การได้ยิน
ประสาทสัมผัสของรูปแบบการได้ยิน จะผ่านเขาวงกตที่ซับซ้อน ที่เรียกว่า โครงสร้างของหู เสียงจะถูกส่งผ่านทางหูชั้นนอกไปยังช่องหูส่วนนอก จากนั้นคลื่นเสียงจะเดินทางต่อไปยังเยื่อแก้วหูหรือแก้วหู ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันแผ่นบางๆ ที่จะสั่นสะเทือนเมื่อมีคลื่นเสียงไปกระทบ การสั่นสะเทือนจะเดินทางไปยังหูชั้นกลาง ที่จะมีกระดูกหูเล็ก ๆ 3 ชิ้น เรียกว่า กระดูกค้อน กระดูกทั่ง และกระดูกโกลน ซึ่งการสั่นสะเทือนเหล่านี้จะเกิดการแปลเป็นแรงกระตุ้นไฟฟ้า จากนั้นแรงกระตุ้นก็จะเดินทางไปยังสมองผ่านทางประสาทสัมผัส
กลิ่น
มนุษย์เราอาจจะได้กลิ่นมากกว่า 1 ล้านล้านกลิ่น จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2017 ทางวารสาร Science ชี้ให้เห็นว่า มนุษย์เราสามารถแยกแยะกลิ่นที่แตกต่างกันได้มากถึง 1 ล้านล้าน ซึ่งครั้งหนึ่งเราเคยเชื่อกันว่ามนุษย์สามารถรับกลิ่นได้เพียง 10,000 กลิ่นเท่านั้น John McGann นักประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยรัทเกอร์ส – นิวบรันสวิกในรัฐนิวเจอร์ซีย์ กล่าวว่าจริงๆแล้วมนุษย์มีประสาท สัมผัส การดมกลิ่นที่ยอดเยี่ยม สามารถดมกลิ่นได้ดีพอๆกับสุนัขเลยทีเดียว
รสสัมผัส
โดยทั่วไปแล้ว คนเราจะรับรู้ได้ถึงรส สัมผัส ที่แตกต่างกัน 4 รูปแบบ ได้แก่ รสเค็ม รสหวาน รสเปรี้ยว และรสขม นอกจากนี้บางที่ยังมีรสสัมผัสที่ 5 ที่เรียกว่า รสอุมามิหรือรสดี ส่วนรสเผ็ดร้อนจริง ๆ แล้วไม่ใช่รสชาติ แต่เป็นความเจ็บปวดตามที่ห้องสมุดยาแห่งชาติเป็นคนกำหนดไว้ (the National Library of Medicine (NLM))
รสสัมผัสเป็นประสาทสัมผัสที่มีความจำเป็น รสชาติมีส่วนช่วยให้มนุษย์ทดสอบอาหารที่กินเขาไปว่ามีรสอะไร ขม เปรี้ยว ซึ่งรสชาติต่าง ๆ ของอาหารสามารถช่วยบอกได้ว่าพืชชนิดนั้นเป็นพิษหรือเน่าเสียหรือเปล่า โดยทั่วไปแล้วรสชาติเค็มและหวาน มักจะบ่งบอกถึงอาหารที่เต็มไปด้วยสารอาหาร
หลายๆคนคงเคยได้ยินว่า ลิ้นของคนเราจะมีโซนแยกสำหรับรับรสแต่ละรสชาติ ซึ่งสามารถ สัมผัส ได้ถึง 5 รสชาติ ในทุกๆ ส่วนของลิ้น แต่ด้านข้างของลิ้นมักจะมีความไวในการรับรสมากกว่าส่วนกลาง ซึ่งเซลล์ต่างๆ ของเซลล์รับความรู้สึกในต่อมรับรสจะตอบสนองต่อรสทั้ง 5 ในแต่ละคนก็จะมีความไวต่อการรับรสในรสที่แตกต่างกัน
ไม่ว่าจะเป็น รสชาติหวานตามด้วยเปรี้ยวเค็ม หรือบางคนอาจจะมีการรับรสชาติที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ก็จะมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ช่วยในการสร้างการรับรู้รสชาติ อย่างเช่น กลิ่นของอาหารจะส่งผลกระทบอย่างมาก ต่อการที่สมองจะรับรู้รสชาติ
โลกใบนี้ เป็นโลกที่น่าเรียนรู้สำหรับเด็กเสมอ ยิ่งเด็กวัยเล็ก ๆ มักใช้อวัยวะของตนเองในการเริ่มเรียนรู้ และสนุกไปกับโลกที่น่าตื่นตาตื่นใจใบนี้ ตาดู หูฟัง มือสัมผัส ลิ้นชิมรส และจมูกดมกลิ่น เพื่อลองว่า .... มันคืออะไรนะ จะเป็นอย่างไรนะ จะรู้สึกอย่างไร
ประสาทสัมผัสเป็นพื้นฐานของการเริ่มต้นเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง การที่เด็กรู้จักใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในการเรียนรู้จะยิ่งทำให้สมองของเด็กเกิดการพัฒนา สร้างเส้นใยประสาทที่แข็งแรงขึ้น และพร้อมจะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ง่ายขึ้นค่ะ
เราลองมาดูกันว่าประสาทสัมผัสทั้ง 5 คืออะไร สำคัญอย่างไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง และเราจะพัฒนาสิ่งเหล่านี้ด้วยวิธีใด
ประสาทสัมผัสทั้ง 5 คืออะไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ประกอบด้วย อวัยวะ 5 ส่วนในร่างกาย
คือ ตา หู จมูก ลิ้น มือ
ตา ใช้ สังเกต มองดู
หู ใช้
ฟัง
จมูก ใช้ ดมกลิ่น
ลิ้น ใช้ ชิมรสชาติ
มือ ใช้ สัมผัส หยิบจับ
อวัยวะเหล่านี้ ถือเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้โลกของเด็ก ๆ หากเด็ก ๆ รู้จักอวัยะพื้นฐานเหล่านี้ และใช้อวัยวะอย่างถูกวิธี เชื่อได้ว่าเด็ก ๆ จะเกิดการเรียนรู้มากมายเลยทีเดียวค่ะ
การเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 สำคัญอย่างไร
สมอง มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกระบวนการทำงานของระบบประสาท
การทึ่ฝึกให้เด็กใช้ประสาทสัมผัส จะเป็นการกระตุ้นการทำงานชองสมองไปในตัว เพราะ เมื่อเด็กใช้ ตา หู จมูก ลิ้น และมือในการสังเกต ฟัง ดมกลิ่น สัมผัส และชิมรส สมองจะทำหน้าที่ประมวลสิ่งที่เข้ามาผ่านทางประสาทสัมผัส และเกิดเป็นการเรียนรู้
พัฒนาประสาทสัมผัสทั้งห้า ผ่านกิจกรรมง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน
ตา : ชวนลูกสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว สังเกตสภาพอากาศในแต่ละวัน ใบหน้าของตนเอง ดอกไม้ ต้นไม้ สัตว์เลี้ยงในบ้าน
สังเกตและชวนคิดถึงการเปลี่ยนแปลงว่าวันนี้ไม่เหมือนเมื่อวานยังไง
สังเกตป้ายท้องถนน สลากอาหาร กล่องนม ถุงขนม พร้อมสอดแทรกคำศัพท์สำคัญ
... ชวนลูกเล่น ...
• เกมจับผิดภาพ สังเกตจุดเหมือนและจุดต่างในภาพ
• เกม Memory สังเกตภาพและตำแหน่งของภาพ จับคู่ภาพที่เหมือนกันให้เจอ
• กิจกรรม ส่งกระจกและวาดภาพตนเอง
หู :
ฝึกฟังเสียงสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เสียงเครื่องซักผ้า เสียงน้ำไหล เสียงรถของพ่อ ของแม่
เสียงน้องร้องไห้ เสียงร้องของสัตว์
... ชวนลูกเล่น ...
• เกม ทายเสียงอะไรนะ พ่อแม่ลองเปิดเสียงปริศนาให้ลูกฟัง และให้ลูกทายว่าเสียงที่ฟังเป็นเสียงของอะไร อาจจะเริ่มต้นง่าย ๆ จากเสียงสัตว์ก่อน
• เกม Simon Say เมื่อพ่อแม่พูดว่าไซม่อนเซย์แล้วตามด้วยคำว่าอะไร ให้ท่านั้น ๆ
แต่ถ้าพ่อแม่ไม่ได้พูดว่า Simon say
ไม่ต้องท่านั้น ๆ
• เกม ทำท่าตรงข้าม พ่อแม่ออกคำสั่ง แต่ลูกต้องทำท่าท่างที่ตรงข้ามกับที่พ่อแม่สั่ง
จมูก : ชวนลูกดมกลิ่นของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เช่น ดอกไม้ ขนม อาหาร และจดจำว่าเป็นกลิ่นของอะไร
... ชวนลูกเล่น ...
• เกม กลิ่นอะไรเอ่ย ให้คุณพ่อคุณแม่เอาของ หรือ อาหารใส่กล่อง แล้วให้ลูก ลองดมกลิ่น
และทายว่ากลิ่นนั้น เป็นกลิ่นของอะไร
ลิ้น : ชวนลูกชิมอาหารแล้วบอกว่า รสชาติเป็นอย่างไร หวาน เค็ม จืด เปรี้ยว ขม เผ็ด แล้วลองถามต่อว่า หวานเหมือนอะไร เค็มเหมือนอะไร ให้ลูกได้เชื่อมโยงความคิดของตนเองจากสิ่งที่คุ้นเคย เช่น ชิมส้มและบอกว่ารสเปรี้ยวเหมือนมะนาว ชิมชีสแล้วบอกว่าเค็มเหมือนเกลือ
.. ชวนลูกเล่น ...
• เกม รสอะไรเอ่ย ให้ลูก ปิดตาชิมขนม ผลไม้ หรืออาหารปริศนาในกล่อง แล้วทายว่าสิ่งนั้นคืออะไร
มือ : ชวนลูกจับ สัมผัสสิ่งต่าง ๆ รอบตัวที่มีผิวสัมผัสที่แตกต่างกัน แล้วถามลูกว่า สิ่งนั้นมีลักษณะ (ผิวสัมผัส) เป็นอย่างไร นิ่ม แข็ง ขรุขระ ร้อน เย็น อุ่น
... ชวนลูกเล่น ...
• เกม คลำของในกล่อง ให้ลูกลองคลำของในกล่อง แล้วทายว่าสิ่งของนั้นคืออะไร
นอกจากนั้น การฝึกใช้ประสาทต่าง ๆ ร่วมกัน จะยิ่งทำให้กระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ ของเด็กเกิดการพัฒนาอย่างเชื่อมโยงกันอีกด้วยค่ะ รู้อย่างนีแล้ว ลองให้ลูกฝึกใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ผ่านกิจกรรมง่าย ๆ
รอบตัว
กันนะคะ
ชุดต้นกล้าเรียนรู้ประสาทสัมผัส