Samsung Galaxy A53 5G มือถือสเปคเทพรุ่นใหม่ของ Samsung ในงบไม่เกิน 15,000 บาท ที่นอกจากจะได้ชิปที่เรียกได้ว่าแรงแล้วยังได้กันสั่น OIS สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น แถมยังได้ได้กันน้ำ-กันฝุ่น IP67 อีกด้วย เรียกได้ว่าในราคาค่าตัว 14,499 บาทได้สเปคมาแบบคุ้มจัดๆ เลย ซึ่งจากที่ทางทีมงานได้ลองเอา Samsung Galaxy A53 5G ไปลองใช้งานมาระยะหนึ่งนั้น การใช้งานตัวเครื่องจะเป็นอย่างไรเราจะมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกัน
- สเปค
- ดีไซน์
- ระบบปฏิบัติการ
- การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
- การเล่นเกม
- การถ่ายภาพ
- สรุปการรีวิว
สเปคของ Samsung Galaxy A53 5G
- หน้าจอ : Super AMOLED, ขนาด 6.5 นิ้ว, ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล (Full-HD+), Refresh Rate 120Hz
- ชิปประมวลผล : Samsung Exynos 1280 (5nm)
- แรม / ความจุ : 8GB / 128GB รองรับ MicroSD สูงสุด 1TB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1: 64 MP, f/1.8, OIS (wide)
- ตัวที่ 2: 12 MP, f/2.2, 123˚ (ultrawide)
- ตัวที่ 3: 5 MP, f/2.4 (macro)
- ตัวที่ 4: 5 MP, f/2.4 (depth)
- กล้องหน้า : 32 MP, f/2.2
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 25W Super Fast Charge
- ระบบปฏิบัติการ : Android 12 ครอบทับด้วย OneUI 4.1
- การเชื่อมต่อ :
- 5G Sub-6GHz
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual band
- Bluetooth 5.1
- GPS, Glonass, Beidou, Galileo, QZSS
- NFC
- USB Type-C 2.0
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint (ใต้หน้าจอ, Optical)
- Accelerometer
- Fingerprint Sensor
- Gyro Sensor
- Geomagnetic Sensor
- Hall Sensor
- RGB Light Sensor
- Virtual Proximity Sensing
- กันน้ำ-กันฝุ่น : IP67
- ขนาด : 159.6 x 74.8 x 8.1 มม.
- น้ำหนัก : 189 กรัม
- สี : Awesome Blue, Awesome Black, Awesome Peach
- ราคา : 14,499 บาท
หน้าสเปคเต็ม
ดีไซน์ของ Samsung Galaxy A53 5G
ในด้านการดีไซน์ของ Galaxy A53 5G นั้น ตัวเครื่องจะมาพร้อมหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ที่เป็นพาแนล Super AMOLED มีความละเอียดระดับ Full-Hd+ และมีอัตรารีเฟรชที่สูงถึง 120Hz ซึ่งด้วยการที่ตัวหน้าจอเป็นแบบ Infinity-O ทำให้พื้นที่แสดงผลมีเยอะขึ้น ขอบจอมีความบาง ช่วยให้ตัวเครื่องไม่ใหญ่จนเกินไป สำหรับกล้องเซลฟี่ที่อยู่กลางหน้าจอนั้นจะมีความละเอียดถึง 32 MP
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องนั้นในครั้งนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากตอน Galaxy A52s 5G เล็กน้อยคือในส่วนของโมดูลกล้องที่นูนขึ้นมามีการออกแบบใหม่ให้มีความโค้งมนมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ตัวโมดูลดูกลมกลืนกับพื้นผิวมากยิ่งขึ้น สำหรับสีสันของตัวเครื่องจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สีคือ Awesome Blue, Awesome Black, Awesome Peach และที่ทีมงาน Specphone ได้มาก็คือสี Awesome Peach นั่นเอง
สำหรับปุ่มรอบตัวเครื่องทั้งหมดจะรวมกันอยู่ที่ฝฝั่งขวาทั้งปุ่มเปิด-ปิดเครื่องและปุ่มปรับระดับเสียงเลย ส่วนฝั่งซ้ายจะไม่มีอะไรเลย
ที่ด้านบนของตัวเครื่องจะมีเพียงแค่ไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนอยู่ตัวเดียวโดดๆ
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องนั้นทั้งลำโพง พอร์ตชาร์จ ไมโครโฟน และช่องใส่ซิมจะรวมกันอยู่ที่นี่หมด โดยตัวถาดซิมจะเป็นแบบ Hybrid-slot คือต้องเลือกใส่ระหว่าซิม 2 และ MicroSD
สำหรับภายในกล่องของ Samsung Galaxy A53 5G นั้นนอกจากตัวเครื่องแล้วก็จะมีเพียงสายชาร์จ เข็มจิ้มซิม และหนังสือคู่มือมาให้เท่านั้น ไม่มีอะแดปเตอร์ชาร์จแถมมาให้ตามนโยบายรักโลกของ Samsung จำเป็นต้องไปซื้อหัวชาร์จมาเพิ่มเอง โดยหัวชาร์จ 25W จะมีราคาอยู่ที่ 490 บาท
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการของ Galaxy A53 5G นั้นเป็น Android 12 ที่ครอบทับด้วย OneUI 4.1 ซึ่งหน้าตาเองก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมมาก เพียงแต่มีฟีเจอร์ใหม่ๆ มาให้เพียบ โดยเฉพาะ RAM Plus ที่ในปัจจุบันเป็นของต้องมีในมือถือแทบทุกรุ่น นอกจากนี้ยังมี Link to Windows เวอร์ชั่นใหม่ที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ PC ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น
การใช้งานต่างๆ
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ในด้านการใช้งานในชีวิตประจำวันนั้นด้วยชิปประมวลผล Exynos 1280 ที่มีความแรงในระดับที่แทบจะเท่าชิประดับเรือธงแล้ว ต้องบอกเลยว่าไม่ว่าจะเป็นการเล่นโซเชียลหรือดูหนังก็ลื่นหายห่วง นอกจากนี้ด้วยหน้าจอ 120Hz ยังช่วยให้ภาพที่แสดงผลมีความลื่นไหลยิ่งขึ้นด้วย แต่ที่น่าสนใจสุดๆ เลยก็คืออัตราการบริโภคแบตเตอรี่ที่เรียกได้ว่าอึดจนน่ากลัว เพราะขนาดเอาไปใช้งานมาเกือบ 11 ชั่วโมง ในสภาพที่เชื่อมต่อ 5G อยู่ เปิดหน้าจอ 120hz ตลอดเวลา แถมยังมีการแชร์เน็ตบ้างเป็นบางช่วง ยังสามารถอยู่ได้ครบวันสบายๆ สำหรับในเรื่องการชาร์จนั้นได้ทดสอบชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือเพียง 5% ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 40 นาทีถึงจะชาร์จแบตเตอรี่ให้ขึ้นมาเป็น 50% ได้ และกว่าจะเต็ม 100% ก็ใช้เวลารวมถึง 1 ชั่วโมง 40 นาที เพียงแต่สิ่งที่แลกมากับระยะเวลาชาร์จที่ดูแล้วนานก็คือความร้อนของตัวเครื่องขณะชาร์จที่ไม่ขึ้นเลย ซึ่งการที่เครื่องไม่ร้อนก็ช่วยถนอนแบตเตอรี่ได้อย่างดี
การเล่นเกม
ในเรื่องการเล่นเกมนั้นด้วยชิปประมวลผล Exynos 1280 ที่เป็นรองแค่ Snapdragon 778G แล้วก็นับว่าน่าสนใจ เพราะสามารถเปิดกราฟิกสุดได้ทุกเกมจริงๆ โดยเกมที่ลองเล่นมี RoV, PUBG Mobile, PUBG New State และ Genshin Impact ซึ่งความน่าสนใจคือ PUBG New State สามารถปรับกราฟิกระดับ Ultra และเฟรมเรท Max ได้ แต่ทว่าใน PUBG Mobile กลับตั้งค่ากราฟิกได้แค่ HD เฟรมเรท High เท่านั้น และถึงแม้จะปรับกราฟิกเป็น Low ก็ไม่สามารถปรับเฟรมเรทสูงกว่า High ได้เลย ซึ่งตรงนี้คาดว่าทางตัวเกมน่าจะยังไม่ได้ Optimize ให้เข้ากับชิป Exynos 1280 ก็เป็นได้ สำหรับ RoV นั้นสามารถเปิด 60fps ได้ เพียงแต่ตอนที่เริ่มเล่นแรกๆ ค่าเฟรมเรทจะอยู่ในช่วง 40 – 50fps เท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานก็จะขยับขึ้นเป็น 60 – 61 fps และไม่ตกลงมาอีกเลย คาดว่าตัวเคื่องต้องใช้เวลาปรับการทำงานให้เข้ากับตัวเกมเล็กน้อยแน่ๆ สำหรับคนที่เป็นสายเล่นเกมต้องบอกเลยว่าชิป Exynos 1280 ควบคุมความร้อนได้ค่อนข้างดีเลย เพราะขนาดเล่นต่อเนื่อง 1 ชั่วโมงเต็มๆ ตัวเครื่องยังแค่อุ่นๆ เอง พักเครื่องแค่ 5 – 10 นาทีก็เย็นแล้ว นับว่าช่วยถนอมแบตเตอรี่ได้เยอะเลย
การถ่ายภาพ
ในเรื่องการถ่ายภาพนั้น Galaxy A53 5G มาพร้อมกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัวคือกล้องหลังกความละเอียด 64 MP, ลก้อง Ultrawide คสามละเอียด 12 MP, กล้อง Macro และกล้อง Depth ความละเอียด 5 MP ส่วนกล้องหน้าเป็นกล้องความละเอียด 32 MP ซึ่งจากที่ได้ลองเอาไปถ่ายในหลายๆ สภาพแสงมาต้องยอมรับเลยว่ากล้องของ Galaxy A53 5G รับแสงได้ดีขึ้นพอสมควร สำหรับรายละเอียดภาพและสีสันก็ทำออกมาได้ดีตามสไตล์ Samsung เพียงแต่ในโมหด Portrait นั้นก็มีบางครั้งที่ AI ละลายพื้นหลังได้ไม่เนี่ย หรือเผลอละลายวัตถุไปด้วย ตัวอย่างเช่นเอาไปถ่ายภาพแก้วกาแฟ ตัว AI ก็จะละลายหลอดไปด้วยนั่นเอง สำหรับกล้องหน้านั้นทั้งรายละเอียดและความคมชัดนับงว่าทำได้ดี เพียงแต่พอเอาไปถ่ายด้วย Night Mode แล้วตัวภาพจะเกิดแสงโอเวอร์ที่จะทำให้พื้นหลังสว่างจนเกินไป อันนี้อาจจะต้องตั้งค่าให้ดีก่อนกดถ่าย หรือไม่ก็เอาภาพไปเข้าแอปฯ แต่งภาพอีกครั้งในภายหลัง สำหรับสิ่งที่ทำให้กล้องของ Galaxy A53 5G มีความน่าสนใจก้คือโหดม FUN ที่จะเอาฟิลเตอร์ใน Snapchat มาเป็นฟีเจอร์เสริมให้การถ่ายภาพมีความสนุกยิ่งขึ้น
ตัวอย่างภาพถ่าย
- Food
- Portrait
- 0.6x
- 1x
- 4x
- Night
- Night
- Night
- Night
- FUN
- FUN
- FUN
- FUN
- FUN