วิจัยในชั้นเรียนภาษาจีน ประถม doc

วจิ ยั ในช้นั เรียน

เรอื่ ง การพฒั นาทักษะการอ่านออกเสียงคาศพั ท์ภาษาจีน
โดยใช้เกมเพ่ือยกผลสมั ฤทธิ์วชิ าภาษาจีน
ของนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1.11

ละมยั กิติ

โรงเรียนดารงราษฎรส์ งเคราะห์
อาเภอเมอื งเชยี งราย จงั หวดั เชียงราย
สานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษาเขต 36

คานา

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545
และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 โดยเฉพาะหมวด 4 แนวการจัดการศึกษา มาตรา 22 การจัดการศึกษา
ต้องยึดหลักว่านักเรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่านักเรียนมีความสาคัญที่สุด
กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้นักเรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ มาตรา 24
การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สถานศึกษาและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องดาเนินการจัดเน้ือหาสาระ และกิจกรรม
ใหส้ อดคล้องกบั ความสนใจและความถนัดของนักเรียน โดยคานงึ ถึงความแตกตา่ งระหว่างบุคคล

ดังน้ัน ครูผู้สอนต้องหาวิธีการจัดการเรียนรู้เพ่ือให้นักเรียนมีความสนใจในการเรียน ซ่ึงจะช่วยสะท้อน
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้ ซึ่งผู้ศึกษาได้ศึกษาวิธีการสอนโดยใช้เกมเป็นฐาน ผลที่ได้จากการศึกษาคร้ังน้ี
จะเปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งมากสาหรับครูผูส้ อน ในการนาไปออกแบบการจดั เรยี นการสอนในระดับช้นั อ่นื ต่อไป

นางสาวละมัย กติ ิ

สารบัญ หนา้
1
บทท่ี 1 บทนา 1
ทมี่ าและความสาคัญของปญั หา 2
วตั ถปุ ระสงค์ 2
ประโยชน์ทไ่ี ดร้ ับ 2
ขอบเขตการวิจัย 2
นิยามศัพท์เฉพาะ 3
3
บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ทเ่ี กี่ยวข้อง 4
ความหมายของทักษะการอา่ น 5
การจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นนักเรยี นเปน็ สาคัญ 6
การจัดการเรียนร้โู ดยใช้เกม 7
งานวจิ ัยทีเ่ กีย่ วข้อง 7
7
บทท่ี 3 วิธีดาเนนิ การ 8
กลุม่ เปา้ หมาย 8
เคร่ืองมอื ในการวจิ ยั 10
การเก็บรวบรวมข้อมลู 11
การวิเคราะห์ข้อมูล 12

บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล
บทที่ 5 สรปุ อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ

บรรณานกุ รม

1

บทท่ี 1
บทนำ

ควำมเปน็ มำและควำมสำคัญของปัญหำ
ในยุคท่ีประเทศจีนกำลังก้ำวข้ึนมำมีอิทธิพลระดับโลกมำกขึ้นเร่ือย ๆ ส่งผลให้ภำษำจีนเองก็ค่อย ๆ

เริ่มจะกลำยเป็นภำษำท่ีมีควำมสำคัญมำกขึ้นเรื่อย ๆ ตำมไปด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนหนึ่งเนื่องจำกจีน
เป็นประเทศขนำดใหญ่มีกำลังกำรผลิตสูง เพรำะฉะน้ันกำรทำธุรกิจกับจีนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ใช่
แ ค่ เ ร่ื อ ง ข อ ง ก ำ ร ผ ลิ ต เ พี ย ง อ ย่ ำ ง เ ดี ย ว แ ต่ นั่ น ยั ง แ ส ด ง อ อ ก ถึ ง ร ะ บ บ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ท่ี มี โ อ ก ำ ส โ ต ม ำ ก ข้ึ น
ควำมเจริญก้ำวหน้ำของบริษัทที่มำกขึ้นและอ่ืน ๆ อีกมำกมำย ดังน้ัน ภำษำจีนจึงกลำยเป็นภำษำสำคัญ
ที่หำกมโี อกำสก็จำเป็นตอ้ งเร่ิมตน้ ศึกษำให้ได้มำกทส่ี ุด

ภำษำจีนในปัจจุบันเป็นภำษำท่ีมีบทบำททำงสังคมไทยมำกขึ้น เร่ิมมีกำรใช้ภำษำจีนในกำร
ติดต่อส่ือสำรกันในนักธุรกิจ กำรสนทนำต่ำง ๆ ในทำงกำรศึกษำ ภำษำจีนในประเทศไทยน้ัน นับว่ำ
มีควำมสำคัญต่อนักเรียน นักศึกษำและบุคคลท่ัวไปในวิชำชีพแขนงต่ำง ๆ สรุปได้ว่ำ นักเรียนมีควำมเห็นว่ำ
ภำษำจีนมีควำมสำคัญต่อกำรศึกษำในปัจจุบัน จุดมุ่งหมำยในกำรเรียนภำษำจีนคือ เพ่ือกำรสื่อสำร กำรเรียน
ภำษำทุกภำษำนั้น พื้นฐำนเบ้ืองต้นคือกำรออกเสียง ถ้ำผู้เรียนออกเสียงไม่ถูกต้อง ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ฟัง
ไมเ่ ข้ำใจยังส่งผลตอ่ กำรส่ือสำรดว้ ย กำรออกเสยี งจึงเก่ียวกับกำรฟัง กำรพูด ดังนั้น จึงต้องฝึกกำรฟัง กำรพูด
ให้ถูกต้องชัดเจน อันดับแรกในกำรเรียนภำษำจีนนั้น ต้องให้ควำมสำคัญในเร่ืองของกำรออกเสียง
ถ้ำครูผู้สอนสอนทักษะกำรออกเสียงได้ดี ก็จะส่งผลต่อผู้เรียนในอนำคต ทำให้เกิดทักษะที่ดีในกำรสื่อสำร
แต่ถ้ำสอนแล้วผู้เรียนไม่สำมำรถออกเสียงภำษำจีนได้อย่ำงถูกต้องอำจส่งผลทำให้ผู้เรียนไม่ชอบภำษำจีนได้
ส่ิงท่ีต้องคำนึงถึงเก่ียวกับกำรออกเสียงอีกอย่ำงหน่ึง คือผู้เรียนต้องรู้ทักษะ กำรออกเสียงที่ดีจึงจะสำมำรถ
ส่ือสำรและฟังผู้อ่ืนได้อย่ำงเข้ำใจ ผู้เรียนต้องเรียนกำรออกเสียงให้ถูกต้องเพ่ือจะได้สำมำรถสื่อสำร
ในสงิ่ ท่ีตนเอง อยำกสอ่ื สำรออกไปใหผ้ อู้ นื่ เขำ้ ใจได้

ด้วยเหตุผลดังกล่ำว ผู้วิจัยเห็นว่ำกำรนำเกมบิงโกมำใช้ในกำรเรียนกำรสอนภำษำจีนในระดับช้ัน
มัธยมศึกษำปีท่ี 1 น้ันจะช่วยเป็นแรงกระตุ้นเสรมิแรงให้ผู้เรียนเกิดควำมอยำกเรียนรู้ ปรับปรุงกระบวนกำร
เรียนกำรสอนให้เกิดประสิทธิภำพ ช่วยพัฒนำทักษะกำรจำและกำรอ่ำนออกเสียงคำศัพท์ภำษำจีน นอกจำก
กำรเรียนรู้ในห้องเรียนแล้วผู้เรียนยังสำมำรถนำไปทบทวนด้วยตนเองท่ีบ้ำนได้อีกด้วย จะส่งผลให้กำรเรียน
ภำษำจนี มกี ำรพฒั นำและมปี ระสิทธภิ ำพเพมิ่ ขน้ึ

วจิ ัยในชน้ั เรยี น ละมัย กติ ิ

2

วตั ถประสงคข์ องกำรวจิ ยั
1. เพื่อพฒั นำทกั ษะกำรอ่ำนออกเสียงคำศัพทภ์ ำษำจีนโดยใช้เกมบิงโกของนกั เรียนชนั้
มัธยมศกึ ษำปที ่ี 1.11
2. เพ่ือยกผลสัมฤทธท์ิ ำงกำรเรียนวชิ ำภำษำจนี

ขอบเขตกำรวิจยั

1. กลุ่มเป้ำหมำย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปรที่ 1.11 จำนวน 39 คน ซ่ึงเลือกแบบเจำะจง

โดยเป็นหอ้ งเรยี นทผ่ี ู้สอนรับผดิ ชอบในปีกำรศึกษำ 2560

2. ตวั แปรในกำรวิจยั

ตวั แปรอิสระ เกมบิงโก

ตวั แปรตำม ผลสมั ฤทธ์กิ ำรเรียนภำษำจนี

3. ระยะเวลำในกำรวิจยั

15 พฤษภำคม 2560 – 30 กันยำยน 2560

ประโยชนข์ องกำรวจิ ัย
1. ผู้เรยี นสำมำรถพฒั นำทักษะกำรอำ่ นออกเสียงคำศพั ท์โดยกำรเลน่ เกมบิงโกได้
2. ทำให้ทรำบถงึ วิธีกำรเรียนของนักเรียน
3. ช่วยใหน้ ักเรยี นไดเ้ รยี นรบู้ รรลวุ ัตถุประสงค์และมีผลสมั ฤทธิ์สูงขน้ึ

นิยำมศัพท์เฉพำะ
ทกั ษะกำรอ่ำนออกเสยี ง หมำยถึง ควำมสำมำรถของนักเรียนในกำรอ่ำนออกเสียงในเรื่องกำรประสม

พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ กำรอ่ำนคำท่ีมีตัวสะกดและไม่มีตัวสะกด โดยเรียง พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์และ
ตัวสะกด ให้เปน็ คำอย่ำงถกู ต้องและอ่ำนได้ถูกต้องตำมอักขรวิธี

กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนโดยใช้เกม หมำยถึง วิธีกำรจัดกำรเรียนกำรสอนที่เน้นผู้เรียน
เป็นสำคัญ เป็นเกมท่ีมีลักษณะกำรเล่นเพ่ือกำรเรียนรู้ “Play to learning” มีวัตถุประสงค์หลัก
เพอ่ื ให้ผ้เู รียนเกิดกำรเรียนร้ใู นขณะหรอื หลังจำกกำรเล่นเกม

ผลสัมฤทธิ์ (Results) หมำยถงึ งำน บริกำร หรือกิจกรรมที่เกิดจำกกำรทำงำนท่ีได้ผลผลิต (Outputs)
ตำมเป้ำหมำยและเกิดผลลัพธ์ (Outcomes) ตรงตำมวัตถุประสงค์ กล่ำวคือ ผลผลิตสำมำรถนำไปใช้
ประโยชน์ไดอ้ ย่ำงแทจ้ รงิ หรือเป็นทพ่ี งึ พอใจ

วจิ ัยในช้นั เรยี น ละมยั กิติ

3

บทที่ 2
เอกสำรและงำนวจิ ัยท่เี กยี่ วข้อง

กำรศึกษำในคร้ังนี้ มแี นวคิด หลกั กำรและทษฎีทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง ดังน้ี

1. ควำมหมำยของทักษะกำรอ่ำน

2. กำรจัดกำรเรียนรู้ทเ่ี น้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

3. กำรจัดกำรเรียนร้โู ดยใช้เกม

4. งำนวิจัยทีเ่ กย่ี วข้อง

1. ควำมหมำยของทักษะกำรอำ่ น

ควำมหมำยของกำรอ่ำนออกเสยี ง
กำรอ่ำนออกเสียง คือ กำรเปล่งเสียงตำมตัวอักษร ถ้อยคำและเคร่ืองหมำยต่ำง ๆ ที่กำหนดไว้
ให้ถูกต้อง ชัดเจน แก่ผู้ฟัง กำรอ่ำนออกเสียงถือเป็นกำรสื่อควำมหมำยท่ีก่อให้เกิด “ทักษะ”
วำสนำ บญุ สม (2541 : 22) ดงั ตอ่ ไปน้ี
1.1 เกดิ ทกั ษะกำรเปล่งเสยี งให้ชดั เจน
1.2 เกิดทักษะกำรใชอ้ วัยวะท่อี อกเสยี งไดถ้ ูกต้อง
1.3 เกดิ ทกั ษะกำรออกเสียงควบกลำ้ ได้ถูกต้อง ชัดเจนย่งิ ขึน้
1.4 เกดิ ทกั ษะกำรวเิ ครำะห์คำทอ่ี ่ำนมำกข้ึน
1.5 เกดิ ทักษะกำรเปล่งเสยี งตำมรปู ตวั อกั ษรควบกล้ำไดค้ ล่องแคลว่
วรรณี โสมประยรู (2537, หน้ำ 121) กล่ำววำ่ กำรอ่ำนเป็นกระบวนกำรทำงสมองท่ีต้องกำรใช้สำยตำ
สัมผัสตัวอักษรหรือสิ่งพิมพ์อื่น ๆ รับรู้และเข้ ำใจควำมหมำยของคำหรือสัญลักษณ์ โดย แปลออกมำเป็น
ควำมหมำยท่ีใช้ส่ือควำมคิดและควำมรู้ระหว่ำงผู้เขียนกับผู้อ่ำนให้เข้ำใจตรงกัน และผู้อ่ำนสำมำรถนำเอำ
ควำมหมำยน้ัน ๆ ไปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์ได้
บนั ลือ พฤกษะวัน (2538, หนำ้ 2) ไดใ้ หค้ วำมหมำยของกำรอำ่ นไวว้ ่ำ
1. กำรอ่ำนเป็นกำรเปล่งเสียงออกมำเป็นคำพูดโดยกำรผสมผสำนเสียงเพ่ือใช้ในกำรออกเสียง
ให้ตรงกับคำพดู
2. กำรอ่ำนเป็นกำรใช้ควำมสำมำรถในผสมผสำนของตัวอักษรออกเสียงเป็นคำหรือเป็นประโยค
ทำใหเ้ ขำ้ ใจควำมหมำยในกำรสอ่ื สำรโดยกำรอ่ำน
3. กำรอ่ำนเป็นกำรส่อื ควำมหมำยทถ่ี ำ่ ยโยงควำมคดิ ควำมรู้ จำกผู้เขียนถอื ผ้อู ำ่ น
4. กำรอ่ำนเป็นกำรพัฒนำควำมคิดโดยที่ผู้อ่ำนต้องใช้ควำมสำมำรถหลำย ๆ ด้ำน เช่น ใช้กำรสังเกต
จำรูปคำ

วจิ ยั ในชั้นเรียน ละมยั กติ ิ

4

นพดล จันทร์เพ็ญ (2539, หน้ำ 73 ) กล่ำวว่ำกำรอ่ำนเป็นกระบวนกำรแปลควำมหมำยของตัวอักษร
หรอื สัญลักษณอ์ อกมำเป็นถอ้ ยคำหรอื ควำมคดิ ของตนเองแลว้ ผู้อ่ำนก็นำควำมคิด ควำมเข้ำใจที่ได้จำกกำรอ่ำน
น้ันไปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์

เตือนใจ กรุยกระโทก (2543, หน้ำ 15) กล่ำวว่ำ กำรอ่ำนเป็นกระบวนกำรแปลควำมหมำยของ
ตัวอักษรเป็นควำมคิดโดยอำศัยประสบกำรณ์เดมิ แลว้ นำควำมคิดไปใชใ้ ห้เกิดประโยชนต์ ่อไป

จำกควำมหมำยของกำรอ่ำนดังกล่ำวสรุปได้ว่ำ กำรอ่ำนเป็นกระบวนกำรคิดที่ผู้อ่ำนเกิดควำมเข้ำใจ
และถ่ำยทอดออกมำเป็นถอ้ ยคำทมี่ ีควำมหมำยสอ่ื ใหต้ รงกนั ระหวำ่ งผู้อ่ำนและผู้เขียน เป็นกำรแปลควำมหมำย
จำกสัญลักษณ์หรือกำรเปล่งเสียงออกมำเป็นคำพูดให้ตรงกับตัวอักษรหรือตัวอักษรที่อ่ำนเข้ำใจควำมหมำย
ของคำแล้วเข้ำตรงกับที่ผู้เขียนต้องกำรโดยอำศัยประสบกำรณ์ เดิมท่ีมีอยู่มำเชื่อมโยงกับควำมรู้ใหม่
จนเกดิ ควำมเขำ้ ใจในเรือ่ งนั้น
2. กำรจัดกำรเรียนรู้ทเี่ นน้ นกั เรยี นเปน็ สำคญั

กระบวนกำรเรียนรู้ท่ีเน้นนักเรียนเป็นสำคัญ หมำยถึง กำรกำหนดจุดประสงค์ สำระกำรเรียนรู้
กิจกรรมกำรเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้ สื่อกำรเรียนรู้ และกำรวัดและประเมินผลที่มุ่งพัฒนำ “คน” และ “ชีวิต”
ให้เกิดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้เต็มควำมสำมำรถ สอดคล้องกับควำมถนัด ควำมสนใจ และควำมต้องกำร
ของผู้เรียน โดยจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ที่คำนึงถึงควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคล ช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนได้สัมผัส
และสมั พนั ธ์กับส่ิงแวดล้อมทั้งทีเ่ ป็นเพ่ือนมนษุ ย์ ธรรมชำติ และเทคโนโลยี ผู้เรียนได้ค้นคว้ำ ทดลอง ฝึกปฏิบัติ
แลกเปล่ียนเรียนรู้จนค้นพบสำระสำคัญของบทเรียน ได้ฝึกกำรคิดวิเครำะห์ สร้ำงสรรค์ จินตนำกำร
และสำมำรถแสดงออกได้ชัดเจนมีเหตุผล ทั้งน้ีมีครูผู้สอนปลุกเร้ำและเสริมแรงผู้เรียนในทุกกิจกรรมที่ค้นพบ
คำตอบและแก้ปัญหำด้วยตนเอง รวมทั้งกำรทำงำนร่วมกัน กระบวนกำรกลุ่ม จัดกิจกรรมปลูกฝังคุณธรรม
ควำมมีวินัย ควำมรับผิดชอบในกำรทำงำน ผู้เรียนมีโอกำสฝึกประเมินและปรับปรุงตนเอง ยอมรับผู้อ่ืน
สร้ำงจติ สำนึกในควำมเป็นพลเมอื งและพลโลก
หลกั กำรในกำรจดั กระบวนกำรเรยี นรูท้ ีเ่ น้นผเู้ รียนเป็นสำคญั

1. กำรปรับควำมคิดของครูผู้สอน ให้มองนักเรียนบนพื้นฐำนของควำมรัก ควำมเข้ำใจว่ำนักเรียน
มีศักยภำพในกำรเรียนรู้พร้อมเอ้ืออำนวยควำมสะดวก จัดบรรยำกำศให้เอ้ือต่อผู้เรียนในกำรแสวงหำควำมรู้
มอี สิ ระในกำรคิด ลงมือปฏิบตั จิ รงิ

2. จดั ประสบกำรณ์กำรเรียนรยู้ ึดหลักกำรพัฒนำผูเ้ รยี นใหม้ ศี กั ยภำพสูงสุด คอื ผูเ้ รียนได้พัฒนำตน ทั้ง
ร่ำงกำย จิตใจ สติปัญญำ อำรมณ์และสังคม หลังเรียนหรือฝึกกิจกรรม มีควำมรู้สึกที่ดีเก่ียวกับตนเอง
ภำคภูมใิ จในผลกำรปฏิบัติของตน

วิจัยในชั้นเรียน ละมยั กิติ

5

3. กำรยึดชีวิตจริงของผู้เรียนเป็นหลักในกำรจัดประสบกำรณ์เรียนรู้ เน้นให้ผู้เรียนมีศักยภำพ

ในกำรคิดเชิงระบบและคิดอ่ำนอย่ำงมีวิจำรณญำณ มีรูปแบบกำรคิดของตนเอง ค้นพบตนเอง

สำมำรถเชื่อมโยงควำมรู้ ทักษะและประสบกำรณ์ต่ำง ๆ ไปใชใ้ นชวี ิตประจำวันได้

4. กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรยู้ ึดหลักกำรควำมแตกตำ่ งระหวำ่ งบุคคล

5. กำรจัดประสบกำรณ์โดยใช้คุณธรรมนำควำมรู้ บูรณำกำรคุณธรรมในกำรจัดประสบกำรณ์ทุกวิชำ

และทุกขั้นตอนในกำรจัดกำรเรียน ถือว่ำครูทุกคนมีหน้ำท่ีพัฒนำผู้เรียนให้ประพฤติตนยึดหลักคุณธรรม

และพฒั นำให้มคี ำ่ นยิ มอนั พงึ ประสงค์

6. กำรออกแบบกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ ใชก้ ระบวนกำรเรียนรทู้ ห่ี ลำกหลำยสอดคล้องกับธรรมชำติ

ของวิชำและวิธีกำรเรียนรู้ของผู้เรียน ใช้วิธีวัดและประเมินด้วยวิธีกำรท่ีหลำกหลำยตำมสภำพจริง และถือว่ำ

ก ำ ร วั ด แ ล ะ ป ร ะ เ มิ น ผ ล เ ป็ น ส่ ว น ห น่ึ ง ข อ ง ก ำ ร จั ด ก ำ ร เ รี ย น รู้ แ ล ะ ใ ช้ ก ร ะ บ ว น ก ำ ร วิ จั ย เ ป็ น ส่ ว น ห นึ่ ง

ของกำรเรยี นรู้

3. กำรจดั กำรเรียนร้โู ดยใชเ้ กม

กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนโดยใช้เกม คือ เกมกำรศึกษำ เป็นวิธีกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นเกมท่ีมีลักษณะกำรเล่นเพ่ือกำรเรียนรู้ “Play to learning” มีวัตถุประสงค์
หลักเพ่ือให้ผู้เรียนเกิดกำรเรียนรู้ในขณะหรือหลังจำกกำรเล่นเกม เรียนไปด้วยและก็สนุกไปด้วยพร้อมกัน
ทำให้ผ้เู รียนมีกำรเรียนรู้อยำ่ งมีควำมหมำย

พระมหำธรำบุญ คูจินดำ กล่ำวว่ำ เกมประกอบกำรสอน หมำยถึง กำรนำเอำจุดประสงค์ใด ๆ
ของกำรเรียนรู้ตำมหลักสูตรมำประกอบขึ้นเป็นกำรเล่น ผู้เล่นจะเล่นเกมไปตำมกติกำที่กำหนด ซ่ึงจะต้องใช้
ควำมรูใ้ นเน้อื หำมำมสี ว่ นร่วมในกำรเลน่ ด้วย
(สชุ ำติ แสนพิช http://researchers:in.th/block/Seampich/127)

ทิศนำ แขมมณี (2544 : 81 – 85) กล่ำวว่ำ กำรเรียนรู้โดยใช้เกม เป็นกระบวนกำรที่ผู้สอน
ใช้ในกำรช่วยให้นักศึกษำเกิดกำรเรียนรู้ตำมวัตถุประสงค์ที่กำหนด โดยกำรให้นักศึกษำเล่นเกมตำมกติกำ
และนำเน้ือหำและข้อมูลของเกม พฤติกรรมกำรเล่น วิธีกำรเล่น และผลของกำรเล่นเกมของนักศึกษำมำใช้
ในกำรสรุปกำรเรียนรู้โดยมีจุดประสงค์เพ่ือช่วยให้นักศึกษำได้เรียนรู้เร่ืองต่ำง ๆ อย่ำงสนุกสนำนและท้ำทำย
ควำมสำมำรถ โดยนักศึกษำเป็นผู้เล่นเอง ทำให้ได้ประสบกำรณ์ตรง เป็นวิธีที่เปิดโอกำสให้นักศึกษำ
มีสว่ นร่วมสงู

คณำภรณ์ รัศมีมำรีย์ กล่ำวว่ำ เกมท่ีนำมำใช้ในกำรสอนส่วนใหญ่จะเป็นเกมที่เรียกว่ำ เกมกำรศึกษำ
เป็นเกมที่มีวัตถุประสงค์ให้ผู้เล่นเกิดกำรเรียนรู้ตำมวัตถุประสงค์ท่ีกำหนดไว้ มิใช่เล่นเพ่ือควำมสนุกสนำน
เทำ่ นัน้
คณำภรณ์ รศั มมี ำรีย์
(http://www.itie.org/eqi/modules.php?name=Journal&file= display&jid=683)

วิจัยในช้นั เรยี น ละมยั กิติ

6

จึงสรุปได้ว่ำ กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนโดยใช้เกมมีประโยชน์ช่วยให้ผู้เรียนเกิดกำรเรียนรู้
ควบคู่ไปกับควำมสนุกสนำน เกิดควำมคิดรวบยอดเก่ียวกับส่ิงท่ีเรียนและเป็นกำรพัฒนำกระบวนกำรคิด
ของผูเ้ รียนไปโดยทีผ่ ู้เรยี นไม่ร้ตู วั รวมทงั้ ส่งเสรมิ กระบวนกำรทำงำนและอย่รู ่วมกัน
4. งำนวิจยั ทีเ่ ก่ยี วข้อง

ยิ่งเจริญ บุญยัง (2556) ได้ทำกำรวิจัยเร่ือง กำรจัดกำรเรียนกำรสอนโดยใช้เกมกำรศึกษำเพื่อ
เพิ่มผลสัมฤทธิ์ เร่ือง กำรบันทึกรำยกำรที่เก่ียวกับสินค้ำในสมุดรำยวันทั่วไป วิชำ บัญชีเบ้ืองต้น 2 ของ
นักศึกษำระดับประกำศนียบัตรวิชำชีพชั้นปีท่ี 1 (ปวช.1) วิทยำลัยอำชีวศึกษำดุสิตพณิชยกำร ผลกำรวิจัย
พบวำ่ (1) ผลสัมฤทธ์ิ เรื่อง กำรบันทกึ รำยกำรทเ่ี กีย่ วกับสินคำ้ ในสมุดรำยวันทว่ั ไป วิชำ บัญชีเบื้องต้น 2 ท่ีผ่ำน
กระบวนกำรจัดกำรเรียนกำรสอนโดยใช้เกมกำรศึกษำ เมื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิจำกกำรประเมินผลกำร
เรียนรูข้ องผู้เรยี น เรื่อง กำรบันทึกรำยกำรที่เก่ียวกับสินค้ำในสมุดรำยวันทั่วไป วิชำ บัญชีเบ้ืองต้น 2 ท่ีผ่ำนมำ
กระบวนกำรจัดกำรเรียนกำรสอนแบบปกติ พบว่ำผลสัมทฤธิ์กำรเรียนท่ีผ่ำนมำกระบวนกำรจัดกำรเรียนกำร
สอนโดยใช้เกมกำรศึกษำมีค่ำเฉล่ียสูงกว่ำผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนผ่ำนกระบวนกำรจัดกำรเรียนกำรสอนแบบ
ปกติ อย่ำงมีนัยสำคัญ ที่ระดับ .05 (2) ผู้เรียนมีควำมพึงพอใจต่อกระบวนกำรจัดกำรเรียนกำรสอนโดยใช้เกม
กำรศกึ ษำในภำพรวมอย่ใู นระดับควำมพงึ พอใจมำก

อัจฉรำพรรณ โพธ์ิตุ่น และสุธำทิพย์ งำมนิล (2558) ได้ทำกำรวิจัยเรื่อง ผลกำรสอนโดยใช้เกมตำม
แนวกำรเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐำนที่มีผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนและเจตคติต่อกำรเรียนวิชำภำษำอังกฤษของ
นกั เรยี นช้ันประถมศกึ ษำปที ่ี 2 ผลกำรวิจยั พบวำ่ (1) นักเรียนชน้ั ประถมศึกษำปีที่ 2 ทไี่ ด้รับกำรสอนโดยใช้เกม
ตำมแนวกำรเรยี นร้โู ดยใช้สมองเป็นฐำน มีผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนวิชำภำษำอังกฤษหลังเรียนสูงกว่ำก่อนเรียน
อย่ำงมีนัยสำคัญทำงสถิติที่ ระดับ .05 (2) นักเรียนช้ันประถมศึกษำปีที่ 2 ที่ได้รับกำรสอนโดยใช้เกม
ตำมแนวกำรเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐำน มีเจตคติต่อกำรเรียนวิชำภำษำอังกฤษหลังเรียนสูงกว่ำก่อนเรียน
อยำ่ งมีนยั สำคัญทำงสถิติท่ีระดบั .05

โดยสรุปได้มีผู้วิจัยกำรจัดกำรเรียนกำรสอนโดยใช้เกมในกำรเรียนรู้น้ัน พบว่ำ นักเรียนมีผลสัมฤทธ์ิ
หลงั เรียนสงู กว่ำก่อนเรยี น อยำ่ งมีนยั สำคัญทำงสถติ ิ

วจิ ยั ในช้นั เรยี น ละมัย กิติ

7

บทที่ 3
วธิ ดี ำเนินกำรวจิ ยั

กำรวิจัยครั้งน้ีเป็นกำรวิจัยเชิงทดลอง เพื่อพัฒนำทักษะกำรอ่ำนออกเสียงคำศัพท์ภำษำจีนและ
ยกผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนวิชำภำษำจีนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี 1.11 โรงเรียนดำรงรำษฎร์สงเครำะห์
อำเภอเมอื งเชียงรำย จงั หวัดเชยี งรำย โดยตำเนนิ กำรตำมข้ันตอน ดงั นี้

1. กำรกำหนดกล่มุ เปำ้ หมำย
2. เคร่ืองมอื ในกำรวจิ ยั
3. กำรเกบ็ รวบรวมข้อมูล
4. สถิติทใ่ี ชใ้ นกำรวิเครำะห์

1. กลมุ่ เปำ้ หมำย
กลุ่มเป้ำหมำย ได้แก่ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี 1.11 จำนวน 39 คน ซ่ึงเลือกแบบเจำะจงโดยเป็น

ห้องเรยี นท่ผี สู้ อนรับผิดชอบสอน ในปีกำรศกึ ษำ 2560

2. เคร่ืองมือในกำรวจิ ัย
2.1 แผนกำรจัดกำรเรียนรโู้ ดยใช้เกมท่ผี วู้ ิจัยพฒั นำขึน้ ประกอบแผนกำรจัดกำรเรียนรู้จำนวน 10 แผน

และได้นำไปให้ผู้เช่ียวชำญ จำนวน 3 ท่ำน ตรวจสอบคุณภำพของกำรจัดกำรเรียนรู้พบว่ำแผนกำรจัดกำร
เรียนรู้มคี วำมเหมำะสม

2.2 แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทำงกำรเรียนวิชำภำจีน เป็นแบบทดสอบแบบปรนัยและอัตนัย จำนวน
20 ข้อ ผ่ำนวิธีกำรหำควำมเท่ียงตรงเชิงเนื้อหำ ทำได้โดยหำค่ำควำมสอดคล้องหรือดัชนีของควำมสอดคล้อง
กันระหว่ำงขอ้ คำถำมแตล่ ะข้อกับจุดประสงค์ (Index of Item -Objective Congruence หรอื IOC)
จำกสตู ร ดงั น้ี

IOC คอื ดัชนคี วำมสอดคลอ้ ง A ละมยั กิติ
R คือ คะแนนกำรพจิ ำรณำของผู้เชยี่ วชำญ

คอื ผลรวมของคะแนนพิจำรณำของผเู้ ชีย่ วชำญ
N คือ จำนวนผเู้ ชี่ยวชำญ

วิจยั ในชนั้ เรยี น

8

กำหนดคะแนนของผ้เู ชีย่ วชำญเปน็ +1 หรอื 0 หรือ-1 ดังนี้
+1 คอื แน่ใจวำ่ ข้อสอบข้อน้ันวัดจดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมท่รี ะบไุ วจ้ รงิ
0 คือ ไมแ่ นใ่ จวำ่ ข้อสอบน้ันวัดจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมทีร่ ะบุไว้
-1 คือ แนใ่ จวำ่ ขอ้ สอบข้อน้ันไม่ไดว้ ดั จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรมท่ีระบุ

3. กำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู

3.1 ทำกำรทดสอบก่อนเรียนกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่ำง โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียน
วชิ ำภำษำจนี จำนวน 20 ข้อ นำมำตรวจใหค้ ะแนน บนั ทกึ ผลกำรสอบไว้เป็นคะแนนก่อนเรยี น

3.2 ดำเนินกำรทดลองสอนโดยผู้วิจัยเป็นผู้สอน ใช้เวลำในกำรทดลองจำนวน 10 สัปดำห์ สัปดำห์ละ
2 ชั่วโมง รวมทง้ั สนิ้ 20 ช่ัวโมง ใช้เวลำเรียนปกติ

3.3 เม่ือสิ้นสุดกำรทดลอง ผู้วิจัยทำกำรทดสอบหลังเรียนโดยนำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ
ทำงกำรเรียน วิชำภำษำจีนมำใช้ทดสอบกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่ำงนำคะแนนหลังเรียนและก่อนเรียน
มำเปรยี บเทยี บควำมแตกต่ำงของคำ่ เฉล่ยี เพ่ือทดสอบสมมุตฐิ ำนและสรุปผลกำรวิจยั

4. สถติ ิทีใ่ ชใ้ นกำรวิเครำะห์
แบบแผนกำรทดลองกำรวิจยั ครั้งนี้ คอื กำรทดลองแบบ one - group pretest - posttest design
T1 X T2

เมอื่ T1 คอื กำรทดสอบกอ่ นเรียน
X คือ กำรพัฒนำทักษะกำรอำ่ นออกเสยี งคำศัพท์โดยใช้เกม
T2 คอื กำรทดสอบหลังเรยี น

ในกำรศกึ ษำคน้ คว้ำครัง้ นี้ ผ้วู จิ ยั ไดท้ ำกำรวิเครำะห์ข้อมลู โดยใชส้ ถติ ใิ นกำรวิเครำะห์ ดังนี้
1. ค่ำคะแนนเฉลย่ี ใช้สูตรดงั นี้

ค่ำคะแนนเฉลย่ี = ∑

เม่อื ∑
N แทน ผลรวมของคะแนนทกุ ตัว
แทน จำนวนนักเรียนทน่ี ำมำวเิ ครำะห์

2. ส่วนเบย่ี งเบนมำตรฐำน ใชส้ ูตร ดงั นี้

วจิ ยั ในช้นั เรยี น ละมยั กิติ

9

เมื่อ S.D. แทน สว่ นเบ่ียงเบนมำตรฐำน
แทน ผลรวมของคะแนนทกุ ตวั
∑ แทน ผลรวมของคะแนนแตล่ ะตัวยกกำลังสอง
∑ 2 แทน จำนวนนกั เรยี น

N

3. วเิ ครำะหค์ วำมก้ำวหนำ้ ในกำรเรียนร้ขู องผู้เรยี น เพอ่ื ศึกษำควำมแตกตำ่ งของคะแนนที่ได้จำกกำรทำแบบทดสอบ
ก่อนเรยี นและหลงั เรียน

เมอื่ t แทน คำ่ สถิตทิ ใ่ี ช้เปรียบเทียบคำ่ วกิ ฤตเพื่อทรำบควำมมีนยั สำคญั
แทน ผลรวมของผลตำ่ งระหวำ่ งคูค่ ะแนน
∑ แทน ผลรวมของผลตำ่ งระหวำ่ งค่คู ะแนนแตล่ ะคยู่ กกำลงั สอง
∑ 2 แทน จำนวนนกั เรยี น

n

วจิ ัยในชั้นเรียน ละมยั กติ ิ

10

บทที่ 4
ผลกำรวิเครำะหข์ อ้ มลู

กำรวิเครำะห์ข้อมลู ในกำรวจิ ัยในคร้ังนี้ ผู้วิจัยได้นำคะแนนจำกข้อสอบท่ีได้จำกแบบทดสอบก่อนเรียน
และหลังเรียน เรื่อง กำรพัฒนำทักษะกำรอ่ำนออกเสียงคำศัพท์ภำษำจีน โดยใช้เกมเพื่อยกผลสัมฤทธิ์วิชำ
ภำษำจีนของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี 1.11 ภำคเรียนท่ี 1 ปีกำรศึกษำ 2560 โรงเรียนดำรงรำษฎร์
สงเครำะห์ จำนวน 20 ขอ้ ได้ผลกำรวเิ ครำะห์ ดงั น้ี

ตำรำงท่ี 1 คะแนนสอบหลังกำรพฒั นำทักษะกำรอำ่ นออกเสียงคำศัพท์ภำษำจนี โดยใชเ้ กมเพื่อยกผลสมั ฤทธิ์
วชิ ำภำษำจนี ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษำปที ่ี 1.11

คะแนน N ̅ S.D. เฉลี่ยรอ้ ยละ เกณฑ์ร้อยละ
หลังเรียน
39 17.80 1.751 89 80

จำกตำรำงข้ำงต้นพบวำ่ คะแนนสอบหลังกำรใช้เกมกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนเพ่ือยกผลสัมฤทธิ์วิชำภำษำจีน
ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี 1.11 ได้คะแนนเฉล่ีย 17.80 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 89.00 ซ่ึงสูงกว่ำเกณฑ์
รอ้ ยละ 80.00 ที่โรงเรียนกำหนดไว้

ตำรำงที่ 2 ผลกำรเปรียบเทียบคะแนนเฉล่ียก่อนเรียนกับหลังเรียน จำกกำรพัฒนำทักษะกำรอ่ำนออกเสียง

ค ำ ศั พ ท์ ภ ำ ษ ำ จี น โ ด ย ใ ช้ เ ก ม เ พ่ื อ ย ก ผ ล สั ม ฤ ท ธิ์ วิ ช ำ ภ ำ ษ ำ จี น ข อ ง นั ก เ รี ย น ชั้ น

มธั ยมศกึ ษำปที ่ี 1.11

N ̅ S t P-value

ก่อนเรยี น 39 16.7 2.83

13.784* 0.00000012

หลังเรยี น 39 5.10 1.79

*มนี ยั สำคญั ทำงสถติ ทิ รี่ ะดับ 0.05

จำกตำรำงขำ้ งตน้ พบว่ำ จำกกำรพฒั นำทกั ษะกำรอ่ำนออกเสียงคำศัพทภ์ ำษำจนี โดยใช้เกมเพื่อ
ยกผลสมั ฤทธิ์วิชำภำษำจนี ของนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 1.11 มีคะแนนเฉล่ยี หลังเรียนสงู กวำ่ คะแนน
เฉล่ยี กอ่ นเรียน อย่ำงมนี ยั สำคัญทำงสถิติท่ีระดบั 0.05

วจิ ยั ในชน้ั เรยี น ละมยั กิติ

11

บทที่ 5
สรุป อภปิ รำยผล และข้อเสนอแนะ

กำรวิจัยในชั้นเรียน เร่ืองกำรพัฒนำทักษะกำรอ่ำนออกเสียงคำศัพท์ภำษำจีน โดยใช้เกมเพ่ือ
ยกผลสมั ฤทธิ์วชิ ำภำษำจีนของนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษำปีที่ 1.11 มขี ้อสรุปและข้อเสนอแนะจำกกำรวจิ ัย ดังนี้

1. สรุปผล
ผลกำรวิจัย พบว่ำ คะแนนจำกกำรทดสอบด้วยแบบทดสอบกำรพัฒนำทักษะกำรอ่ำนออกเสียง

คำศัพท์ภำษำจีน โดยใช้เกมเพื่อยกผลสัมฤทธิ์วิชำภำษำจีนของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปีที่ 1.11 แตกต่ำงกัน
อย่ำงมีนัยสำคัญทำงสถิติท่ีระดับ 0.05 สรุปได้ว่ำผลกำรพัฒนำทักษะกำรอ่ำนออกเสียงคำศัพท์ภำษำจีน
โดยใช้เกมเพื่อยกผลสมั ฤทธ์ิวชิ ำภำษำจีนของนักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษำปีท่ี 1.11 หลงั เรยี นสูงขึ้น

2. อภปิ รำยผล
จำกกำรวิเครำะห์คะแนนที่ได้จำกกำรทดสอบก่อนเรียนนั้น แสดงให้เห็นว่ำผู้เรียนบำงคนยังไม่มี

พื้นฐำนควำมรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ภำษำจีนหรือมีพื้นฐำนควำมรู้มำบ้ำง แต่ยังไม่เพียงพอ หลังจำกที่ผู้เรียน
ได้เล่นเกมในระยะหนึ่ง แล้วทำกำรทดสอบอีกคร้ัง ผลปรำกฏ ว่ำผู้เรียนท่ีมีปัญหำในกำรอ่ำนออกเสียงคำ
ศัพทท์ภำษำจีนนั้น สำมำรถอ่ำนออกเสียงคำศัพท์ได้ถูกต้อง สำมำรถทำแบบทดสอบหลังเรียนได้คะแนน
เพ่ิมข้ึน จำกกำรวิจัยในคร้ังนี้ พัฒนำทักษะกำรอ่ำนออกเสียงคำศัพท์ภำษำจีน โดยใช้เกมเพื่อยกผลสัมฤทธิ์
วิชำภำษำจีนของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี 1.11 โรงเรียนดำรงรำษฎร์สงเครำะห์ มีควำมแตกต่ำง
อย่ำงมนี ัยสำคัญทำงสถติ ทิ ร่ี ะดับ 0.05 โดยมกี ำรพฒั นำทกั ษะกำรจำและอ่ำนคำศัพท์ภำษำจีนหลังเรียนสูงกว่ำ
ก่อนเรียน แสดงให้เห็นว่ำ กำรใช้เกมในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนนั้น สำมำรถพัฒนำทักษะกำรอ่ำนออกเสียง
คำศัพท์ภำษำจีนและสำมำรถยกผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนวิชำภำษำจีน ซึ่งส่งผลให้ผู้เรียนมีควำมสนใจในกำร
เรียนภำษำจีนอย่ใู นระดับท่นี ่ำพอใจ

3. ข้อเสนอแนะในกำรวิจยั
ควรร่วมมือกับครูผู้สอนวิชำอ่ืนในโรงเรียน เพื่อร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริมกำรเรียนรู้หรือกิจกรรมท่ี

พฒั นำทักษะทำงดำ้ นอนื่ ๆ ในรูปแบบบรู ณำกำรเรยี นรู้

วจิ ัยในชัน้ เรยี น ละมยั กิติ

12

บรรณำนกุ รม

Ren Jingwen. (2001). ภำษำจนี ระดับตน้ 1. กรงุ เทพฯ : ซเี อ็ดยเู คชัน่ .ไลฟ์ เอบซ.ี (2551).
Lu Sheng. (2553). กำรพัฒนำรปู แบบกำรสอนกำรออกเสียงภำษำจีนโดยใช้สัทอักษรและปฏิสมั พนั ธ์สำหรบั

นกั ศึกษำจีน. วิทยำนิพนธ์ปรชญั ำดษุ ฎีบัณฑิต, สำขำวิชำ เทคโนโลยีทำงกำรศกึ ษำ, บณฑั ิตวิทยำลัย,
มหำวทิยำลยบั ูรพำ.
Shi Lei. (2554). กำรออกแบบกำรเรียนกำรสอนเพื่อพฒั นำทักษะกำรออกเสยี งภำษำจนี สำหรับนกั เรียนไทย
ทีเ่ รยี นภำษำจีนเบือ้ งต้น. วิทยำนิพนธก์ ำรศึกษำมหำบัณฑิต, สำขำวิชำเทคโนโลยีทำงกำรศีกษำ,
คณะศกึ ษำศำสตร์, มหำวทิ ยำลัยบรู พำ.
Yang Dan. (2554). ปญั หำกำรจดั กำรเรียนกำรสอนวชิ ำภำษำจนี ระดบั ประถมศึกษำ โรงเรยี นสำธติ
"พบิ ลู บำเพ็ญ" มหำวทิ ยำลัยบูรพำ. วทิ ยำนิพนธ์กำรศกึ ษำมหำบณัฑิต, สำขำวิชำ
กำรบริหำรกำรศกึ ษำ, คณะศกึ ษำศำสตร์, มหำวิทยำลยั บรู พำ.
Xinyuan Liu. (2555). สภำพปญั หำและแนวทำงกำรพัฒนำกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนวชิ ำภำษำจนี ของ
โรงเรียนประถมศึกษำ จงั หวัดชลบุรี. วิทยำนพิ นธก์ ำรศึกษำมหำบณั ฑติ , สำขำวชิ ำ
กำรบรหิ ำรกำรศกึ ษำ, คณะศกึ ษำศำสตร์, มหำวิทยำลัยบรู พำ.
เกศกำญจน์ บัวผนั . 2543. กำรศกึ ษำตัวแปรทเ่ี ก่ียวข้องกับแบบกำรเรยี นของนสิ ิตพยำบำลโครงกำรรว่ มผลิต

หลักสตู รพยำบำลบัณฑิตระหวำ่ งวทิ ยำลัยพยำบำลบรมรำชนนเี ขตภำคเหนือตอนลำ่ งกบั

มหำวิทยำลัยนเรศวร. กรงุ เทพมหำนคร : วทิ ยำนพิ นธป์ ริญญำโท มหำวิทยำลัยศรนี ครินทรวโิ รฒ.

จงกล พูลสวสั ดิ์. 2541. รปู แบบกำรเรียนของนิสิต : ศกึ ษำเฉพำะกรณนี สิ ติ สำขำศึกษำศำสตร์ –

เกษตรศำสตร์. มหำวทิ ยำลยั เกษตรศำสตร์ . กรุงเทพมหำนคร : วิทยำนิพนธ์ปริญญำโท

มหำวิทยำลยั เกษตรศำสตร์.

นันทิดำ ปินะสุ.(2555).กำรพัฒนำทกั ษะกำรจำคำศัพท์และกำรอ่ำนออกเสยี งคำศัพท์ภำษำจีนโดยใชก้ ำร์ด

คำศพั ท์ทบทวนดว้ ยตนเอง, วทิ ยำลยั เทคโนโลยพี ำณชิ ยกำรสัตหบี จ.ชลบรุ ี.

ย่ิงเจริญ บุญยัง. (2556). กำรจดั กำรเรียนกำรสอนโดยใชเ้ กมกำรศกึ ษำเพ่ือเพมิ่ ผลสมั ฤทธิ์ เร่ือง กำรบนั ทึก
รำยกำรท่ีเกีย่ วกับสินค้ำในสมุดรำยวนั ท่วั ไป วิชำ บญั ชีเบอ้ื งต้น 2 ของนกั ศกึ ษำระดับประกำศนียบัตร
วิชำชพี ชั้นปที ่ี 1 (ปวช.1). วิทยำลัยอำชีวศึกษำดสุ ติ พณชิ ยกำร.

อัจฉรำพรรณ โพธ์ิตุ่น และสธุ ำทพิ ย์ งำมนิล. (2558). ผลกำรสอนโดยใชเ้ กมตำมแนวกำรเรยี นรโู้ ดยใชส้ มอง
เป็นฐำนทีม่ ีผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนและเจตคติตอ่ กำรเรียนวิชำภำษำอังกฤษของนกั เรียนชั้น
ประถมศึกษำปีท่ี 2.

วิจัยในช้ันเรียน ละมัย กิติ

13

สุชำติ แสนพชิ . http://researchers:in.th/block/Seampich/127. สบื ค้นเมอ่ื 30 เมษำยน 2560
คณำภรณ์ รศั มมี ำรีย์.

http://www.itie.org/eqi/modules.php?name=Journal&file= display&jid=683. สบื ค้นเมื่อ
30 เมษำยน 2560

วจิ ยั ในชนั้ เรยี น ละมัย กติ ิ

14

ภำคผนวก

วิจยั ในช้นั เรยี น ละมยั กิติ

15

รปู ภำพกำรจัดกำรเรยี นกำรสอนโดยใชเ้ กม
ของนักเรยี นแผนกำรเรียนภำษำจนี โรงเรียนดำรงรำษฎรส์ งเครำะห์

วิจยั ในชัน้ เรียน ละมยั กติ ิ