- ไม่ชอบเปิดไฟเลี้ยว
สาเหตุที่เกิดการชนท้ายบ่อยครั้งของทั้งรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์มักมาจากการไม่เปิดไฟเลี้ยวเพื่อบอกให้ผู้ร่วมทางทราบ หรือเตรียมตัวเบรค ซึ่งตามกฎจราจรก็ระบุไว้อยู่แล้วว่าต้องเปิดไฟเลี้ยวเมื่อจะเลี้ยวหรือเปลี่ยนช่องทางก่อน 30 เมตร
- ตัดสินใจช้าชอบเปลี่ยนเลนกระทันหัน
หลายครั้งที่ผู้ขับขี่มีการตัดสินใจช้า ทำให้ต้องขับรถเปลี่ยนเลนอย่างกะทันหัน ซึ่งส่งผลให้รถคันอื่นๆ ชะลอรถไม่ทันจนทำให้เกิดอุบัติขึ้นในที่สุด ดังนั้นผู้ขับขี่จึงควรทำการศึกษาเส้นทางก่อนการเดินทาง ชะลอความเร็ว และตัดสินใจให้ไวขึ้น รวมถึงควรฝึกฝนและทดสอบความไวในการตอบสนองของตนเอง เพื่อให้มีการตัดสินใจที่เหมาะสมขึ้น
- ไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร
เครื่องหมายจราจรถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้ถนนมีการปฏิบัติตนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ผู้ขับขี่ก็มักจะฝ่าฝืนกันอยู่บ่อยๆ เช่น ห้ามยูเทิร์นหรือห้ามแซง เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้เกิดการเฉี่ยวชนกับผู้ร่วมทางคันอื่นๆ อยู่เป็นประจำไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร
- ขับรถเร็วเป็นประจำ
เป็นที่น่าแปลกใจเมื่อพบว่าคนไทยมีพฤติกรรมการขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดอยู่เสมอ ซึ่งเป็นการสร้างความเสี่ยงให้กับทั้งตนเองและผู้ร่วมทาง ทำให้เสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน รวมไปถึงใบสั่งข้อหาขับรถเร็วเกินกำหนด พร้อมกับภาพถ่ายรถของท่านที่จะถูกส่งมาถึงมืออย่างรวดเร็ว
- เข้าแยกไม่ชะลอ
เป็นกรณีที่พบได้บ่อยครั้งบนถนนนอกเมืองหรือชนบทที่มีรถสัญจรน้อย แต่มักใช้ความเร็วสูงในการขับขี่ เมื่อถึงทางแยกมักไม่ชะลอเพื่อดูรถที่มาจากทางอื่นเพราะคิดว่าถนนโล่ง ซึ่งอุบัติเหตุแต่ละครั้งจะมีความรุนแรงสูงหรือมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้
- ดื่มแล้วขับ
อย่างที่ทราบกันดีว่าการดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้สมรรถภาพในการขับขี่ลดลง ปฏิกิริยาการตอบสนองของผู้ดื่มจะช้าลงอย่างมาก หากขับรถในขณะที่ร่างกายไม่พร้อมอาจทำให้เรากลายเป็นฆาตกรได้ ดังนั้นหลังจากสังสรรค์ที่มีการดื่มแอลกอฮอล์ก็ควรหลีกเลี่ยงการขับรถและนั่งแท็กซี่กลับบ้านแทน
- ชอบขับแทรก แซง ปาด
พฤติกรรมเหล่านี้มักมาจากการกระทำของคนเห็นแก่ตัว ซึ่งพบมากในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรติดขัดอย่างเช่น กรุงเทพฯ เป็นต้น โดยผู้ขับขี่จะขับรถแทรก แซง และปาดรถคันอื่นเพื่อทำให้ตนเองไปได้ไวขึ้น ซึ่งนอกจากจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายแล้วยังอาจทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทตามมาอีกด้วย
- คุยโทรศัพท์หรือเล่นโซเชียลขณะขับรถ
ปัจจุบันมีกฎหมายระบุบทลงโทษที่ชัดเจนเรื่องการคุยโทรศัพท์และเล่นโซเชียลมีเดียขณะขับรถ แต่ก็ยังคงมีผู้ขับขี่หลายท่านที่ฝ่าฝืน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ผู้ขับขี่ต้องละสายตาจากถนนและเกิดอุบัติเหตุขึ้น จนทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องมารับเคราะห์จากความประมาทนี้
หากเราดูตามข่าว หรือตามหน้าหนังสือพิมพ์เราคงเห็นว่า ตัวเลขของกรมขนส่งทางบกจะเผยให้เห็นว่า ในทุกๆปีจะมีการเกิดอุบัติเหตุเกิดเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงตามเทศกาลต่างๆเช่นวันปีใหม่ วันสงกรานต์ ที่ตัวเลขของอุบัติเหตุ จะมาพร้อมกับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่มีตัวเลขสูงขึ้นจนน่าตกใจ ทำให้ทางภาครัฐ ภาคเอกชน และหลายหน่วยงาน ต่างหากิจกรรม โฆษณาต่างๆ เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นบนท้องถนน เชื่อได้เลยว่า หลายคนคงมองข้ามเรื่องนี้ไป โดยเรามาดูกันว่า ปัจจัยหลักที่ เกิด อุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่มีนั้นเกิดจากอะไร เราควรมาดูปัจจัยเสี่ยง เพื่อทำการแก้ไข หรือเป็นสิ่งที่สามารถเตือนสติเราได้ไปในตัว
ปัจจัยหลักที่สามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุ
สภาพร่างกายไม่พร้อมในขณะขับรถ
เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะอยู่ที่ตัวผู้ขับขี่โดยตรง การพักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้ร่างกายอ่อนล้า ทำให้สมองล้าช้า พร้อมระบบประสาทด้วย สมาธิจะทำให้สูญเสียไปในชั่วขณะ ซึ่งเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หากรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในภาวะเช่นนั้น ควรจะหลีกเลี่ยงที่จะขับรถ เพราะบางครั้งอาจเกิดให้ต้องตัดสินใจอะไรกะทันหัน หากสมองไม่ตื่นตัวเต็มที่อาจตัดสินใจผิดพลาดหรือช้าไม่ทันการณ์
สภาพรถไม่พร้อมใช้งาน
นอกจากร่างกายที่เราโฟกัสเป็นหลักให้พร้อมแล้ว อีกเรื่องที่ตามมาก็คือ สภาพรถ ควรตรวจเช็คให้พร้อมใช้งาน บางท่านละเลยขาดความสนใจดูแลเอาใจใส่รถ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรมั่นตรวจเช็คสภาพรถให้พร้อมใช้งานเสมอ เพราะหากละเลยสภาพรถ รถไม่พร้อมใช้งานก็ไม่ต่างอะไรกับการละเลยชีวิตตัวเองเช่นกัน
ขับรถเร็วและไม่เคารพกฎจราจร
ปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นได้ทุกยุคทุกสมัย และทุกสถานที่ ที่เราสามารถพบเห็นกันได้บ่อยครั้งอย่างเช่น การการขับฝ่าสัญญาณไฟแดง ด้วยความที่คิดว่า เพื่อความรวดเร็ว อาจมองว่าเป็นกฎเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่ตระหนักว่าพฤติกรรมแบบนี้ เพียงแค่เสี้ยววินาทีอาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุ และกฎอื่นๆยังมีอีกมากที่ทุกคนยังมองข้าม ไม่ยอมเคารพกฎจราจร
ความประมาทเลินเล่อ
ถือเป็นพฤติกรรมเสี่ยง ที่มักเกิดขึ้นโดยผู้กระทำไม่ทันคิด หรือบางครั้งอาจจะกระทำโดยไม่ทันคิดหรือรู้ตัว ที่พบเห็นบ่อยก็อย่างเช่น หันหรือก้มไปหยิบจับสิ่งใด การเล่นโทรศัพท์ หรือมีเด็กอยู่ในรถด้วย พฤติกกรมเหล่านี้ จะทำให้ความสนใจของผู้กระทำมักถูกดึงไปจากภาพตรงหน้าหรือถนน โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งก็เรียกง่ายๆว่า ขาดสตินั่นเอง เป็นพฤติกรรมเหล่านี้มักนำมาซึ่งอุบัติเหตุได้ง่ายที่สุด
สาเหตุที่สำคัญของอุบัติเหตุจราจรทางบก
เมื่อพิจารณาถึงสาเหตุของอุบัติเหตุและการขับรถตามกฎจราจรโดยถ่องแท้แล้ว ปรากฏว่าอุบัติเหตุจราจรทางบกไม่ได้เกิดจากเคราะห์กรรมแต่อย่างใด แต่เกิดจากพฤติกรรมหรือการกระทำของคนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งพอสรุปสาเหตุได้ดังนี้คือ