เตรียมความพร้อมรับการตรวจประเมินจากองค์กรภายนอกหากท่านเพิ่งขอการรับรองระบบครั้งแรก ท่านอาจมีความกังวลที่ต้องเตรียมการตรวจประเมินครั้งแรกนี้ รายการข้างล่างนี้ จะช่วยท่านเตรียมการเพื่อให้สามารถรับการตรวจประเมินได้อย่างสะดวก .... Show MR เตรียมความพร้อมรับการตรวจประเมินจากองค์กรภายนอก : ทำการสื่อสารขอบเขตการตรวจประเมิน และแผนการตรวจกับผู้ที่เกี่ยวข้องทำให้มั่นใจว่าบุคลากรหลัก จะอยู่ในช่วงที่มีการสัมภาษณ์ทำการตรวจสอบว่า เจ้าของกระบวนการสามารถที่จะอธิบายปัจจัยเข้าและออกของกระบวนการทรัพยากรและวิธีการที่จำเป็นกิจกรรมและมาตรการควบคุม จัดเตรียมให้ผู้ตรวจประเมินสามารถเข้าถึงเอกสารที่จำเป็นทำการวางแผน เรื่องการเดินทางของทีมผู้ตรวจประเมิน ผู้จัดการในพื้นที่ ที่จะถูกตรวจประเมินควรจะ : ทำความคุ้นเคยกับเอกสารในพื้นที่ของตนทำการเดินตรวจพื้นที่ เพื่อทำการตรวจสอบการดำเนินงานตรวจสอบว่าเอกสารถูกต้องเท่านั้นที่ใช้อยู่ระบุว่าบันทึกใด ที่ระบุการสอดคล้องกับข้อกำหนดเตรียมตัวในการนำเสนอ สมรรถนะในการปฏิบัติในพื้นที่ทำให้มั่นใจว่าพื้นที่ทำงานสะอาดและเป็นระเบียบทำให้มั่นใจว่า สิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเดิมได้รับการจัดการแก้ไขทำการสรุปแจ้งพนักงานในพื้นที่ ว่าจะมีการประสานงานหรือตอบคำถามกับผู้ตรวจประเมินอย่างไรสื่อสารประโยชน์ของการตรวจประเมิน และสิ่งที่สามารถเรียนรู้จากการตรวจประเมินเข้าร่วมในการตรวจประเมินและการประชุม ผู้ตรวจประเมิน ต้องการผู้นำทางดังนั้นผู้นำทางต้อง : รู้ระบบบริหารคุณภาพและการทำงานของระบบเข้าใจแผนการตรวจประเมินและพื้นที่สามารถมีเวลาที่จะอยู่กับทีมตรวจประเมินไม่ตอบคำถาม หรือชี้แจงแทนผู้ที่ถูกสัมภาษณ์ทำหน้าที่เป็นพยาน สำหรับกรณีที่อาจสรุปเป็น nonconformitiesช่วยให้ผู้ตรวจประเมิน สามารถรักษาเวลาในการตรวจตามแผนทำการจดบันทึก เพื่อที่จะสามารถติดตามการดำเนินการ พนักงาน ในพื้นที่ที่จะถูกตรวจประเมินควรจะ : ทำความเข้าใจนโยบายคุณภาพและบทบาทเตรียมตัว โดยร่วมในการตรวจติดตามภายใน ไม่ว่าเป็นผู้ตรวจหรือถูกตรวจทราบว่า เอกสารที่จำเป็นเก็บไว้อยู่ที่ไหนต้องสามารถหาบันทึกได้อย่างรวดเร็วรู้วิธีการตอบคำถามผู้ตรวจประเมินเตรียมพร้อมในการแสดงวิธีการทำงานในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องรู้ว่าเป้าหมายคุณภาพในพื้นที่ของตนมี อะไรบ้าง มีเป้าหมายใดที่บรรลุ มีอะไรที่ไม่บรรลุ แนวโน้ม และ อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายคุณภาพ พนักงานควรเตรียมพร้อมที่จะตอบคำถามจากผู้ตรวจประเมินตรวจสอบเช่น อะไรคือวัตถุประสงค์ของกระบวนการกรุณาอธิบายงานและความรับผิดชอบของคุณอะไรคือปัจจัยเข้าของกระบวนการ และ งานได้ถูกส่งต่อมาจากหน่วยงานใดอะไรคือทรัพยากร (เอกสาร ข้อมูล วัตถุดิบ วิธีการ) ที่จำเป็นสำหรับกระบวนการนี้คุณทราบได้อย่างไร ว่าต้องทำอะไรบ้างอะไรคือ การอบรม ทักษะและประสบการณ์ที่จำเป็นแสดงให้ดู ให้บอก วิธีที่คุณทำงานรู้ได้อย่างไรว่า สิ่งที่ปฏิบัติงานอยู่เป็นสิ่งที่ถูกต้องหากเกิดสิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด คุณต้องทำอย่างไรบันทึกสำหรับกิจกรรมนี้ ถูกเก็บไว้ที่ใดมีวิธีการใด ในการควบคุมกระบวนการอะไรคือวัตถุประสงค์กระบวนการ?ทำการวัดสมรรถนะของกระบวนการอย่างไรหากต้องการจะปรับปรุงกระบวนการ ต้องทำอย่างไร เมื่อถูกสัมภาษณ์ พนักงานควรจะ : ฟังคำถามผู้ตรวจประเมินอย่างระมัดระวังให้ตอบสั้นๆ ตามความจริงตอบคำถามที่ถามอย่างเฉพาะเจาะจง อย่าตอบกว้างๆทำการหลีกเลี่ยง เบี่ยงเบนไปสนทนาเรื่องอื่นๆเป็นสหกรณ์ไม่ทำให้เข้าใจผิดหรือการป้องกันหลีกเลี่ยงการปรุงแต่ง เสริมเติมเรื่อง หรือบอกเรื่องที่ไม่เป็นจริงให้ถาม หากไม่เข้าใจคำถามอย่าตอบในเรื่องที่ไม่รู้ ไม่จำเป็นที่ต้องรู้หรือตอบทุกอย่างในบางกรณี แจ้งให้ผู้ตรวจประเมินทำการสอบถามกับบุคคลในหน้าที่อื่นที่อาจทราบคำตอบ หลังจากตรวจประเมิน ให้แน่ใจว่าได้ : ท่านได้ขอบคุณพนักงานทุกคนสำหรับการมีส่วนร่วมในการพัฒนา จัดทำระบบสรุปผลการตรวจสอบประเมินให้ทำการดำเนินการแก้ไขดำเนินการติดตามสถานะของการแก้ไขให้เสร็จสิ้นให้ทันเวลาตรวจสอบว่าการดำเนินการแก้ไขนั้นมีประสิทธิผลแจ้งองค์กรผู้ตรวจประเมินตามความเหมาะสมทำการวิเคราะห์ผลและระบุแนวโน้ม เพื่อทำการป้องกัน การเตรียมความพร้อมในการสมัครงาน RSSการเตรียมความพร้อมการสมัครงาน การสมัครงานเหมือนกับการไปเสนอขายสินค้าซึ่งจำเป็นจะต้องเตรียมตัวให้ดี และการเตรียมตัว ก่อนสมัครงานเป็นสิ่งจำเป็น จะต้องเริ่มตั้งแต่ก่อนจบ การศึกษา ซึ่งในแต่ละปี แต่ละสถาบันจะมีผู้จบ การศึกษาทั่วประเทศ รวมกันแล้วประมาณแสน ๆ คน
และรวมกับผู้ที่ตกค้างจากปีก่อน ๆ ที่ยังไม่ได้งานทำ มีอีกมาก และความเชื่อที่ว่าเรียนเก่งหรือเรียนดีแล้วจะหางานง่ายนั้นอาจจะไม่เป็นจริงเสมอไป ซึ่งในยุค ปัจจุบันการรับคนเข้าทำงานในทุกวันนี้จะพิจารณา สิ่งอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น บุคลิกภาพ ความคล่องตัว ความอดทน ความเป็นคนมีปฏิภาณ ไหวพริบ เป็นต้น การเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ในการหางาน ทำหรือสมัครงาน จึงเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดี และควรทำ เข้าทำนองที่ว่า "ฟอร์มดี มีชัยไปกว่าครึ่ง" ซึ่งการไปหางานหรือการไปสมัครงานเปรียบ เสมือนกับคุณเป็นเซลล์แมน
หรือเซลล์วูแมน ที่จำเป็นจะต้อง เตรียมความพร้อมในการสมัครงาน โดย คุณจำเป็นจะต้องมีเทคนิค วิธีการต่างๆ ที่ทำให้ผู้ซื้อ สินค้า (นายจ้าง) พร้อมที่อยากจะได้สินค้า (ตัวคุณ) เอาไว้ ถ้าคุณทำได้ โอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จในการ หางานทำมีมาก ดังนั้นถ้าท่านเป็นผู้หนึ่งที่ไม่ต้องการตกอยู่ในสถานการณ์ว่า "ตกงาน" ก่อนหางานทำ ควรเตรียมความพร้อมดังนี้ 1. ค้นพบตัวเองให้ชัดเจน ทำไมจึงต้องมีการรู้จักตนเอง ก็เพราะการหางานคือการ "ขาย" ตนเองชนิดหนึ่งเป็นการเสนอขาย ความรู้ ความสามารถของตัวเราเองให้แก่บริษัท หรือองค์กรใด องค์กรหนึ่งนั่นเอง ใครขายเก่งหรือมี ศิลปะในการขายสามารถทำให้ผู้ ซื้อเกิดความรู้สึกอยากได้ "สินค้า" ชนิดนี้ก็จะได้งานไปทำ ขั้นตอนแห่งค้นพบตัวเอง 1. การค้นหาทักษะ (Skills) 2. การสำรวจจุดเด่นของตนเอง
3.สำรวจความสัมฤทธิ์ผลทั่วไป 4.สำรวจความชอบ และ ไม่ชอบ 5. สำรวจขีดจำกัด 6.
สำรวจค่านิยม 7. สำรวจความสัมพันธ์ที่มีต่อบุคคลอื่น 8. สำรวจสิ่งแวดล้อมในการทำงาน 9.
ความต้องการเกี่ยวกับเงินเดือน 2. ติดตามข่าวสาร สิ่งที่คนหางานจะต้องตระหนักก่อนสิ่งอื่นใดก็คือ คุณจะต้องมีความกระตือรือร้นขวนขวายหา ข่าวสารด้วยความสนใจอย่างจริงจัง เพราะช่วงเวลา ของการโฆษณารับสมัครงานของแต่ละองค์กร ล้วนมีระยะเวลาจำกัด บางองค์กรก็จะระบุวันหมด เขตรับสมัครเอาไว้ ทำให้เมื่อวันเวลาผ่านไปโอกาส ในการ สมัครงานแล้วได้รับการคัดเลือกไปสัมภาษณ์ย่อมน้อยลงด้วย เนื่องจากในแต่ละปีมีบัณฑิตจบใหม่ จากสถานศึกษา ที่ผลิตออกมาอย่างไม่ขาดสาย ด้วยเหตุนี้ คุณจึงต้องขวนขวายที่จะหาข้อมูลข่าวสาร การรับสมัครงานให้มากที่สุด เมื่อคุณได้ข่าวสารการรับสมัครงานและคุณสมบัติครบถ้วนที่จะสมัครได้ รวมทั้งคุณพอใจที่จะ ทำงานใน ตำแหน่งนั้น ๆ คุณก็ควรจะสมัครให้เร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องรีรอทั้ง ๆ ที่คุณ มีความพร้อม ในเรื่องเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในการสมัครงานตามที่ระบุไว้ ตรงกันข้ามกลับ เป็นผล ดีกับตัวคุณเสียอีก เพราะองค์กรที่รับ สมัครงานจะเห็นความกระตือรือร้น ความมุ่งมั่น และความ ต้องการทำงานของคุณอย่างชัดเจน ส่งผลให้ผู้รับ สมัครพึงพอใจที่คุณให้ความสนใจกับองค์กรนั้นมากกว่า ผู้สมัครรายอื่น ๆ ที่รอจนเกือบ หมดเขต รับสมัครแล้ว จึงค่อยไปสมัคร นอกจากนั้น การส่งใบสมัคร ไปตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำให้คุณมีข้อ ได้เปรียบกว่าคนอื่นในกรณีที่คุณส่งใบสมัครไปทางไปรษณีย์แล้วเกิดความ ล่าช้าก็อาจเป็นไปได้ว่า ใบสมัครงานหรือจดหมาย สมัครงาน ของคุณไปถึงที่หมายภายหลังหมดเขครับ สมัครงาน โอกาสที่คุณจะได้งานก็จะลดลงตามไปด้วย คุณทราบหรือไม่ว่ามีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการสมัครงานแนะนำว่า คนเราถ้าทำงานออฟฟิศเราจะ ต้อง ใช้ เวลาทำงานอยู่ในออฟฟิศถึงวันละ 7 - 8 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นคุณก็ควรจะสมัครงานด้วยจดหมาย สมัครงาน หรือกรอกแบบฟอร์มการสมัครงานและส่งใบสมัครงานให้ได้อย่างน้อยชั่วโมงละ 1 ราย หรือวัน ละ 7 - 8 ราย ในตำแหน่งงานที่คุณมีคุณสมบัติ ครบถ้วน และมั่นใจว่าคุณพอใจจะทำงานในตำแหน่งนั้นๆ ถ้าคุณได้รับการคัดเลือก ถ้าทำแบบนี้ได้ โอกาสที่จะได้งานของคุณย่อมมีสูงกว่าคนที่สมัครงานนาน ๆ ครั้งหนึ่ง แล้วก็คอย อยู่เฉยๆ จนกว่าจะรู้ว่าไม่มีหวังเสียแล้ว จึงค่อยลุกขึ้น แสวงหาข่าวสารรับสมัครงาน แล้วก็เริ่มหาหลักฐาน ใหม่ ส่งใบสมัครหรือจดหมายสมัครงานไปอีกครั้งแล้วก็รอคอยการเรียกไปสัมภาษณ์ คุณจะต้องไม่ลืมว่า คู่แข่งของ คุณมีมากขึ้นทุกวัน แม้แต่วันเดียวก็เถอะถ้าคิดเป็นชั่วโมงอีกล่ะ และอย่าลืมว่าคู่แข่งขันของ คุณจำนวนมากมีคุณสมบัติทุกอย่างเหมือนที่คุณมีตาม เอกสารหลักฐานด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นในระหว่างที่กำลังหางานทำ คุณจึงควรมีเอกสารที่ใช้สำหรับการสมัครงานไว้ให้พร้อม และทำสำเนาเอาไว้หลายชุดจะได้ไม่ต้องเสีย เวลาหา หลักฐาน ถ้าใครขยันแสวงหาแหล่งรับสมัครงาน ได้มากกว่าคนอื่น ๆ เอาแค่ขยันสมัครงานได้วันละ 4 - 5 แห่งเท่านั้น โอกาสที่จะประสบความสำเร็จ ในการ หางานของคุณก็มีมากยิ่งขึ้น 3. มองหาแหล่งงาน โดยทั่ว ๆ ไป หนทางที่จะเริ่มมองหาแหล่งงานได้นั้นมีหลายวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจุดที่สื่อ มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงนี้ไม่ใช่เรื่องยากเลย ที่คุณจะ หาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับองค์กรที่เปิดรับ สมัครงาน ซึ่งคุณอาจจะเลือกดูได้จากแหล่งต่าง ๆ เหล่านี้ คือ 1. สื่อสิ่งพิมพ์ 2. สื่ออินเตอร์เน็ต 3. ติดต่อผ่านทางสำนักงานจัดหางาน ซึ่งมีวิธีการสมัครงานทั้ง 2 แบบ คือ 4. หน่วยจัดหางานของมหาวิทยาลัย 5. สำนักงาน ก.พ. สำหรับคุณซึ่งมุ่งเข็มมาว่าจะเป็นข้าราชการ 6. ถามจากญาติสนิทมิตรสหาย 7. WALK IN สรุปขั้นตอนการเตรียมความพร้อมในการหางานอย่างมีประสิทธิภาพ 1. การวิเคราะห์เกี่ยวกับตนเอง 2. การวิเคราะห์หน่วยงานที่คุณสนใจ ซึ่งคุณจะเห็นแล้วว่า การศึกษาเกี่ยวกับบริษัทที่คุณสนใจสมัครเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการได้งาน ของคุณ เป็นขบวนการที่คุณจะต้องค้นคว้าสืบหา ข้อมูลให้ได้มากที่สุด ไม่แพ้การวิเคราะห์ตนเองเลย ก่อนที่คุณจะตกลงใจสมัครงาน การเตรียมความพร้อมในการสมัครงานมีอะไรบ้างผู้สมัครงานจะต้องเตรียมหลักฐานการสมัครงานต่าง ๆ เช่น ใบรับรองผลการศึกษา, ใบสุทธิ รูปถ่าย, บัตรประจ าตัวประชาชนพร้อมส าเนา, ส าเนาทะเบียนบ้าน, ใบปลด รด.,และหลักหลักฐานอื่น ๆ (ถ้ามี) หนังสือรับรองการฝึกงานจากผู้ที่เคยจ้างงาน หรือรับรองจากอาจารย์ที่ปรึกษา นอกจากหลักฐานการดังกล่าวแล้ว ผู้สมัครงานควรเตรียมเครื่องเขียนปากกา ...
ทักษะที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนทํางานควรมีทักษะใดบ้าง11 ทักษะ ที่ช่วยให้ชีวิตการทำงานของคุณ “ชนะเลิศ” ... . ทักษะการสื่อสารที่ดี. 2. ทักษะภาษาอังกฤษ ... . 3. ทักษะการทำงานใต้ความกดดัน ... . 4. ทักษะด้านความรับผิดชอบ ... . ทักษะด้านทีมเวิร์ค. ทักษะการเรียนรู้เร็ว. ทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์. ประสิทธิภาพในการทํางาน มีอะไรบ้าง12 วิธีง่ายๆ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน. 1. จัดลำดับความสำคัญของงานให้เป็น ... . 2.วางแผนก่อนทำงานทุกครั้ง ... . 3.ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ... . 4.โฟกัสกับการทำงานในช่วง Deep Work ให้ได้มากที่สุด ... . 5.ตัดสินใจให้เป็น ... . 6.หาเวลาพักผ่อน ... . 7.ให้ความสำคัญกับการสื่อสาร ... . 8.เรียนรู้และพัฒนาทุกครั้งที่เกิดข้อผิดพลาด. ความสามารถในการทํางาน มีอะไรบ้าง6 ทักษะหลักที่นายจ้างต้องการเสมอ. มีความสามารถในการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ. มีความสามารถในการทำงานเป็นทีม. มีความสามารถในการแก้ปัญหา. มีความสามารถในการคิดริเริ่ม. มีความสามารถในการบริหารจัดการ. มีความสามารถในการปรับตัว. |