พูดได้ว่าไฟฟ้าเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกอีกชนิดหนึ่งที่แทบทุกบ้านจะขาดไม่ได้ ด้วยอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้ในปัจจุบันมีมากมายที่ใช้ไฟฟ้า ดังนั้นการรู้ถึงระบบไฟฟ้าภายในบ้านจึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในบ้าน อาคาร หรือโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ ๆ
หลักการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน มีอะไรบ้าง1. เลือกอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัย
การเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้า อาทิเช่น สายไฟ ปลั๊กไฟ จะต้องเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ หรือได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรม อาทิเช่น มอก. เพื่อให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ได้เลือกมา มีความทนทาน แข็งแรง และปลอดภัยที่จะใช้งาน
2. เลือกอุปกรณ์ไฟฟ้าให้เหมาะสม
การเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้า ควรจะเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานของเรา เช่น เลือกขนาดสายไฟให้มีขนาดที่สามารถรองรับการใช้งานภายในอาคารได้ หรือไม่เผื่อเยอะเกินไป รวมถึงการเลือกซื้อให้เพียงพอ ไม่เผื่อมากจนเกินไป เพื่อความประหยัดในการติดตั้ง แต่ก็ต้องคำนึงถึงคุณภาพด้วยเพื่อความปลอดภัย
3. ติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าให้ถูกต้องตามมาตรฐานของการไฟฟ้า
การติดตั้งสายไฟฟ้า ควรติดตั้งให้มีความเรียบร้อยสวยงาม เป็นระเบียบ โดยเฉพาะสายไฟ ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้นสิ่งที่ควรรู้ต่อการติดตั้งสายไฟ มีดังนี้
3.1 การเลือกสายไฟ – นอกจากสายไฟที่ได้เลือกมาจะได้รับมาตรฐานแล้ว สายไฟที่ใช้ติดตั้งภายในอาคาร ควรจะเป็นสายชนิดที่มีฉนวนหุ้ม เพื่อป้องกันอันตรายจากการที่ไปสัมผัสกับสายไฟโดยตรง
3.2 การเดินสายผ่านหนังหรือกำแพง – ในกรณีที่มีการติดตั้งโดยเจาะทะลุผนัง จะต้องมีวัสดุที่ไม่มีคมหุ้มสายไฟไว้ อาทิเช่น ปลอกพลาสติก หรือขอบยาง เพื่อไม่ให้มีสิ่งมีคมไปทำความเสียหายให้กับสายไฟ
3.3 การจับยึดสายไฟ – ในกรณีที่การติดตั้ง เป็นการติดตั้งแบบติดผนัง ควรจะมีอุปกรณ์จับยึดกับผนัง อาทิเช่น เข็มขัดรัดสาย รางไฟ หรือ ท่อร้อยสายไฟ โดยอุปกรณ์ที่นำมายึดสายจะต้องใช้วัสดุที่ไม่ทำอันตรายต่อฉนวนไฟฟ้า สำหรับเข็มขัดรัดสายจะต้องมีระยะในการยึดสายไฟที่เหมาะสม โดยปกติจะไม่เกิน 20 เซนติเมตร สำหรับท่อร้อยสายไฟ จะเป็นอุปกรณ์ที่มักจะ ร้อยในงานพิเศษ เช่นใต้หนัง ใต้เพดาน เพื่อป้องกันความเสียหายต่อสายไฟ
3.4 ห้ามเดินสายไฟซ้อนกัน – การติดตั้งสายไฟ จะต้องเรียงต่อกันเป็นชั้นเดียว ห้ามเดินสายไฟซ้อนกันเป็นอันขาด
3.5 ไม่ควรเดินสายไฟบนพื้นผิวที่อาจจะเป็นอันตรายกับสายไฟได้ เช่น พื้นผิวที่ไม่มีความแข็งแรง
3.6 ควรเก็บงานตามจุดต่อต่างๆ ให้เรียบร้อย – จุดต่อ หรือรอยเชื่อมต่างๆ ถ้าหากมีการติดตั้งที่ไม่ดีพอ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดไฟช็อต หรือ ไฟฟ้าลัดวงจรได้ ดังนั้นตามจุดรอยต่อต่างๆ ควรติดตั้งให้เรียบร้อยและมีฉนวนไฟฟ้าหุ้มไว้เพื่อความปลอดภัย
4. แยกวงจรไฟฟ้าเป็นระบบย่อย
ไม่ควรติดตั้งระบบไฟฟ้าทั้งหมดทั้งอาคารภายในสวิตช์เดียว ควรแยกวงจรเป็นจุดต่างๆ โดยอาจจะใช้ กล่องพักสายไฟ เป็นตัวแยกวงจรย่อย และสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการใช้ไฟฟ้าเป็นปริมาณมาก อาทิเช่น เครื่องปรับอากาศ ควรจะแยกสวิตช์ต่างหาก และเมื่อมีปัญหาก็สามารถบำรุงรักษาได้ง่ายอีกด้วย
5.เลือกช่างไฟฟ้าที่ไว้ใจได้
สุดท้ายการเลือกช่างไฟฟ้าที่จะเข้ามาติดตั้งระบบไฟฟ้าให้กับเราก็สำคัญเช่นกัน เพราะจะส่งผลถึงต่อความปลอดภัยอีกด้วย
“ไฟฟ้า” นับว่าเป็นระบบที่จำเป็นสำหรับที่พักอาศัย ซึ่งในการทำงานเกี่ยวกับระบบไฟก็มี อุปกรณ์ไฟฟ้า หลากหลายชนิด ที่นอกจากจะช่วยขจัดปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำงานได้แล้ว ยังช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานได้มากขึ้น โดยในวันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับไฟฟ้า ตลอดจน อุปกรณ์ต่อสายไฟ ภายในบ้าน ว่ามีอะไรบ้างที่ควรซื้อมาติดบ้าน แล้วมีมาตรฐานของอุปกรณ์เกี่ยวกับไฟฟ้าอะไรบ้างที่ควรรู้จัก
สำหรับการเลือกใช้อุปกรณ์เกี่ยวกับไฟฟ้าเพื่อใช้ในงานระบบไฟ สิ่งสำคัญคือ การเลือกใช้อุปกรณ์ให้ถูกต้องตามคุณสมบัติ รวมถึงวิธีการใช้งานที่เหมาะสม
- การเลือกใช้งาน อุปกรณ์ไฟฟ้า ที่ถูกต้อง
- รวม 7 อุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์งานช่างไฟ ที่ช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น
- สาระน่ารู้ มาตรฐานของอุปกรณ์เกี่ยวกับไฟฟ้า
การเลือกใช้งาน อุปกรณ์ไฟฟ้า ที่ถูกต้อง
หลักการสำคัญของระบบไฟฟ้าภายในที่พักอาศัย สิ่งสำคัญก็คือ การเลือกใช้ อุปกรณ์ต่อสายไฟ ให้ถูกต้องตามลักษณะของการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น วัสดุ ความเหมาะสมต่อการติดตั้ง และความถูกต้องตามมาตรฐาน ซึ่งหลักการคำนึงหลัก ๆ คือ การทำงานของอุปกรณ์ชนิดนั้น ๆ การใช้งาน สถานที่ที่ใช้ สภาพแวดล้อมโดยรวม ภูมิอากาศ และที่ขาดไม่ได้คือ ประโยชน์จากการใช้งาน เช่น การเลือกใช้ สายไฟ ต้องดูตั้งแต่พิกัดแรงดัน พิกัดกระแส แรงดันตก รวมถึงสายควบ ไม่ใช่แค่การเลือกซื้อตามชนิดของสายไฟฟ้าเท่านั้น
รวม 7 อุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์งานช่างไฟ ที่ช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น
คีมชนิดต่าง ๆ
ในบรรดางานระบบไฟฟ้า “คีม” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยให้การทำงานร่วมกับ อุปกรณ์ต่อสายไฟ ง่ายมากขึ้น ซึ่งคีมที่ใช้งานในงานไฟฟ้าก็มีหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น
- คีมปากแหลม หรือคีมปากจิ้งจก ตัวปากคีมมีลักษณะเรียวแหลม เหมาะสำหรับจับโลหะ และ สายไฟ
- คีมปากจระเข้ สามารถใช้ได้ทั้งการจับชิ้นงานและตัดสายไฟได้ดี
- คีมย้ำหัว ช่วยย้ำสายไฟ สายลวด และสายสัญญาณ เพื่อบีบวัสดุให้เปลี่ยนรูปไปตามทรงของคีม
- คีมปอกสาย ถูกออกแบบมาให้ปอกฉนวนไฟฟ้าที่หุ้มลวดทองแดง โดยจะตัดเฉพาะฉนวนพลาสติก
มัลติมิเตอร์ (Multimeters)
เป็นเครื่องมือวัดทางไฟฟ้าที่สามารถวัดปริมาณไฟฟ้าได้อย่างแม่นยำ ซึ่งสามารถตั้งเป็นหน่วยโวลต์มิเตอร์ แอมป์มิเตอร์ หรือโอห์มมิเตอร์ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกได้ระหว่างไฟฟ้ากระแสตรง (DC) และไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ซึ่งในบางชนิดก็วัดค่าอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ อาทิ วัดค่าความจุ วัดความถี่ และทดสอบทรานซิสเตอร์
โดยการแสดงผลของมัลติมิเตอร์ จะแยกออกเป็น 2 รูปแบบ คือ มัลติมิเตอร์แบบเข็ม และมัลติมิเตอร์แบบตัวเลข (ดิจิตอล) ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีรายละเอียดการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงความแม่นยำของการอ่านค่าด้วยเช่นกัน
สำหรับเทคนิคการเลือกมัลติมิเตอร์ มีดังต่อไปนี้
- มาตรฐานความปลอดภัยของเครื่องมือวัดไฟฟ้า โดยต้องตรงกับประเภทในการใช้งาน
- การวัดค่าเหมาะกับมัลติมิเตอร์แบบไหน คือ TURE RMS หรือ MEAN
- Resolution และ Accuracy ที่จะบอกว่ามัลติมิเตอร์เครื่องนั้นมีความละเอียดและแม่นยำมากน้อยแค่ไหน
- จำนวนหลักของการแสดงผล
- ช่วงของการวัด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายจากการทำงาน
- ฟังก์ชันในการทำงานที่ตอบสนองการใช้งาน และเหมาะสมกับ อุปกรณ์ต่อสายไฟ
Tips: แคลมป์มิเตอร์ เป็น อุปกรณ์ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์วัดค่าไฟฟ้าของสายไฟตามจุดต่าง ๆ สามารถอ่านค่าได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว เนื่องจากได้รับการพัฒนาให้ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น
หัวแร้งบัดกรีไฟฟ้า
เมื่อต้องทำงาน “บัดกรี” หรือก็คือ การเชื่อมวัสดุหรือโลหะเข้าด้วยกัน โดยนิยมใช้ดีบุกและตะกั่วเป็นตัวเชื่อม ซึ่งหัวแร้งบัดกรีโดยทั่วไปที่นิยมใช้ คือ
- หัวแร้งปืน เหมาะกับงานที่ต้องใช้ความร้อนมาก ๆ เช่น การบัดกรีสายไฟกับ อุปกรณ์ต่อสายไฟ
- หัวแร้งแช่ เป็น อุปกรณ์ต่อสายไฟ ที่เหมาะกับงานบัดกรีอุปกรณ์บนแผงวงจรพิมพ์ หรืองานประกอบวงจรที่มีความร้อนคงที่ มีหลากหลายขนาดให้เลือก
สว่าน
เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่นิยมใช้ในงานช่างและงานไฟฟ้า โดยทำหน้าที่เจาะรูเพื่อเดินสายไฟและยึด อุปกรณ์ต่อสายไฟ ซึ่งสว่านสามารถใช้ได้ทั้งกับไม้และผนังปูน แต่ก็ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่ใช้งาน ทั้งนี้ การเจาะรูจะต้องเจาะในแนวตั้งฉากกับชิ้นงาน หากต้องการเจาะรูขนาดใหญ่ก็ควรใช้ดอกสว่านเล็กก่อน แล้วค่อยใช้ดอกสว่านที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกระดับ
ฟิวส์
นับว่าเป็นอีกหนึ่ง อุปกรณ์ต่อสายไฟ ที่มีความสำคัญสูงในบ้านเรือน เพราะฟิวส์เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันกระแสไฟฟ้าไหลเกิน จนอาจก่อให้เกิดอันตรายและส่งผลกระทบต่อเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งตัวฟิวส์จะทำการหลอมละลายจนขาด จึงทำให้สามารถตัดวงจรไฟฟ้าในครัวเรือนได้ทันที
สำหรับฟิวส์แต่ละชนิดก็จะมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป คือ
- ฟิวส์เส้น มีลักษณะเป็นเส้นลวด นิยมใช้กับสายไฟในอาคารบ้านเรือน
- ฟิวส์แผ่น เป็นแผ่นโลหะผสม มีขอเกี่ยวที่ทำจากทองแดง นิยมใช้กับอาคารขนาดใหญ่ เช่น โรงเรียน
- ฟิวส์กระเบื้อง มีลักษณะเป็นเส้นฟิวส์อยู่ภายในกระปุกกระเบื้อง นิยมใช้ติดตั้งที่แผงควบคุมไฟฟ้า
- ฟิวส์หลอด มีขนาดเล็ก ๆ ในหลอดแก้ว นิยมใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์
ไขควงและไขควงวัดไฟ
“ไขควง” นับเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการขันสกรู ต่อฟิวส์ ใส่สวิตช์ ในขณะที่ไขควงวัดไฟช่วยตรวจเช็กกระแสไฟ หรือก็คือการตรวจสภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้าว่ามีไฟรั่วหรือไม่ ซึ่งการทำงานของไขควงไฟฟ้าคือ หากนำไขควงไปแตะที่ อุปกรณ์ต่อสายไฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วมีแสงสว่างขึ้นมา ก็แสดงว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้น ๆ มีปัญหาไฟรั่ว ดังนั้น ต้องถอดปลั๊กออกแล้วติดต่อช่างทันที
โดยการใช้งานไขควงควรจำไว้เสมอว่า ห้ามใช้ไขควงแทนค้อนโดยเด็ดขาด และต้องใช้ไขควงที่มีด้ามจับเป็นฉนวน เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
เบรกเกอร์
ถือว่าเป็น อุปกรณ์ต่อสายไฟ ที่ทุกบ้านควรมี เนื่องจากเบรกเกอร์จะทำหน้าที่ตัดกระแสไฟฟ้าเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ไฟฟ้าลัดวงจร และกระแสไฟฟ้าสูงผิดปกติ เมื่อเบรกเกอร์ทำการตัดกระแสไฟฟ้าแล้ว เราจะต้องทำการกดเบรกเกอร์ใหม่เพื่อให้ไฟฟ้าสามารถใช้งานได้อีกครั้ง
Tips: สำหรับบางบ้าน อาจเพิ่มเครื่องตัดไฟรั่วเข้ามาด้วย เพื่อเสริมความปลอดภัยอีกหนึ่งชั้น และป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อระบบไฟฟ้าภายในบ้าน
อ่านบทความอื่นที่เกี่ยวข้อง
- 5 ชนิดของสายไฟฟ้า ที่ใช้ภายในบ้าน หรือในอาคาร
- สีของ สายไฟ มีความหมายอย่างไรบ้างนะ… ???
สาระน่ารู้ มาตรฐานของอุปกรณ์เกี่ยวกับไฟฟ้า
ก่อนตัดสินใจเลือกใช้ อุปกรณ์ต่อสายไฟ และ อุปกรณ์ไฟฟ้า ชนิดใด ๆ ก็ตาม สิ่งสำคัญคือ การเลือกซื้ออุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานภายในครัวเรือน ซึ่งมาตรฐานของอุปกรณ์เกี่ยวกับไฟฟ้าสามารถแบ่งออกเป็น 3 มาตรฐาน ได้แก่
- มาตรฐานสากล
- ISO เป็นมาตรฐานทั่ว ๆ ไปของทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- IEC เป็นมาตรฐานขององค์กรระหว่างประเทศเกี่ยวกับไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยการันตีว่า อุปกรณ์ต่อสายไฟ และอุปกรณ์ต่าง ๆ มีมาตรฐานการออกแบบ การผลิต และการใช้งานที่เป็นไปในทางเดียวกันหรือไม่
- มาตรฐานประจำชาติ
- สหรัฐอเมริกา ได้แก่ ANSI และ NEC (เป็นมาตรฐานการออกแบบและติดตั้งระบบ อุปกรณ์ต่อสายไฟ ที่นิยมมากที่สุดในประเทศไทย)
- สหราชอาณาจักรอังกฤษ คือ BS
- ประเทศเยอรมนี คือ DIN และ VDE
- ประเทศญี่ปุ่น คือ JIS
- ประเทศไทย คือ YIS (มอก.) และ EIT (วสท.)
- มาตรฐานของแต่ละหน่วยงาน
เป็นการนำเอามาตรฐานสากล และมาตรฐานประจำชาติต่าง ๆ มาประยุกต์ให้เหมาะสมกับหน่วยงานแต่ละหน่วยงาน เช่น มาตรฐานของ อุปกรณ์ต่อสายไฟ และการติดตั้งในประเทศไทย โดยส่วนมากจะใช้ตาม NEC และนำมาตรฐานของ IEC มาใช้ร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ไฟฟ้า ทั้ง 7 ชนิด ดังกล่าวข้างต้น เป็นเพียงอุปกรณ์ที่ช่วยเรื่องการทำงานของระบบไฟฟ้าภายในอาคารและบ้านเรือนโดยคร่าว ๆ เท่านั้น เพราะยังมี อุปกรณ์ต่อสายไฟ ตลอดจนอุปกรณ์ในการใช้งานอีกหลากหลายชนิดที่จำเป็นต่อระบบไฟฟ้า ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเลือกใช้อุปกรณ์ใด ๆ ก็ตาม สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ การเลือกซื้ออุปกรณ์ให้เหมาะสมต่อการใช้งาน และมีมาตรฐานรองรับเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานนั่นเอง