รับประทานแคลเซียมอย่างไรให้ได้ผล
🗣 แคลเซียม คืออะไร
แคลเซียมเป็นแร่ธตุที่พบมากที่สุดในร่างกาย ซึ่งคือบทั้งหมดจะอยู่ในกระดูกและฟัน ในร่างกายคนหนัก 50 กิโลกรัม จะมีแคลเซียมอยู่ประมาณ 1 กิโลกรัม แคลเซียมมีหน้าที่สำคัญต่อการทำงานของร่างกายเกือบทุกส่วน และที่สำคัญยังมีหน้าที่สร้างกระดูก
ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของร่างกาย
🗣 การเลือกรับประทานแคลเซียมให้ได้ผล
- แคลเซียมที่ละลายน้ำได้ดี ได้แก่ แคลซียมซิเตรท แคลเซียมแลคเตท กลูโคเนท การรับประทานแคลเซียมชนิดเม็ดฟู่ หรือผงชงดื่มจะละลายได้ดีกว่าชนิดเม็ด
- การรับประทานครั้งละ 600-800 มิลลิกรัม ดูดซึมได้ดีกว่าปริมาณมาก ๆ
🗣 ควรรับประทานแคลซียมพร้อมมื้ออาหารเย็น เพราะช่วงเวลากลางคืนเป็นช่วงที่แคลเซียมไหลออกจากกระดูกมากที่สุด ปริมาณแคลเซียมที่สูงขึ้นจะป้องกันการไหลออกจากกระดูก ป้องกันไม่ให้กระดูกบางได้
🗣 การเลือกรับประทานแคลเซียมให้ได้ประโยชน์สูงสุด
- เลือกสูตรที่มีส่วนผสมของแคลเซียมชิเตรท และแคลเซียมแลคเตทกลูโคเนท เพื่อให้ละลายน้ำได้ดี
- เลือกแคลเซียมที่มีส่วนผสมของวิตามินดี เพื่อช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และเป็นประโยชน์ต่อกระดูก
🗣 กรณีที่มีส่วนผสมของแคลเซียมคาร์บอเนตควรรับประทานแคลเซียมหลังจากรับประทานอาหาร เนื่องจากกระเพาะอาหารจะมีสภาพเป็นกรดช่วยทำให้แคลเซียมคาร์บอเนตแตกตัวและละลายน้ำได้ดียิ่งขึ้น
ข้อมูล ณ วันที่ 23 กันยายน 2563
ที่มา : รศ. นพ.พงศ์ศักดิ์ ยุกตะนันท์
แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate)
แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate)
แคลเซียมคาร์บอเนต มีสูตรทางเคมีคือ CaCo3 ประกอบด้วย CaO 56% และ Co2 44% ในธรรมชาติพบมากที่สุดในแร่แคลไซต์ นอกจากนี้ยังพบใน หินปูน (Limestone) หินอ่อน (Marble) ชอล์ค (Chalk) และ โดโลไมต์ (Dolomite)
สำหรับประเทศไทย แหล่งที่พบแคลเซียมคาร์บอเนตที่มีความบริสุทธิ์สูงสุดอยู่ที่แหล่งแร่แคลไซต์ ต.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี ซึ่งมี% Caco3 สูงกว่า 98%
คุณสมบัติเฉพาะของแคลเซียมคาร์บอเนต คือ
1. ความถ่วงจำเพาะ 2.71 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร
2. ความแข็ง 3
3. สลายตัวเมื่อถูกเผาที่ 825๐ C
4. สถานะเป็นผงสีขาว ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส ไม่เป็นพิษ
5. ไม่ละลายน้ำและแอลกอฮอล์
แคลเซียมคาร์บอเนตมีราคาถูก เมื่อเทียบกับแร่อื่นๆ และพบได้ทั่วโลก จึงมีการนำมาใช้งานแพร่หลายที่สุด โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยาง อุตสหกรรมพลาสติก อุตสหกรรมสีและกาว อุตสาหกรรมกระดาษ เป็นต้น
04 ธันวาคม 2563
ผู้ชม 20623 ครั้ง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ชื่อตาม IUPAC | Calcium carbonate |
ชื่ออื่น | Limestone; calcite; aragonite; chalk; marble |
เลขทะเบียน CAS | [471-34-1][CAS] |
RTECS number | FF9335000 |
ChemSpider ID | 9708 |
สูตรเคมี | CaCO3 |
มวลต่อหนึ่งโมล | 100.09 g/mol |
ลักษณะทางกายภาพ | Fine white powder. |
ความหนาแน่น | 2.71 g/cm3 (calcite) 2.83 g/cm3 (aragonite) |
จุดหลอมเหลว | 825 °C (calcite) |
จุดเดือด | decomposes |
ความสามารถละลายได้ ใน น้ำ | .00015 mol/L (25 °C) |
Solubility product, Ksp | 4.8 x 10-9 [1] |
ความสามารถละลายได้ ใน dilute acids | soluble |
MSDS | ICSC 1193 |
EU Index | Not listed |
NFPA 704 | 0 0 0 |
จุดวาบไฟ | Non-flammable |
แอนไอออนที่เกี่ยวข้อง | |
แคทไอออนที่เกี่ยวข้อง | |
หากมิได้ระบุเป็นอื่น ข้อมูลข้างต้นนี้คือข้อมูลสาร ณ ภาวะมาตรฐานที่ 25 °C, 100 kPa | |
สถานีย่อย:เคมี |
แคลเซียมคาร์บอเนต (อังกฤษ: Calcium carbonate) เป็นสารประกอบมีสูตรเคมีคือ CaCO3
คาร์บอเนต ไม่ละลายในน้ำ แต่สามารถทำปฏิกิริยากับน้ำและ คาร์บอนไดออกไซด์แล้วกลายเป็นแคลเซียมไบคาร์บอเนต (ซึ่งมีสูตรเคมีคือ Ca (HCO3) 2) แคลเซียมไบคาร์บอเนตละลายในน้ำได้เล็กน้อย
ในธรรมชาติพบในรูปดังนี้:
- อะราโกไนต์ (Aragonite)
- แคลไซต์ (Calcite)
- ปูนขาว (Chalk)
- หินปูน (Limestone)
- หินอ่อน (Marble)
- ทราเวอร์ตีน (Travertine)
เมื่ออยู่ในกระเพาะจะเกิดปฏิกิริยาดังนี้
- CaCO3 + 2HCl →CaCl2 + H2O + CO2 (gas)
ยาลดกรดมีดังนี้:[แก้]
- อะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ (Aluminium hydroxide) (Amphojel®, AlternaGEL®)
- แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Magnesium hydroxide) (Phillips’® Milk of Magnesia)
- อะลูมิเนียมคาร์บอเนต (Aluminium carbonate) gel (Basajel®)
- แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium carbonate) (Tums®, Titralac®, Calcium Rich Rolaids®)
- โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate) (Bicarbonate of soda)
- ไฮโดรทัลไซต์ (Hydrotalcite) (Mg6Al2 (CO3) (OH) 16 · 4 (H2O) ; Talcid®)
- อะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์และ แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์(Maalox®, Mylanta®)
อ้างอิง[แก้]
- ↑ Pradyot Patnaik. Handbook of Inorganic Chemicals. McGraw-Hill, 2002, ISBN 0-07-049439-8
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
- International Chemical Safety Card 1193
กรดกระเพาะ (ยาลดกรด, สารต้านตัวรับ H2 , ยายับยั้งการหลั่งกรด) • ยาแก้อาเจียน • ยาระบาย • ยาแก้ท้องร่วง • ยาลดความอ้วน • ยาต้านเบาหวาน • วิตามิน • เกลือแร่ |
สารต้านลิ่มเลือด (สารกันเลือดเป็นลิ่ม , สารต้านเกล็ดเลือด , สารสลายลิ่มเลือด) • ยาต้านการตกเลือด (สารก่อลิ่มเลือด , ยาต้านการสลายลิ่มเลือด) |
ยารักษาโรคหัวใจ/ยาแก้อาการปวดเค้นหัวใจ (คาร์ดิแอคไกลโคไซด์ , ยาต้านภาวะหัวใจเสียจังหวะ , ยากระตุ้นหัวใจ) • ยาลดความดัน • ยาขับปัสสาวะ • สารขยายหลอดเลือด • เบต้า บล็อกเกอร์ • แคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ • ระบบเรนิน-แองจิโอเทนซิน (เอซีอีอินฮิบิเตอร์ , แองกิโอเทนซินรีเซพเตอร์บล๊อคเกอร์ , เรนินอินฮิบิเตอร์) • ยาลดไขมันในเส้นเลือด (สแตติน , ไฟเบรต , ไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์) |
สารทำให้นุ่มและชุ่มชื้น • สารก่อแผลเป็น • ยาแก้คัน • ยารักษาโรคสะเก็ดเงิน • สิ่งแต่งแผล |
ยาคุมกำเนิด • ยากระตุ้นภาวะเจริญพันธุ์ • SERMs • ฮอร์โมนเพศ |
ฮอร์โมนไฮโปทาลามัสและต่อมใต้สมอง • คอร์ติโคสเตอรอยด์ (กลูโคคอร์ติคอยด์ , มิเนอรัลโลคอร์ติคอยด์) • ฮอร์โมนเพศ • ไทรอยด์ฮอร์โมน/ยาต้านไทรอยด์ |
ยาปฏิชีวนะ • สารต้านแบคทีเรีย • ยาต้านเชื้อไมโคแบคทีเรีย (ยาต้านวัณโรค , ยารักษาโรคเรื้อน) • ยาต้านไวรัส• วัคซีน • ยาต้านปรสิต (ยาฆ่าโพรโตซัว , ยาฆ่าหนอนพยาธิ) |
สารต้านมะเร็ง (แอนติเมแทบอไลต์ , สารอัลคิเลต , สปินเดิลพอยซัน , สารต้านเนื้องอก , โทโปไอโซเมอเรสอินฮิบิเตอร์) |
สารปรับระบบภูมิคุ้มกัน (สารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน , สารกดภูมิคุ้มกัน) |
แอนาบอลิกสเตอรอยด์ • ยาแก้อักเสบ (เอ็นเซด) • ยารักษาโรคข้ออักเสบรูมาทอยด์• คอร์ติโคสเตอรอยด์ • ยาคลายกล้ามเนื้อ • บิสฟอสโฟเนต |
ยาระงับความรู้สึก (ยาสลบ ,
ยาชาเฉพาะที่) • ยาระงับปวด •
ยาต้านไมเกรน • ยากันชัก •
ยาควบคุมอารมณ์ •
ยาต้านโรคพาร์กินสัน |
ยาแก้คัดจมูก • ยาขยายหลอดลม • ยาแก้ไอ • H1 แอนตาโกนิสต์ (สารต้านฮิสตามีน) |
จักษุวิทยา • โสตวิทยา |
ยาแก้พิษ • สารเพิ่มความชัดภาพ • เภสัชรังสี • สิ่งแต่งแผล |