สวัสดีค่ะ พบกับความรู้เรื่องประวัติศาสตร์และโบราณคดีกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชุมพร กันอีกแล้วนะคะ ตอนนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก สุวรรณภูมิ ใช่ไหมค่ะ
ในอดีต คำว่า สุวรรณภูมิ เป็นที่รู้จักกันในกลุ่มนักวิชาการทางด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และผู้ที่ศึกษาความเป็นมาของพระพุทธศาสนาค่ะ แต่ในปัจจุบัน
สุวรรณภูมิ ถือได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยในชื่อ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือที่เรียกว่า สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินใหม่ ทันสมัย และเป็นอีกหนึ่งแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวให้นำเงินตราเข้าประเทศ และในวันนี้ (28 ก.ย.49) ยังเป็นวันเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการอีกด้วยค่ะ
แต่เพื่อนๆ เคยสงสัยไหมค่ะว่าชื่อ สุวรรณภูมิ หมายถึงอะไรและมีความสำคัญกับประเทศไทยอย่างไร
วันนี้เรามาทำความรู้จักกับสุวรรณภูมิ ด้วยกันนะคะ
คำว่า สุวรรณภูมิ แปลตามรากศัพท์ได้ว่า ดินแดนแห่งทองคำ โดยปรากฏชื่อในวรรณกรรมของตะวันตกและตะวันออกว่า ดินแดนสุวรรณภูมิเป็นดินแดนที่พวกพ่อค้าชอบเดินทางไปค้าขายเพื่อหวังความร่ำรวย และภัมภีร์มหาวงศ์ของลังกายังระบุว่าพระเจ้าอโศกมหาราชได้ส่งสมณทูตมาเผยแผ่พระพุทธศาสนายังดินแดนสุวรรณภูมิอีกด้วย
นักวิชาการได้ให้ข้อสมมุติฐานเกี่ยวกับสุวรรณภูมิไว้ 3 ประการ คือ
ประการที่ 1.
สุวรรณภูมิ หมายถึง ดินแดนที่อุดมไปด้วยแร่ทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นแร่ธาตุที่หายาก ดังนั้นเมื่อมีข่าวลือว่ามีทองคำในบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำให้พ่อค้าตื่อนตัวที่จะเดินทางมาค้าขายเพื่อแสวงหาทองคำ ในเรื่องนี้ศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ ได้ตั้งสมมุติฐานไว้ว่า เนื่องจากเกิดภาวะวิกฤตในแบคเตรียช่วงพุทธศตวรรษที่
4 ทำให้อินเดียไม่สามารถซื้อทองคำจากไซบีเรียได้ อินเดียจึงหันไปซื้อทองคำจากอาณาจักรโรมัน ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 6 - 7 จักรพรรดิโรมันสั่งห้ามไม่ให้ทองออกนอกอาณาจักรโรมัน พวกพ่อค้าอินเดียจึงมุ่งไปทางดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อแสวงหาทองคำ อย่างไรก็ตามข้อสันนิษฐานนี้ยังไม่มีหลักฐานทางโบราณคดีมาสนับสนุน แม้จะมีหลักฐานว่ามีเหมืองทองคำในมาเลเชียและเกาะสุมาตรา แต่ก็เป็นทองคำคุณภาพต่ำที่ถูกนำมาผลิตเป็นเครื่องประดับด้วยเทคนิควิธีแบบพื้นบ้าน
ประการที่ 2
สุวรรณภูมิ หรือดินแดนแห่งทองคำ อาจหมายถึงดินแดนที่มีแหล่งผลิตเครื่องใช้สำริดที่มีส่วนผสมของดีบุกในปริมาณสูง ซึ่งทำให้ผิววัตถุมีสีเหลืองคล้ายสีทอง ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวอินเดีย สันนิฐานว่าพื้นที่ด้านตะวันตกของภาคกลางประเทศไทย น่าจะเป็นแหล่งผลิตเครื่องมือเครื่องใช้สำริด เรื่องจากได้ขุดพบเป็นจำนวนมากจากแหล่งโบราณคดีบ้านดอนตาเพชร อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี
ประการที่ 3
สุวรรณภูมิอาจสื่อความหมายในเชิงเปรียบเทียบว่าหมายถึง ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรต่างๆ โดยเฉพาะเครื่องเทศและของป่า ซึ่งจัดเป็นสินค้าที่มีราคาแพง ดังนั้นเมื่อพ่อค้าเดินไปมาค้าขายในบริเวณนี้แล้วจะร่ำรวยกลับไป จึงเปรียบเทียบว่า ดินแดนแห่งทอง
รู้จักความหมายของ สุวรรณภูมิ และข้อสันนิษฐานต่างๆ ไปบ้างแล้วนะคะ
คราวหน้าเรามาทำความรู้จักสุวรรณภูมิกันต่อค่ะ สำหรับวันนี้ลาไปก่อน จนกว่าจะพบกันใหม่ค่ะ
เอกสารอ้างอิง
- ผาสุข อินทราวุธ, ศ.ดร. สุวรรณภูมิจากหลักฐานทางโบราณคดี. ภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2548.
|
ดินแดนสุวรรณภูมิ สุวรรณภูมิ เป็นชื่อเรียกดินแดนที่มีการกล่าวถึงในคัมภีร์โบราณหลายฉบับในทางพระพุทธศาสนา ซึ่งคำว่าสุวรรณภูมินี่มีความหมายว่า แผ่นดินทอง ดินแดนสุวรรณภูมิ จึงแปลว่า ดินแดนแห่งทองคำ หมายถึงดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ ปรากฏในคัมภีร์ของพระพุทธศาสนา ส่วนมากปรากฏในคัมภีร์ชาดก (เรื่องราวที่มีอดีตมายาวนาน) เช่น มหาชนกชาดก
กล่าวถึงพระมหาชนกเดินทางมาค้าขายที่สุวรรณภูมิ แต่เรือแตกกลางทะเล ในสมัยสังคายนาครั้งที่ 3 ราว พ.ศ. 234 พระเจ้าอโศกมหาราชได้ส่งพระธรรมทูตมาเผยแผ่พุทธศาสนาที่สุวรรณภูมิ โดยมีพระโสณเถระและพระอุตตรเถระเป็นประธาน เมื่อท่านมาถึง ได้ปราบผีเสื้อสมุทรที่ชอบเบียดเบียนชาวสุวรรณภูมิ ทำให้ชาวสุวรรณภูมิเลื่อมใส จากนั้นท่านได้แสดงพรหมชาลสูตร เป็นที่น่าสังเกตว่า ตอนปราบผีเสื้อสมุทร ท่านได้สวดพระปริตรป้องกันเกาะสุวรรณภูมิไว้ จึงมีคำเรียก สุวรรณภูมิ อีกชื่อหนึ่งว่า สุวรรณทวีป แปลว่า เกาะทอง
เมื่อสันนิษฐานจากสองคำนี้ ทำให้ได้ข้อสรุปอย่างน้อย 2 อย่าง คือ 1. สุวรรณภูมิ เป็นดินแดนที่เป็นแผ่นดินใหญ่ 2. สุวรรณทวีป คือ เกาะที่อยู่ติดกับสุวรรณภูมิ และเนื่องจากในชาดกกว่าว่า สุวรรณภูมิอยู่ทางทิศตะวันออกของอินเดีย เมื่อพิจารณาจากแผนที่โลก จึงน่าจะสันนิษฐานได้ต่อไปว่า สุวรรณภูมิ คือส่วนที่เป็นแผ่นดิน ได้แก่ ประเทศพม่า ลาว ไทย กัมพูชา
ส่วนสุวรรณทวีปซึ่งเป็นเกาะ น่าจะได้แก่ เกาะชวา สุมาตรา หรืออินโดนีเซีย ตลอดทั้งฟิลิปปินส์ เมื่อพิจารณาหลักฐานทางโบราณคดีเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาพบว่า เมืองหงสาวดี และเมืองนครปฐมสมัยทวารวดี มีอายุเก่าแก่ที่สุด และร่วมสมัยกัน คือ ราวพุทธศตวรรษที่ 6 “สุวรรณภูมิ” คืออะไร “สุวรรณภูมิ” อาจเป็นชื่อหนึ่ง ที่บางท่านทราบเพียงว่า เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช แด่ท่าอากาศยานนานาชาติแห่งใหม่ของประเทศไทย ในชื่อ
“ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ หรือ สนามบินสุวรรณภูมิ” ซึ่งคงเป็นที่ที่ใครหลายคนคงได้ผ่านเข้าออกมาหลายครั้งหลายคราว หากแต่ความหมายของ “สุวรรณภูมิ” นั้นมีความเป็นมาที่กว้างไกล แต่มีจุดเริ่มต้นใกล้ตัวเราชาวอุษาคเนย์อย่างคาดไม่ถึง คำว่า “สุวรรณภูมิ” หากแปลตามรูปศัพท์แล้วหมายถึง แผ่นดินทอง หรือ ดินแดนทอง ซึ่งฟังคุ้นหูกันดี แต่คำเรียกเฉพาะที่อาจคุ้นกว่า คือ แหลมทอง อันหมายถึง บริเวณผืนแผ่นดินใหญ่ของอุษาคเนย์ หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ตั้งแต่เมื่อราว 2,500 ปี มาแล้ว ดินแดนนี้นับว่าเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งสัตว์, พืชพันธุ์ธัญญาหาร และแร่ธาตุต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งของกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลายที่ล้วนเป็นเครือญาติทางสังคมวัฒนธรรม และเป็นบรรพบุรุษของไทยในทุกวันนี้ ในเอกสารโบราณที่สำคัญต่างๆ อาทิ มหาวงศ์ พงศาวดารลังกา ชาดกพุทธศาสนาในอินเดีย และไปจนถึงนิทานเปอร์เซียในอิหร่าน เป็นต้น แสดงให้เห็นถึงหลักฐานว่าชาวสิงหล(ลังกา) ชาวชมพูทวีป(อินเดีย) รวมทั้งชาวอาหรับ-เปอร์เซีย
(อิหร่าน) ผู้เป็นนักเดินทางผจญภัยแลกเปลี่ยนค้าขายสิ่งของเครื่องใช้ ต่างพากันเรียกผืนแผ่นดินใหญ่ของอุษาคเนย์โบราณว่า สุวรรณภูมิ มาไม่น้อยกว่า 2,500 ปีมาแล้ว โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่พระเจ้าอโศกได้ส่งพระโสณเถระและพระอุตตรเถระมาเผยแผ่พุทธศาสนายังดินแดนที่ชื่อ “สุวรรณภูมิ” การที่เรื่องราวดังกล่าวได้ปรากฎอยู่ในคัมภีร์มหาวงศ์ พงศาวดารลังกา ที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 10 แต่ไม่มีปรากฎอยู่ในบันทึกของพระเจ้าอโศก
ทำให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องที่แน่นแฟ้นกันของสุวรรณภูมิและลังกาในช่วงเวลานั้น และนอกจากชนชาติต่างๆดังกล่าวแล้ว ชาวฮั่น(จีน)ยุคโบราณเอง ก็เรียกดินแดนนี้ว่า จินหลิน หรือ กิมหลิน ซึ่งมีความหมายเดียวกับชื่อ สุวรรณภูมิ ที่แปลว่า แผ่นดินทอง ดินแดนทอง แหลมทอง นั่นเอง ด้วยเหตุนี้ สุวรรณภูมิ จึงไม่ใช่ชื่อรัฐหรืออาณาจักร แต่เป็นชื่อดินแดนแผ่นดินใหญ่ของอุษาคเนย์หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปัจจุบัน ที่ขนาบด้วย 2 มหาสมุทร คือ มหาสมุทรแปซิฟิก
อยู่ทางด้านทิศตะวันออก กับมหาสมุทรอินเดียอยู่ทางด้านตะวันตก ส่งผลให้ดินแดนสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนค้าขาย หรือ “จุดนัดพบ” ระหว่างโลกตะวันตก (หมายถึงอินโด-เปอร์เซีย และอาหรับ) กับโลกตะวันออก (หมายถึงจีนฮั่นและอื่นๆ) มีความมั่งคั่งและมั่นคงแล้วมีรัฐใหญ่ๆ เกิดขึ้นในยุคต่อๆมา เช่น ทวารวดี, ฟูนัน, เจนละ, ศรีวิชัย, ทวารวดีศรีอยุธยา, ละโว้-อโยธยาศรีรามเทพนคร จนถึงกรุงศรีอยุธยา ฯลฯ ดึงดูดให้ผู้คนจากที่ต่างๆทุกทิศทางเคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งหลักแหล่ง
ทำให้เกิดความหลากหลายทางชาติพันธุ์ที่ผสมผสานทางสังคมวัฒนธรรมและเผ่าพันธุ์จนเป็น “คนไทย” และเครือญาติชาติต่างๆในอุษาคเนย์ปัจจุบัน ความบริบูรณ์ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวดังกล่าว สุวรรณภูมิ เป็นนามอันเป็นมงคลที่คนแต่ก่อนยกย่องใช้เรียกชื่อบ้านนามเมืองสืบเนื่องหลายยุคสมัย ได้แก่ รัฐสุพรรณภูมิ (ราวหลัง พ.ศ. 1600) จนเป็นเมืองสุพรรณ (ราวหลัง พ.ศ. 1800) และจังหวัดสุพรรณบุรี รวมทั้งชื่อ เมืองสุวรรณภูมิ (ราว พ.ศ. 2315 สมัยกรุงธนบุรี) แล้วเปลี่ยนเป็นอำเภอ สุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด
เมื่อราว 100 ปีมาแล้ว ดังนั้นนาม สุวรรณภูมิ จึงสอดคล้องกับดินแดนที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและความอุดมสมบูรณ์ ทั้งทรัพยากรแผ่นดิน กลุ่มชาติพันธุ์ ประกอบกับที่ตั้งอันเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการค้าโลกตะวันออก-ตะวันตก สมกับชื่อ แผ่นดินทอง อันเป็นถิ่นฐานของบรรพชนคนไทยนั่นเอง //th.wikipedia.org/wiki/ดินแดนสุวรรณภูมิ
//www.sujitwongthes.com/suvarnabhumi/2011/03//“สุวรรณภูมิ”-คืออะไร-2/
|
|