สภาพอากาศ และ ภูมิอากาศ แตกต่างกันอย่างไร
สภาพอากาศ และ ภูมิอากาศ แตกต่างกันอย่างไร
10 สิงหาคม 2020
ในขณะที่โลกของเรากำลังร้อนขึ้นทุกขณะ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องรู้ว่า "สภาพอากาศ" (weather) และ "ภูมิอากาศ" (climate) มีความแตกต่างกันอย่างไร
สภาพอากาศ คือภาวะลมฟ้าอากาศที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ และจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดยนักพยากรณ์อากาศจะดูเรื่องเกี่ยวกับอุณหภูมิ ความกดอากาศ ทิศทางลม และความชื้นในอากาศในภูมิภาคหนึ่ง ๆ และในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เพื่อให้ทราบว่า วันนี้จะมีแสงแดดจัดหรือไม่ พรุ่งนี้จะมีฝนตกหรือเปล่า และมีโอกาสที่หิมะจะตกเพียงใด เป็นต้น ซึ่งโดยทั่วไปการพยากรณ์อากาศในระยะสั้นมักค่อนข้างแม่นยำ
- คาร์บอนไดออกไซด์มีผลอย่างไรต่อภาวะโลกร้อน
- โควิด-19 เปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลกอย่างไร
- นักวิทยาศาสตร์ทดสอบวิธี "สุดโต่ง"แก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ส่วนภูมิอากาศ คือ สภาพอากาศที่เกิดขึ้นเป็นประจำต่อเนื่องยาวนาน และไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก เช่น ภูมิอากาศแบบขั้วโลก ซึ่งจะมีลักษณะอากาศหนาวเย็นโดยมาก ภูมิอากาศของแต่ละพื้นที่จะเกี่ยวข้องปัจจัยต่าง ๆ บนโลกที่ทำให้เกิดลักษณะภูมิอากาศในแต่ละที่มีความต่างกัน
นักวิทยาศาสตร์ได้เฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงเรื่องเกี่ยวกับอุณหภูมิโดยเฉลี่ย เพื่อให้ทราบแนวโน้มในระยะยาวว่าภูมิอากาศโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ซึ่งแนวโน้มในปัจจุบันก็ชัดเจนว่า โลกของเรากำลังร้อนขึ้น และมันกำลังส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อสรรพชีวิตบนโลกของเรา ทำให้เกิดสภาพอากาศรุนแรงสุดขั้ว น้ำแข็งในทะเลละลาย และระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น เป็นต้น ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อเราทุกคน
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
มียอดชมมากที่สุด
คำถามที่พบบ่อย
TourismThailand, 09 Jan 2020
ภาพรวม
สภาพภูมิอากาศของไทยเป็นอย่างไร
ประเทศไทยมีภูมิอากาศแบบเขตร้อน พื้นที่ตั้งอยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดจากมหาสมุทรอินเดีย ทำให้เกิดเป็นฤดูฝน และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดจากทะเลจีนใต้ ทำให้เกิดฤดูหนาว มีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 18-34 องศาเซลเซียส
ฤดูกาลในแต่ละภูมิภาคของประเทศนั้นจะแตกต่างกันเล็กน้อย เกิดจากปัจจัยด้านอุณหภูมิ ปริมาณน้ำฝน และความห่างไกลจากทะเลเป็นสำคัญ โดยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง มีภูมิอากาศแบบสะวันนา คือ มีช่วงฤดูฝนและฤดูแล้งสลับกันชัดเจน ส่วนภาคใต้และภาคตะวันออกมีภูมิอากาศแบบป่าฝนเมืองร้อน คือ ฝนตกเกือบตลอดทั้งปี
ฤดูกาลตามแต่ละภูมิภาคแบ่งได้ดังนี้
ภาคเหนือ มี 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน คือ ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ฤดูฝน คือ ช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม และฤดูหนาว คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน คือ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ฤดูฝน คือ ช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม และฤดูหนาว คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
ภาคกลาง มี 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน คือช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ฤดูฝน คือช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม และฤดูหนาว คือช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
ภาคใต้ มีเพียง 2 ฤดู คือ ฤดูฝน หรือฤดูมรสุม และฤดูร้อน หรือฤดูท่องเที่ยว โดยฝั่งตะวันออกหรือฝั่งอ่าวไทย ฤดูร้อนจะอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน ส่วนฝั่งตะวันตกหรือฝั่งทะเลอันดามัน ฤดูร้อนจะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน
ช่วงเวลาใดเหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวเมืองไทย
ฤดูกาลที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวประเทศไทยคือช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อน โดยช่วงเวลาท่องเที่ยวที่นิยมมากที่สุดคือเดือนพฤศจิกายน-เมษายน อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีกิจกรรมและเทศกาลหรืองานประเพณีที่น่าสนใจต่างๆ ตลอดทั้งปีทั่วประเทศ และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติต่างๆ ก็สามารถหมุนเวียนท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวจึงสามารถเลือกช่วงเวลาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน
สถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทย และกิจกรรมที่ควรทำ มีอะไรบ้าง
มีหมายเลขโทรศัพท์สำคัญอะไรบ้างที่ควรมีติดตัวระหว่างท่องเที่ยว
กรณีฉุกเฉิน กรุณาติดต่อ
- ตำรวจ, รถพยาบาล, รถดับเพลิง หมายเลขโทรศัพท์ 191
- ตำรวจท่องเที่ยว หมายเลขโทรศัพท์ 1155
- ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หมายเลขโทรศัพท์ 1672
- บริษัท ขนส่ง จำกัด หมายเลขโทรศัพท์ 1490
- การรถไฟแห่งประเทศไทย หมายเลขโทรศัพท์ 1690
- 50%
- 40%
- 30%
- 20%
- 10%