดเพปไทด์ (dipeptide) กรดอะมิโน 3 โมเลกุล ต่อกันก็จะได้ ไตรเพปไทด์ (tripeptide) ถ้าเป็นกรดอะมิโน 4 โมเลกุล ต่อเข้าด้วยกันก็จะเป็น เตตระเพปไทด์ (tetrapeptide) สำหรับกรดอะมิโนหลายๆ โมเลกุลที่มาเรียงต่อกันเป็นสายยาว เราเรียกมันว่า พอลิเพปไทด์ (polypeptide)