กดเครื่องคิดเลข! เปิดสูตรคำนวณ เงินเดือนเท่าไรต้องเสียภาษี
มนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งจบใหม่ไม่รู้ว่าจะต้อง ‘เสียภาษี’ แล้วหรือยัง ทำให้หลายคนยังคงไม่เข้าใจว่าการยื่นภาษีต้องทำอย่างไร และไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นยังไง เพราะถือว่าเป็นน้องใหม่ในโลกการทำงาน ซึ่งไม่เคยยื่นภาษีมาก่อน บ้างก็ว่าเงินเดือนเท่านี้ไม่ต้องเสียภาษีก็ได้ แต่ขณะที่บางคนแย้งว่า เงินเดือนเท่าไรต้องเสียภาษี ‘มติชน’ มีคำตอบ
เงินเดือนเท่าไหร่ต้องเสียภาษี
การเสียภาษีนั้นถือเป็นหน้าที่ขั้นพื้นฐานที่สมาชิกในสังคมต้องปฏิบัติตาม เพราะมีระบุไว้ในกฎหมาย และตามกฏหมายแล้ว ได้ระบุว่าให้บุคคลทุกคนที่มีรายได้จากงานประจำเพียงทางเดียว เว้นแต่ผู้เยาว์ หรือคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีและเสียภาษี ถ้าบุคคลนั้นมีเงินได้เฉพาะเงินเดือน เกิน 319,000 บาทขึ้นไป ต่อปี และแม้ว่ารายได้จะไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีก็ต้องยื่นแบบเหมือนกัน (แต่ไม่ต้องจ่ายภาษี)
วิธีการคิดภาษีที่ต้องจ่าย
สำหรับการคำนวณภาษีที่เราต้องจ่ายนั้นมีหลักง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากดังนี้
สมมติว่าคุณมีเงินเดือน เดือนละ 26,583.33 บาท x 12 เดือน (ต้องคิดทั้งปี) = 319,000 บาท
สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 100,000 บาท + หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท + หักเงินสะสมกองทุนประกันสังคมรวมทั้งปี 9,000 บาท
ค่าใช้จ่ายได้ 50% (แต่ไม่เกิน 100,000 บาท)
จะได้สูตรคำนวนเงินได้สุทธิ ดังนี้
เงินได้ 319,000 บาท – ค่าใช้จ่าย 100,000 บาท – ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท – เงินกองทุนประกันสังคม 9,000 บาท = เงินได้สุทธิ 150,000 บาท
จากนั้นเราก็ไปดูว่ารายได้สุทธิของเราอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีเท่าไหร่
อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ใช้ในการคำนวนภาษี
ดังนั้น บุคคลที่มีเงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท (หรือมีเงินเดือน เดือนละไม่เกิน 26,583.33 บาท) ต้องยื่นภาษี แต่ไม่ต้องเสียภาษี
จะยื่นภาษีอย่างไรดี
การยื่นแบบการเสียภาษีนั้นจะต้องยื่นแบบการเสียภาษีตั้งแต่เดือนมกราคม – มีนาคมของทุกปี ซึ่งการยื่นเสียภาษีนั้นทำได้ง่ายๆ สะดวก ไม่ยุ่งยาก คือ
- ยื่นแบบการเสียภาษีออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ของสรรพากร
- ยื่นภาษีผ่าน Rd smart tax application ทางโทรศัพท์มือถือ
เอกสารประกอบการยื่นแบบ
สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียวให้ยื่นแบบภ.ง.ด. 91 ค่ะ โดยมีเอกสารประกอบการยื่นดังนี้
- หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50ทวิ)
กรณีที่คุณซื้อประกันชีวิต กองทุนต่างๆ (ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้) หรือใบอนุโมทนาบัตรต่าง ๆ ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ก็ให้ยื่นพร้อมกันด้วยแต่ถ้าไม่มีก็ยื่นแค่ 50ทวิ อย่างเดียวก็ได้
회원님이 요청이 처리되지 않았습니다.
요청을 처리하는 중 문제가 발생하였습니다. 가능한 한 빨리 문제를 해결하도록 하겠습니다.
홈으로 돌아가기
- 한국어
- English (US)
- Tiếng Việt
- Bahasa Indonesia
- ภาษาไทย
- Español
- 中文(简体)
- 日本語
- Português (Brasil)
- Français (France)
- Deutsch
- 가입하기
- 로그인
- Messenger
- Facebook Lite
- Watch
- 장소
- 게임
- Marketplace
- Facebook Pay
- Oculus
- Portal
- Bulletin
- 지역
- 기부 캠페인
- 서비스
- 투표 정보 센터
- 그룹
- 정보
- 광고 만들기
- 페이지 만들기
- 개발자
- 채용 정보
- 개인정보처리방침
- 쿠키
- AdChoices
- 이용 약관
- 고객 센터
- 연락처 업로드 및 비사용자
- 설정
- 활동 로그
Meta © 2022
การคำนวณภาษี เป็นเรื่องยากจริงหรือ? การคำนวณภาษีจำเป็นต้องใช้โปรแกรมคำนวณอย่างเดียวจริงหรือไม่ สำหรับมือใหม่ด้านภาษีหรือคนที่เพิ่งมีเงินเดือนอาจมองว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องยุ่งยากน่าปวดหัว แต่แท้จริงแล้วการคำนวณสามารถทำได้ง่ายกว่าที่คิด
บทความนี้จะนำพาคุณไปรู้จักเทคนิคต่างๆ เพื่อการคำนวณภาษีด้วยกระดาษใบเดียว สิ่งที่คุณจำเป็นต้องมีเพียงแค่รายรับรายการค่าใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีของตัวเองเท่านั้น นี่คือการคำนวณภาษีแบบ Easy ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งต้องคำนวณ 2 วิธีควบคู่กันไป คือ
วิธีที่ 1 คำนวณแบบขั้นบันได
วิธีที่ 2 คำนวณแบบเหมา
สำหรับมนุษย์เงินเดือนปกติเลือกคำนวณภาษีด้วยวิธีที่ 1 วิธีเดียวเท่านั้นครับ
รู้เช่นนี้แล้ว เรามาลองคำนวณภาษีง่ายๆ ด้วยตัวเองกันเลย
วิธีที่ 1
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนคำนวณภาษี
รายได้
รายได้ต่อปีทั้งหมด
จากงานประจำและงานเสริม
ค่าใช้จ่าย
ต้นทุนในการทำธุรกิจ หากรับเป็นเงินเดือนสามารถหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 50% ของค่าใช้จ่าย โดยไม่เกิน 100,000 บาท
ค่าลดหย่อน
ค่าลดหย่อนภาษีต่างๆ ประจำปีนั้นๆ
อัตราภาษี
สามารถดูอัตราภาษีของตัวเองได้จากด้านล่าง
อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
Click to Icon hide
ขั้นเงินได้สุทธิตั้งแต่ | เงินได้สุทธิจำนวนสูงสุดของขั้น | อัตราภาษี | ภาษีสูงสุดในแต่ละขั้นเงินได้ | ภาษีสะสมสูงสุดของขั้น |
0 - 150,000 | 150,000 | 5 | ยกเว้น* | 0 |
เกิน 150,000 - 300,000 | 150,000 | 5 | 7,500 | 7,500 |
เกิน 300,000 - 500,000 | 200,000 | 10 | 20,000 | 27,500 |
เกิน 500,000 - 750,000 | 250,000 | 15 | 37,500 | 65,000 |
เกิน 750,000 - 1,000,000 | 250,000 | 20 | 50,000 | 115,000 |
เกิน 1,000,000 - 2,000,000 | 1,000,000 | 25 | 250,000 | 365,000 |
เกิน 2,000,000 - 5,000,000 | 3,000,000 | 30 | 900,000 | 1,265,000 |
เกิน 5,000,000 บาท ขึ้นไป | - | 35 | - | - |
สมการคำนวณภาษี
1
รายได้ (ต่อปี) - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ
2
เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = เงินที่ต้องจ่าย
ตัวอย่างการคำนวณภาษี
นายมงคลมีเงินเดือน 45,000 บาท (ปีละ 540,000 บาท) หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 100,000 บาท จ่ายประกันสังคม 9,000 บาท นายมงคลไม่มีภรรยา มีการลงทุนใน LTF 50,000 บาท
สามารถคิดภาษีได้ดังนี้
จากตัวอย่างแสดงให้เห็นแล้วว่า การคำนวณภาษีด้วยตัวคุณเองนั้นง่ายมากๆ ขอแค่เรามีการเก็บเอกสารแสดงรายได้และค่าลดหย่อนภาษีต่างๆ เช่น หนังสือรับรองการซื้อหน่วยลงทุน LTF/RMF หนังสือรับรองดอกเบี้ยบ้าน เพื่อติดตามเก็บข้อมูลของตัวเองและนำข้อมูลมาใช้ในการคำนวณรวมถึงเป็นเอกสารยืนยันเมื่อสรรพากรทวงถาม เท่านี้เราก็สามารถคำนวณภาษีแบบเดียวกับสรรพากรได้แล้ว
หมายเหตุ: กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) สามารถลงทุนเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีสิ้นสุดปี 2562 เท่านั้น ตั้งแต่ปี 2563-2567
สามารถลงทุนในกองทุนการออมแห่งชาติ (SSF) ลดหย่อนภาษีได้ เงื่อนไขลดหย่อนภาษีตามกรมสรรพากรกำหนด
อีกสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้คือการลดหย่อนภาษี ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่ยืดหยุ่นมากๆ สำหรับการคำนวณภาษีในแต่ละครั้ง นอกจากการลงทุน LTF RMF ที่ได้ยินกันอยู่บ่อยๆ แล้ว ยังมี
เรื่องอื่นที่สามารถนำมาลดหย่อนได้ เช่น การทำประกันชีวิต ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย ไปจนถึงการท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ ขึ้นอยู่กับว่าในปีนั้นทางภาครัฐจะให้สิทธิพิเศษในหมวดหมู่ใดบ้าง
วิธีที่ 2
สำหรับผู้ที่มีเงินได้จากช่องทางอื่นๆ นอกจากเงินเดือน (เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 2-8) รวมกันตั้งแต่ 60,000 บาทขึ้นไป ต้องมีการคำนวณวิธีที่ 2 ด้วย
*สำหรับใครที่ไม่มั่นใจเกี่ยวกับเรื่องเงินได้ คุณสามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินได้ที่บทความ
Step การคำนวณภาษีเมื่อมีรายได้หลักแสนเลยครับ
โดยการคำนวณวิธีที่ 2 มีดังต่อไปนี้
พอคำนวณทั้ง 2 วิธีแล้วให้นำมาเปรียบเทียบกันโดยเลือกจำนวนที่สูงกว่า แต่ถ้าวิธีที่ 2 คำนวณแล้วไม่ถึง 5,000 บาทให้เลือกเสียภาษีตามวิธีที่ 1
หากเรายื่นภาษีผ่านช่อนทางออนไลน์และกรอกข้อมูลครบถ้วน โปรแกรมจะคำนวณให้เราอัตโนมัติครับว่าต้องเสียภาษีตามวิธีไหนเป็นหลัก
Tips สำหรับการคำนวณภาษีด้วยตัวเอง
- มีรายได้อื่นนอกเหนือจากเงินเดือนอย่าลืมคำนวณภาษีวิธีที่ 2 แล้วนำมาเปรียบเทียบกันโดยเลือกเสียภาษีตามวิธีที่เสียภาษีสูงกว่า
- สำหรับผู้ที่มีรายได้ 40(5) – 40(8) เช่น รายได้ค่าเช่า รายได้ค่าเช่าที่ดิน-อาคาร รายได้จากการขายของบนอินเทอร์เน็ต สามารถเลือกหักค่าใช้ได้ 2 แบบ คือ แบบเหมา หรือแบบตามจริงก็ได้ แต่การหักตามจริงต้องมีหลักฐานด้วยนะครับ โดยสามารถดูประเภทของเงินได้พึงประเมินรวมถึงค่าลดหย่อนของปี 2562 ที่บทความ Step การคำนวณภาษีเมื่อมีรายได้หลักแสน
- ค่าลดหย่อนภาษีมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี ไม่ว่าจะเป็นค่าลดหย่อนส่วนตัวหรือค่าลดหย่อนตัวอื่นๆ ดังนั้นควรติดตามอัปเดตการลดหย่อนภาษีอยู่เสมอ
- ต้องคำนวณหารายได้สุทธิ “ก่อน” คำนวณภาษีที่ต้องจ่าย เพื่อที่จะใช้สิทธิลดหย่อนและหักค่าใช้จ่ายได้ถูกต้องครบถ้วน
- มีวินัยในการบันทึกค่าใช้จ่ายของตัวเองอยู่เสมอ รวมถึงเก็บเอกสารหลักฐานค่าลดหย่อนภาษี เช่น หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ใบกำกับภาษีเพื่อเป็นค่าลดหย่อนท่องเที่ยว ใบอนุโมทนาบัตรและหลักฐานอื่นๆ แบบปีต่อปี จะช่วยให้คุณสามารถคำนวณภาษีที่แท้จริงตอนท้ายปีได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ข้อดีของการคำนวณภาษีด้วยตนเอง
- วางแผนภาษีได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ต้องรอปลายปี การรู้ตัวเองได้ก่อนคนอื่นๆ จะสามารถทำให้เราวางแผนการจ่ายภาษีได้ง่าย เช่น การแปลงประเภทเงินได้เพื่อหักค่าใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้น ซื้อประกันชีวิต ลงทุน LTF RMF เพิ่มเติมให้ได้สิทธิในการลดหย่อนเต็มเม็ดเต็มหน่วย
- เพิ่มเงินในกระเป๋าด้วย “ค่าลดหย่อน” ยิ่งลดหย่อนเพิ่มขึ้นได้มาก ยิ่งเงินเหลือในกระเป๋ามาก เราสามารถนำเงินที่เหลือนั้นมาจับจ่าย ลงทุนต่อยอด ไปจนถึงออมเพื่อการเกษียณได้
- สามารถตรวจสอบภาษีที่เราจ่ายในแต่ละปีได้ กรมสรรพากรจะตรวจสอบด้านภาษีอย่างตรงไปตรงมา แต่การตรวจสอบภาษีด้วยตนเองจะทำให้เราเห็นภาพรวมการใช้จ่าย ว่ามีการหักลดหย่อนตรงไหน ได้หรือไม่ได้ ช่วยปิดจุดบอดทางการเงิน เพิ่มความเข้าใจทางภาษีให้คุณได้ประโยชน์ในระยะยาว
สรุป
จะเห็นได้เลยนะครับว่าจริงๆ แล้วการคำนวณภาษีนั้นด้วยตนเองไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแค่กระดาษ ปากกา และข้อมูลก็สามารถคำนวณภาษีเบื้องต้นได้แล้ว และยังสามารถต่อยอดไปยังการวางแผนภาษี ที่จะช่วยประหยัดเงินมากมายให้กับคุณในอนาคตอีกด้วย
กระนั้นในบางเวลาการคำนวณในระยะเวลาอันสั้นก็อาจจำเป็น โดยเฉพาะคนที่ไม่ถนัดด้านตัวเลขสามารถใช้
เครื่องมือวางแผนภาษีเพื่อความสะดวกรวดเร็วได้เลยครับ
หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเงิน ภาษี ไปจนถึงการวางแผนเกษียณ สามารถปรึกษากับที่ปรึกษาทางด้านการลงทุน ได้ที่เบอร์ 02-2965959 จ.-ศ. เวลา 9.00-17.00 น.
บทความโดย
ปริตา ธิติปรีชาพล
กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา