สวัสดิการพนักงานโรงพยาบาลเอกชน

ดูแลที่บ้านและโรงพยาบาล

( Care giver)

บริการจัดส่ง พนักงานดูแลผู้สูงอายุ เฝ้าไข้ประจำบ้าน เฝ้าไข้โรงพยาบาล ทีมจาก NCN Nursing Care
บริการผู้ดูแลมืออาชีพที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุและเด็ก มีใบรับรองผ่านการอบรม ดูแลผู้ป่วยเบื้องต้น ทำความสะอาด จัดยาและอาหารตามคำสั่งแพทย์ รวมทั้งส่งเสริมการทำกิจกรรมต่างๆพร้อมคนไข้ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วย สามารถให้บริการทั้งที่บ้านและโรงพยาบาล 

รายละเอียดของบริษัท
โรงพยาบาลธนบุรี เปิดดำเนินการมากว่า 42 ปี โดยเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีเครือข่ายมากถึง 18 แห่งทั่วประเทศ สามารถรักษาโรคต่างๆได้ครอบคลุมทุกโรค ดังนั้นในกรณีที่โรงพยาบาลในเครือไม่สามารถรักษาโรคบางโรคได้ สามารถส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลธนบุรี เพื่อรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โรงพยาบาลธนบุรีพร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกสาขากว่า400 คน พยาบาลวิชาชีพกว่า 390 คน รวมทั้งมีเตียงรองรับ ผู้ป่วยถึง 435 เตียง จึงทำให้ผู้ใช้บริการมีความเชื่อมั่นในการดูแลรักษา และพึงพอใจในมาตรฐานของการบริการตลอดมา โรงพยาบาลได้พัฒนาคุณภาพ ทางการแพทย์และมาตรฐานการให้บริการตลอดจนนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้รักษาผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง โดยโรงพยาบาลได้มีการพัฒนาด้านต่างๆ ในการให้ บริการแก่ลูกค้าเพื่อได้รับความสะดวก รวดเร็ว และได้มีการปรับปรุงสถานที่ใหม่ โดยแบ่งพื้นที่ผู้ป่วยนอกให้เป็นสัดส่วน ในลักษณะของศูนย์รักษาโรคเฉพาะ ทางต่างๆ สำหรับผู้ป่วยในได้แบ่งการดูแลรักษาเฉพาะทางในแต่ละชั้นของอาคาร โดยมีการตกแต่งภายในเหมือนโรงแรม ซึ่งแตกต่างจากภาพของโรงพยาบาล ในอดีตอย่างสิ้นเชิง รวมทั้งยังดูแลรักษา และวินิจฉัยด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย

ที่อยู่
เลขที่ 34/1 ซอยอิสรภาพ 44 ถนนอิสรภาพ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย

เขตพื้นที่
(เขตบางกอกน้อย ) กรุงเทพมหานคร 10700

โทรศัพท์
090-9080119/02-4872000 ต่อ 2608,2602

Fax
02-4872000 กด 2138

สวัสดิการ
- เงินเดือน ค่าครองชีพ ค่าล่วงเวลา ฯลฯ
- สวัสดิการการรักษาพยาบาลของพนักงานและครอบครัว/สวัสดิการทันตกรรม
- สวัสดิการกู้เงิน
- สวัสดิการชุดฟอร์มพนักงาน
- สวัสดิการเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- สวัสดิการเงินกองทุนฌาปนกิจ
- สวัสดิการเรื่องอาหาร
- สวัสดิการหอพักพนักงาน (เฉพาะบางตำแหน่ง)
- สวัสดิการรถรับส่ง
- สวัสดิการบ้านพักตากอากาศ พัทยา ปราณบุรี หัวหิน
- สวัสดิการวันพักร้อนสูงสุด 15 วัน/ปี
- วันหยุดนักขัตฤกษ์ 13 วัน/ปี
- สวัสดิการเงินโบนัส, การปรับเงินประจำปี
- สวัสดิการการตรวจร่างกายประจำปี
- ฟิตเนส
- ทำงานจันทร์ - ศุกร์ (บางตำแหน่งงาน)

สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์

  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาล
  • กองทุนประกันสังคม
  • เครื่องแบบพนักงาน
  • ค่าความสามารถด้านภาษาอังกฤษ(TOEIC)
  • การตรวจสุขภาพประจำปี
  • งานเลี้ยงสังสรรค์พนักงาน
  • V-Fitness
  • สวัสดิการด้านทันตกรรม
  • การพัฒนาความรู้และทักษะในการทำงาน
  • ค่าความสามารถด้านภาษาจีน(HSK)

คือ หนึ่งในสวัสดิการรักษาพยาบาล ที่รัฐบาลจัดให้แก่ประชาชน ซึ่งสวัสดิการรักษาพยาบาลของรัฐมีทั้งสิ้น 5 กลุ่ม ดังนี้

  1. สวัสดิการข้าราชการ = ใครที่รับราชการ มีสิทธิ์เบิกค่ารักษาพยาบาลของรพ.รัฐได้ฟรี (กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เป็นผู้ดูแล)
  2. กองทุนประกันสังคม = เป็นสวัสดิการด้านประกันที่รัฐบาลให้สิทธิ์แก่ประชาชนในการจ่ายเงินสมทบ (ร่วมกับนายจ้าง หรือรัฐบาล) เข้ากองทุน (เรียกคนที่มีสิทธิ์กลุ่มนี้ว่า "ผู้ประกันตน") ซึ่งเรามีสิทธิ์เบิกค่ารักษาพยาบาล, กรณีทุพพลภาพ, เสียชีวิต หรือว่างงาน จากกองทุนประกันสังคมนี้ได้ (กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เป็นผู้ดูแล) 
  3. สวัสดิการพนักงานส่วนท้องถิ่น = เป็นสวัสดิการเบิกค่ารักษารพ.รัฐหรือสถานพยาบาลท้องถิ่น ของข้าราชการหรือลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กระทรวงมหาดไท เป็นผู้ดูแล)
  4. สวัสดิการของหน่วยงานรัฐอื่นๆ = เป็นสวัสดิการเบิกค่ารักษารพ.รัฐ ของหน่วยงานรัฐอื่นๆที่ไม่ใช่ข้าราชการ เช่น หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ (หน่วยงานนั้นๆเป็นผู้ดูแล)
  5. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ = เป็นสวัสดิการเบิกค่ารักษารพ.รัฐ หรือสถานพยาบาลใดๆที่ลงทะเบียนกับทางรัฐ ของประชาชนคนไทยทุกคนที่**ไม่อยู่ในกลุ่มที่มีสิทธิ์เบิก 4 กลุ่มดังกล่าวข้างต้น** (สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นผู้ดูแล)

โดยที่เราต้องไปลงทะเบียนสมัครกับหน่วยงานที่กำหนด และเขาจะให้เราเลือกโรงพยาบาลที่อยู่ในเขตใกล้บ้าน ที่เราจะใช้สิทธิ์นี้ได้เพียง 1 โรงพยาบาลเท่านั้น (ยกเว้นกรณีพิเศษต่างๆที่จะกล่าวต่อไป) 

ใครที่มีสิทธิ์ได้รับสวัสดิการนี้?

  1. ประชาชนคนไทยทุกคน ที่ไม่ได้เป็นข้าราชการหรือทำงานรัฐวิสาหกิจ (สิทธิ์สวัสดิการข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ) และไม่ได้เป็นผู้ประกันตนของกองทุนประกันสังคม (สิทธิ์กองทุนประกันสังคม) สามารถตรวจสอบสิทธิ์ว่าเรามีสิทธิ์เบิกสวัสดิการของรัฐในกลุ่มไหนได้ที่ http://www.nhso.go.th/peoplesearch/ 
  2. เด็กแรกเกิดที่ไม่มีประกันสุขภาพที่พ่อแม่ซื้อให้
  3. ลูกของผู้ที่เป็นข้าราชการ ซึ่งเป็นลูกที่มีอายุเกิน 20 ปี หรือสมรสแล้ว (ถ้าอายุไม่เกิน 20 ปีและยังไม่ได้สมรส สามารถเบิกในสิทธิ์ข้าราชการของพ่อแม่ได้)
  4.  ลูกของข้าราชการ ตั้งแต่คนที่ 4 เป็นต้นไป (สิทธิ์ลูกข้าราชการใช้ได้สูงสุด 3 คน)
  5. ข้าราชการที่เกษียณก่อนกำหนด และไม่ได้รับบำเน็จบำนาญ

อยากมีสิทธิ์นี้ต้องทำยังไง? ลงทะเบียนที่ไหน?

เอกสารที่ใช้

  • บัตรประจำตัวประชาชน (ถ้าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ใช้สูติบัตรแทน)
  • ถ้าที่อยู่ในบัตรประชาชนไม่ตรงกับที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ให้เอาทะเบียนบ้านไปด้วย
  • แบบคำขอลงทะเบียน (เอาที่สถานที่ลงทะเบียน)

สถานที่ลงทะเบียน

  • กรุงเทพ = สำนักงานเขต 30 แห่งที่กำหนด (สามารถเช็คได้ที่ http://ebook.dreamnolimit.com/nhso/004/
  • จังหวัดอื่นๆ = สถานีอนามัย / รพ.รัฐ / สำนักงานสาธารณสุขประจำจังหวัด

จากนั้นก็ระบุโรงพยาบาลที่เราจะใช้สิทธิ์

ใช้สิทธิ์โรงพยาบาลไหนได้บ้าง?

ได้เฉพาะโรงพยาบาลที่เราเลือกไว้ในเขตที่เราอยู่อาศัย (เรียกว่า "หน่วยบริการประจำ") แต่เราสามารถขอเปลี่ยนโรงพยาบาลได้ไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี (แจ้งได้ที่สถานที่ลงทะเบียน นำบัตรประชาชนกับทะเบียนบ้านไปแจ้ง ซึ่งจะสามารถเริ่มใช้บริการของโรงพยาบาลใหม่ได้ประมาณ 1 เดือนหลังแจ้ง)

**ยกเว้น กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน ที่เราสามารถใช้สิทธิ์ในโรงพยาบาลใดๆก็ได้

ใช้สิทธิ์รักษาอะไรได้บ้าง?

หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้บริการที่ครอบคลุมเรื่องสุขภาพต่างๆดังต่อไปนี้

  1. สร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (วางแผนมีลูก / ฝากครรภ์ / ฉีดวัคซีน / ตรวจร่างกาย)
  2. คลอดบุตร
  3. ทันตกรรม
  4. ตรวจ / วินิจฉัย / รักษาโรค
  5. ค่ายาและเวชภัณฑ์
  6. ค่าอาหารและห้องสามัญ
  7. การจัดการส่งต่ออาการเจ็บป่วยให้หน่วยบริการอื่น
  8. บริการแพทย์แผนไทย (การรักษาด้วยสมุนไพร / นวด / ประคบ)
  9. บริการฟื้นฟูสมรรถภาพแก่ผู้พิการ
     

ใช้สิทธิ์รักษาอะไรไม่ได้บ้าง?

  1. ผสมเทียมเพื่อให้มีบุตร
  2. ผ่าตัดเปลี่ยนเพศ
  3. การบำบัดฟื้นฟูผู้ที่ติดยาเสพติด
  4. ปลูกถ่ายอวัยวะ (ยกเว้น ไต / ตับ / เปลี่ยนหัวใจ)
  5. ทันตกรรมเพื่อความสวยความงาม (จัดฟัน)

ต้องเสียค่าใช้จ่ายไหม?

แล้วแต่อาการเจ็บป่วยของเรา โดยทั่วไป หากไม่ได้เจ็บป่วยร้ายแรง มีการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลไม่เกิน 72 ชั่วโมง จะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ (ไม่ต้องจ่าย 30 บาทในการรักษาแล้ว) แต่หากเป็นการเจ็บป่วยร้ายแรง อาจจะต้องมีส่วนที่ออกเพิ่ม สำหรับค่าใช้จ่ายและค่ารักษาส่วนเกินที่ทางกองทุนของรัฐไม่ได้ซัพพอร์ต

เวลาต้องเข้าโรงพยาบาล จะใช้สิทธิ์ ต้องทำยังไงบ้าง?

หากลงทะเบียนไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ยื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ ก็สามารถใช้สิทธิ์ได้แล้ว (เมื่อก่อนต้องยื่นเป็นบัตรทอง แต่เดี๋ยวนี้ใช้แค่บัตรประชาชนก็ได้แล้ว)