เป็นที่รู้กันว่าตลาดแท็บเล็ตช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้กำลังคึกคักสุดๆ โดยเฉพาะช่วงราคาหมื่นต้นๆ และบทความนี้เราจะนำรุ่นที่กำลังน่าสนใจอย่าง Samsung Galaxy Tab A8 มาเทียบกับ iPad Gen9 ไว้เป็นตัวช่วยสำหรับการตัดสินใจ เพื่อใครที่กำลังลังเลว่าจะซื้อรุ่นไหนดี
เปิดตัว GALAXY TAB A8 แท็บเล็ตจอใหญ่ แบตยักษ์ เต็มอิ่มทั้งเรื่องเรียนและความบันเทิง
ดีไซน์
ประเดิมกันด้วยรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวในไทยกันก่อน Samsung Galaxy Tab A8 แม้จะเป็นแท็บเล็ตจากซีรีส์ระดับกลางแต่ดีไซน์มีความสวยทันสมัยเทียบเท่ากับตระกูล Tab S Series
ตัวเครื่องอัพเกรดจากรุ่นก่อนโดยใช้วัสดุโลหะให้สัมผัสที่แข็งแรงด้านหน้าคลุมด้วยกระจก ขนาดเครื่องก็กำลังพอดีจับถนัดมือทั้งเด็กและผู้ใหญ่อยู่ที่ 246.8 x 161.9 x 6.9 มม. และหนักแค่ 508 กรัมเท่านั้น
Galaxy Tab A8 เป็นแท็บเล็ตที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในแนวนอนเป็นหลัก โดยที่ยังเหลือพื้นที่ขอบหน้าจอไว้เล็กน้อยเพื่อเป็นจุดสำหรับถือเครื่องแล้วมือไม่ไปสัมผัสกับจอ ขณะที่ตัวกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ถูกจัดวางไว้ที่ขอบเครื่องด้านข้างซึ่งเป็นองศามุมมองรับภาพที่เหมาะมากเวลาใช้วีดีโอคอล
พลิกมาอีกฝั่งของเครื่องจะพบกับกล้องหลัง 8MP AF ซึ่งถ้าถือเครื่องแนวนอนก็จะอยู่ที่มุมขวาบน และมีโลโก้ Samsung อยู่ที่มุมซ้ายบน ส่วนตัวเลือกสีของแท็บเล็ตก็มีทั้ง เทา (Gray) และ พิงค์โกล (Pink Gold)
สำหรับส่วนขอบเป็นแบบตัดเรียบรอบด้านปุ่มพาวเวอร์ และปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ตรงส่วนขอบด้านบน ถ้าเป็นรุ่นที่รองรับซิมการ์ด จะมีช่องใส่ซิมอยู่ที่ขอบเครื่องด้านล่าง
ส่วนหัวและท้ายของเครื่องมีลำโพงติดตั้งมาให้สี่จุด สำหรับพอร์ต USB-C อยู่ที่ฝั่งท้ายของเครื่อง และมีช่องสำหรับเสียบหูฟัง 3.5มม. มาให้ตรงมุมขอบเครื่อง
มาต่อกันที่ตัว iPad Gen9 จาก Apple ซึ่งเปิดตัวมาเมื่อช่วงเดือนกันยายนปี 2021 ซึ่งงานดีไซน์ส่วนตัวค่อนข้างผิดหวังเพราะยังยึดของเก่ามาจากตัว iPad Gen8
วัสดุตัวเครื่องเหมือนของ Samsung คือฝาหลังเป็นโลหะเกลาขอบมน ขณะที่ด้านหน้าคลุมด้วยกระจกเคลือบสารกันรอยนิ้วมือ ขนาดเครื่องอยู่ที่ 250.6 x 174.1 x 7.5 มม. และหนักราว 487 กรัม ไม่ได้เบาไปกว่า Galaxy Tab A8 มากนัก
การจัดวางตำแหน่งต่างๆ iPad Gen9 ก็ยังเหมือนที่ผ่านมาคือยึดการใช้งานในแนวตั้งเป็นหลักที่ขอบจอด้านบนมีกล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล และขอบจอด้านล่างมีปุ่ม Home ที่เป็นเซ็นเซอร์ Touch ID สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งการออกแบบดังกล่าวจะทำให้ iPad รุ่นนี้มีขอบจอด้านบนและล่างที่หนากว่า Galaxy Tab A8
ผลิกมาด้านหลังมีกล้อง 8 ล้านพิกเซล ที่มุมซ้ายบน (หรือขวาบนถ้าถือเครื่องแนวนอน) และมีโลโก้ Apple กลางหลังเครื่อง ส่วนสีที่ขายแม้จะมี 2 สีแต่ก็เป็นเฉดเดียวกันอย่าง เงิน (Silver) กับ เทา (Space Gray)
ขอบเครื่องฝั่งขวามีปุ่มปรับระดับเสียง ถ้าเป็นรุ่น Cellular จะมีช่องใส่ซิมด้วย ส่วนขอบเครื่องด้านบนมีปุ่มพาวเวอร์, ไมโครโฟน กับช่องเสียบหูฟัง 3.5มม. ขณะที่ด้านล่างมีลำโพงสเตอริโอ กับช่องต่อพอร์ต Lightning
หน้าจอ
หน้าจอของ Samsung Galaxy Tab A8 มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 10.5 นิ้ว เป็นจอ TFT ความละเอียด WUXGA (1920×1200 พิกเซล) ให้ภาพที่สวยงาม และ เต็มจอมากขึ้น ด้วยการพัฒนาอัตราส่วนการแสดงผลเป็น 16:10 ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ เหมาะแก่การดูหนัง รับชมคอนเท้นต่างๆ หรือแม้แต่การเรียน เพราะในปัจจุบันตัวแพลตฟอร์มทั้ง YouTube และ Netflix ต่างก็แสดงผลเป็น 16:9 ส่วนอัตรารีเฟรชเรทอยู่ที่ 60Hz เรียกว่าเป็นสเปคที่อัพเกรดจากรุ่นที่ผ่านมาอย่างชัดเจนใช้ดูหนัง เล่นเกม ได้เพลินๆ
ในส่วนของ iPad Gen9 เป็นจอ Retina Display เทคโนโลยี IPS ขนาด 10.2 นิ้ว ความละเอียด 2160 x 1620 พิกเซล ให้สีสันสดใสและเก็บรายละเอียดได้ดี รองรับการแสดงผลแบบ TrueTone สามารถดันความสว่างได้สูงสุด 500nits และรองรับการทำงานร่วมกับปากกา Apple Pencil (Gen1)
คุณภาพลำโพง
หนึ่งในเป้าหมายที่คนเลือกซื้อแท็บเล็ตแน่นอนว่าต้องเป็นการซื้อมาเพื่อดูหนังหรือเล่นเกม รวมถึงการเรียนออนไลน์ เพราะฉะนั้นคุณภาพเสียงย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญ
ใน Galaxy Tab A8 ทาง Samsung ใส่เต็มข้อยัดลำโพงมาแบบเน้นๆ 4 ตัว (Quad-Speaker) อยู่ที่ส่วนหัวและท้ายของเครื่อง ให้มิติเสียงแบบรอบทิศทางใช้ดูหนัง-ฟังเพลงได้เต็มอารมณ์ พร้อมด้วยระบบเสียง Dolby Atmos เพื่อขับคุณภาพเสียงที่สมบูรณ์แบบ ดังชัดแบบมีมิติ
ด้วยจุดนี้ทำให้รู้สึกว่าแท็บเล็ตของ Samsung มีความเป็นต่อเมื่อเทียบกับฝั่ง Apple ที่ใช้ลำโพงสเตอริโอคู่ Dual Speakers ติดตั้งมาที่ส่วนท้ายเครื่อง ถ้าถามว่าเสียงดังชัดดีไหม ก็ตอบได้ว่าดังชัดตามมาตรฐาน แต่ก็รู้สึกธรรมดาไปหน่อยเมื่อเทียบกับของคู่แข่ง
ประสิทธิภาพการใช้งาน
Galaxy Tab A8 อัดแน่นมาด้วยพลังและประสิทธิภาพโดยใช้ชิปเซต Unisoc Tiger T618 กำลังประมวลผลแบบ Octa-core มีแกน Cortex-A75 2.0GHz มาให้ 2 แกนกับ Cortex-A55 2.0 GHz อีก 6 แกน ตัว GPU เป็น Mali G52 MP2 ให้กำลังประมวลผลทั้ง CPU และ GPU ที่แรงขึ้นกว่ารุ่นก่อน 10%
เพื่อมอบการใช้งานที่รวดเร็วและราบรื่นไม่ติดขัด Samsung Galaxy Tab A8 ก็ยังมาพร้อมกับความจุ RAM 4GB อัพเกรดจากรุ่นก่อนหน้าที่มี RAM 3GB พร้อม ROM ขนาด 64GB รองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำเสริม microSD ได้สูงสุดถึง 1TB นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ขนาด 7,040mAh รองรับชาร์จเร็วสูงสุด 15W
ทางด้าน iPad Gen9 เลือกใช้งานชิป A13 Bionic ซึ่งเป็นชิปของปี 2019 โดยมาพร้อมพร้อมสถาปัตยกรรม 64บิต ประมวลผล Hexa-core กำลังสูงสุด 2.65GHz ซึ่ง Apple เคลมว่าเร็วกว่า iPad Gen8 ถึง 20%
ส่วนความจุ RAM ตามธรรมเนียมแล้ว Apple จะไม่ระบุไว้บนหน้าสเปคแต่จากข้อมูลที่ค้นมาก็น่าจะอยู่ที่ 3GB เรื่องความจำตัวเครื่องก็มี 64GB และ 256GB ไม่ได้รองรับหน่วยความจำเสริม ขณะที่แบตเตอรี่ก็ไม่ได้มีการระบุขนาดไว้แต่น่าจะอยู่ที่ 8557mAh และไม่มีการยืนยันว่ารองรับชาร์จไวด้วยหรือไม่
เรื่องการใช้งานต้องบอกเลยว่าแท็บเล็ตทั้งสองรุ่นมีการประมวลผลที่ลื่นไหล ใช้ได้ดีทั้งในแง่ของการเรียน, การทำงาน หรือจะเป็นการเล่นเกม รวมถึงการทำงานร่วมกับระบบอีโคซิสเต็มของตัวเอง ซึ่งถ้าเป็นแท็บเล็ต Samsung Galaxy ขอบเขตก็จะกว้างหน่อยเพราะนอกจากจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่เป็นของ Samsung ได้อย่างไร้รอยต่อแล้ว ก็ยังรองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Android ของแบรนด์อื่นๆ ด้วย
นอกจากนี้ใครที่ใช้งาน Samsung Galaxy Tab A8 ก็ยังมีสารพัดฟีเจอร์ที่จะทำให้ชีวิตการทำงานหรือการเรียนง่ายขึ้นทั้ง
- Screen Recorder : ฟีเจอร์ที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องเรียนหรือประชุมออนไลน์ โดยที่เราสามารถบันทึกภาพและเสียงจากหน้าจอขณะเรียนหรือประชุมออนไลน์ เพื่อย้อนกลับมาดู และทบทวนภายหลังได้
- Multi-Active Window : ฟีเจอร์การทำงานแบบ Multitasking อย่างการแบ่งหน้าจอและเปิดสองแอปฯ พร้อมกัน หรือแม้กระทั่งเพิ่มหน้าต่างลอยแบบ Pop up รวมถึงความสามารถในการ Drag&Split แชร์เนื้อหาระหว่างแอปฯ ผ่านการลากและวางได้อีกด้วย
- Samsung Kids : พื้นที่การใช้งานสำหรับเด็กที่อุดมไปด้วยแอปพลิเคชั่นเพื่อการเรียนรู้ ขณะที่ตัวผู้ปกครองสามารถกำหนดและตั้งค่าการเข้าถึงเนื้อหาบนแท็บเล็ตให้กับบุตรหลานที่อยู่ในการดูแลได้
สำหรับการเชื่อมต่อ Galaxy Tab A8 และ iPad Gen9 ก็มีวางจำหน่ายทั้งรุ่นที่เป็น Wi-Fi และรุ่นที่เป็น LTE ใครที่สะดวกใช้งานแบบไหนก็เลือกได้ตามใจชอบ
อย่างไรก็ดียังมีข้อสังเกตนิดนึงในเรื่องส่วนต่างของราคาของสองเวอร์ชั่นในแท็บเล็ตทั้งสองรุ่น ถ้าเป็นของ Samsung จะมีส่วนต่างของรุ่น Wi-Fi กับ LTE อยู่แค่ 1,000 บาทเท่านั้น แต่สำหรับแท็บเล็ต Apple ส่วนต่างราคาสูงถึง 5,000 บาทเลยทีเดียว
กล้องหน้า+กล้องหลัง
เรื่องของกล้องถ้าเป็นกล้องหลังทั้งสองรุ่นมีสเปคใกล้เคียงกันโดยที่ Samsung Galaxy Tab A8 และ iPad Gen9 ให้ความละเอียดมาเท่ากันที่ 8 ล้านพิกเซล เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป อย่างการถ่ายรูปเอกสารต่างๆ, ถ่ายกระดาน หรือภาพสไลด์ เวลาอยู่ในคลาสหรือในห้องประชุม
สำหรับกล้องหน้าอันนี้ต้องยกให้ iPad Gen9 ที่ทำได้ว้าวกว่า (ถ้าไม่นับเรื่องตำแหน่งการจัดวาง) โดยที่แท็บเล็ตมาพร้อมกล้องหน้า FaceTime HD เลนส์ Ultrawide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีฟีเจอร์ Center Stage ที่กล้องจะเลื่อนซูมตามการเคลื่อนไหวของผู้สนทนาเพื่อจัดเฟรมให้อยู่ตรงกลางเสมอ
ในส่วนของ Galaxy Tab A8 ใส่กล้องหน้าเลนส์ Wide มาให้ 5 ล้านพิกเซล ซึ่งก็เพียงพอต่อการใช้งานในรูปแบบ Video Call และมีโหมดถ่ายภาพต่างๆ อย่างโหมด Beauty และโหมด Portrait
ราคา
ส่งท้ายด้วยเรื่องของราคา Galaxy Tab A8 มีให้เลือกแค่หน่วยความจำเดียว 4GB+64GB รุ่น LTE สนนราคาที่ 10,990 บาท และรุ่น Wi-Fi ราคา 9,990 บาท หาซื้อได้ ณ Samsung Experience Store, samsung.com และร้านค้าที่ร่วมรายการ พร้อมสิทธิประโยชน์ YouTube Premium ฟรี 2 เดือน และ Galaxy Gift ต่างๆมากมาย
ทางด้าน iPad Gen9 มีขาย 2 หน่วยความจำ 64GB รุ่น Wi-Fi ราคา 11,400 บาท รุ่น LTE ราคา 16,400 บาท และรุ่น 256GB รุ่น Wi-Fi ราคา 16,900 บาท รุ่น LTE 21,900 บาท
ส่วนตัวมองว่าแท็บเล็ต Samsung ดูจะมีราคาที่เป็นมิตรเหมาะสำหรับคนทำงาน และนักเรียนนักศึกษา ที่ต้องเรียนผ่านทางออนไลน์ แต่สุดท้ายก็ต้องบอกกันไว้ก่อนว่านอกจากเรื่องของราคาแล้ว มันก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีก ที่ผู้อ่านจะใช้เพื่อหาแท็บเล็ตที่เหมาะสำหรับคุณจริงๆ ทางเราเองก็เพียงแต่นำเสนอข้อมูลนำมาเปรียบเทียบเพื่อช่วยในการตัดสินใจของคุณเท่านั้น