หากนิสิตต้องการสิ้นสุดการศึกษาในหลักสูตรที่นิสิตกำลังศึกษาอยู่ในปัจจุบัน โดยสละสิทธิ์ที่ได้รับและผลการศึกษาที่สะสมมาทั้งปวง เพื่อที่จะไปเข้าศึกษาใหม่ ไม่ต้องการศึกษาต่อ หรือเนื่องด้วยเหตุผลส่วนบุคคลอื่น ๆ นิสิตจะต้องทำเรื่องขอลาออกจากการเป็นนิสิต โดยดำเนินการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ นิสิตระดับปริญญาตรีที่ต้องการขอลาออกจากการเป็นนิสิต ให้ดำเนินการดังนี้ ติดต่อบัณฑิตวิทยาลัย เพื่อดำเนินการขอลาออกจากการเป็นนิสิต ทั้งนี้ การลาออกของนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา เป็นไปตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่าด้วยการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พุทธศักราช 2559นิสิตระดับปริญญาตรี
นิสิตระดับบัณฑิตศึกษา
Special : สมัครบัตร Amex วันนี้ฟรีตั๋วชั้นธุรกิจสู่ญี่ปุ่น 4 ใบ ! > "Click" -------------------------- ผมนั่งอยู่
Starbucks และ “Steve Jobs กับ Bill Gates ก็เรียนไม่จบ !” คือบทสนทนาที่ต้องได้ยินในร้านนี้เสมอ, จนผมสงสัยว่าพวกเขาเชื่อจริงๆ รึว่า “ที่ Gates และ Jobs
ประสบความสำเร็จเป็นเพราะสองคนนี้เรียนไม่จบ” แน่นอนว่าผมไม่เคยปกปิดเรื่องที่ตัวเองลาออกจากมหา’ลัย [และเรื่องที่ผม “เกิดมายากจน“] แต่ในชีวิตนี้, ผมไม่เคยแนะนำให้ใครเลิกเรียน ตรงกันข้าม, ผมเคยจ่ายค่าเทอมให้เด็กที่ไม่มีเงินเรียนแบบไม่หวังอะไรมา 2 คนแล้วและบริจาคให้
“เด็กยากไร้” มาตลอด ในฐานะที่เรียนไม่จบมหา’ลัย, ผมมี 4 ข้อที่อยากฝากไว้ จากประสบการณ์ตรง…
1. Jobs & Gates ไม่ได้รวยเพราะเรียนไม่จบ
บางคนคิดแบบนั้นจริงๆ
หรือไม่ก็ถูกหลอกให้เชื่อด้วยการใช้ Logic ที่ผิด
ทุกคนรู้ว่า “Bill Gates ก็เรียนไม่จบ”
แต่ไม่ค่อยทราบกันหรอกครับว่า “Gates สอบติด Harvard ด้วยตัวเองและ Gates ก็สอบผ่านปี 1 ด้วยเกรดสูงมากโดยที่ไม่ได้เข้า Class เลย, ก่อนจะเริ่มสร้าง Computer ในโรงรถและก่อตั้งก้าวแรกของ Microsoft ตอนเรียนอยู่ปี 2″
ในสายตาผม, Bill Gates เก่งในระดับที่ “เรียนจบแล้วตั้งแต่เข้ามหา’ลัย”
จะได้ใบปริญญาหรือไม่, มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความเก่งของ 2 คนนี้
2. ผมเคยถูกปฏิเสธงานเพราะไม่มีวุฒิ / ใบปริญญา
หลายปีก่อน, มีผู้ใหญ่ในบริษัทฝรั่งระดับ Top 5 ของไทยเคยชวนผมไปสมัครงานโดยที่เขาไม่ทราบว่าผมเรียนไม่จบ
ก็ส่ง Resume ไป แต่ถูกคัดทิ้งในรอบสุดท้ายด้วย 2 เหตุผล
คือแผนก HR เกรงว่า “คนที่ไม่มีวุฒิกระทั่งปริญญาตรีจะคุมงานเด็กที่จบโทไม่ได้”
และอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งผมชอบมากกว่าข้อแรกเสียอีก [ทั้งที่มันทำให้ไม่ได้งานนั้นก็ตามที] คือ “คุณอาจเป็นคนเก่งก็จริง แต่ทุกคนที่มาสมัครงานกับบริษัทเราก็เก่งเท่าๆ กับคุณ โดยที่มีพวกเขาใบปริญญาติดมาแต่ว่าคุณไม่มี !”
มาทราบทีหลังว่าการมีใบปริญญามันสะดวกทั้งเวลาปรับเลื่อนตำแหน่ง & ขึ้นเงินเดือน
และคนที่จะรับผมเข้าทำงานโดยไม่มีวุฒิก็ต้องรับความเสี่ยง, ต่อการถูกระดับบริหารถามว่า “ทำไมถึงเลือกคนนี้ ?”
3. และผมก็เคยคัดคนมาสัมภาษณ์, แน่นอนว่าผมดูใบปริญญาก่อน
มีอยู่ทีที่ผมไปช่วย Consult ด้าน Online Marketing ให้ ฺBrand ใหญ่ชั่วคราวและสุดท้ายก็ต้องหาใครสักคนมาทำงานแทนในฐานะพนักงานประจำ, จึงต้องช่วยทางบริษัทนั้นคัด Resume มาไล่อ่านเพื่อเรียกคนมาสัมภาษณ์…
บอกเลยว่าผมดูทั้งชื่อมหา’ลัย / คณะ / เกรด / กิจกรรมที่ทำสมัยเรียน
เหตุผลก็เหมือนข้อ 2
เกรดในมหา’ลัยอาจบอกได้ว่าคุณชอบเรียนวิชาอะไร, ทำไมถึงเข้าคณะนี้และคุณมีความรับผิดชอบแค่ไหน ?
คนที่ไม่มีใบปริญญาก็อาจจะถูกเรียกมาสัมภาษณ์ได้, แต่ต้อง “เหนือกว่าผู้สมัครทุกคน” แบบขาดลอยจริงๆ
ซึ่ง Gates & Jobs ทำได้, ปัญหาคือแล้วคุณทำได้รึเปล่า ?
4. ความขี้เกียจเป็นอภิสิทธิ์ของ Genius
ทุกวันนี้ผมไม่ค่อยเข้าร้านหนังสือไทย เพราะในนั้นมันเต็มไปด้วย “How To รวยด้วยหุ้นใน 30 นาที” หรือไม่ก็ “นอนทั้งวันก็ยังรวยด้วย Passive Income” ซึ่งก็มั่นใจได้ว่า 8 ใน 10 เล่มจะต้องเริ่มต้นคำนำด้วยประโยคที่ว่า…
“รู้รึไม่, Steve Jobs กับ Bill Gates ก็เรียนไม่จบ !”
ย้อนกลับไปอ่าน Paragraph แรกใหม่อีกครั้ง…
เดี๋ยวนี้ผมเจอเยอะมาก, เด็กยุคใหม่ที่ “โง่” ไม่พอแต่ยังเลือกที่จะ “ขี้เกียจ” เพิ่มเข้าไป
ด้วยข้ออ้างว่า “คุณรู้ไหม, Steve Jobs กับ Bill Gates ก็เรียนไม่จบ”
โลกไม่เคยบอกหรอกครับว่าในบรรดาคนที่ลาออกจากมหา’ลัย 10 ล้านคนมีชีวิตอย่างไรกันบ้าง
โลกรู้จักก็แค่ 2 ใน 10000000 คนที่ประสบความสำเร็จ, นั่นคือ “Jobs & Gates” และ [เลือกที่จะ] ลืมว่ามีอีก 9999998 คนนอนอยู่ข้างถนนโดยไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีข้าวกินรึไม่ / พ่อแม่จะอยู่อย่างไรหรือมีชีวิตที่ถูกเหยียดหยามขนาดไหน ?
แค่ 9999998 คนที่ว่า, ไม่ได้กลับมาเล่าให้คุณฟังและมันก็เท่านั้นเอง